ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
อักษรอยู่บนใบหน้าของเขา ซึ่งทำให้มองเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาได้ยาก
รูปร่างภายนอกของเขาทำให้เขาดูโหดเหี้ยมและน่ารังเกียจ
นอกจากนี้ ดวงตาสีดำทั้งสองข้างของเขาทำให้เขาดูโหดเหี้ยมมากยิ่งขึ้น เพียงแค่มองหน้าเขาก็เพียงพอที่จะทำให้ทุกๆคนสั่นไหวเพราะความหวาดกลัวแล้ว
“ทำไมน่ากลัวขนาดนี้” ฝูงชนกล่าว พวกเขากำลังสั่นเทา
ทาสบ่มเพาะพลังต้องต่อสู้ทุกๆวัน ทำให้พวกเขาแข็งแกร่งมาก ดังนั้นทุกครั้งที่มีทาสบ่มเพาะพลังที่มาจากลานประลองเชลยถูกนำไปขาย จะทำให้เกิดการต่อสู้กันระหว่างผู้ที่ต้องการซื้อทาส
หลินเฟิงขมวดคิ้ว ทำไมเขาถึงดูโหดเหี้ยมขนาดนี้!
เขาไม่รู้ว่าทาสพวกนี้มาจากไหน แต่การทำสัญลักษณ์บนใบหน้ามันมากเกินไป มันละเมิดสิทธิ์มนุษยชนของพวกเขา และทำให้พวกเขาไม่มีอะไรมากไปกว่าสัตว์ พวกเขาไม่เคยมีชีวิตอยู่ในโลกจริงๆ พวกเขาต้องมีชีวิตอยู่ราวกับอยู่ในนรกตลอดไป
“ทาสผู้นั้นอยู่ระดับจิตวิญญาณขั้นที่ 3 เขาต่อสู้ชนะมาแล้ว 16 รอบ ถ้าใครสามารถเอาชนะเขาได้ จะได้รับหินบริสุทธิ์ 20 ก้อนหากอยู่เหนือกว่าขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 3 แต่ถ้าอยู่ขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 3 หรือต่ำกว่าจะได้รับหินบริสุทธิ์จำนวน 100 ก้อน” ชายชรากล่าวขณะนำเขาเข้าไปในกรง ฝูงชนทั้งหมดรู้สึกมึนงง เขาชนะการต่อสู้ 12 รอบซึ่งน้อยกว่าอสูรกิ้งก่า แต่ชนะคู่ต่อสู้ทั้งหมดที่เขามาท้าทาย เขาจะต้องเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าหวาดกลัวอย่างไม่น่าเชื่ออย่างแน่นอน
“ไป๋เจ๋อ มันอยู่ขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 3 เช่นเดียวกับเจ้า” ชายหนุ่มเสื้อคลุมเหลืองกล่าว ทำให้ไป๋เจ๋อประหลาดใจ เขาพยักหน้าทันทีและกล่าวว่า: “ข้าจะออกไปสู้”
“ดี” ชายหนุ่มเสื้อคลุมเหลืองกล่าวขณะยิ้ม ไป๋เจ๋อเดินไปที่ขอบกรงใกล้ชายชราที่อยู่ข้างใน ไป๋เจ๋อพยักหน้าให้เขา
ชายชรามองไปที่ไป๋เจ๋อและขมวดคิ้ว แล้วกล่าวว่า: “ทาสคนนี้แข็งแกร่งมาก เจ้ามั่นใจแล้วรึที่จะเข้าไปในกรง?”
“ข้ามั่นใจ” ไป๋เจ๋อกล่าวขณะพยักหน้าปราศจากความลังเล ชายชราจึงให้ไป๋เจ๋อเข้าไปในกรง
“หึ!” เวิ่นเหงาเสวี่ยพึมพำอยู่บนอัฒจันทร์เพื่อแสดงความไม่พอใจของเขา
หลินเฟิงรู้สึกประหลาดใจ น่าแปลกใจที่พวกเขาเตือนไป๋เจ๋อว่ามันเป็นการต่อสู้ที่อันตราย แต่ในตอนที่เขาต้องการต่อสู้กับอสูรกิ้งก่า ชายชรายกลับไม่พูดอะไรกับเขาเลยแม้ว่ากิ้งก่าอสูรนั้นจะแข็งแกร่งมาก
“หลินเฟิง ทาสคนนั้นไร้โชคจริงๆ” เวิ่นเหงาเสวี่ยกล่าว หลินเฟิงมองไปที่เขาอย่างมึนงงและถามว่า: “ข้ารู้ว่าไป๋เจ๋อแข็งแกร่งแค่ไหน และเขาไม่ได้พิเศษอะไรเลย ข้ารู้สึกได้ว่าไป๋เจ๋อจะพ่ายแพ้ก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มขึ้นเสียอีก”
“ไป๋เจ๋อไม่สามารถแพ้ได้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบลานประลองเชลย?” เวิ่นเหงาเสวี่ยกล่าว หลินเฟิงรู้สึกประหลาดใจและจ้องมองไปที่เวิ่นเหงาเสวี่ย
“ตระกูลไป๋เป็นผู้รับผิดชอบลานประลองเชลย ทุกอย่างถูกควบคุมโดยตระกูลของมัน” เวิ่นเหงาเสวี่ยกล่าวอย่างไม่แยแส หลินเฟิงกลายเป็นตะลึง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมชายชราถึงเตือนไป๋เจ๋อ เพราะตระกูลของเขาเป็นผู้รับผิดชอบที่นี่
“แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าไป๋เจ๋อแพ้?”
“พวกเขาก็ให้พวกเขาต่อสู้ไปอย่างงั้นแหละ แต่ไม่มีผลแพ้ชนะ” คำพูดของเวิ่นเหงาเสวี่ยนั้นลึกลับ เหมือนเขาจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในเบื้องหลัง
ในขณะนั้น ไป๋เจ๋อเผชิญหน้ากับทาสที่อยู่บนลานประลองในกรง และได้มีพลังปราณอันแข็งแกร่งและแหลมคมปรากฏขึ้นมาในบรรยากาศ
ไป๋เจ๋อเริ่มสั่นเทาเมื่อเขาเห็นการแสดงออกราวกับสัตว์เดรัจฉานในสายตาทาส
“ตาย!” ทาสผู้บ่มเพาะพลังตะโกน จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าไปหาไป๋เจ๋อทันที ทุกๆคนที่เข้ามาในกรงล้วนต้องการที่จะสังหารเขา ถ้าเขาไม่สังหารคนที่เขามาในกรง มันก็จะเป็นเขาเสียเองที่ถูกสังหาร
โซ่ที่ตรวนเขาอยู่ที่ขาส่งเสียดังไปทั่วบรรยากาศ ทาสกระโดดพุ่งเข้าไปหาไป๋เจ๋อราวกับหอกปลิดชีพ
“จิตวิญญาณพายุ …” หลินเฟิงพูดพึมพัมเมื่อเห็นจิตวิญญาณพายุปรากฏขึ้นอยู่เบื้องหลังไป๋เจ๋อ
ไป๋เจ๋อเป็นคนที่หยิ่งยโสมากๆ และคิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง…แต่หลินเฟิงสามารถจัดการเขาได้เพียงแค่นิ้วเดียว เขาไม่ได้มีเวลามากพอที่จะปลดปล่อยจิตวิญญาณของเขาและถูกหลินเฟิงทำให้เขาต้องได้รับความอับอายขายหน้า
แต่ไป๋เจ๋อยังอายุแค่ 18 ปีเท่านั้น ในที่อื่นๆเขาจะได้รับการพิจารณาว่าเป็นอัจฉริยะ ในนิกายหยุนไห่เขาก็ถือเป็นอัจฉริยะ แต่ในเมืองจักรพรรดิมีรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งกว่าเขามากมาย
ทาสไม่มองไป๋เจ๋อแม้แต่น้อย โซ่ของเขายังคงกระทบกระทั่งอยู่ในอากาศและทำให้เกิดเสียงฃ
“ป่าเถื่อนจริงๆ!” ไป๋เจ๋อคิดขณะที่สั่นเทา และถอยหลังไปสองสามก้าว ในขณะนั้นเถาวัลย์ภาพลวงตาเริ่มล้อมรอบร่างของไป๋เจ๋อ ทาสยังคงพุ่งเข้าไปหาไป๋เจ๋อเหมือนหอกที่แหวกว่ายผ่านอากาศช
การเคลื่อนไหวทาสไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆที่สูญเปล่าเลยแม้แต่น้อย เขาพุ่งตรงอย่างเดียวเพื่อสังหาร ไป๋เจ๋ออยู่ในตำแหน่งที่อันตราย
ไป๋เจ๋อสั่นไหวอย่างรุนแรง และพยายามที่จะขยับมือของเขา ทันใดนั้นปราณไหลออกมาจากร่างกายของเขา ซึ่งดูเหมือนพายุและพุ่งเข้าไปหาทาสด้วยความเร็วสูงสุด
ทันใดนั้นจู่ๆไป๋เจ๋อก็เกือบจะหายใจไม่ออกเพราะทาสได้ใส่พลังเข้าไปในเถาวัลย์ภาพลวงตาของเขามากยิ่งขึ้นซึ่งเป็นเกลียวล้อมรอบร่างของไป๋เจ๋อด้วยความช่วยเหลือจากจิตวิญญาณเถาวัลย์ของเขา และเขากำลังเดินตรงเข้าไปหาไป๋เจ๋อ
“แข็งแกร่งอะไรขนาดนี้!” ฝูงชนประหลาดใจในสายตาของตัวเอง ทาสแข็งแกร่งมากๆ ทุกๆการเคลื่อนไหวของเขาล้วนสมบูรณ์แบบ เขาทั้งรวดเร็ว, ว่องไวและมีประสบการณ์ในการต่อสู้
หลินเฟิงขมวดคิ้ว เขาจำได้ว่าเขาเคยเห็นจิตวิญญาณประเภทนี้มาก่อนจากเพื่อนของหานหมาน ที่ชื่อพั่วจวิน เขาเองก็มีจิตวิญญาณเถาวัลย์เช่นกัน
“พั่วจวินและทาสจวิน!” หลินเฟิงแปลกใจ เขาเริ่มจ้องมองไปที่ทาสเขาเข้าใจบางอย่างที่น่าหวาดกลัว หรือว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ? พวกเขามีชื่อเดียวกันและใช้จิตวิญญาณประเภทเดียวกัน?!
“ตู้ม!” ขณะที่ไป๋เจ๋อกำลังพยายามหลบหลีกการโจมตีอย่างสุดความสามารถ ในที่สุดทาสก็เข้าถึงตัวเขา และส่งไป๋เจ๋อกระเด็นไปข้างหลัง แต่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ
ทาสรู้สึกมึนงง เขาได้โจมตีออกไปอย่างรุนแรง แต่กลับไม่สามารถสังหารฝ่ายตรงข้ามได้ เป็นไปได้อย่างไรเขาถึงไม่ตายจากการโจมตีนี้?
“หยุด!” ในขณะนั้น เสียงดังแผ่กระจายไปทั่วบรรยากาศ ทาสรู้สึกประหลาดใจ เขาหยุดเคลื่อนไหวและเริ่มจ้องไปที่ชายชรา
“การต่อสู้จบแล้ว” ชายชรากล่าวอย่างไม่แยแส ทำให้ฝูงชนรู้สึกมึนงง การต่อสู้จบแล้ว?
ความตายเท่านั้นที่สามารถจบการต่อสู้ได้ นั่นเป็นกฏ! การต่อสู้มันจบระหว่างต่อสู้ได้ยังไงกัน?
“ดูเหมือนว่าชายชราและผู้ท้าชิงจะมีความสัมพันธ์กัน!” ฝูงชนคิด เมื่อพวกเขานึกได้ว่าชายชราได้กล่าวเตือนไป๋เจ๋อ นั่นทำให้พวกเขานึกถึงความเป็นไปได้ว่าพวกเขามีความเกี่ยวข้องกัน
“พวกข้ายังจัดการกันไม่เสร็จ แล้วการต่อสู้มันจะจบลงได้ยังไงกัน?” ทาสถามด้วยน้ำเสียงที่แหบขณะจ้องมองไปที่ชายชรา
การแสดงออกของชายชราจู่ๆก็กลายเป็นชั่วร้าย ทาสกล้าที่จะปฏิเสธตำพูดของเขาอย่างงั้นหรือ?
“หากเจ้าต้องการที่จะตาย ข้าจะเป็นคนสนองเจ้าเอง” ชายชรากล่าวขณะปรากฏรอยยิ้มอันชั่วร้ายบนใบหน้า “ปล่อยอสูรออกมา”
เมื่อชายชราพูดจบ อีกฟากของลานประลอง ได้มีชายวัยกลางคนปรากฏตัวขึ้น ทำให้ฝูงชนรู้สึกประหลาดใจกับความจริงที่ว่าเขากำลังขี่สัตว์อสูรราวกับสัตว์เลี้ยง มันมี 4 ขา และมีโซ่อยู่รอบคอของมัน
“จวิน นี่คือสัตว์อสูรคลั่ง เมื่อเจ้าอยู่ในกรงเจ้าควรเชื่อฟังข้า วันนี้เจ้าจะต้องต่อสู้กับมัน ถ้าเจ้าชนะ เจ้าจะมีชีวิตอยู่ต่อ ถ้าเจ้าแพ้ เจ้าก็ตาย” ชายชรากล่าวอย่างชั่วร้าย
เมื่อสัตว์อสูรได้ยินคำพูดเหล่านั้น มันเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ชายชรา
เมื่อมองดูสถานการณ์นี้แล้ว หลินเฟิงผู้ที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ขณะมองลานประลองเขาเริ่มปลดปล่อยปราณอันแข็งแกร่งและเยือกเย็นออกมา…
**********************************************
ติดตามได้ที่ –