I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Peerless Martial God ตอนที่ 146 สัญลักษณ์

| Peerless Martial God | 1492 | 2358 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

“พวกเจ้าจะทำอะไร?” ไป๋เจ๋อตะโกนเมื่อเขาเห็นผู้คนหยุดอยู่ตรงทางเข้าของกรง

 

เวิ่นเหงาเสวี่ยเหลือบมองไป๋เจ๋อ และมองไป๋เจ๋อย่างน่าสมเพชเพราะสถานการณ์ที่เขากำลังเผชิญเป็นเพราะความโง่เขลาของตัวเขาเอง ไป๋เจ๋อคิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก และด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันตรายดังกล่าว

 

“ถ้าข้าอยู่ที่นี่ จะไม่มีใครสามารถเข้าไปข้างในกรงได้” เวิ่นเหงาเสวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นและหนักแน่น

 

หลินเฟิงรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าเวิ่นเหงาเสวี่ยจะทำเช่นนี้ ดูเหมือนว่าชายหนุ่มที่งดงามราวกับหญิงสาวไม่ง่ายที่จะคาดเดาได้ว่าเขาจะทำอะไร

 

ไป๋เจ๋อจ้องไปที่หลินเฟิงและเห็นว่าเขาไม่รีบที่จะเข้ามาสังหารเขา หลินเฟิงยกดาบของเขาขึ้นมาและค่อยๆเดินเข้าไปหาไป๋เจ๋อ

 

“เจ้ากำลังจะทำอะไรข้า?” ไป๋เจ๋อกล่าวเขาแทบจะลืมหายใจเพราะความหวาดกลัวเริ่มกลืนกินความรู้สึกของเขา เสียงของเขาต่ำมาก

 

“ไม่ต้องกังวล ข้าไม่สังหารเจ้าหรอก” หลินเฟิงกล่าวอย่างไม่แยแส ทำให้ไป๋เจ๋อรู้สึกประหลาดใจ ทันทีหลังจากนั้น ได้มีรอยยิ้มปรากฏที่ตรงมุมปากของหลินเฟิงแล้วเขากล่าวว่า: “ตระกูลของเจ้าชอบประทับตราสัญลักษณ์บนใบหน้าของคนอื่นและทำให้พวกเขากลายเป็นทาสตลอดชีวิตของพวกเขา ข้าจะวาดสัญลักษณ์บนใบหน้าของเจ้าเช่นกัน”

 

วาดสัญลักษณ์ลงบนใบหน้าของข้า? เหมือนพวกทาส?

 

“เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดรึไง? รีบเข้ามาช่วยข้าเร็ว!” ไป๋เจ๋อตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวขณะที่เขาเริ่มกระวนกระวายมากยิ่งขึ้น

 

บางคนเดินเข้าไปใกล้ทางเข้ากรงแล้วทันใดนั้น เวิ่นเหงาเสวี่ยกระโดดมาขวางพวกเขาและกล่าว: “ถ้าพวกเจ้าเดินมาข้างหน้าอีก 3 ก้าว ข้าจะชักดาบของข้าออกมา ถ้าข้าชักดาบออกมาเมื่อไหร่มันจะกลายเป็นการนองเลือดทันที” เวิ่นเหงาเสวี่ยกล่าว ทำให้ทุกๆคนหยุดเดินไปที่กรง ไม่มีใครกล้าที่จะก้าวเดินไปข้างหน้า

 

“ความชั่วร้ายต้องถูกกำจัดให้สิ้นซาก” พลังปราณดาบอันมหาศาลถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของหลินเฟิง ทำให้ไป๋เจ๋อหวาดกลัวอย่างมาก ไม่มีใครสามารถช่วยเขาได้เพราะพวกเขาอยู่ด้านนอกกรง

 

“ถ้าเจ้าปล่อยข้าไป ข้าจะมอบหินบริสุทธิ์ให้กับเจ้า หรือแม้แต่ทักษะต่อสู้ระดับสูงหรือเทคนิคการเคลื่อนที่ก็ได้”

 

“ข้อเสนอ?” หลินเฟิงหัวเราะ คนที่มีฐานะร่ำรวยมักจะใช้วิธีการของตัวเองด้วยเงินและอิทธิพล พวกเขาคิดว่าทุกคนที่อยู่ต่ำกว่าพวกเขาจะสามารถซื้อได้ด้วยหินบริสุทธิ์ไม่กี่ก้อน

 

“ถ้าข้าปล่อยเจ้าไป เจ้าจะมอบหินบริสุทธิ์, ทักษะต่อสู้ระดับสูงและเทคนิคการเคลื่อนที่อย่างงั้นหรือ?” หลินเฟิงกล่าวอย่างเย็นช้าก่อนที่จะพูดเพิ่มเติมว่า: “เจ้าคิดว่าข้าโง่?”

 

หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ตระกูลไป๋จะไม่มีวันลืมหลินเฟิงเด็ดขาด พวกเขาจะไม่ปล่อยเขาไปอย่างง่ายดาย

 

ถ้าหลินเฟิงไม่ทำเช่นนี้เขาก็จะไม่สามารถแก้แค้นให้หานหมานและสหายคนอื่นๆที่มาจากนิกายหยุนไห่ที่ถูกทำให้เป็นทาสเพื่อต่อสู้และถูกประทับตราสัญลักษณ์บนใบหน้า

 

หลินเฟิงและตระกูลไป๋เป็นศัตรูกัน เขาจะสังหารพวกมันหรือจะให้พวกมันสังหารเขา จะไม่มีสันติภาพระหว่างพวกเขาตราบใดที่เขายังคงมีชีวิตอยู่ หลินเฟิงคิดเช่นนี้เพราะตอนนี้เขาเป็นประมุขของนิกายหยุนไห่

 

การแสดงออกของไป๋เจ๋อกลายเป็นน่าเกลียดและชั่วร้ายเมื่อเขาได้ยินคำพูดของหลินเฟิง

 

“ถ้าเจ้ากล้าที่จะสัมผัสข้า ตระกูลไป๋จะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปและพวกเขาจะตามล่าเจ้าจนกว่าเจ้าจะตาย”

 

“อย่างที่คิด เจ้ามันโง่เขลาจริงๆ” หลินเฟิงกล่าว เขาไม่ฟังสิ่งที่ไป๋เจ๋อพูดเลยแม้แต่น้อย ในขณะนั้นไป๋เจ๋อกรีดร้องอย่างน่าสยดสยอง และมีตราสัญลักษณ์ปรากฏบนใบหน้าของไป๋เจ๋อ

 

ไป๋เจ๋อกุมหน้าของเขาไว้ด้วยมือของเขา และมีเลือดไหลอย่างไม่หยุดสายผ่านนิ้วมือของเขา หลินเฟิงดูเยือกเย็นและไร้ความปราณีอย่างไม่น่าเชื่อ เขาไร้อารมณ์ความรู้สึกอย่างสมบูรณ์ เขาไม่รู้สึกสงสารหรือเห็นอกเห็นใจหลังจากที่ได้เห็นสภาพอันน่าสมเพชของไป๋เจ๋อ

 

คนอย่างไป๋เจ๋อ วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหา ความรุนแรงเท่านั้นที่จะทำให้ปัญหานี้จบลงได้

 

หลินเฟิงใช้ดาบของเขาวาดสัญลักษณ์ลงบนใบหน้าของไป๋เจ๋อแต่มันก็ถูกปกคลุมไปด้วยเลือดอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้เขายังตัดนิ้วมือของไป๋เจ๋อออกไป 1 นิ้ว

 

ไป๋เจ๋อสั่นด้วยความหวาดกลัว และเจ็บปวด ทันใดนั้นเขาก็ทรุดตัวลง

 

“เขาเป็นชายหนุ่มที่โหดเหี้ยมแถมยังมีความมุ่งมั่นอะไรเช่นนี้!” ผู้คนหลายคนในกลุ่มฝูงชนคิด พวกเขายังคงเงียบและจ้องมองผู้คนที่อยู่ในกรง

 

ในวันนี้ ฝูงชนได้เห็นการแสดงอันยอดเยี่ยม พวกเขาได้เห็นการต่อสู้อันน่าตื่นเต้นและสิ่งที่พวกเขาไม่เคยคาดคิด

 

หลินเฟิงดูสงบและไร้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนแต่ก่อน เขายังคงถือดาบไว้ในมือ เขาหันหลังกลับไปและพูดว่า: “ไปกันเถอะ”

 

หานหมานและพั่วจวินเดินไปกับหลินเฟิง เวิ่นเหงาเสวี่ยก็เริ่มเดินกลับไปด้วยเช่นกัน ในขณะนั้นบรรดาผู้คนที่อยู่ใกล้กรงรีบเข้าไปช่วยไป๋เจ๋ออย่างรวดเร็ว

 

“ใครก็ตามที่กล้ายั่วยุข้า มันจะต้องตาย” เวิ่นเหงาเสวี่ยกล่าวเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นเป็นอย่างมาก หลินเฟิงกำลังเดินอยู่ข้างหลังเขาและยังคงมีเลือดหยดลงมาจากดาบของเขา

 

ดาบของหลินเฟิงทำให้ทุกๆคนหวาดกลัว

 

หานหมานกำลังเดินอยู่เคียงข้างพวกเขา ทุกย่างก้าวที่เขาก้าวเดินทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน ทำให้ทุกๆคนเขาใจว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน

 

คนเหล่านี้รู้ว่าถ้าพวกเขาไม่เข้าไปขวางเพื่อไม่ให้พวกเขาจากไป พวกเขาจะไม่ตายอย่างไม่มีความหมาย

 

หลังจากนั้นไม่นาน ฝูงชนสามารถเห็นได้แค่แผ่นหลังของหลินเฟิงและสหายของเขา

 

เมื่อพวกเขาได้เห็นหลินเฟิงเข้าไปในกรง พวกเขาไม่รู้ว่าเขาตั้งใจจะทำอะไร และพวกเขาไม่คิดว่าหลินเฟิงสามารถสังหารชายชราที่อยู่ขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 7 ได้

 

“เศษขยะ! เจ้ามันเป็นแค่เศษขยะ!” เสียงตะโกนอันโกรธเกรี้ยวดังไปทั่วบรรยากาศจากลานประลองเชลย หลังจากที่หลินเฟิงและสหายของเขาจากไป มันเป็นเสียงของชายหนุ่มที่สวมเสื้อคลุมสีเหลืองที่กำลังโกรธเกรี้ยว ในวันนี้ เขาถูกหลินเฟิงทำให้อับอายขายหน้า เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? ตระกูลของเขาคือตระกูลยู้!

 

พวกเขาไม่เคยถูกทำให้อับอายขายหน้า แล้วใครกันกล้าทำให้ตระกูลยู้ได้รับความอัปยศ?

 

เมื่อสมาชิกตระกูลไป๋เห็นชายหนุ่มเสื้อคลุมเหลืองลุกขึ้นยืน ทำให้พวกเขาประหลาดใจ

 

“ถ้าใครกล้าพูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ข้าจะสังหารมัน!!!” ชายหนุ่มเสื้อคลุมเหลืองกล่าวให้คนอื่นๆฟัง

 

พวกเขาประหลาดใจแต่พวกเขาก็เชื่อฟังและพยักหน้าตกลง ภายในใจพวกเขากำลังดูถูกเขาอยู่ เขาเป็นคนยั่วยุหลินเฟิง แล้วทำให้ไป๋เจ๋อต้องจ่ายราคาสำหรับการที่ยั่วยุหลินเฟิง…แต่เขากลับบอกพวกเขาไม่ให้พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ เขาเพียงแค่หวาดกลัวว่าจะเสียหน้าและทำให้ตระกูลยู้ได้รับความอับอาย

 

“หลินเฟิง ถ้าเจ้าไม่ตาย ข้าจะไม่มีวันกู้ศักดิ์ศรีของข้าคืนมาได้” หลังจากนั้นชั่วครู่เขาไม่กล้าพูดเรื่องหลินเฟิงเพราะเขากลัวว่าหลินเฟิงจะลงโทษเขาด้วย หลินเฟิงเป็นคนที่น่าหวาดกลัวมาก เขาได้เห็นวิธีการที่หลินเฟิงวาดตราสัญลักษณ์บนใบหน้าของไป๋เจ๋อ มันน่ากลัวจริงๆ!

 

หลินเฟิงกลายเป็นคนไร้ความปราณีอย่างที่แท้จริงเมื่อเขาอยู่ในลานประลองเชลย!

 

…………

 

หลินเฟิงอยู่ในห้องของเขาและนอนอยู่บนเตียง ทันใดนั้นเขารู้สึกได้ว่ามีมือกำลังจะมาแตะที่หน้าผากของเขา

 

หลินเฟิงส่ายหัวและค่อยๆลืมตาอย่างช้าๆ

 

และมีร่างเงาอันงดงามกำลังยืนอยู่ด้านหน้าเขา

 

ในตอนนั้น เมิ่งฉิงดูไม่ค่อยมีอารมณ์ นางมองหลินเฟิงและกล่าวอย่างสงบว่า: “เจ้าตื่นแล้ว”

 

หลินเฟิงรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่างกายตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าหลังจากต่อสู้กับชายชรา แต่อวัยวะที่สำคัญของเขายังทำงานได้ปกติ

 

“เจ้าอยู่ที่นี่ตลอดเพื่อคอยดูแลข้าอย่างงั้นหรือ?” หลินเฟิงถามเมิ่งฉิง

 

เมิ่งฉิงส่ายหัวและกล่าว: “เปล่า ข้าเพิ่งมาเยี่ยมเจ้า”

 

“จริงรึ?” หลินเฟิงไม่เชื่อใจ

 

“ใช่แล้ว ทำไมล่ะ?” เมิ่งฉิงตอบกลับ หลินเฟิงรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นเขาก็หัวเราะ

 

ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดอย่างเสียงดัง หลิ่วเฟยเข้ามาในห้อง เมิ่งฉิงลุกขึ้นยืนและกล่าว: “เขาตื่นแล้ว เจ้าสามารถเข้าไปและพูดคุยกับเขาได้”

 

เมื่อนางพูดจบ เมิ่งฉิงรีบจากไปทันที หลิ่วเฟยแสดงออกอย่างแปลกๆและดูงงงวย

 

เมิ่งฉิงไม่ได้ปล่อยให้หลินเฟิงอยู่เพียงลำพังแม้แต่วินาทีเดียวขณะที่เขากำลังหลับอยู่ แล้วทำไมนางถึงรีบจากไปเมื่อเขาตื่นขึ้นมา?

 

“ก็ได้” หลิ่วเฟยกล่าวขณะพยักหน้าแม้ว่าจริงๆแล้วนางก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน นางเดินตรงไปที่เตียงของหลินเฟิงและมองหลินเฟิงอย่างโกรธเกรี้ยวซึ่งทำให้หลินเฟิงประหลาดใจ

 

เขาเพิ่งตื่นขึ้นมาแท้ๆ แต่ทำไมจู่ๆหลิ่วเฟยก็โกรธเขากัน? เขาทำอะไร?

 

“ทำไมเจ้าถึงประมาทอย่างนี้ เจ้าไม่เคยคิดถึงผลที่จะตามมาเลยรึไง?” หลิ่วเฟยถาม

 

นางโกรธอย่างเห็นได้ชัดเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในลานประลองเชลย

 

หลินเฟิงยิ้มอย่างบิดเบี้ยวและคิด “ผลที่ตามมา?”

 

เมื่อเขาเห็นว่าสหายของเขาจากนิกายหยุนไห่กลายเป็นทาสและถูกทำตราสัญลักษณ์ราวกับสัตว์หลังจากที่นิกายหยุนไห่ถูกทำลาย แล้วเขาจะไม่ทำเช่นนี้ได้ยังไง?

 

“เพื่อคนที่งดงามและอ่อนโยนอย่างเจ้า ข้าจึงกระทำโดยประมาทและไม่สนใจผลที่ตามมา” หลินเฟิงกล่าวล้อเล่นขณะหัวเราะ

 

เมื่อหลินเฟิงพูดจบ หัวใจของหลิ่วเฟยเริ่มเต้นระรัวและใบหน้าของนางกลายเป็นสีแดงอย่างสมบูรณ์!! มันทั้งงดงามและละเอียดอ่อน!!

 

*********************************************

ติดตามได้ที่ – 

 

 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments