ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปชายในเสื้อคุมดำสามารถรับรู้ถึงปราณที่เย็นเยือกของหลินเฟิงที่พุ่งตรงมายังเขาได้ มันช่วยไม่ได้ที่เขาจะสั่นเทาด้วยความกลัว เหงื่อเริ่มชโลมไปทั่วแผ่นหลังของเขา
“ทีนี่คือสำนักสวรรค์ ศิษย์สามารถที่จะสู้กันได้แต่ไม่สามารถเอาชีวิตอีกฝ่ายได้!” ชายในเสื้อคลุมดำกล่าว เขารู้สึกได้ถึงความตายที่กำลังคืบคานเข้ามาใกล้
“ข้ารู้” หลินเฟิงกล่าวอย่างเย็นชา ชายในเสื้อคลุมดำผ่อนคลายลงเล็กน้อย เขามีความหวังอีกครั้ง
“แต่ข้าก็ยังรู้อีกว่าห้ามรบกวนผู้อื่นที่กำลังฝึกฝนอยู่ในห้องบ่มเพาะพลัง… แล้วเจ้ากำลังทำอะไรในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา?” คำกล่าวของหลินเฟิงทำให้ชายในชุดคลุมดำตื่นตระหนก
“ข้ายอมรับว่าข้าละเมิดกฎแต่ถึงยังไงผลที่ตามมาก็ยังไม่เท่ากับการสังหารศิษย์ด้วยกัน การสังหารข้าจะทำให้เจ้าต้องได้รับโทษสูงสุด”
“เจ้าพยายามที่จะขู่ข้า?” หลินเฟิงกล่าว ชายในเสื้อคุมดำเริ่มหวาดกลัวขึ้นเรื่อยๆ หน้าผากของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“นอกจากนี้ มันจะไปสำคัญอะไร?” หลินเฟิงเหลือบมองไปที่หลิ่วเฟยที่อ่อนล้าจากนั้นก็กล่าวต่อ “ข้าคิดว่าผลลัพธ์ที่จะตามมาจากการที่เจ้าล่วงเกินนางกว่า 3 เดือนมันร้ายแรงยิ่งกว่าการเอาชีวิตที่น่าสมเพชของเจ้าเสียอีก”
“เจ้าไม่สามารถสังหารเขาได้” การพูดแทรกของชุยถิงดึงดูดความสนใจของหลินเฟิง หลินเฟิงหันกลับไปมองเขาเล็กน้อย
“เจ้าจะสังหารเขาไม่ได้ มิฉะนั้นเจ้าจะต้องเสียใจ” ชุยถิงกล่าว
“โทษทีที่ทำให้เจ้าต้องผิดหวัง ข้าไม่เคยเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป” หลินเฟิงเริ่มเคลื่อนตัวซึ่งทำให้ชุยถิงต้องตะโกนอย่างเร่งรีบ “เดี๋ยว รอเดี๋ยวก่อน!”
“เจ้าอยากจะพูดอะไรอีก?” หลินเฟิงกล่าว
“เขาคือน้องชายคนเล็กของเฮยม๋อ ถ้าเจ้าฆ่าเขา เฮยม๋อจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไป”
“เฮยม๋อ!” บางคนอุทานขึ้น พวกเขาต้องการที่จะดูว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น พวกเขาตื่นตระหนกเมื่อรู้ว่าชายในเสื้อคลุมดำคือน้องชายของเฮยม๋อ
หยวนซานที่อยู่ในกลุ่มคนเองก็ตื่นตระหนกเหมือนกับทุกคน เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับเฮยม๋อ
“หลินเฟิง, เฮยม๋อคือ 1 ใน 10 ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักสวรรค์! เขาแทบจะไม่เคยมาฝึกฝนที่นี่แต่เมื่อใดที่เขามา เขาจะต้องอยู่ชั้นล่างสุดอย่างแน่นอน!” หยวนซานกล่าวเตือนจากในกลุ่มคน เฮยม๋อไม่ใช่คนที่จะไปยั่วยุได้
เกิดประกายแสงแวบผ่านในดวงตาของหลินเฟิง ชายในเสื้อคลุมดำรู้สึกโล่งใจ
“ใช่ ข้าคือน้องชายของเฮยม๋อ ถ้าเจ้าสังหารข้า เขาจะต้องตามล่าเจ้าอย่างแน่นอน” ชายในเสื้อคลุมดำกล่าวเชิงข่มขู่
“ปัญญาอ่อน” หลินเฟิงกล่าวเมื่อได้ยินคำขู่ของชายหนุ่ม หลินเฟิงยกดาบขึ้นและตัดคอของเขา ในตอนนี้เองทุกคนกลายเป็นตกตะลึงโดยสมบูรณ์
ไม่มีใครคิดว่าหลินเฟิงจะกล้าทำเช่นนี้เมื่อได้ยินเกี่ยวกับเฮยม๋อ เขาสังหารน้องชายของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น 1 ในศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักโดยไม่ลังเล
ชายในเสื้อคลุมดำไม่คิดว่าเขาต้องมาตายในสภาพอนาถเช่นนี้ เขาคิดว่าหลินเฟิงจะต้องลามือหากได้ยินชื่อพี่ชายของเขา
ชายในเสื้อคลุมดำเสียใจอย่างมากกับสิ่งที่เขาทำลงไป เขาเกลียดตัวเองที่ไปยั่วยุหลินเฟิง จริงๆแล้วเขาไม่ได้เกลียดหลินเฟิงมากนักและหลินเฟิงเองก็ไม่ได้เกลียดเขา พวกเขาไม่ได้มีความบาดหมางกันจะกระทั่งเขาก่อเรื่องขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคิดว่าการตายก็เป็นบทลงโทษที่รุนแรงเกินไป
“เป็นคนที่โหดเหี้ยมอะไรเช่นนี้” ชุยถิงถอนหายใจ เขาไม่คิดว่าหลินเฟิงจะกล้าสังหารชายหนุ่มหลังจากที่ได้ยินเรื่องของเฮยม๋อ
หลินเฟิงหยิบเศษผ้าและเช็ดดาบของเขา จากนั้นเขาก็เก็บดาบลงไปก่อนที่จะเหลือบมองไปยังชุยถิง
“ถ้าเขาไม่ใช่น้องชายของเฮยม๋อ เขาคงไม่กล้าที่จะอวดดีและฝ่าฝืนกฎของสำนัก ข้าพูดถูกไหม?” หลินเฟิงกล่าวอย่างเย็นชาและมองไปที่ศพบนพื้น
ชุยถิงประหลาดใจและพยักหน้า ปราศจากชื่อเสียงของเฮยม๋อ ชายในเสื้อคลุมดำคงไม่กล้าที่จะทำแบบนี้
“เพราะฉะนั้นต้นเหตุของเรื่องก็คือเฮยม๋อ…. เขาคือคนที่ทำลายกฎของสำนัก เพราะเขา สหายของข้าจึงถูกคุกคามทั้งวันทั้งคืนเป็นเวลากว่าร้อยวัน… แต่เฮยม๋อก็คงจะไม่รับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้น ข้าพูดถูกไหม?” หลินเฟิงกล่าว ชุยถิงตระหนักได้ในทันที ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมหลินเฟิงถึงได้สังหารชายในเสื้อคลุมดำ
ไม่ใช่ว่าหลินเฟิงจะไม่นึกเกี่ยวกับเฮยม๋อเมื่อเขาสังหารชายในเสื้อคลุมดำ แต่จริงๆแล้วมันตรงกันข้าม หลินเฟิงไม่เพียงแค่คิดว่าเฮยม๋อคือผู้ที่ทำตัวเหนือกฎ เขาคิดว่าเป็นเพราะเขาจึงทำให้หลิ่วเฟยต้องถูกรังควานตลอดทั้งหนึ่งร้อยวัน นั่นเป็นเหตุผลที่หลินเฟิงสังหารชายหนุ่ม มันคือคำเตือน! เขากำลังจะบอกทุกคนในสำนักว่าใครก็ตามที่กล้าแตะต้องคนรอบตัวหรือสหายของเขาจะต้องจ่ายด้วยชีวิต!
“ไปกันเถอะ” หลินเฟิงกล่าวกับหลิ่วเฟย หยวนซานและจิ้งยวิ๋นก็จากไปด้วยเช่นกัน ชุยถิงและศพของชายในเสื้อคลุมดำถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง
“เจ้ามีนามว่าอะไร?” ชุยถิงถาม
“หลินเฟิง” หลินเฟิงตอบในขณะที่กำลังเดินจากไป
“หลินเฟิง…” ชุยถิงพึมพำ เขาจะต้องทำให้แน่ใจว่าไม่มีทางที่จะลืมชื่อนี้ กลุ่มคนต่างก็ต้องจดจำชื่อของหลินเฟิงไว้ด้วยเช่นกัน ใครจะสามารถลืมชื่อของคนที่กล้ายั่วยุเฮยม๋อ?
หลังจากหลินเฟิงและคนอื่นๆจากไป ชั้นที่ 10 ยังคงเต็มไปด้วยผู้คน มีคนจำนวนมากมารวมตัวกัน ณ ที่แห่งนี้ นี่มันถือเป็นเรื่องใหญ่อย่างมากที่ใครบางคนกล้าที่จะสังหารผู้อื่นในหอคอยบ่มเพาะพลัง พวกเขาไม่รู้ว่าใครคือผู้ที่กล้าหาญเช่นนี้ ในตอนนั้นเองชายหนุ่มที่ดูชั่วร้ายก็กำลังเดินขึ้นไปยังชั้นที่ 10
ชายหนุ่มที่ดูชั่วร้ายมาถึงยังชั้นที่ 10 และจ้องมองไปยังศพ ใบหน้าของเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลง เขาดูสงบอย่างไม่น่าเชื่อ เขาคือพี่ชายของชายในเสื้อคลุมดำ เฮยม๋อ
“ใครฆ่าเขา?” เฮยม๋อถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแส
“หลินเฟิง” ชุยถิงตอบ “เขาแข็งแกร่งเกินไป ข้าไม่สามารถรับมือเขาได้”
เฮยม๋อยังคงเงียบสงบและเหลือบมองไปยังศพ จากนั้นก็กล่าว “ทำให้เขามาที่ตระกูลของข้า… และจงไปตรวจสอบชื่อของเขาอีกครั้งจนกว่าจะแน่ใจว่านั่นเป็นชื่อจริงๆของเขา” เมื่อเฮยม๋อพูดเสร็จเขาก็หันหลังและเดินจากไป เขาเดินออกไปจากหอคอยโดยปราศจากคำพูด
…………
เมื่อหลินเฟิงและคนอื่นๆเดินมาถึงในส่วนที่พัก เขาถอนหายใจออกมาและเตรียมที่จะกลับไปยังห้องของเขา
“อย่าได้ใจร้อนที่จะไปหาอีกคน” เสียงที่อยู่ข้างกายของหลินเฟิงดังขึ้น
หลินเฟิงประหลาดใจ เขายิ้มแปลกๆและมองไปยังหลิ่วเฟย
“เจ้าโกรธหรือ?” หลินเฟิงยิ้มขณะจ้อมมองไปในดวงตาของนาง
“ทำไมข้าต้องโกรธ?” หลิ่วเฟยตอบอย่างเย็นชาและหลบสายตาของหลินเฟิง
หลินเฟิงยิ้มที่มุมปาก “เจ้าพูดว่าไม่โกรธ แต่ทำไมข้าสามารถสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเจ้า?”
“บางทีอาจจะเป็นเพราะหูของเจ้าสกปกเกินไปจนทำให้มันเพี้ยน” หลิ่วเฟยตอบ
“อย่างนั้นหรือ?” หลินเฟิงทำได้เพียงเกาหัว จากนั้นเขาก็ยิ้มและกล่าว “พวกเราเพิ่งจะกลับมาจากการฝึก เห็นได้ชัดว่าพวกเราควรที่กลับไปที่ห้องนั่งเล่น…. แต่ดูเหมือนว่าเจ้าคิดว่าข้าทนไม่ได้ที่จะได้เจอกับเมิ่งฉิง? เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าต้องการให้ข้าไปยังห้องของเจ้า?”
“อย่าได้เพ้อฝัน!” หลิ่วเฟยกล่าวขณะกระทืบเท้าด้วยความโกรธ ชายคนนี้จะต้องมีปัญหาทางจิตแน่ๆ! จากนั้นนางก็รีบตรงไปยังห้องของนาง
หลินเฟิงจ้องมองไปยังหลิ่วเฟยและยิ้ม แม้ว่านางจะอารมณ์เสียแต่นางก็ยังคงน่ารัก นางมักจะซ่อนความรู้สึกของตัวเอง
หลินเฟิงเดินไปถึงที่พักของตัวเองและเคาะประตู
“เข้ามา” เมิ่งฉิงกล่าวอย่างเย็นชา หลินเฟิงเข้ามาในทันที เขาจ้องมาไปที่เมิ่งฉิงที่กำลังนั่งอยู่ จากนั้นนางก็พูดขึ้น “โอ้ เจ้ากลับมาแล้ว”
เมิ่งฉิงไม่ได้ปิดบังใบหน้าของนางอีกต่อไป หลินเฟิงสามารถมองเห็นใบหน้าของนางได้จากนั้นเขาก็ต้องถอนหายใจด้วยความฉุนเฉียว ทำไมพระเจ้าถึงได้สร้างสิ่งที่งดงามเช่นนี้? นี่มันโหดร้ายเกินไป
“ในชีวิตเก่า คนที่ร่ำรวยที่สุดจะใช้สมบัติทั้งหมดเพื่อครอบครองสิ่งที่งดงามเช่นนี้” หลินเฟิงคิด เมื่ออยู่ต่อหน้าเมิ่งฉิง หากเขาสามารถทำให้นางยิ้มได้ทุกวันมันจะวิเศษขนาดไหน?
“เกิดอะไรขึ้นในวันนั้น…. หรือว่ามันจะเกิดขึ้นอีกครั้ง?” หลินเฟิงถามขณะที่เดินตรงไปยังเมิ่งฉิง
เมิ่งฉิงจ้องมองไปที่หลินเฟิง จากนั้นนางก็กล่าว “ข้ายังไม่เคยบอกเรื่องนี้กับเจ้า… มันจะเกิดขึ้นทุกๆ 6 เดือน”
ติดตามได้ที่ –