I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Peerless Martial God ตอนที่ 120 ความยุติธรรม

| Peerless Martial God | 2537 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

บรรดาผู้ที่แสดงความยินดีและมอบของขวัญล้วนเป็นผู้สูงส่งในเมืองจักรพรรดิ ฝูงชนเข้าใจว่าผู้ที่สร้างลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทราคือตระกูลจักรพรรดิ

 

มันไม่มีประโยชน์ที่จะกล่าวถึงผู้คนที่สามารถเข้าร่วมลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทราได้ พวกเขาล้วนทรงพลัง

 

บรรดาผู้ที่มอบของขวัญแล้วต่างค่อยๆเคลื่อนตัวกลับไปยังฝูงชน ต้วนเทียนหลางปรากฏรอยยิ้มขนาดใหญ่บนใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความพึงพอใจ ทุกคนรู้ว่าขั้นตอนต่อไปคือการรับสมัครศิษย์ใหม่

 

แต่ในขณะนั้น ได้มีพลังปราณอันแข็งแกร่งปรากฏออกมาจากบรรยากาศ มันทำให้ทุกคนรู้สึกได้ว่าหัวของพวกเขาหนักขึ้นทันทีภายใต้แรงกดดัน และเงยหน้ามองไปยังท้องฟ้า

 

“ลูกศร!”

 

ทันใดนั้น ลูกศรได้ตกมาจากฟากฟ้าราวกับดาวตกพุ่งตรงไปยังต้วนเทียนหลงที่อยู่บนเวทีด้วยความเร็วสูง  

 

“เกิดอะไรขึ้น?” ผู้คนในกลุ่มฝูงชนตะโกนอย่างตื่นตระหนก มีบางคนจู่โจมต้วนเทียนหลางด้วยลูกศรในวันพิธีเปิดลานศักดิ์สิทธิ์ ช่างกล้าอะไรเช่นนี้!

 

ต้วนเทียนหลางรู้สึกประหลาดใจ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหายไปทันที และถูกแทนที่ด้วยความเยือกเย็นและดูชั่วร้าย

 

“ทำลาย!” ปราณดาบอันแข็งแกร่งและทรงพลังแผ่กระจายไปทั่วบรรยากาศและป้องกันลูกศร และทำลายมันร่วงหล่นสู่พื้น ในเวลาเดียวกันเสียงดังอันกึกก้องดังเข้าไปในหูของทุกคน และพื้นดินเริ่มสั่นสะเทือน

 

“ข้าหลิ่วช่างหลาน ขอแสดงความยินดีกับการจัดตั้งลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทรา” กล่าวเสียงดังทำให้ฝูงชนมึนงง

 

หลิ่วช่างหลานเป็นที่รู้จักกันว่าศรศักดิ์สิทธิ์หลิ่วช่างหลาน เขามาและโจมตีต้วนเทียนหลาง!

 

“กองทหารม้าโลหิต ขอแสดงความยินดีกับการจัดตั้งลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทรา”

 

เหตุผลที่เกิดเสียงดังกึกก้องและพื้นดินสั่นสะเทือนเริ่มรู้แล้วว่าเกิดจากอะไร ห่างไกลออกไปในเส้นขอบฟ้า พลังปราณจากกองทหารม้าโลหิตหุ้มเกราะเริ่มแผ่กระจายไปทั่วอากาศ ฝูงชนทุกคนสามารถรู้สึกได้ถึงพลังปราณอันแข็งแกร่งกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

 

“นั่นมันอะไรกัน? มันกำลังจะเกิดอะไรขึ้น?” ความรู้สึกในฝูงชนเปลี่ยนไปอย่างมาก ทันใดนั้นพายุลูกธนูได้ปรากฏไปทั่วท้องฟ้าเหนือหัวฝูงชน ฉากนี้มันดูงดงามมาก

 

ทุกคนตกตะลึง พวกเขาไม่สามารถอะไรได้นอกจากจ้องมองลูกศรทั้งหมดอย่างว่างเปล่า ท้องฟ้าเต็มไปด้วยลูกศรจำนวนมาก

 

หลิ่วช่างหลานมาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับการจัดตั้งลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทราจริงๆหรือ?

 

“กล้าดีจริงๆ!” ต้วนเทียนหลางตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวพร้อมกับใบหน้าที่ชั่วร้าย ต้วนเทียนหลางกระโดดขึ้นไปบนอากาศทันทีขณะถือดาบเปล่งประกายสว่างสไวอยู่ในมือ

 

ในเวลาเดียวกัน ผู้คนหลายคนกระโดดขึ้นไปในอากาศและปลดปล่อยพลังปราณอันแข็งแกร่งออมา และโจมตีลูกศรที่อยู่บนท้องฟ้า

 

ลูกศรจำนวนมากร่วงหล่นมาจากท้องฟ้า ทำให้ผู้คนจำนวนมากในกลุ่มฝูงชนเกิดความวุ่นวายขึ้นขณะพยายามหลบลูกศร

 

เมื่อกองทหารม้าหุ้มเกราะโลหิตมาถึง ทำให้ฝูงชนสับเกิดความโกลาหลกระจัดกระจายไปทั่ว และมีสายลมอันรุนแรงล้อมรอบพวกเขา

 

ผู้นำของพวกเขาเป็นที่ดึงดูดของทุกๆคน เขามีผมขาวยาวราวกับหิมะ เขาเป็นคนที่หล่อเหลามากๆ และเสื้อผ้าของเขาก็ดูสะอาดสะอ้าน

 

“นั่นมันหลิ่วช่างหลาน! ผมของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวได้อย่างไร?” ใครบางคนกล่าวขณะมองหลิ่วช่างหลาน เป็นไปได้ไหมว่าเขามาพิธีเปิดลานศักดิ์สิทธิ์เพื่อก่อปัญหา?

 

กองทหารม้าหุ้มเกราะโลหิตหยุดเคลื่อนที่ พวกเขามีประมาณ 200 คน พวกเขาแต่ละคนดูหนักแน่น และน่าเกรงขาม พวกเขาทุกคนดูราวกับเป็นผู้พิชิตสงคราม

 

“หลิ่วช่างหลาน เจ้ารู้ตัวไหมว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่?” ต้วนเทียนหลางกล่าวอย่างชั่วร้ายขณะจ้องมองหลิ่วช่างหลานที่นั่งอยู่บนม้าหุ้มเกราะโลหิตของเขา

 

“ข้ามาในนามของความยุติธรรม” หลิ่วช่างหลานกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สงบและหนักแน่น

 

“ความยุติธรรม?” ต้วนเทียนหลางกล่าวขณะยิ้มอย่างเย็นชา “วันนี้เป็นพิธีเปิดลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทรามันเป็นการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดของอาณาจักร…แต่เจ้ากลับกล้าพูดถึงความยุติธรรม”

 

“ข้ารับใช้อาณาจักรมาเป็นเวลาอย่างน้อย 20 ปี ข้าได้ต่อสู้ในสนามรบมามากมายและไม่เคยบ่นแม้แต่ครั้งเดียว แล้วข้าก็ส่งลูกสาวของข้าไปทั่วทุกมุมของอาณาจักรเพื่อหาศิษย์ที่โดดเด่นที่สามารถเข้าร่วมลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทราและกลายเป็นเสาหลักของอาณาจักรเราได้” หลิ่วช่างหลานกล่าวขณะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ผมขาวยาวของเขาพริ้วไหวอยู่ในสายลม

 

“ข้าอุทิศชีวิตให้กับอาณาจักร ข้าเป็นแม่ทัพกองทหารม้าโลหิตหุ้มเกราะ…และเจ้า ต้วนเทียนหลางเจ้าขอข้าเพื่อยืมกองทหารม้าของข้า จากนั้นเจ้าได้ร่วมมือกับนิกายอื่นๆ และใช้ทหารม้าโลหิตของข้าไปทำลายนิกายหยุ่นไห่ ซึ่งเป็นนิกายที่ฟูมฟักข้าจนทำให้เป็นข้าอยู่ทุกวันนี้…นิกายที่ฝึกฝนและเลี้ยงดูข้า เพียงแค่หนึ่งวันเจ้ากำจัดพวกเขาทั้งหมดและปล่อยให้แม่น้ำสายโลหิตหลั่งไหลไม่หยุดหย่อนไว้เบื้องหลังเจ้า…แล้วเจ้ายังแกล้งทำเป็นไม่รู้ว่า “ความยุติธรรม” ของข้าหมายถึงอะไร” หลิ่วช่างหลานกล่าวขณะค่อยหันไปจ้องมองต้วนเทียนหลางอย่างช้าๆ คำพูดของหลิ่วช่างหลานเต็มไปด้วยความเยือกเย็น

 

เมื่อฝูงชนได้ยินสิ่งที่หลิ่วช่างหลานกล่าว ทำให้พวกเขาถอนหายใจและเต็มไปด้วยอารมณ์ ตระกูลจักรพรรดิช่างโหดร้ายยิ่งนัก!

 

หลิ่วช่างหลานเป็นบุคคลที่น่าอัศจรรย์ เขาเป็นวีรบุรุษของอาณาจักร แต่ตระกูลจักรพรรดิกลับสั่งทำลายนิกายของเขา…นิกายหยุนไห่

 

ไม่มีใครคิดว่าต้วนเทียนหลางจะทำเช่นนั้น

 

“นิกายหยุนไห่ไม่ยอมส่งมอบศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดให้ลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทรา นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อฝ่าฝือคำสั่งของจักรพรรดิ ดังนั้นการทำลายนิกายหยุนไห่จึงเป็นการลงโทษหากต่อต้าน นอกจากนี้ วันนี้เจ้ายังกล้าที่จะมาเมืองจักรพรรดิพร้อมกับกองทหารม้าโลหิตหุ้มเกราะ และก่อปัญหาในวันพิธีเปิดลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทรา” ต้วนเทียนหลางกล่าวขณะจ้องมองหลิ่วช่างหลานอย่างเย็นชา จากนั้นเขาก็กล่าวเพิ่มด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาเหมือนเดิมว่า: “นอกจากนี้ การนำกองทหารม้าโลหิตหุ้มเกราะมาเพื่อก่อกบฏต่อตระกูลจักรพรรดิถือเป็นความผิดที่ร้ายแรงมาก”

 

“เป็นกบฏต่อตระกูลจักรพรรดิ?” ฝูงชนรู้สึกมึนงง ต้วนเทียนหลางกล่าวว่าหลิ่วช่างหลานเป็นกบฏได้อย่างไรกัน แต่อย่างไรก็ตามต้วนเทียนหลาง และผู้ที่อยู่ใกล้กับเขาพวกเขาดูสงบและดูเหมือนไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากคำพูดของหลิ่วช่างหลาน

 

“ดังนั้นการร้องขอความยุติธรรมเป็นเรื่องผิดงั้นรึ ข้าหลิ่วช่างหลานเป็นคนซื่อตรง และไม่ละอายใจเมื่อมาเมืองจักรพรรดิ แต่ข้ารู้สึกละอายใจต่อพี่น้องนิกายของข้าจริงๆ”

 

“พวกข้าจะติดตามแม่ทัพจนกว่าจะตาย!” กองทหารม้าโลหิตหุ้มเกราะตะโกนพร้อมเพรียงกัน พวกเขาได้สมัครใจติดตามแม่ทัพของตนมา พวกเขากล้าหาญและไม่เกรงกลัวที่จะตาย

 

เมื่อฝูงชนได้ยินเสียงกองทหารที่เต็มไปด้วยความอึกเหิม และแสดงความจงรักภักดีต่อแม่ทัพของเขา ฉากนี้ทำให้ซึ้งตื้นตันใจเป็นอย่างมาก

 

“อะไรคือความสำคัญของชีวิต?” เวิ่นเหงาเสวี่ยผู้ที่อยู่ในใจกลางฝูงชนกล่าว นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

 

หลินเฟิงผู้ที่ยืนอยู่ข้างๆเวิ่นเหงาเสวี่ย ภายใต้หน้ากากทองสัมฤทธิ์ นัยน์ตาของเขาเปล่งประกาย

 

หลิ่วช่างหลานเดินทางมายังเมืองจักรพรรดิพร้อมกับกองทหารม้าโลหิตหุ้มเกราะของเขา เขามาต่อสู้เพื่อความยุติธรรม แต่เห็นได้ชัดว่าเขาสามารถถูกฆ่าตายได้ทุกเมื่อ

 

หลิ่วช่างหลานถอนหายใจขณะมองดูกองทหารของเขา

 

“วันนี้จะเป็นศึกครั้งสุดท้ายของพวกเรา มันก็ไม่เลวที่พวกเราได้อยู่ในจัสตุรัสภายในเมืองจักรพรรดิ ไม่ได้อยู่ในสนามรบ” หลิ่วช่างหลานกล่าวขณะหยิบธนูของเขาขึ้นมา จากนั้นเขาก็วางลูกศร และเล็งเป้าไปที่ต้วนเทียนหลาง อย่างไรก็ตามต้วนเทียนหลางยังดูนิ่งสงบ เขายังคงมีรอยยิ้มอันชั่วร้ายอยู่ตรงมุมปากอยู่

 

ในเวลาเดียวกัน ผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งจำนวนมากหลายคนเดินตรงไปยังฝั่งต้วนเทียนหลาง และปลดปล่อยพลังปราณอันทรงพลังออกมาในเวลาเดียวกันและทำให้บรรยากาศถูกฉีกขาด

 

สถานการณ์สามารถปะทุได้ทุกเมื่อ สงครามครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น

 

“ด..เดี๋ยวก่อน!” ใครบางคนในฝูงชนตะโกน ทันใดนั้นได้มีร่างเงาเดินออกมาจากฝูงชน

 

คนผู้นั้นสวมหน้ากากทองสัมฤทธิ์ ทำให้ไม่สามารถเห็นการแสดงออกของเขาได้

 

หลิ่วช่างหลานเหลือบมองเขา และคิดที่จะโจมตีเขา แต่เมื่อเขาจำหน้ากากทองสัมฤทธิ์ได้ ทำให้เขารู้สึกมึนงง และวางคันธนูลง

 

“นั่นมันเขา!”

 

หลินเฟิงได้ขัดขวางไม่ให้หลิ่วช่างหลานทำลายการบ่มเพาะพลังของตัวเขาเองในนิกายหยุนไห่ ในตอนนั้นเขาเข้าใจว่าคนที่สวมหน้ากากทองสัมฤทธิ์คือหลินเฟิง ดังนั้นเขาจึงนึกออกว่าเป็นเขาทันที

 

ทุกคนในนิกายหยุนไห่ได้สละชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้อง และช่วยชีวิตหลินเฟิง

 

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า ไปให้พ้นซะ” หลิ่วช่างหลานกล่าวอย่างเย็นชา

 

ราวกับว่าหลินเฟิงไม่ได้ยินหลิ่วช่างหลานพูด เขาส่ายหัวและกล่าว: “ท่านแม่ทัพ อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป พวกเราไม่สามารถนำพวกเขากลับมาได้ ทำไมท่านถึงมาเมืองจักรพรรดิกัน?”

 

“เพื่อความยุติธรรม” หลิ่วช่างหลานตอบกลับ เขาไม่คิดว่าหลินเฟิงจะปรากฏตัว และพูดคุยกับเขา หลิ่วช่างหลานเริ่มตื่นตระหนกกับภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้แล้ว

 

“ความยุติธรรม? แต่ความยุติธรรมของท่านแม่ทัพในสายตาของผู้คนคือการฆ่าตัวตาย ท่านเป็นแม่ทัพที่ดูเหมือนต้องการความตาย ถ้าความยุติธรรมที่ท่านพูดถึงมันเป็นเช่นนั้น ถ้างั้นมันก็เป็นเรื่องไร้ค่า” หลินเฟิงตอบกลับขณะส่ายหัว เขาเริ่มเดินตรงไปหาหลิ่วช่างหลาน และยืนอยู่เคียงข้างเขาขณะเหลือบมองต้วนเทียนหลาง

 

“ต้วนเทียนหลาง วันนี้เป็นพิธีเปิดลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทรา ข้าขอถามคำถามเจ้าหน่อยได้หรือไม่?”

 

ต้วนเทียนหลางไม่คิดว่าหลินเฟิงจะปรากฏตัวในวันนี้ เมื่อพิจารณาว่าวันนี้เป็นวันพิธีเปิดลานศักดิ์สิทธิ์ เขาต้องจัดการทุกอย่างให้ชัดเจนและถูกต้อง ดังนั้นเขาจึงไม่ปฏิเสธและกล่าวว่า: “ถามมา”

 

“ลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทรา ทำไมถึงเรียกว่า “ลานศักดิ์สิทธิ์”?”

 

“เพราะพวกข้าต้องการให้มันเป็นสถานที่บริสุทธิ์และเป็นสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ มันเป็นสถานที่ที่มีศีลธรรมสูงผู้คนที่เข้าร่วมจะกลายเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่ยอดเยี่ยม และผู้คนที่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมลานศักดิ์สิทธิ์ควรมีวิญญาณที่บริสุทธิ์เช่นเดียวกัน” ต้วนเทียนหลางตอบกลับ

 

“หืม เป็นเช่นนั้นหรอกรึ” หลินเฟิงกล่าวขณะพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่ฝูงชนและกล่าวว่า: “ในหมู่ฝูงชน มีผู้คนที่มาจากนิกายห้าวเย่ว, หมู่บ้านน้ำแข็งหิมะ รวมทั้งผู้คนที่ทำลายนิกายหยุนไห่ร่วมกับเจ้า ตอนนี้เจ้าได้พูดว่าเจ้าต้องการให้คนพวกนี้ทรยศต่อนิกายตนเองเพื่อเข้าร่วมลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทราเพื่อความบริสุทธิ์และคุณค่าทางศีลธรรม ถูกต้องไหม?” เมื่อหลินเฟิงพูดจบ ทำให้ทั่วทั้งพื้นที่ตกอยู่ในความเงียบอย่างสมบูรณ์ และทำให้ต้วนเทียนหลางตะลึง

 

“เมื่อตะกี้นี้เจ้าใช้คำว่า “กบฏ” ในทางลบ แต่ศิษย์ของนิกายหยุนไห่ที่ติดตามเจ้าหลังจากเจ้าทำลายนิกายหยุนไห่ของพวกเขา แล้วนั้นพวกเขาไม่ได้ทรยศนิกายหยุนไห่หรอกหรือ? แต่ไม่เหมือนกับสิ่งที่เจ้าพูด คนทรยศพวกนี้ถือว่าเป็นบุคคลที่บริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์เพราะพวกเขาเข้าร่วมลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทรา นี่เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดจริงๆ” หลินเฟิงกล่าวกับต้วนเทียนหลางซึ่งยังคงนิ่งเงียบ ต้วนเทียนหลางเปิดปากของเขา แต่ไม่มีคำพูดพูดออกมาจากปากของเขา หลินเฟิงทำให้เขาถึงกลับพูดไม่ออก

 

********************************************************************************************

ติดตามได้ที่ – 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments