I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Peerless Martial God ตอนที่ 138 ลานประลองเชลย

| Peerless Martial God | 1513 | 2364 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ทุกๆคนในสำนักรู้ข่าวอย่างรวดเร็วว่าหลินเฟิงได้ท้าทายเฮยม๋อด้วยการต่อสู้ด้วยชีวิต

 

ไม่ใช่แค่ศิษย์ที่เรียนเรื่องด้านทหารเท่านั้นที่ได้ยิน แม้แต่ผู้คนที่เรียนรู้เรื่องการเมืองรวมถึงเรียนเพื่อเป็นนักฆ่าก็ได้ยินเรื่องนี้เช่นกัน

 

ผู้คนเริ่มสนใจหลินเฟิงว่าเขาเป็นใครกัน? เขาเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้และได้รับการยอมรับให้เข้าสำนักปราศจากข้อผูกมัด ทำไมรองเจ้าสำนักถึงเชิญเขาเข้าร่วมสำนักกัน?

 

ในขณะนั้นผู้คนพยายามเข้าใจถึงตัวตนของหลินเฟิง แต่พวกเขาก็ต้องประหลาดใจกับข้อมูลที่พวกเขาได้มานั้นตรงกันข้าม ดูเหมือนหลินเฟิงจะมีสถานที่สูงในสังคม แต่เขาก็ดูเหมือนมีสถานต่ำต้อยในสังคม…มันเป็นเช่นนั้นข้อมูลทั้งหมดที่พวกเขาได้มันมีความขัดแย้งกันมากมาย เมื่อพวกเขาได้ข้อมูลมาก็จะได้ข้อมูลที่ขัดแย้งอีกอันมา ราวกับว่ามีบางคนกำลังพยายามทำให้ทุกคนสับสนกับตัวตนที่แท้จริงของเขา

 

ถ้ามันเป็นผลมาจากการกระทำของใครบางคน ถ้าเป็นเช่นนั้นมันก็จะน่ากลัวอย่างแท้จริง นั่นก็เหมือนกับเป็นการมอบพลังให้กับหลินเฟิง

 

แต่หลินเฟิงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้

 

หยวนซานและเวิ่นเหงาเสวี่ยไม่ได้อยู่ในสำนัก

 

ในขณะนั้น ได้มีกำแพงขนาดใหญ่อยู่เบื้องหน้าพวกเขา กำแพงขนาดใหญ่ล้อมรอบเมืองเล็กๆ มันเป็นเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งภายในเมืองจักรพรรดิ

 

กำแพงในสายตาพวกเขานั้น มันเป็นกำแพงที่กว้างขวางมากราวกับไร้ที่สิ้นสุด

 

“เข้าไปกันเถอะ” เวิ่นเหงาเสวี่ยกล่าวให้กับคนอื่นคนหนึ่งฟัง พวกเขาเริ่มเดินตรงเข้าไปในประตูขนาดใหญ่ของเมืองเล็กๆแห่งนี้

 

“ได้โปรดให้พวกข้าเข้าไปข้างใน” เวิ่นเหงาเสวี่ยกล่าวขณะมอบหินบริสุทธิ์ให้กับยามหน้าทางเข้า สิ่งที่น่าแปลกใจคือเขามอบหินบริสุทธิ์คุณภาพปานกลางให้กับยาม

 

นอกจากนี้ หลินเฟิงยังสังเกตเห็นว่าไม่เพียงแค่เวิ่นเหงาเสวี่ยเท่านั้นที่ต้องเสียภาษี แต่ทุกคนที่ต้องการเข้าไปล้วนต้องเสียภาษี

 

หลังจากเข้าไปหลินเฟิงก็เห็นตลาดที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายและเต็มไปด้วยความคึกครื้น

 

“ที่นี่มันอะไรกัน?” หลินเฟิงกล่าว ขณะมองตลาด

 

“ที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่คึกครื้นที่สุดในเมืองจักรพรรดิ สิ่งที่เจ้าต้องการหรือสิ่งที่เจ้าอยากได้ เจ้าสามารถมาที่แห่งนี้เพื่อหาของที่เจ้าต้องการได้” เวิ่นเหงาเสวี่ยอธิบายให้หลินเฟิงฟัง

 

หลิ่วเฟยผู้ที่อยู่ข้างๆหลินเฟิง นางดูตื่นเต้นและกล่าวว่า: “ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ แต่ข้าไม่เคยมาที่นี่มาก่อน ดูเหมือนมันจะดูมีชีวิตชีวามากกว่าที่ข้าได้จินตนาการไว้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเมืองจักรพรรดิถึงมั่งคั่ง ตอนนี้ข้ารู้เหตุผลนั้นแล้ว”

 

หลินเฟิงพยักหน้า และเวิ่นเหงาเสวี่ยยิ้ม

 

“หลินเฟิง เจ้าสามารถหาหญิงสาวสวยๆได้ในที่แห่งนี้หากเจ้าต้องการความเพลิดเพลิน” เวิ่นเหงาเสวี่ยกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า เมื่อหลินเฟิงได้ยินทำให้เขารู้สึกทึ่งส่วนหลิ่วเฟยนางดูโกรธ สายตาที่หลิ่วเฟยมองทำให้หลินเฟิงตัวสั่น เขาพยายามยิ้มแต่มันดูอึดอัดเกินไป แล้วทำไมเวิ่นเหงาเสวี่ยถึงพูดเรื่องแบบนี้กัน?

 

“นอกจากนี้ เจ้าสามารถเข้ามาในที่แห่งนี้ได้อย่างง่ายดายตราบใดที่เจ้ามีหินบริสุทธิ์เพียงพอ เจ้าสามารถซื้ออาวุธ หรือแม้กระทั่งคนได้ อย่างเช่นใช้หินบริสุทธิ์เพื่อซื้อทาสนอกจากนี้เจ้ายังสามารถหาทักษะต่อสู้หรือเทคนิคการเคลื่อนไหวได้” เวิ่นเหงาเสวี่ยกล่าว

 

หลินเฟิงรู้สึกมึนนงง อาวุธ, ผู้หญิง, ทาส, ทักษะและเทคนิค… ไม่มีใครสามารถทนต่อสิ่งเร้าเหล่านี้ได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมสถานที่แห่งนี้จึงเต็มไปด้วยผู้คน

 

ตราบใดถ้ามีหินบริสุทธิ์เพียงพอ ผู้ใดก็สามารถทำได้ทุกอย่างหากพวกเขาต้องการทำในสถานที่แห่งนี้ ไม่มีอะไรไม่มีขายในที่แห่งนี้

 

“พวกเราน่าจะมาสถานที่แห่งนี้ให้เร็วกว่านี้” หลินเฟิงคิด ตามที่เวิ่นเหงาเสวี่ยได้พูดไว้ หลินเฟิงรู้สึกสนใจหลายๆอย่าง

 

อย่างเช่น ทาส!!

 

“แน่นอน ผู้บ่มเพาะพลังที่แท้จริงจะไม่ไปสถานที่ที่ข้าพูดนั้นเป็นแห่งแรก หรือเจ้าอย่างไปเพลิดเพลินกับหญิงสาว…เฉพาะคนที่มั่งคั่ง เสื่อมทรามและต่ำช้าเท่านั้นที่จะไปย่านดังกล่าว ผู้บ่มเพาะพลังที่แท้จริงจะไปยังย่านอื่นๆของตลาด และย่านอีกแห่งคือที่ที่ศิษย์ที่เรียนรู้ทางด้านทหารมักจะไป” เวิ่นเหงาเสวี่ยกล่าวดักหลินเฟิง

 

“ย่านไหน?” หลินเฟิงถาม เขาอย่างรู้อย่างเห็นเป็นอย่างมาก สถานที่ที่ศิษย์เรียนรู้ด้านทางทหารมักจะไปคือที่ไหน?

 

“สถานที่ที่เต็มไปด้วยผู้คน มันเป็นสถานที่ที่น่าสยดสยองคนที่มีจิตใจไม่แข็งแกร่งพอจะไม่สามารถอยู่ในสถานที่แห่งนั้นได้ แต่มันเป็นสถานที่ดีสำหรับฝึกฝนและเก็บเกี่ยวประสบการณ์: มันคือลานประลอง”

 

“เจ้ากำลังพูดถึงลานประลองเชลย!” หลิ่วเฟยกล่าวขึ้นมา

 

“ใช่แล้ว มันคือลานประลองเชลย มันเป็นสถานที่ที่บ้าระห้ำมากแม้แต่ศิษย์ที่เรียนรู้ด้านทางทหารของสำนักเราบางคนยังไม่กล้าไป” เวิ่นเหงาเสวี่ยกล่าว จากนั้นเขาก็กล่าวเพิ่มเติมว่า: “หลินเฟิง สถานที่แห่งนั้นมันเหมาะสมกับเจ้ามาก ถ้าเจ้าต้องการแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเจ้าควรไปสถานที่แห่งนี้”

 

“ลานประลองเชลย…” หลินเฟิงพูดพึมพำ จากนั้นเขาจึงถาม: “ลานประลองเชลยมันเป็นสถานที่แบบไหนกัน?”

 

“ลานประลองเชลย? เจ้าต้องไปดูด้วยตาตัวเอง” เวิ่นเหงาเสวี่ยกล่าว จากนั้นพวกเราเริ่มเดินไปทันที หลินเฟิงอยากรู้อยากเห็นมากว่าลานประลองนี้มันเป็นเช่นไร

 

ตลาดแห่งนี้ราวกับเป็นเมืองที่อยู่ในเมือง มันกว้างขวางมาก ราวกับไม่มีที่สิ้นสุดในสายตาของพวกเขา พวกเขารีบเดินไปอย่างรวดเร็ว แต่หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไป พวกเขาก็ยังไปไม่ถึงลานประลองเชลย

 

แต่ในขณะนั้นหลินเฟิงได้ยินเสียงต่างๆมากมายหลายเสียง ทันใดนั้นด้านหน้าเขาได้มีกลุ่มคนกำลังรวบตัวกันอยู่ หลินเฟิงเห็นแต่หลังพวกเขาไม่สามารถดูได้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่

 

หลินเฟิงและสหายของเขาเริ่มเข้าไปดูใกล้ๆว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ สถานที่แห่งนั้นใหญ่มากและมีรูปร่างคล้ายกับแหวน มันใหญ่โตมากจริงๆ ตรงใจกลางของลานรูปร่างคล้ายกับแหวนขนาดใหญ่ มีปล่องภูเขาไฟมากมาย

 

“หลินเฟิง นี่แหละลานประลองเชลย ที่เจ้าเห็นคือผู้คนนับแสนอยู่ภายในลานประลอง มันเป็นแบบนี้ทุกๆวัน” เวิ่นเหงาเสวี่ยกล่าวขณะชี้ไปยังผู้คนจำนวนมาก

 

“ผู้คนนับแสนคน!” หลินเฟิงรู้สึกประหลาดใจ นั่นมันเป็นจำนวนคนที่มากมาย! มันมากเกินที่จะจินตนาการได้!

 

จากนั้นพวกเขาก็เดินลงบันไดไปยังข้างล่าง และมองฝูงชนจากระยะไกล

 

ปล่องภูเขาไฟลึกมากทำให้มันดูราวกับเป็นหุบเขาและมีรูมากมาย

 

ตรงกลางของหุบเขามีกรงสีเงินขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเงาของผู้คน

 

“เชลย!” หลินเฟิงเข้าใจทันทีว่าทำไมสถานที่แห่งนี้ถึงเรียกว่าลานประลองเชลย… มันทำให้เขานึกถึงโลกก่อนหน้านี้ของเขาในกรุงโรมโบราณที่บรรดาขุนนางต่างเฝ้าดูพวกทาสและสัตว์ป่าต่อสู้กันในโคลอสเซียม

 

แต่ฉากที่หลินเฟิงเคยเห็นในสายตาของเขานั้นน่าประทับใจกว่ามาก มันทำเขาสั่นตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับว่าจิตวิญญาณของเขากำลังสั่นเพราะความตื่นเต้น

 

“ภายในกรง จะมีการต่อสู้ทุกๆวัน ไม่ว่าจะเป็นผู้บ่มเพาะพลังต่อสู้กับสัตว์อสูรหรือผู้บ่มเพาะพลังต่อสู้กับผู้บ่มเพาะพลังด้วยกันเอง…และวิธีเดียวที่จะเป็นอิสระได้คือการสังหารฝ่ายตรงข้ามระหว่างการต่อสู้” เวิ่นเหงาเสวี่ยกล่าวให้หลินเฟิงฟัง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสถานที่แห่งนี้ถึงอยู่ห่างไกล

 

ทุกๆการต่อสู้จะมีการตายเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นผู้บ่มเพาะพลังหรือสัตว์อสูร

 

“ทุกๆปี ศิษย์ของสำนักของพวกเราบางคนได้ตกตายอยู่ที่นี่ จำนวนศพยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ” เวิ่นเหงาเสวี่ยกล่าวขณะมองไปยังกรงขังขนาดใหญ่ จากนั้นเขาก็พูดอย่างช้าๆว่า: “เฉพาะผู้ที่แข็งแกร่งและผู้บ่มเพาะพลังที่กล้าหาญเท่านั้นที่กล้าขึ้นไปบนนั้น…พวกเขาเป็นนักสู้ที่แท้จริง…เพราะภายในกรงมันมีกฎเหมือนกับสนามรบ”

 

**************************************************************

ติดตามได้ที่ – 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments