I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Peerless Martial God ตอนที่ 136 ความกดดันด้านหน้าประตู

| Peerless Martial God | 2537 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

ทุกๆ 6 เดือน! เมิ่งฉิงช่างน่าสงสารจริงๆที่ต้องผ่านเรื่องทรมานเช่นนี้ทุกๆ 6 เดือน แล้วทำไมนางถึงต้องอดทนกับความทุกข์ทรมานเช่นนี้กัน?

 

“ถ้าในอนาคตมันเกิดขึ้นอีกครั้ง เจ้าต้องบอกข้า! ข้าสามารถช่วยเจ้าได้ ข้าไม่ต้องการให้เจ้าต้องทนทุกข์ทมานแบบนั้นอีก ตอนนี้ข้าอยู่ที่นี่แล้ว” หลินเฟิงพูดกับเมิ่งฉิง จิตวิญญาณงูของเขาสามารถดูดกลืนปราณอันเยือกเย็นได้ นอกจากนี้งูของเขายังเติบโตขึ้นหลังจากดูดกลืนปราณ

 

จิตวิญญาณงูของเขาลึกลับมาก…กลืนกินปราณของผู้อื่นได้มันไม่ใช่เรื่องปกติ

 

“เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยว่าจริงๆแล้วในวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น” เมิ่งฉิงกล่าวขณะจ้องหลินเฟิง ในตอนนั้นนางอ่อนเพลียและนอนหลับอยู่บนอกของหลินเฟิง มันเป็นช่วงเวลาที่น่าอับอายมากแต่นางลืมว่าก่อนหน้านั้นเกิดอะไรขึ้น

 

“ถ้างั้นเจ้าต้องบอกข้ามาก่อนว่าปราณอันเยือกเย็นพวกนั้นมันมาจากไหน?” หลินเฟิงกล่าว

“ข้าเกิดมาพร้อมกับมัน” เมิ่งฉิงตอบกลับซึ่งทำให้หลินเฟิงประหลาดใจ นางเกิดมาพร้อมกับมัน?

 

หลินเฟิงเคยได้ยินว่าใครบางคนเกิดมาพร้อมกับโรคภัยไข้เจ็บหรือความสามารถตามธรรมชาติ แต่ในกรณีของเมิ่งฉิงนั้นต่างกัน

 

“ข้าบอกเจ้าแล้ว ตาเจ้าพูดแล้ว” เมิ่งฉิงกล่าว

 

หลินเฟิงยิ้ม จากนั้นเขาก็ปลดปล่อยจิตวิญญาณงูของเขาออกมาและปรากฏอยู่เบื้องหลังเขา จากงูน้อยตัวเล็กๆในตอนนี้มันกลายเป็นงูขนาดใหญ่แล้ว มันขดตัวอยู่บนไหล่ของหลินเฟิง ดวงตาของมันทำให้มันดูเหมือนงูจริงๆมากกว่าเป็นจิตวิญญาณ ดวงตาทั้งสองของมันจ้องเขม็งไปที่เมิ่งฉิง

 

“หืม?” เมิ่งฉิงรู้สึกงงงวยเมื่อเห็นงู นางไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น

 

“มันเป็นจิตวิญญาณของข้า ข้ายังไม่รู้ว่ามันคืองูอะไร มันกลืนกินปราณอันเยือกเย็นทั้งหมดที่เจ้าปลดปล่อยออกมา และมอบพลังปราณนั่นเป็นพลังให้กับข้า” หลินเฟิงกล่าว

 

เมิ่งฉิงกลายเป็นตกตะลึง และจ้องมองย่างว่างเปล่าไปที่จิตวิญญาณงูของหลินเฟิง

 

แต่แล้วนางก็กลับกลายเป็นเย็นชาและเฉยเมยอย่างเช่นเคย จากนั้นเมิ่งฉิงก็พยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวว่า: “ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง”

 

หลินเฟิงพยักหน้าเล็กน้อยขณะขบคิดและกล่าว: “มันควรจะเป็นจิตวิญญาณงู แต่สำหรับข้ามันยังไม่ชัดเจนว่าเป็นงูอะไร”

 

“เจ้าจะรู้เมื่อถึงจุดนั้น” เมิ่งฉิงตอบกลับ

 

“ข้าก็หวังเช่นนั้น” หลินเฟิงตอบกลับขณะพยักหน้าและกล่าว: “ข้าจะกลับล่ะ ถ้าต่อจากนี้ไปเจ้าต้องการอะไรให้มาหาข้าได้ทุกเมื่อ”

 

เมิ่งฉิงพยักหน้า หลินเฟิงลุกขึ้นยืนและวางมือลงบนหัวของเมิ่งฉิง เขาลูบผมนางอยู่ชั่วครู่ซึ่งทำให้ร่างกายของนางสั่นเล็กน้อย

 

หลินเฟิงหันหลังกลับและเดินออกไป เมิ่งฉิงมองแผ่นหลังของหลินเฟิงและขมวดคิ้ว

“นั่น….เป็นจิตวิญญาณงู?” เมิ่งฉิงพึมพำ

 

นางรู้สึกว่านั่นมันเป็นจิตวิญญาณของสัตว์อสูร ไม่ใช่จิตวิญญาณงูอย่างแน่นอน…นางรู้สึกได้ถึงความพิเศษบางอย่างแต่ไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันคืออะไร มันเป็นจิตวิญญาณที่แปลกประหลาด ราวกับว่าจิตวิญญาณของหลินเฟิงมันมีเก้าหัว…มันไม่ใช่จิตวิญญาณสัตว์อสูรแต่มันเป็นจิตวิญญาณมังกร!

 

…………

 

มันเป็นช่วงเช้าตรู่ที่ไม่มีเฆมแม้แต่ก้อนเดียวราวกับเป็นพื้นที่ที่ไม่มีที่สิ้นสุด

 

ในสำนักสวรรค์ มีผู้คนมากมายกำลังกระซิบพูดคุยกันเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหอฝึกตน

 

คำพูดที่ผู้คนพูดถึงกันบ่อยมากที่สุดในบทสนทนาคือ: หอฝึกตน และเฮยม๋อ

 

ในขณะนั้น มีผู้คนสองคนกำลังเดินอยู่บนทางเดินอันกว้างขวางของสำนักสวรรค์และกำลังพูดคุยกัน

 

“ข้าได้ยินมาว่าชื่อของเขาคือหลินเฟิง ในวันลงทะเบียนเขาทำให้ศิษย์ของสำนัก 2 คนได้รับความอัปยศ: จั่วชิวและไป๋เจ้อ เป้าหมายของเขาคือทำให้ผู้บ่มเพาะพลังที่มีชื่อเสียงและร่ำรวยได้รับความอับอายขายหน้า” หนึ่งในสองคนกล่าว

 

ข่าวคราวเรื่องที่เกิดขึ้น ณ หอฝึกตนได้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วในสำนักเพราะหลินเฟิงได้แหกกฏและสังหารศิษย์ไปคนหนึ่ง

 

ข่าวแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วราวกับความเร็วของแสง ไม่เพียงแต่หลินเฟิงจะแหกกฏเท่านั้น แต่เขายังมีเรื่องกับ1 ใน 10 ศิษย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในสำนัก เฮยม๋อ!

 

ข่าวลือเกี่ยวกับศิษย์สิบคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในสำนักแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเฮยม๋อไม่ได้เป็นศิษย์ที่อยู่อันดับสูงสุด แต่เขาก็ยังคงแข็งแกร่งอยู่ดี

 

“ใครเป็นคนบอกเจ้าเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันลงทะเบียน? เขาต้องภาคภูมิใจและหยิ่งถ้าเขาทำให้ศิษย์ที่มีชื่อเสียงและร่ำรวยได้รับความอับอาย…แต่คราวนี้เขาทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง ข้าหมายถึงชุยถิงได้เตือนเขาแล้วว่าเขาเป็นน้องชายของเฮยม๋อ แต่เขายังกล้าที่จะสังหารน้องของเฮยม๋อ นั่นถือว่าเป็นความอัปยศต่อเฮยม๋อ หลินเฟิงจะต้องเสียใจกับสิ่งที่เขาได้ทำลงไปอย่างแน่นอน เขาไม่มีทางที่จะเอาชนะเฮยม๋อได้”

 

“เจ้าพูดถูก ศิษย์ทั้งสิบคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในสำนัก…โชคก็ไม่สามารถช่วยหลินเฟิงได้” หนึ่งในทั้งสองคนกล่าว พวกเขามีความภาคภูมิใจในการวิเคราะห์สถานการณ์ของพวกเขา

 

ในเวลาเดียวกันในสถานที่อันห่างไกล ร่างเงาสองร่างกำลังดึงดูดความสนใจจากผู้คนในกลุ่มฝูงชน ทันใดนั้นผู้คนจำนวนมากเริ่มจ้องมองพวกเขา

 

กลุ่มคนอยู่ห่างประมาณ 100 เมตร จากสองคนที่กำลังพูดคุยกันอยู่ และสังเกตเห็นเงาร่างหนึ่งในฝูงชน ทำให้พวกเขาผงะ

 

“เฮยม๋อ!” เฮยม๋อทำให้ฝูงชนประหลาดใจ

 

“ตรงนั้นมีผู้คนเยอะ มันต้องมีอะไรกำลังเกิดขึ้นแน่ๆ” คนสองคนกล่าวขณะมอง

 

เฮยม๋อไม่ได้เดินเร็วมากนักแต่เขาดูมุ่งมั่น ไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็มาถึงใกล้ๆพระราชวังที่ศิษย์ประเภทที่หนึ่งอาศัยอยู่

 

ในขณะนั้น ได้มีร่างเงาค่อยๆเดินออกมาจากราชวังอย่างช้าๆ

 

“หืม…หลินเฟิง…คนผู้คนั้นออกมาจากหอฝึกตน” หยวนซานกล่าวเมื่อเขาเห็นฝึกชนกำลังเข้ามาหาพวกเขา ชุยถิงเดินอยู่ข้างๆชายหนุ่มที่ดูชั่วร้าย หยวนซานจำเขาได้อย่างแม่นยำจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหอฝึกตน

 

หลินเฟิงไม่หยุดเดิน หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายก็เผชิญหน้ากัน หลินเฟิงมองชุยถิงก่อนแล้วค่อยๆหันหน้าไปมองชายหนุ่มผู้ดูชั่วร้าย จากนั้นเขาก็พูดว่า: “เฮยม๋อ ข้าเข้าใจเจ้า”

 

เฮยม๋อมองหลินเฟิงอย่างเย็นชาจากนั้นเขาก็เหลือบไปมองเวิ่นเหงาเสวี่ย ทำเป็นไม่เห็นหัวหลินเฟิง

 

“ข้าต้องการชีวิตมัน” เฮยม๋อดูสงบเยือกเย็นอย่างไม่น่าเชื่อ แต่เขาไม่ได้พูดคุยกับหลินเฟิง เพราะชีวิตของหลินเฟิงถูกเวิ่นเหงาเสวี่ยปกป้องอยู่

 

เวิ่นเหงาเสวี่ยเพียงแค่ยิ้มบนใบหน้าที่งดงามของเขาซึ่งทำให้เขาดูเหมือนกับหญิงสาวผู้งดงาม จากนั้นเขาก็ส่ายหัวอย่างเฉยเมยและกล่าว: “เขาเป็นสหายของข้า”

 

“ถ้างั้นมันก็เป็นปัญหาแล้ว ในหอฝึกตนมันได้สังหารน้องชายของข้าหลังจากได้ยินชื่อของข้า มันทำให้ข้าได้รับความอับอาย เจ้าไม่ควรมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้” เฮยม๋อกล่าว เขาไม่ได้พูดคุยกับหลินเฟิง แต่กำลังคุยกับเวิ่นเหงาเสวี่ย

 

หลินเฟิงรู้สึกประหลาดใจขณะมองเวิ่นเหงาเสวี่ย เวิ่นเหงาเสวี่ยผู้ที่งดงามกว่าหญิงสาวบางคน

 

“ข้าได้ยินมาว่าน้องชายของเจ้าเป็นคนแหกกฏของสำนักก่อน นอกจากนี้เป็นเพราะความอ่อนแอของเขาที่ไปตามคนอื่นมาช่วย ผลสุดท้ายเขาเลยตาย สิ่งเดียวที่ควรจะตำหนิคือความอ่อนแอของตัวเขาเอง”

 

“เขาสามารถตำหนิความอ่อนแอของตัวเขาเองได้ แต่หลินเฟิงมันเป็นเพียงแค่ศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้าสำนักมาได้ไม่นาน หลังจากนั้นไม่นานมันก็ทำให้หลายคนต้องได้รับความอัปยศ มันทำให้ข้าได้รับความอัปยศด้วยเช่นกัน มันต้องตาย หรือว่าเจ้าไม่เห็นด้วย?” เฮยม๋อกล่าว ซึ่งทำให้ทุกคนมึนงง

 

เฮยม๋อต้องการสังหารหลินเฟิง ไม่ใช่เพราะหลินเฟิงสังหารน้องชายของเขาเท่านั้น แต่เขายังทำให้เขาได้รับความอัปยศทั้งๆที่ได้ยินชื่อของเขาแต่เขาก็ยังสังหารน้องชายของเขา กล่าวคือแม้ว่าหลินเฟิงจะได้ยินชื่อของเฮยม๋อแต่เขาก็ยังกล้าที่จะสังหารน้องชายของเขา เฮยม๋อต้องการสังหารเขาเพื่อกู้หน้าคืนไม่มีอะไรมากกว่านั้น

 

สำหรับคนประเภทนี้ ใบหน้าถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของพวกเขา มันสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของหลินเฟิง

 

“เจ้าก็รู้ว่าเขาเป็นศิษย์ใหม่ของที่นี่…เฮยม๋อเจ้ากล้าที่จะข่มขู่ศิษย์ใหม่อย่างงั้นหรือ? เจ้าไม่ละลายใจเลยหรือไง?”

 

“มันมีความผิดและต้องถูกทำโทษ…และราคาที่ต้องจ่ายคือชีวิตของมัน” เฮยม๋อกล่าวผู้ที่เมินคำพูดของเวิ่นเหงาเสวี่ย จากนั้นเขาก็พูดอย่างเย็นชาและไม่แยแสว่า: “เจ้าสามารถปกป้องมันได้แต่ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะอยู่กับมันตลอด ถ้าเจ้าไม่ได้อยู่กับมัน ข้าสามารถสังหารมันได้อย่างง่ายได้ แล้วใครจะหยุดข้าได้?” เมื่อเฮยม๋อพูดจบ เขาหยุดมองเวิ่นเหงาเสวี่ยและจ้องมองหลินเฟิง

 

“เจ้าเป็นคนฉลาดและต้องมีความสุขกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น…เจ้าเป็นเด็กหนุ่มที่ฉลาดแต่เจ้าเคยคิดว่าการกระทำของเจ้าจะนำเจ้าไปสู่ความตายหรือไม่?” เฮยม๋อกล่าวอย่างเย็นชาและกล่าวเพิ่มเติมว่า : “หรือเจ้าคิดจริงๆว่าเจ้าสามารถหลบอยู่ด้านหลังเวิ่นเหงาเสวี่ยไปได้ตลอดชีวิต?”

 

“เจ้าพูดจบยัง?” หลินเฟิงกล่าวอย่างเย็นชากับเฮยม๋อ เมื่อเห็นเฮยม๋อพูดไม่หยุด ใบหน้าของหลินเฟิงไร้ความรู้สึกราวกับว่า 1 ใน 10 ศิษย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของสำนักไม่สามารถทำให้เขาหวาดกลัวหรือวิตกกังวลได้

 

เมื่อเฮยม๋อได้ยินหลินเฟิงกล่าว เขายิ้มอย่างเย็นชา รอยยิ้มของชั่วร้ายมากจากนั้นเขาก็กล่าวว่า: “ข้าพูดจบแล้ว แล้วเจ้าจะเอายังไง?”

 

****************************************************

ติดตามได้ที่ –

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments