ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปร่างของชายชราทรุดลงกับพื้น เขาตกตายไปในขณะที่บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ทันใดนั้นบรรยากาศก็กลายเป็นเงียบงัน
หลินเฟิงที่อยู่เพียงขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 4 สามารถสังหารชายชราที่บรรลุถึงขั้นที่ 7 ได้จริงๆ? ในโลกนี้ เพียงหนึ่งขั้นของระดับพลังก็สามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างมากในการต่อสู้ ผู้บ่มเพาะพลังที่สามารถเอาชนะผู้ที่มีระดับพลังสูงกว่าจะได้รับการยอมรับว่าเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง
ฝูงชนราวกับอยู่ในความฝัน มันดูเหมือนว่านี่จะเป็นจุดจบของหลินเฟิงแต่ท้ายที่สุดแล้วมันกลับตรงกันข้ามกับสิ่งที่พวกเขาคิดไว้ พวกเขาทั้งหมดล้วนแต่ตกตะลึง
“รวดเร็ว โหดเหี้ยม มีไหวพริบ ว่องไวและกล้าหาญ…” ฝูงชนต่างชื่นชมในตัวหลินเฟิง กลยุทธ์ของเขาน่าทึ่งมาก เขาวางแผนทั้งหมดไว้ตั้งแต่ต้น
หลินเฟิงกระอักเลือดออกมา จากนั้นก็มีเลือดไหลออกมาจากบาดแผลของเขา
เขาหยิบเม็ดยาออกมา 2 เม็ดและกลืนมันลงไปอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้เขาก็รู้สึกดีขึ้น
“ชายคนนี้บ้าบิ่นยิ่งนัก” เวิ่นเหงาเสวี่ยกล่าวขณะจ้องมองไปยังหลินเฟิง ปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
“ขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 7….” เวิ่นเหงาเสวี่ยคิด “นอกจากนี้ ดาบอีกเล่มมาจากไหน?”
หลินเฟิงซ่อนดาบยาวเอาไว้ในขณะต่อสู้และไม่มีใครที่จะสังเกตเห็นมัน เขาใช้ดาบเล่มนั้นสังหารชายชรา
“น้อยชายหลินเฟิง!” หานหมานกล่าว ในตอนนั้นดวงตาข้างหนึ่งเป็นสีแดงเข้มและอีกข้างเป็นสีน้ำตาล มันดูแปลกตาอย่างมาก ดวงตาข้างหนึ่งถูกอาบไปด้วยเลือดและอีกข้างก็ราวกับเป็นความลึกล้ำของปฐพี
“อย่าได้กังวล ข้าไม่ตายง่ายๆหรอก” หลินเฟิงกล่าวและหันไปยิ้มให้กับหานหมาน
หานหมานจ้องมองไปบนท้องฟ้าและคำรามอีกครั้ง พื้นดินถึงกับสั่นสะเทือน ทรายสีเหลืองเริ่มกระจายออกมาจากร่างกายของเขา ทั้งใดนั้นร่างของหานหมานก็กลายเป็นพายุทราย
“เกิดอะไรขึ้น?” หนึ่งในฝูงชนถาม มันแปลกประหลาดอย่างมาก ตอนนั้นพวกเขาไม่ได้ให้ความสนใจกับหานหมานมากนักเพราะพวกเขากำลังทึ่งกับการต่อสู้ระหว่างหลินเฟิงและชายชรา แต่หลังจากที่ตระหนักได้ถึงความผิดปกติของหานหมาน พวกเขาถึงกับพูดไม่ออก
เม็ดทรายบินวนรอบตัวหานหมานและหนาขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นมันก็กลายเป็นทรงกลมขนาดใหญ่
หานหมานถูกล้อมรอบด้วยทรายจำนวนมหาศาล
หลินเฟิงขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับหานหมาน
“แคร๊ก!”
เกิดรอยแตกบนทรายรูปทรงกลมที่ล้อมรอบหายหมานและปรากฏร่างของเขาให้ได้เห็นอีกครั้ง
ทุกคนล้วนตกตะลึง พวกเขากำลังมึนงงกับฉากตรงหน้า
หานหมานจากที่เคยมีผมสีดำยาวตอนนี้มันกลับกลายเป็นสีเหลืองราวกับเม็ดทราย ตัวตนของเขาทำให้ผู้คนเริ่มสั่นกลัว
หานหมานดูน่าเกรงขามอย่างน่าเหลือเชื่อราวกับเทพบรรพกาล สิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนก็คือเครื่องหมายทาสบนหน้าของเขา
หานหมานลืมตาขึ้น มันราวกับว่ามีพายุทรายกำลังก่อตัวขึ้นในดวงตาของเขา
“โอ้วว”
ตั้งแต่หัวจรดเท้า หานหมานเต็มไปด้วยพลังและแรงกดดัน
หานหมานหันกลับไปมองชายวัยกลางคนด้วยสายตาที่โหดเหี้ยม ชายคนนั้นหวาดกลัวรูปลักษณ์ใหม่ของหนาหมานอย่างมาก
“ตาย!” หานหมานคำราม เขาหยุดอยู่หน้าชายวัยกลางคนและปล่อยหมัดออกไปพร้อมกับทรายสีเหลืองที่หมุนรอบกำปั้นของเขา
ชายวัยกลางคนตกตะลึงกับการโจมตี เขาไม่มีเวลาแม้จะหลบดังนั้นเขาจึงต่อยออกไปด้วยพลังทั้งหมดที่มี
“ตู้มมมม!”
สองหมัดเข้าปะทะกัน กลุ่มก้อนทรายขนาดใหญ่ลอยขึ้นไปในอากาศทันใดนั้นมันก็พุ่งไปที่ชายวันกลางคนด้วยความเร็วสูงและฝังเขาไว้ในโลงศพทราย
“ว๊ากกกกกกกกกกกก!”
หานหมานคำรามด้วยความโกรธ เขาต่อยลงไปที่โลงศพทรายด้วยแรงมหาศาล ร่างของชายวันกลางคนถูกบดขยี้และระเบิดออก มีเพียงเลือดเท่านั้นที่หลั่งไหลออกมา
“อะไรกัน?” ฝูงชนเริ่มหอบหายใจด้วยความตื่นตะลึง พวกเขาจ้องมองไปที่หนาหมาน การโจมตีของเขาทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ ชายวัยกลางคนไม่มีสิทธิ์ที่จะต่อต้านและตกตายไปในทันที
พวกเขาไม่คิดว่าหานหมานจะอ่อนแอไปกล่าวหลินเฟิง
“เส้นโลหิตของเขาได้ตื่นขึ้นมาแล้ว” เวิ่นเหงาเสวี่ยกล่าวและมองไปยังหานหมาน
ถูกต้องเส้นโลหิตของหานหมานได้ถูกปลุกขึ้นมาแล้ว มีเพียงตอนที่เลือดบรรลุอยู่ในขั้นที่สมบูรณ์เท่านั้น เส้นโลหิตถึงจะถูกปลุกให้ตื่นและทำให้เลือดมีพลังพิเศษ
ถ้าใครบางคนสามารถปลุกเส้นโลหิตขึ้นมาได้ ลูกหลานของพวกเขาก็จะได้รับพลังเช่นเดียวกัน เมื่อเส้นโลหิตตื่นขึ้นมันจะทำให้ผู้บ่มเพาะพลังคนนั้นสามารถดึงศักยภาพที่ซ่อนอยู่ออกมาได้ โดยปกติแล้วผู้ที่จะสามารถปลุกเส้นโลหิตได้จะต้องเป็นผู้ที่มีจิตวิญญาณทางสายเลือด แต่การที่หานหมานสามารถทำได้ถือเป็นสิ่งที่น่าตกตะลึงอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเส้นโลหิตของหานหมานได้ตื่นขึ้นมาแล้ว ไม่มีคำอธิบายใดๆที่เป็นไปได้สำหรับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้
หลินเฟิงเองก็ถึงกับอ้าปากค้าง แข็งแกร่งยิ่งนัก! ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของหานหมานอยู่ที่ขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 5 ซึ่งหมายความว่ามากกว่าหลินเฟิง 1 ระดับ
ทันใดนั้นมีหลายคนเดินตรงไปยังกรง หลินเฟิงประหลาดใจ
“น้องชายหลินเฟิง เจ้าเด็กสวะนั่นควรที่จะถูกฝังไว้ที่นี่” หานหมานกล่าวและจ้องมองไปยังไป๋เจ๋อ ก่อนหน้านี้ไป๋เจ๋อต้องการให้หลินเฟิงกลายเป็นทาส ตอนนี้เขาไม่มีที่ให้หนีอีกแล้ว
หานหมานเดินตรงไปที่ไป๋เจ๋อและยกกำปั้นขึ้นไปในอากาศ
หลินเฟิงจ้องมองไปที่ไป๋เจ๋อ ทันใดนั้นใบหน้าของไป๋เจ๋อก็ซีดขาวและเริ่มถอยหลัง
“เจ้าบอกว่าจะทำให้ข้ากลายเป็นทาส ถูกไหม?” หลินเฟิงกล่าวอย่างเย็นชา
เมื่อไป๋เจ๋อได้ยินดังนั้นทำให้เขาเริ่มสั่นด้วยความกลัว
“มาช่วยข้า มาช่วยข้าเร็วๆ!” ไป๋เจ๋อตะโกน มันจบแบบนี้ได้ยังไง? สถานที่นี้เป็นของตระกูลไป๋ ถ้าเขาต้องการอะไร เขาจะต้องได้มันอย่างแน่นอน…. แต่ตอนนี้ เขากำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตและไม่มีแม้ทางที่จะหลบหนี
ทันใดนั้น คนจำนวนมากกำลังเดินตรงไปที่กรงเพื่อที่จะช่วยเหลือไป๋เจ๋อ พวกเขาหยุดอยู่ใกล้กับเวิ่นเหงาเสวี่ยที่กำลังขวางทางพวกเขา
เวิ่นเหงาเสวี่ยพิงเข้ากับประตูทางเข้าและปรากฏรอยยิ้มเหยียดหยามบนหน้า เมื่อไป๋เจ๋อเห็นดังนั้นเขาก็ตะโกนออกมา “เวิ่นเหงาเสวี่ย! เจ้ากล้า?!”
เวิ่นเหงาเสวี่ยถือว่ากำลังยั่วยุนายน้อยตระกูลไป๋
ติดตามได้ที่ –