ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปเมื่อเห็นเมิ่งฉิงปรากฏตัวออกมาทำให้ทุกคนล้วนตกตะลึง
อาจารย์ในเสื้อคลุมดำหัวเราะ ปราณที่ถูกปลดปล่อยจากร่างของเขาเพิ่มมากขึ้นจนทำให้เกิดประกายแสงไปทั่วร่างกาย
“หยุดเดี๋ยวนี้!” มีเสียงดังมาจากระยะไกล ทุกร่างกลายเป็นหยุดนิ่ง เสียงนั่นถึงกับทำให้วิญญาณของพวกเขาสั่นสะท้าน
“รองเจ้าสำนัก” เสียงที่น่าเกรงขามเป็นของรองเจ้าสำนัก น่าประหลาดใจยิ่งนัก!
“ท่านรองเจ้าสำนักหลง” อาจารย์ในเสื้อคลุมสีดำไม่กล้าที่จะหยาบคาย
“ถอยไป” รองเจ้าสำนักตะโกนใส่อาจารย์ในเสื้อคลุมดำซึ่งทำให้เขาต้องอับอายและผู้คนก็ต่างตื่นตะลึง
เมื่อเห็นดังนั้น ผู้คนต่างเริ่มคิดว่าการที่หลินเฟิงได้รับคำเชิญจากรองอาจารย์ใหญ่คงจะเป็นความจริง
“ขอรับ ท่านรองเจ้าสำนัก” อาจารย์ในเสื้อคลุมดำถอยหลังกลับไป เขาในตอนนี้ดูน่าอับอายอย่างมาก
รองเจ้าสำนักหลงหันไปมองหลินเฟิงและยิ้มอย่างอบอุ่น “ข้าจะเป็นคนแก้ไขปัญหานี้เอง เจ้ากลับไปได้แล้ว”
“กลับไป?” ผู้คนต่างกลายเป็นโง่งม! ในอีกความหมายหนึ่งคือรองเจ้าสำนักจะต้องเอาใจใส่หลินเฟิงอย่างมาก หลินเฟิงก่อปัญหาแต่รองเจ้าสำนักเอ่ยปากเองว่าจะเป็นคนจัดการนี้ด้วยตัวเอง ตอนนี้ทุกคนมั่นใจว่าชายวัยกลายคนในชุดฟ้าไม่กล้าที่จะแตะต้องหลินเฟิงแน่นอน
ชายวันกลายคนขมวดคิ้ว เขาเริ่มสงสัยว่าจริงๆแล้วหลินเฟิงอาจจะมีภูมิหลังที่น่าหวาดกลัวทำให้รองเจ้าสำนักถึงต้องให้ความสำคัญกับเขาอย่างมาก แม้ว่าชายวันกลางคนจะไม่ได้มีสถานะสูงเทียบเท่ากับรองเจ้าสำนัก แต่เป็นไปได้หรือที่รองเจ้าสำนักจะไม่คิดถึงคนที่อยู่เบื้องหลังของเขา?
ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมรองเจ้าสำนักถึงแสดงท่าทีแบบนี้ต่อหลินเฟิง
หลินเฟิงเองก็ไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ทำไมรองเจ้าสำนักถึงได้ทำดีกับเขานัก? เขาไม่ได้เป็นสมาชิกของตระกูลจักรพรรดิหรือมีต้นกำเนิดที่ยิ่งใหญ่ เขาเป็นเพียงคนธรรมดา
“ท่านรองเจ้าสำนัก ข้าต้องการที่จะกล่าวบางอย่างแต่ข้าไม่รู้ว่ามันสมควรหรือไม่?” หลินเฟิงถาม
“บอกมาได้เลย” รองเจ้าสำนักตอบ
“ในสำนัก มีหลายคนที่ยอดเยี่ยมแต่ก็มีบางคงที่น่ารังเกียจ เขาพร้อมที่จะฉุดดึงพวกเราลงไปสู่ความต่ำทราม คนแบบนี้ไม่สมควรที่จะเป็นอาจารย์ของสำนัก” หลินเฟิงกล่าวอย่างไม่แยแสและเหลือบมองไปที่อาจารย์ในเสื้อคลุมดำ คำพูดของเขาค่อนข้างที่จะรุนแรง
“ท่านรองเจ้าสำนัก ข้าจะรับผิดชอบกับการกระทำของข้าทำด้วยตัวเอง ข้าไม่จำเป็นต้องให้ผู้อื่นมาช่วยเหลือ” หลินเฟิงกล่าว “ถ้าใครกล้าที่จะยั่วยุข้าในอนาคต ข้าก็จะไม่ลังเลเลยที่จะเอาชีวิตมันด้วยตัวเอง”
“ชายคนนี้… ก้าวร้าวยิ่งนัก! ไม่แปลกใจเลยทำไมเขาถึงกล้าพูดแบบนั้นกับอาจารย์”
“จะเรียกว่ากล้าหาญหรือหยิ่งยโสดี?”
ผู้คนเริ่มถกเถียงเกี่ยวกับพฤติกรรมของหลินเฟิง แม้แต่รองเจ้าสำนักเองก็ประหลาดใจ การกระทำของหลินเฟิงยากที่จะคาดเดา!
หลินเฟิงหันกลับไปยังชายวัยกลางคนในชุดสีฟ้า “เจ้าต้องการข้าถูกไหม?”
“ใช่” ชายวัยกลางคนพยักหน้า
“ตั้งแต่ที่เจ้าต้องการข้าและข้าก็กำลังยืนอยู่ที่นี่ แล้วเจ้ามัวรออะไรอยู่?” หลินเฟิงกล่าวอย่างไม่แยแส
ชายวัยกลางคนในชุดสีฟ้าเห็นถึงความมั่นใจของหลินเฟิง เขาปรากฏรอยยิ้มที่ชั่วร้ายบนใบหน้าของเขา ถ้าหลินเฟิงเลือกที่จะจากไปตามที่รองเจ้าสำนักหลงบอก เขาคงไม่อาจจะทำอะไรได้ แต่ในเมื่อหลินเฟิงเลือกที่จะปฏิเสธ มันถือเป็นการท้าทายพวกเขาและรนหาที่ตาย
“ไปจับมัน” ชายวัยกลางคนกล่าว ทันใดนั้น ชาย 2 คนก็พุ่งออกจากกลุ่มไปตรงไปยังหลินเฟิง
เมื่อเห็นคนทั้ง 2 เข้ามาใกล้ หลินเฟิงก็ยังไม่ได้ขยับไปไหน เขายังคงดูสงบอย่างมาก
จากนั้นเมิ่งฉิงที่ยืนอยู่หน้าหลินเฟิงก็ปลดปล่อยปราณที่เย็นยะเยือกพุ่งตรงไปยังชายทั้ง 2 พวกเขารู้สึกได้ว่ากระดูกสันหลังของพวกเขาถูกแช่แข็ง
เมิ่งฉิงยกมือขึ้นและปลดปล่อยแรงกดดันที่น่ากลัวออกมา มือของพวกเขาถูกแช่แข็งในทันที น้ำแข็งเริ่มรุกรามไปทั่วจนในที่สุดร่างกายของพวกเขาถูกแช่แข็งโดยสมบูรณ์
“แข็งแกร่งยิ่งนัก!” ฝูงชนต่างตกตะลึง ไม่สงสัยเลยว่าทำไมนางถึงกล้ายืนหยัดอยู่ต่อหน้าหลินเฟิง นั่นเป็นเพราะนางแข็งแกร่งอย่างมาก
“ขอบเขตปฐพี”
ม่านตาของรองเจ้าสำนักและชายวัยกลางคนหดลง หลินเฟิงไม่เคยพูดถึงสหายของเขาที่งดงามและดูบอบบางคนนี้ว่าจริงๆแล้วนางทรงพลังอย่างมากมาก่อน
สิ่งที่นางทำก่อนนี้หน้า มีเพียงความเป็นไปได้เดียวก็คือนางจะต้องบรรลุขอบเขตปฐพีแล้วอย่างแน่นอน
อาจารย์ในเสื้อคลุมดำยิ่งตกตะลึง จะเกิดอะไรขึ้นหากก่อนหน้านี้รองเจ้าสำนักไม่เข้ามาห้ามเขาไว้ได้ทัน?
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม่หลินเฟิงถึงได้ก้าวร้าวนัก นั่นเพราะมีใครบางคนที่อยู่ในขอบเขตปฐพีคอยปกป้องเขาอยู่ตลอดเวลา นี่มันจะน่าอิจฉาเกินไปแล้ว!
ฝูงชนพยายามที่จะเข้าใจสถานการณ์ สาเหตุที่รองเจ้าสำนักชมชอบหลินเฟิงอาจจะมี 2 อย่าง1.เขาเป็นศิษย์ที่แข็งแกร่ง 2.อาจจะเป็นเพราะว่าเขามีสถานะที่สูงส่ง มันไม่ใช่ความลับที่หลินเฟิงนั้นมีศักยภาพที่ท้าทายสวรรค์มิฉะนั้นเขาจะมีสหายที่งดงามเช่นนี้ได้อย่างไร?
“นับตั้งแต่ที่ข้าไปยังลานประลองเชลย ข้าได้สาบานกับตัวเองแล้วว่าหากข้าพบเห็นสมาชิกตระกูลไป๋คนใด พวกมันจะต้องตาย” หลินเฟิงกล่าวอย่างเย็นชา
สมาชิกตระกูลไป๋เองล้วนแต่ตกตะลึง เมิ่งฉิงนั้นเข้าใจในความหมายของหลินเฟิง ร่างเงาที่งดงามของนางแปรเปลี่ยนเป็นดอกบัวสีขาวและโยนตัวเองเข้าไปในกลุ่มคนจากตระกูลไป๋
สมาชิกทั้งหมดของตระกูลไป๋รับรู้ได้ถึงความเย็นยะเยือก พวกเขาทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็ง
เมิ่งฉิงขยับมือเพียงเล็กน้อย ทันใดนั้นเหล่าสมาชิกตระกูลไป๋ก็ถูกความเย็นที่น่าหวาดกลัวเจาะลึกเข้าไปในกระดูกของพวกเขา
ถ้าคนเหล่านี้อยู่ในขอบเขตพลังปราณก็จะสามารถอธิบายได้ว่าทำไมพวกเขาถึงได้รับผลกระทบจากการโจมตีของเมิ่งฉิง แต่ว่าบางคนที่อยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณก็ยังได้รับผลกระทบด้วย มันเป็นไปได้ยังไงกัน?
ทันใดนั้น ชายวัยกลางคนในชุดสีฟ้าก็ไม่สามารถที่จะยืนเฉยได้อีกต่อไปและรู้สึกได้ถึงผลกระทบเช่นเดียวกัน เขาปลดปล่อยการโจมตีแบบพายุออกจากร่างและพุ่งตรงไปหาเมิ่งฉิง
เมิ่งฉิงยังดูสงบนิ่งและเพียงแค่ยกมือขึ้นและปลดปล่อยปราณน้ำแข็งตรงไปที่การโจมตีของชายวัยกลางคน
“ตู้มมมมม!”
ความเย็นที่รุนแรงแพร่ไปทั่วบรรยากาศ ทันใดนั้นก้อนน้ำแข็งขนาดยักษ์ 2 ก้อนที่มีลักษณะเหมือนกับเพชรก็พุ่งออกจากมือของเมิ่งฉิง
ในตอนนั้นเอง หลินเฟิงก็กวัดแกว่งดาบของเขาและตรงไปยังเหล่าสมาชิกของตระกูลไป๋ที่ถูกแช่แข็ง
“คมดาบสังหาร”
ดาบของหลินเฟิงตัดผ่านอากาศอย่างรวดเร็ว
โลหิตสาดกระจายไปทั่ว หลินเฟิงสังหารคนจำนวนมากด้วยดาบของเขา
ตอนนี้มันก็เป็นเหมือนกับที่หลินเฟิงกล่าว หากเขาพบเห็นสมาชิกตระกูลไป๋ พวกมันจะต้องตาย
ทุกคนล้วนแต่ตกตะลึงกับความแข็งแกร่งของหลินเฟิง พวกเขามาที่นี่เพื่อจับตัวหลินเฟิงแต่สุดท้ายแล้ว ก็ไม่มีอะไรเป็นไปตามที่พวกเขาต้องการ หลินเฟิงยังคงดูใจเย็นและไม่รีบร้อน… ขณะที่เขาเริ่มเข่นฆ่าเหล่าสมาชิกตระกูลไป๋
การฟาดฟันแต่ละครั้งทำให้ดาบของเขาถูกชโลมไปด้วยเลือด ร่างกายของเหล่าสมาชิกตระกูลไป๋เริ่มล่วงหล่นสู่พื้นดินทีละคนๆ
เลือดไหลลงมาจากดาบของหลินเฟิงอย่างไม่ขาดสาย นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อมีใครกล้าที่จะยั่วยุโทสะของหลินเฟิง
ติดตามได้ที่ –