I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Peerless Martial God ตอนที่ 119 เปิดอย่างเป็นทางการ

| Peerless Martial God | 2537 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

“ดูเหมือนว่าลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทราจะดึงดูดผู้บ่มเพาะพลังมากกว่าสำนักสวรรค์เสียอีก” หลินเฟิงยืนอยู่กลางฝูงชน เขาสวมหน้ากากสัมฤทธิ์ไว้เพื่อปิดบังตัวเอง เมิ่งฉิงและคนอื่นๆยืนอยู่ข้างๆหลินเฟิง เวิ่นเหงาเสวี่ยและหยวนซานก็ติดตามมาด้วยเช่นกัน พวกเขาทั้งหมดต่างต้องการที่จะเห็นลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทราด้วยตาตัวเอง

 

 จิ้งยวิ๋นจ้องมองไปที่หน้ากากของหลินเฟิงด้วยความสงสัย เห็นได้ชัดว่าหลินเฟิงไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ถึงตัวตนของเขา จิ้งยวิ๋นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาระหว่างการกวาดล้างนิกายหยุนไห่

 

 แสงแดดส่องพาดผ่านก้อนเมฆมาถึงฝูงชน มันให้ความรู้สึกที่อบอุ่นและยังเป็นวันที่ดีสำหรับพิธีเปิด

 

 “ดูนั่น พวกเขามาแล้ว ช่างน่าเกรงขามยิ่งนัก!” ฝูงชนต่างกลายเป็นตื่นเต้นเมื่อเห็นกลุ่มคนกำลังเดินออกมา พวกเขาทั้งหมดต่างสวมเสื้อคลุมสีขาวและมีตัวอักษรเขียนไว้ว่า ‘ลานศักดิ์สิทธิ์’ เสื้อคลุมของพวกเขาให้ความรู้สึกราวกับว่าสามารถที่จะต่อสู้ได้ตลอดเวลา มีคนหลายร้อยคนที่สวมเสื้อคลุมแบบเดียวกัน พวกเขาทั้งหมดคือผู้บ่มเพาะพลังรุ่นเยาว์ หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็เดินผ่านประตูของลานศักดิ์สิทธิ์และเดินตรงไปที่จัตุรัสอันกว้างใหญ่ จากนั้นพวกเขาก็หันมามองฝูงชนด้วยท่าทีเย็นชาและหยิ่งยโส

 

 คนเหล่านี้คือกลุ่มคนกลุ่มแรกที่ได้รับเลือกให้เขาร่วมกับลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทรา พวกเขาแต่ละคนมีความเป็นมาที่สูงส่ง ในขณะเดียวกันเมื่อต่อยืนอยู่ต่อหน้าคนนับล้านก็ช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะรู้สึกภูมิใจ

 

หลินเฟิงจ้องมองพวกเขาผ่านหน้ากากสัมฤทธิ์ ในบรรดาคนเหล่านี้มีหลายคนที่เขารู้จัก

 

 “ลิ่งหูเหอซาน… ถูฟู… เหวินเริ่นเหยียน…” คนเหล่านี้เคยมีชื่อเสียงอย่างมากในนิกายหยุนไห่ พวกเขาถูกยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นและเป็นตัวตนที่สำคัญของนิกาย แต่เมื่อนิกายหยุนไห่ถูกทำลาย พวกเขาเลือกที่จะทรยศและแปรพรรคไปอยู่กับต้วนเทียนหลาง… แต่ตอนนี้พวกเขากลับยืนอยู่บนลานด้วยใบหน้าที่มีความสุข?

 

 นอกจากสามคนนี้ หลินเฟิงยังเห็นคนอื่นที่มาจากนิกายหยุนไห่ พวกเขาล้วนแต่เป็นศิษย์ที่มีรายชื่อติดอันดับซึ่งทั้งหมดได้รับการยอมรับจากต้วนเทียนหลาง

 

 ไม่ได้มีเพียงแค่ศิษย์จากนิกายหยุนไห่เท่านั้น แต่ยังมีศิษย์จากนิกายใหญ่อีกด้วย หลินเฟิงสังเกตเห็นลูกพี่ลูกน้องของเขาหลินเชียนจากนิกายห้าวเย่วและหลินหงจากหมู่บ้านน้ำแข็งหิมะ

 

 

 

 “ฮ่าๆๆๆ หลินรุ่ยดูหลินเชียนและหลินหงสิ พวกเขากลายเป็นศิษย์ของลานศักดิ์สิทธิ์แล้ว อนาคตของพวกเขาจะไร้ขีดจำกัด พวกเราจะกลายเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองหยางโจวและจะทำลายตระกูลเล็กๆทั้งหมดในเวลาอีกไม่นาน”

 

หลินป้าเต้าซึ่งเป็นลุงของหลินเฟิงรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากและกล่าววาจาเสียงดังโดยไม่สนใจคนรอบข้าง เขาถูกห้อมล้อมไว้ด้วยสมาชิกตระกูลหลิน หลินรุ่ยเองก็อยู่ในนั้น

 

 “แน่นอน ข้าคิดว่าหลินเชียนและหลินหงมีความมหัศจรรย์อย่างมาก ข้าเชื่อข้าพวกเขาจะกลายเป็นเสาหลักที่สำคัญของตระกูลหลินอนาคต” หลินรุ่ยยิ้มตอบ เขาดูสุภาพมากกับหลินป้าเต้า ด้วยความสามารถของบุตรทั้งสองของหลินป้าเต้าทำให้สถานะของเขาถูกยกระดับขึ้นมาก

 

“ปัญหาก็คือน่าหลานซง เพราะว่าแม้แต่น่าหลานเฟิงก็ยังเป็นศิษย์ของลานศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นกัน” หลินป้าเต้ากล่าว เขาสังเกตเห็นหลายๆคนที่มาจากเมืองหยางโจวรวมถึงตระกูลน่าหลาน

 

 “ไม่ต้องให้ค่ากับพวกเขามากนัก ตระกูลหลินของเรามีถึง 2 คนที่เป็นศิษย์ของลานศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้หลินเชียนเองก็แข็งแกร่งอย่างมากและยังมีจิตวิญญาณที่ทรงพลัง แน่นอนว่าน่าหลานเฟิงย่อมไม่ใช่คู่มือของนาง” หลินรุ่ยกล่าว แน่นอนว่าเมื่อหลินป้าเต้าได้ยินคำเหล่านั้นก็ฉีกยิ้มกว้าง

 

 ในขณะนั้น หลินเฟิงก็ยืนอยู่หลังกลุ่มของตระกูลหลินและสามารถมองเห็นพวกเขา มันดูเหมือนว่าพวกเขารีบร้อนออกจากเมืองหยางโจวเพื่อมายังเมืองจักรพรรดิ

 

 ตระกูลหลินคิดว่าลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทราจะสามารถรับประกันสถานะของเหล่าศิษย์ของพวกเขาได้ สิ่งที่พวกเขายังไม่รู้ก็คือยังมีบางคนจากตระกูลหลินที่ปฏิเสธการเข้าร่วมกับลานศักดิ์สิทธิ์ พวกเขายังไม่รู้ว่านิกายหยุนไห่ยอมเสียสละชีวิตของศิษย์และผู้อาวุโสเพื่อหลินเฟิง

 

 “ฮ่าๆๆ วันนี้มีผู้คนมากมายมาเยี่ยมชมลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทรา นี่ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับข้า” ต้วนเทียนหลางและต้วนหานผู้ทีมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหยิ่งยโสกล่าว

 

 “ดูเหมือนว่าข่าวลือจะเป็นจริง แท้จริงแล้วต้วนเทียนหลางคือผู้ที่สร้างลานศํกดิ์สิทธิ์หิมะจันทรา” บางคนในฝูงชนคิด ในอดีตพวกเขายังไม่แน่ใจว่าใครกันแน่ที่เป็นผู้สร้างลานศักดิ์สิทธิ์ระหว่างต้วนเทียนหลางและหลิ่วช่างหลาน แต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าเป็นต้วนเทียนหลาง

 

 “ข้า ต้วนเทียนหลางต้องการที่จะกล่าวอะไรสักเล็กน้อย ทุกคนอุตส่าห์ท่อมาจากสถานที่แสนไกลเพื่อมายังพิธีเปิดลานศักดิ์สิทธิ์ บางคนถึงกับหวังว่าจะสามารถเข้าร่วมและกลายเป็นศิษย์ของพวกเรา หากเป็นในกรณีนี้พวกเจ้าควรจะทราบไว้ว่าพวกเจ้าจะต้องเป็นรุ่นเยาว์และมีความสามารถที่โดดเด่นอย่างน้อยก็ต้องบรรลุขอบเขตจิตวิญญาณ หากเป็นไปตามข้อกำหนดเหล่านี้ก็โปรดลงชื่อได้เลย หากกลายเป็นศิษย์ของลานศักดิ์สิทธิ์ก็จะได้รับมอบทักษะและเทคนิคที่ดีที่สุด ทั้งยังสามารถเขาถึงทักษะลึกลับระดับสูงได้”

 

 เมื่อต้วนเทียนหลางกล่าวจบ ผู้คนจำนวนมากกลายเป็นแตกตื่น ทักษะลึกลับระดับสูงไม่ง่ายนักที่จะหามาครอบครอง เว้นแต่ว่าผู้บ่มเพาะคนนั้นจะเป็นศิษย์ของนิกายใหญ่และมีสถานะที่ไม่ธรรมดาหรือผู้ที่มาจากตระกูลที่สูงส่งเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์ที่จะฝึกฝนได้

 

 ผู้คนต่างตื่นเต้นกับคำพูดของต้วนเทียนหลาง แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่ต้องหยุดชะงักความตื่นเต้น เพราะความต้องการขั้นต่ำก็คือต้องบรรลุขอบเขตจิตวิญญาณ

 

 “นอกจากนี้ยังมีบางสิ่งที่ข้าอยากจะประกาศออกไป มี 2 คนที่ข้าอยากให้ทุกคนได้เห็นในวันนี้” ต้วนเทียนหลางกล่าวขณะมีรอยยิ้มที่มุมปากของเขา ฝูงชนกำลังจะตายจากความอยากรู้ พวกเขาเป็นใครกัน?

 

 เมื่อพิจารณาจากคำกล่าวของต้วนเทียนหลางแล้วแสดงว่าทั้ง 2 คนนั้นจะต้องมีสถานะที่พิเศษอย่างมาก

 

 “พวกเจ้าทั้ง 2 ลงมาได้” ต้วนเทียนหลางกล่าว ผู้คนต่างจ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

 

 จากนั้นก็มีร่างเงาของคนลอยลงมาจากท้องฟ้าอย่างช้าๆ

 

 “ปรมาจารย์รุ่นเยาว์ลั่วเสวี่ย!” ฝูงชนต่างตกตะลึง ลั่วเสวี่ยคือศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของหมู่บ้านน้ำแข็งหิมะและยังเป็นหนึ่งในแปดปรมาจารย์รุ่นเยาว์ ทำไมเขาถึงมาที่ลานศักดิ์สิทธิ์กัน?

 

 ในขณะเดียวกันก็เกิดกระแสลมที่รุนแรงพัดมายังพื้นที่ดังกล่าว ทันใดนั้นฝูงชนก็สังเกตไปที่ท้องฟ้า มันคือนกยักษ์ที่บินอยู่บนอากาศ

 

 “ฉู่จั่นเผิง!” หนึ่งในฝูงชนตะโกนด้วยความตกใจ ฝูงชนต่างรู้สึกสั่นสะท้านไปด้วยความตื่นเต้น ปรมาจารย์รุ่นเยาว์ถึง 2 คนเข้าร่วมกับลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทรา ไม่มีใครคิดมาก่อนว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น

 

ฉู่จั่นเผิงคือบุตรชายของฉู่ฉิงและยังเป็นว่าที่ประมุขนิกายห้าวเย่วในอนาคต ทำไมเขาถึงต้องการที่จะเข้าร่วมกับลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทรา?

 

 “ลั่วเสวี่ยและฉู่จั่นเผิงเข้าร่วมกับลานศักดิ์สิทธิ์? นี่มันน่าแปลกจริงๆ”

 

 ลั่วเสวี่ยและฉู่จั่นเผิงยืนอยู่ด้านซ้ายและขวาของต้วนเทียนหลาง

 

 “และตอนนี้ ข้าต้วนเทียนหลางประมุขรุ่นแรก ขอเปิดลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทราอย่างเป็นทางการ” ต้วนเทียนหลางกล่าวเสียงดัง

 

 “ข้า ต้วนเลี่ย ขอแสดงความยินดีด้วย” เสียงดังมาจากฝูงชน หลายคนหยิบกล่องพิธีการสีทองออกมา พวกมันถือว่าเป็นของขวัญ

 

 “ตระกูลไป๋ ขอแสดงความยินดีด้วย”

 

 “ตระกูลจง ขอแสดงความยินดีด้วย”

 

 “ตระกูลกู่ ขอแสดงความยินดีด้วย”

 

“…………”

 

 ผู้คนต่างออกมาอย่างไม่หยุดหย่อนพร้อมกับกล่องสีทองและรับทำการมอบของขวัญของพวกเขาราวกับกำลังรอคอยเวลานี้มาตลอด

 

 ปรากฏรอยยิ้มขนาดใหญ่บนใบหน้าของต้วนเทียนหลาง

 

 “ขอบคุณทุกท่านมาก”

 

***********************************************************************************

 

ติดตามได้ที่ – 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments