I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Peerless Martial God ตอนที่ 134 มันต้องตาย!

| Peerless Martial God | 1517 | 2338 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ชายหนุ่มที่เดินออกมาคือหลินเฟิง

 

“รวดเร็วจริงๆเมื่อบ่มเพาะพลังอยู่ในชั้นที่ 6!” หลินเฟิงคิด เมื่อหลาย100วันก่อน ปราณอันเยือกเย็นของเมิ่งชิงทำให้เขาประหลาดใจ แต่ในตอนนี้มันได้ช่วยให้เขาไปถึงจุดสูงสุดของขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 3 หลังจากนั้นไม่นานเมื่อฝึกบ่มเพาะพลังเขาได้ทะลวงไปยังขั้นที่ 4 แล้ว ระดับการบ่มเพาะปัจจุบันของหลินเฟิงในตอนนี้เขาใกล้จะบรรลุขั้นที่ 5 แล้ว

 

แน่นอนว่าหลินเฟิงเข้าใจว่าการที่นั่งบ่มเพาะพลังในห้องเป็นเวลา 100 วันไม่ใช่สิ่งที่ผู้บ่มเพาะพลังต้องทำเพื่อก้าวเดินไปข้างหน้า มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ผู้บ่มเพาะพลังจำเป็นต้องเรียนรู้และปฏิบัติเพื่อให้แข็งแกร่งขึ้น นอกเหนือจากการฝึกบ่มเพาะพลัง การควบคุมอารมณ์, ความรู้สึก, ประสบการณ์ต่อสู้ และประสบการณ์ชีวิต ทุกสิ่งล้วนสำคัญเพื่อบรรลุไปยังขอบเขตสูงๆ ตรงกันข้ามหากผู้บ่มเพาะพลังฝึกฝนแต่สิ่งภายนอก และต่อสู้แต่ไม่เคยนั่งฝึกบ่มเพาะพลังพวกเขาก็จะไม่มีความก้าวหน้า ดังนั้นต้องทำทุกอย่างให้สมดุลกัน

 

หลินเฟิงเงยหน้าขึ้น และจ้องมองไปยังฝูงชนที่อยู่ด้านนอกห้องและเดินไป เขาสงสัยว่าการฝึกฝนของหลิ่วเฟยเป็นเช่นไรหลังจากที่ปล่อยให้นางฝึก

 

เมื่อฝูงชนเห็นหลินเฟิงออกมาจากห้อง ทำให้พวกเขารู้สึกโล่งอก อย่างไรก็ตามพวกเขามองหันซ้ายหันขวาของพวกเขาอย่างระมัดระวังพร้อมที่จะต่อสู้แย่งชิงห้อง

 

ขณะที่หลินเฟิงกำลังเดินไปยังชั้นที่ 10 ชายหนุ่มชุดดำยังคงรออยู่ เขาสามารถรู้สึกได้ถึงปราณบริสุทธิ์จากในห้องค่อยๆเบาบางลงเรื่อยๆ ชายหนุ่มชุดดำยิ้มอย่างชั่วร้ายและโจมตีคนที่เขาคิดว่าอยู่ในห้อง เขาต่อยประตูอีกครั้งและทำให้มันสั่นสะเทือน

 

นอกจากนี้ ชายหนุ่มชุดดำไม่ได้มีความหวาดกลัวใดๆเลยแม้แต่น้อยเพราะหลินเฟิงคงไม่ได้แข็งแกร่งขึ้นมากนัก เพราะเขาต่อยประตูห้องบ่มเพาะพลังทุกๆวันเป็นเวลา 100 วัน มันเป็นไปไม่ได้ที่คนที่อยู่ในห้องจะสามารถฝึกฝนได้

 

“ในที่สุดก็ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องออกมาแล้ว” ชายหนุ่มชุดดำกล่าวขณะรอหลินเฟิงออกมาจากห้อง

 

ประตูห้องบ่มเพาะพลังจะเปิดเองอัตโนมัติเมื่อปราณบริสุทธิ์ภายในห้องหายไปจนหมดสิ้น มิฉะนั้นคนที่อยู่ในห้องจะติดอยู่ในนั้น

 

เมื่อประตูกำลังเปิดทำให้เกิดเสียงดังขึ้น ชุยถิงและชายในชุดดำเห็นแต่หญิงสาวผู้งดงามออกมาจากห้อง

 

“เจ้า…” ชายในชุดดำกล่าวเขาดูมึนงงอย่างมาก ขณะจ้องมองไปที่หลิวเฟย เขารอมานานหลายร้อยวันและคนที่ออกมาก็เป็นสหายของหลินเฟิง…หญิงสาวผู้งดงามคนนี้

 

ใบหน้าของหลิ่วเฟยจางและซีดขาว นางดูเหนื่อยล้าอย่างมาก…แต่การแสดงออกทางสีหน้าของนางยังคงแสดงให้เห็นถึงความโกรธ และจ้องมองไปยังหนุ่มชุดดำและกล่าวว่า: “อวดดีจริงๆ”

 

“อวดดี?”

 

ชายหนุ่มชุดดำมองไปที่นางอย่างชั่วร้าย เขาไม่คิดเลยว่าคนที่เขารอนานกว่า 3 เดือนดันผิดคน…ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนที่อยู่ข้างในถึงไม่โต้ตอบ ถ้าเป็นหลินเฟิงบางทีเขาคงออกมาแล้ว

 

“หากเจ้าไม่ใช่สหายของมัน ข้าจะพาเจ้าไปกับข้า เจ้าต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในห้องของมัน” ชายหนุ่มชุดดำมองหลิ่วเฟยอย่างหื่นกระหาย เขาจ้องมองไปที่เรือนร่างของหลิ่วเฟยและพบว่านางมีเสน่ห์มาก เขายังคิดว่าอารมณ์โกรธของนางทำให้นางดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น และทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นมากขณะจ้องมองไปที่นาง

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้ามันมอบห้องให้กับเจ้า นั่นหมายความว่าพวกเจ้าต้องสนิทสนมกันมาก ถ้าข้าทำเรื่องหื่นกามกับเจ้า เจ้านั้นมันคงจะต้องกลายเป็นบ้าแน่ๆ” ชายในชุดดำกล่าวอย่างชั่วร้าย

 

ชุยถิงเหลือบมอง เขารู้สึกหมั่นไส่ชายหนุ่มชุดดำ เขาช่างหื่นกระหายจริงๆที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหญิงสาวที่งดงามเช่นนี้ มันเป็นความอัปยศต่อเฮยม๋อที่ต้องมีสายเลือดเช่นเดียวกับเขากับความทรามนี้

 

แต่ชุยถิงไม่ได้พูดอะไรออกมา เฮยม๋อและเขายังคงมีสายเลือดเดียวกัน เขาไม่สามารถโจมตีเขาได้แม้ว่าเขาจะต้องการทำเช่นนั้น

 

เมื่อหลิ่วเฟยได้ยินสิ่งที่ชายชุดดำกล่าว ทำให้นางรู้สึกรังเกียจ

 

“โรคจิต…น่าสะอิดสะเอียน”

 

“เจ้าเคยพูดแล้ว แต่เจ้าใช้คำพูดพวกนี้มากเกินไป ข้าจะแสดงให้เห็นว่าหื่นกามมันเป็นเช่นไร ห้องบ่มเพาะพลังนั้นค่อนข้างใหญ่เลยว่าไหม? ราวกับมีไว้เพื่อรองรับเราทั้งสองคน เมื่อสหายของเจ้ากลับมา เขาจะเห็นพวกเราทั้งคู่อยู่ในสภาพที่น่าอับอาย มันต้องเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมมากแน่ๆ” ชายหนุ่มชุดดำกล่าวพร้อมกับปรากฏรอยยิ้มขนาดใหญ่บนใบหน้าของเขา ทำให้ชุยถิงรู้สึกทึ่ง

 

ในขณะนั้น ชายในชุดดำรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นวิ่งเข้าไปในกระดูกสันหลังของเขา ปราณอันเยือกเย็นล้อมรอบร่างกายของเขาพร้อมกับแรงกดดันอันหนักหน่วง

 

เขาหันหลังไป และเห็นหลินเฟิงผู้ที่ปลดปล่อยปราณอันแข็งแกร่งออกมา

 

ชายชุดดำเฝ้ารอที่จะได้เห็นหลินเฟิงแต่ในขณะนั้นเมื่อเขายืนอยู่เบื้องหน้าหลินเฟิง ชายหนุ่มชุดดำถึงกับพูดไม่ออก

 

หลินเฟิงเดินเข้าไปหาหลิ่วเฟยอย่างช้าๆ เมื่อเขาเดินผ่านชายชุดดำดูเหมือนว่าหลินเฟิงจะไม่ได้หันไปมองเขาเลยแม้แต่น้อย

 

อย่างไรก็ตาม หลินเฟิงได้เดินผ่านเขาอย่างเรียบเฉย และทำให้ชายหนุ่มชุดดำกล่าวว่า: “เศษขยะ”

 

ชายหนุ่มชุดดำสามารถรู้สึกได้ถึงความเกลียดชังที่กำลังเดือดพล่ามอยู่ในใจของเขา ใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธและความเกลียดชัง หลินเฟิงดูถูกเขามากเกินไป ไม่แม้แต่จะมองเขา เขาต้องการสังหารหลินเฟิงแต่เขาไม่กล้าโจมตีหลินเฟิง…เขารู้ว่าเขายังแข็งแกร่งไม่พอ เขาหวังว่าชุยถิงจะสามารถทำมันแทนเขาได้

 

“ไอสารเลว ข้าจะต้องทำให้เจ้าชดใช้สำหรับ 100 วันที่ผ่านมา” หลิ่วเฟยกล่าวให้หลินเฟิงฟัง หลินเฟิงไม่รู้ว่านางต้องผ่านอะไรมาบ้าง นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยความเกลียดชังและความทุกข์ทรมาน

 

หลินเฟิงมองไปที่หลิ่วเฟยด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว เขาไม่เคยคิดเลยว่าชายหนุ่มชุดดำจะไร้ยางอายขนาดนี้

 

หลินเฟิงยื่นมือออกไปและแตะไปที่ใบหน้าของหลิ่วเฟยเบาๆ เขาต้องการให้นางรู้ว่าทุกอย่างจะดีขึ้นแล้วเพราะตอนนี้เขาอยู่ที่นี่แล้ว

 

เมื่อหลิ่วเฟยรู้สึกได้ถึงมือของหลินเฟิงสัมผัสใบหน้าของนาง ทำให้นางขาอ่อนและเริ่มสูญเสียสมดุลไปเล็กน้อย หลินเฟิงกำลังปลอบโยนนาง

 

ความโศกเศร้าและความโกรธของนางกำลังถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่น

 

แม่ของหลิ่วเฟยเสียชีวิตตอนที่นางยังเป็นเด็กอยู่ พ่อของนางออกไปต่อสู้ทุกที่ของอาณาจักรเลยไม่มีเวลาดูแลนาง ในขณะนั้นนางคิดว่าหลินเฟิงกำลังอ่อนโยนและห่วงใยนางมาก นางรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่นางปรารถนามาตลอดในชีวิตของนาง

 

“ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง” หลินเฟิงกล่าวกับหลิ่วเฟย  นางรีบจัดผมยุ่งๆของนาง เมื่อนางตระหนักถึงสภาพในตอนนี้ของตัวเอง

 

หลินเฟิงยิ้มให้และหันหลังกลับทันที

 

รอยยิ้มอันอบอุ่นบนใบหน้าของเขาหายไปอย่างกะทันหันและถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มอันเย็นชา

 

“ชายผู้นี้แข็งแกร่ง” ชุยถิงคิดขณะมองหลินเฟิง จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปใกล้ชายหนุ่มชุดดำ เขาต้องการไม่ให้ชายหนุ่มชุดดำต่อสู้กับหลินเฟิงเพราะใบหน้าของหลินเฟิงเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า

 

“ข้าไม่ค่อยชอบที่ดาบของข้าต้องเปื้อนเลือดสกปรกของเจ้า ถ้าเจ้ายืนกรานขนาดนี้เจ้าจะเป็นคนแรกที่ข้าจะสังหารภายในสำนักสวรรค์” ในขณะนั้นหลินเฟิงค่อยๆดึงดาบอ่อนออกมาอย่างช้าๆ มันเป็นดาบที่เปล่งแสงสีเงินและคมอย่างมาก

 

เมื่อชายหนุ่มชุดดำได้ยินหลินเฟิงพูด มันทำให้เขาเริ่มหวาดกลัวและเริ่มเดินถอยหลัง จากนั้นเขาก็หลบไปซ่อนอยู่ด้านหลังชุยถิง

 

“ช่างขี้ขนาดอะไรเช่นนี้ เจ้ามันสวะจริงๆ!” หลิ่วเฟยด่าทอชายหนุ่มชุดดำที่ซ่อนตัวอยู่หลังชุยถิง

 

สถานการณ์มันกลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? เขาคอยรังควานหลิ่วเฟยเพราะเขาคิดว่าเป็นหลินเฟิงตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา…และเขาก็พยายามทำให้เกียรติของหลิ่วเฟยแปดเปื้อนเพื่อทำให้หลินเฟิงโกรธ…แต่ตอนนี้หลินเฟิงอยู่ที่นี่แล้วทำให้หวาดกลัวต่อความตาย

 

เมื่อเขาได้ยินคำพูดของหลิ่วเฟย เขารู้สึกอับอายเป็นอย่างมากแต่ไม่พูดอะไรกลับ เขารู้สึกเสียใจกับการกระทำของเขา และทำไมเขาถึงต้องหวาดกลัวขนาดนี้เมื่ออยู่เบื้องหน้าหลินเฟิง?

 

“เจ้าไม่สามารถสังหารเขาได้” ชุยถิงผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าชายหนุ่มชุดดำกล่าว

 

“มันจะต้องตาย” หลินเฟิงกล่าวขณะก้าวเดินไปข้างหน้า เขาปลดปล่อยอำนาจดาบอันมหาศาลออกมาก่อให้เกิดลมพายุขึ้นในอากาศพร้อมเสียงฉีกขาดของบรรยากาศ อำนาจดาบก็เต็มไปด้วยความหนาวเย็นเช่นกัน

 

“อำนาจดาบ” ชุยถิงกล่าว ไม่ใช่แค่ชายผู้นี้เท่านั้นที่กำลังใช้อำนาจดาบชายหนุ่มชุดดำก็พูดผิด เขาได้พูดไว้ว่าหลินเฟิงอยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 3 แต่ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ในขั้นที่ 4 เป็นอย่างน้อย

 

“เจ้านี่มันเศษขยะจริงๆ!” ชุยถิงคิดเกี่ยวกับชายหนุ่มชุดดำ เขายังคงมั่นใจในความสามารถของเขาในฐานะที่มีผู้คนจำนวนมากพ่ายแพ้ให้กับเขา…แต่เขารู้ดีว่ามันไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถอยู่ยงคงกระพันได้

 

ชุยถิงไม่ต้องการต่อสู้กับผู้บ่มเพาะพลังที่อยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 4 ที่สามารถใช้อำนาจดาบได้ เขามั่นใจว่าเขาจะไม่มีโอกาสรอดชีวิตหากต่อสู้กับหลินเฟิง

 

ความแตกต่างระหว่างผู้บ่มเพาะพลังขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 4 และยังสามารถใช้อำนาจดาบได้นั้นมันห่างชั้นกันเกินไป

 

“หลบไป” หลินเฟิงลากปลายดาบอ่อนของเขากับพื้นหอฝึกตนซึ่งทำให้เกิดเสียงโลหะเสียดสี ตอนนี้เขาดูน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

 

ชุยถิงสามารถรู้สึงได้ถึงอำนาจดาบกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น เขาไม่สามารถต่อสู้กับหลินเฟิงได้ หลินเฟิงได้ปลดปล่อยอำนาจดาบอันมหาศาลออกมาแล้ว ทำให้เขาหวาดกลัวและสงสัยว่าทำไมผู้บ่มเพาะพลังขอบเขตจิตวิญญาณที่อยู่ขั้นที่ 4 ถึงสามารถควบคุมอำนาจได้สมบูรณ์แบบขนาดนี้ได้

 

“แม้ว่าข้าจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่าเจ้า และไม่สามารถปกป้องเขาได้ แต่ยังไงเจ้าก็ไม่สามารถสังหารเขาได้” ชุยถิงกล่าวอย่างไร้อารมณ์ความรู้สึก และจ้องมองไปที่หลินเฟิงอย่างกังวลใจ

 

ชายหนุ่มชุดดำกลายเป็นมึนงง ชุยถิงไม่สามารถปกป้องเขาได้? เขาไม่ได้แข็งแกร่งเท่าหลินเฟิง?

 

ชายหนุ่มชุดดำเริ่มโกรธ

 

“วันนี้ จะไม่มีใครสามารถช่วยเจ้าได้” หลินเฟิงกล่าวขณะปลดปล่อยปราณอันเยือกเย็นออกมาจากร่างของเขา เขาก้าวไปข้างหน้า และยกดาบขึ้นไปในอากาศ

 

ชุยถิง เมื่อเขารู้สึกได้ถึงพลังของการโจมตี เขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากถอนหายใจ

 

ชุยถิงรีบเคลื่อนย้ายไปอยู่ด้านข้างทันที เขารู้ว่าเขาไม่สามารถต้านทานการโจมตีดังกล่าวได้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือหลบ.

 

แม้ว่าเฮยม๋อจะไม่เห็นด้วย ชุยถิงรู้ว่าเฮยม๋อไม่ต้องการให้พวกเขาทั้งคู่ตกตายไปพร้อมกัน โดยเฉพาะถ้าเขารู้ว่าสถานการณ์มันจะเลวร้ายขนาดนี้ เขาอาจจะไม่ตำหนิเขาที่หลบการโจมตี

 

ชุยถิงย้ายไปอยู่ด้านข้างและชายหนุ่มชุดดำอยู่เบื้องหน้าดาบของหลินเฟิง ชายหนุ่มชุดดำรู้สึกว่าความตายกำลังเข้าใกล้เข้ามาหาเขา

 

 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments