I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Peerless Martial God ตอนที่ 133 ฝ่าฝืนกฎ

| Peerless Martial God | 1580 | 2337 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

หลินเฟิงเดินเข้าไปในห้องบ่มเพาะพลังทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังขึ้น มันเป็นเสียงของประตูหินที่ปิดลง

 

 ปราณที่หนาแน่นและบริสุทธิ์เข้าครอบคลุมทั้งห้อง หลินเฟิงรู้สึกดีอย่างมากที่มีปราณจำนวนมหาศาลล้อมรอบตัวเขา

 

 เมื่อเริ่มบ่มเพาะพลัง การสัมผัสกับปราณที่บริสุทธิ์จากสวรรค์และปฐพีจะเป็นประโยชน์อย่างมาก มันจะช่วยให้ผู้บ่มเพาะพลังเสริมสร้างรากฐานในขณะที่พวกเขาแข็งแกร่งขึ้น

 

 หลินเฟิงปลดปล่อยจิตวิญญาณสวรรค์ออกมาและเริ่มนั่งสมาธิ

 

 จิตวิญญาณสวรรค์ของหลินเฟิงช่วยเพิ่มความรวดเร็วในบ่มเพาะพลังในระดับที่น่าตกใจ เขาสามารถควบคุมทุกเซลในร่างกายได้อย่างแม่นยำและอาจจะสามารถทะลวงสู่ขอบเขตต่อไปได้เร็วยิ่งขึ้น

 

 ในตอนนี้ ปราณที่บริสุทธิ์เริ่มหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของหลินเฟิงที่เปรียบเสมือนกับหลุมดำที่กำลังหิวโหย

 

 ความแข็งแกร่งของหลินเฟิงอยู่ที่ขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 3 ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาที่จะจัดการกับปราณอันบริสุทธิ์ทั้งหมดภายในห้อง มันดูเหมือนว่าปริมาณปราณที่เขาสามารถดูดซับจะไม่มีที่สิ้นสุด

 

 ปราณที่ถูกดูดซับเข้าไปในร่างกายของหลินเฟิงทำให้กล้ามเนื้อและโลหิตของเขาบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น

 

 หลินเฟิงรู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการเปลี่ยนแปลงนี้ หลินเฟิงรู้ว่าเขาสามารถฝึกฝนด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น

 

 นอกจากนี้ปราณบริสุทธิ์ในกล้ามเนื้อของเขาจะช่วยเพิ่มเทคนิคความคล่องแคล่วในอนาคตอีกด้วย

 

 หลินเฟิงจะต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น บ่มเส้นทางแห่งการต่อสู้ผู้คนจะต้องฝ่าฝันอุปสรรคเพื่อที่จะสามารถค้นหาการรู้แจ้งในเส้นทางที่ตัวเองเลือก การบ่มเพาะพลังก็ควรที่จะพัฒนาขึ้นไปบนรากฐานที่มั่นคงและประสบการณ์ก็เป็นสิ่งสำคัญ

 

 สิ่งที่หลินเฟิงไม่รู้ก็คือในขณะที่เขากำลังบ่มเพาะพลังอยู่นั้น บางคนที่ดูชั่วร้ายกำลังเข้ามายังหอคอยจากด้านนอก

 

 พวกเขาตรงไปยังบันไดและมาหยุดลงที่ชั้นที่ 10

 

 “ทางนั้น” ชายหนุ่มในเสื้อคลุมดำกล่าว เขาคือคนที่พ่ายแพ้ให้กับหลินเฟิงก่อนหน้านี้  

 

 ชายหนุ่มในเสื้อคลุมดำข่มขู่หลินเฟิงก่อนที่เขาจะออกจากหอคอยแต่ถึงอย่างนั้นหลินเฟิงก็ไม่ได้ให้ความสนใจ มีหลายคนที่ข่มขู่อย่างไรสติเมื่อพวกเขาถูกทำให้เสียหน้า

 

 แต่ท้ายที่สุดแล้วผู้ที่ได้ฝึกฝนในห้องนั้นก็คือหลิ่วเฟย

 

 “ที่นี่” ชายหนุ่มในเสื้อคุมดำกล่าวขณะชี้ไปยังห้อง คนที่มากับเขาเป็นชายหนุ่มอายราวๆ 20 ปี เขาดูเย็นชาและชั่วร้ายมาก

 

 “ชุยถิง เปิดประตู!” ชายหนุ่มที่ดูชั่วร้ายกล่าว ชายอีกคนเคลื่อนไปข้างหน้า แม้จะมีกฎของสำนักสวรรค์ เขาก็ไม่ลังเลและพุ่งไปด้วยความเร็วสูงสุดจากนั้นก็ชกไปที่ประตูหิน

 

 แม้ว่าประตูจะยังปิดอยู่แต่ว่ามันก็ได้รับผลกระทบจากพลังหมัดที่รุนแรง

 

 หลิ่วเฟยอยู่ด้านหลังประตู นางไม่คิดว่าจะถูกรบกวนในช่วงเวลานี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีคนกล้าโจมตีประตูห้องของนางโดยตรง เสียงที่ดังสนั่นทำให้หลิ่วเฟยตื่น มีรอยเลือดอยู่ที่มุมปากของนางเพราะความตกใจในขณะที่นางยังอยู่ในสภาวะรวบรวมสมาธิ

 

 “ออกมาเดี๋ยวนี้ไอตัวบัดซบ!” เสียงดังออกมาจากด้านนอก หลิ่วเฟยกลายเป็นโกรธเกรี้ยวและเช็ดเลือดที่มุมปากของนาง

 

 “กล้าดียังไง!” หลิ่วเฟยลุกขึ้น นางต้องการที่จะวิ่งออกไปและบดขยี้พวกมัน หนึ่งในสิ่งที่เลวร้ายที่สุดของผู้บ่มเพาะพลังคือการถูกรบกวนในขณะที่อยู่ในห้วงสมาธิ นอกจากนี้พวกมันยังปลุกนางด้วยวิธีที่รุนแรงและทำให้นางได้รับบาดเจ็บ การตื่นขึ้นในระหว่างอยู่ในห้วงสมาธิเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างมากสำหรับผู้บ่มเพาะพลังหากไม่ได้ตื่นขึ้นมาอย่างถูกวิธี การรบกวนในขณะที่บ่มเพาะพลังคือความผิด สำนักไม่ได้ห้ามการต่อสู้ระหว่างศิษย์ แต่ห้ามไม่ให้พวกเขารบกวนผู้อื่นขณะที่กำลังบ่มเพาะพลัง

 

 แต่ฝ่ายตรงข้ามได้ละเมิดกฎของสำนักอย่างชัดเจน

 

 “บ้าเอ้ย ข้าไม่สามารถสู้กับพวกมันได้” หลิ่วเฟยที่ลุกขึ้นและกำลังจะออกไปจากห้องเพื่อทุบตีพวกมันก็หยุดฝีเท้าลง บางทีพวกมันอาจจะไม่ได้มาเพื่อต้องการห้องแต่มาเพื่อจัดการกับหลินเฟิง

 

 “ต้องเป็นมันแน่” หลิ่วเฟยนึกถึงชายในเสื้อคลุมดำ ก่อนที่จะจากไปเขาได้ข่มขู่หลินเฟิง เขาไม่ได้โกหกและได้หวนกลับมาอีกครั้ง

 

 “ถ้าข้าออกไปตอนนี้ อาจจะก่อปัญหาให้กับหลินเฟิง” หลิ่วเฟยคิด นอกจากนี้นางยังไม่รู้ว่าจะเอาชนะฝั่งตรงข้ามได้ไหม ในโลกใบนี้มีเพียงความแข็งแกร่งเท่านั้นที่สำคัญ

 

 เมื่อหลิ่วเฟยคิดถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน นางนั่งลงอีกครั้งและพยายามเข้าสู่ห้วงสมาธิ แต่เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเรื่องยากมากที่นางจะบ่มเพาะพลังต่อไป

 

 “ตู้มมม!” เสียงดังก้องอยู่ในห้องบ่มเพาะพลัง แก้วหูของหลิ่วเฟยได้รับบาดเจ็บจากเสียงดังนั้น

 

 “คนที่อยู่ข้างใน ออกมาเดี๋ยวนี้!” เสียงดังมาจากข้องนอก หลิ่วเฟยโกรธอย่างมากแต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ นางยังนั่งต่อ คนๆนั้นอาจจะตะโกนต่อไปจนเหนื่อยหรือจะมีคนเข้ามาขัดขวาง

 

 ประตูห้องบ่มเพาะไม่มีทางแตกหัก เป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครทำลายมัน พวกเขายังไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำลายมัน

 

 เมื่อพวกเขาเห็นว่าไม่มีการตอบสนอง พวกเขาก็เลือกที่จะยั่วยุแทน

 

 ชายหนุ่มในเสื้อคลุมดำเดินตรงไปยังประตูและตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้าไม่ได้อวดดีและหยิ่งยโสเหมือนกับก่อนหน้านี้? เจ้ากลัวที่จะต้องออกมา? ขี้ขลาด! สวะ!”

 

 “ขี้ขลาด สวะ?” หลิ่วเฟยได้ยินชายหนุ่มด่าทอหลินเฟิง  นางประหลาดใจและพบว่ามันไร้สาระ ชายคนนั้นพ่ายแพ้ให้กับหลินเฟิงอย่างง่ายดายและตามคนมาช่วย… แต่ตอนนี้เขากล้าที่จะเรียกคนอื่นว่าขี้ขลาดและสวะ? ต้องน่ารังเกียจขนาดไหนกันถึงที่จะแบบนี้ได้?

 

 หลินเฟิงจะทำยังไงหากเขาอยู่ที่นี่?

 

 ประตูยังคงเกิดเสียงดังอย่างไม่รู้จบ หลิ่วเฟยไม่ได้ตอบโต้แต่นางก็อารมณ์เสียอย่างมาก

 

 ในห้องที่เล็กและแคบแบบนี้ ใครๆก็ต้องมีโทสะเป็นธรรมดาหากถูกคุกคามโดยคนอื่น

 

 หลังจากนั้นเสียงดังก็หยุดลง

 

 ชายในเสื้อคลุมสีดำสงบลงอีกครั้ง เขาไม่คิดว่าหลินเฟิงจะทนได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูถูก เขารู้สึกหมดแรงและไม่มีทางเลือก

 

 “ดูเหมือนว่า มันจะรู้ว่าอะไรจะดีที่สุดสำหรับมัน” ชายหนุ่มกล่าวอย่างเย็นชา

 

 คนที่มีท่าทางคล้ายกับปีศาจถาม “มันมีหินบริสุทธิ์เท่าไหร่?”

 

 ชายหนุ่มในเสื้อคลุมดำตอบ “มันมีหินบริสุทธิ์คุณภาพปานกลาง 3 ก้อนซึ่งเพียงพอสำหรับการฝึกฝนใน 3 เดือน”

 

 “ก็ได้ พวกเราจะกลับมาในอีก 100 วัน ส่วนเจ้าจะมาด้วยกันหรือว่าอยู่ที่นี่ต่อ?”

 

 ชายในเสื้อคลุมดำยังไม่ได้ตอบและดูลังเล

 

 “มันอาจจะหนีไปได้หากเจ้าจากไป… แต่เจ้าก็ยังกลัวว่ามันจะออกมาและทำร้ายเจ้าอีกครั้ง…” ชายที่มีใบหน้าชั่วร้ายกล่าวราวกับว่าเขาสามารถเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร

 

 ชายหนุ่มในเสื้อคลุมดำประหลาดใจ ถูกต้อง นั่นคือสิ่งที่เขากังวล

 

 “ชุยถิงอยู่ในจุดสูงสุดของขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 4 ไม่มีใครในระดับเดียวกันสามารถจัดการเขาได้แม้ว่าคนผู้นั้นจะเป็นอัจฉริยะก็ตาม การมีเขาอยู่ก็มากพอที่จะจัดการมันแล้ว ตั้งแต่ที่เจ้ายืนกรานเป็นเวลานาน ข้าจึงตัดสินใจที่จะมาด้วย อย่างไรก็ตามตอนนี้ข้าจะไปยังชั้นที่หนึ่งเพื่อบ่มเพาะพลังเป็นเวลา 3 เดือน เจ้าสามารถถามชุยถิงหากเขาต้องการที่จะอยู่กับเจ้าและเฝ้ารอมัน” ชายผู้มีใบหน้าชั่วร้ายกล่าวอย่างใจเย็น

 

ชายในเสื้อคลุมดำไม่กล้าเรียกร้องอะไรจากอีกฝ่าย ชายที่ดูชั่วร้ายเป็นสมาชิกในตระกูลของเขา พวกเขาเป็นพี่น้องต่างมารดา ชายในเสื้อคลุมดำเป็นเพียงลูกของภรรยารอง ชายที่มีใบหน้าชั่วร้ายถือว่าเมตตาอย่างมากที่มากับเขา

 

ชายหนุ่มในเสื้อคลุมดำจ้องมองไปยังชุยถิง ดวงตาของเขาชี้ให้เห็นว่าเขาต้องการให้ชุยถิงอยู่

 

 “ถ้าเฮยม๋อต้องการให้ข้าอยู่ ข้าก็จะอยู่” ชุยถิงกล่าวอย่างเฉยเมย

 

 “ถ้าเช่นนั้นก็จงอยู่ที่นี่สักพักหนึ่ง” เฉยม๋อกล่าว จากนั้นเขาก็หันหลังและจากไป

 

 เมื่อชายในเสื้อคลุมดำเห็นเฮยม๋อจากไป ความเศร้าก็ปรากฏบนใบหน้าของเขา จากนั้นเขาก็หันหลังและจ้องมองประตู เขาเดินไปข้างหน้าและชกออกไปอีกครั้ง มันสร้างเสียงดังสนั่นไปทั่วห้อง หลิ่วเฟยรู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก นี่พวกมันจะไม่หยุดรบกวนนางจริงๆ?

 

 ในตอนนี้ใบหน้าของหลิ่วเฟยซีดขาว หากชายหนุ่มในเสื้อคลุมดำรบกวนนางทุกวัน นางจะต้องเป็นบ้าแน่ๆ

 

 นอกจากนี้หลินเฟิงยังใช้หินบริสุทธิ์ระดับปานกลาง 3 ก้อนเพื่อเปิดใช้ห้องนี้ หากหลิ่วเฟยต้องถูกคุมคามทั้ง 100 วัน มันจะกลายเป็นการคุมขังและทรมาน 100 วันแทน นี่คือฝันร้ายและนางก็ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น

 

 ในตอนนี้ ปราณบริสุทธิ์ในชั้นที่ 6 ก็ได้เกิดความเปลี่ยนแปลง บางคนอย่างรู้อยากเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น มีร่างเงาเดินออกมาจากห้อง มันคือชายหนุ่มที่ดูสุขุมและเยือกเย็น…. แต่การแสดงออกทางสีหน้าของเขาทำให้ผู้คนต่างสั่นสะท้าน

 

ดวงตาของชายหนุ่มแหลมคมเหมือนกับดาบ เขากระจายออร่าของผู้ที่อยู่เหนือกว่าออกมา!

 

ติดตามได้ที่ – 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments