ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปเมิ่งฉิงเดินกลับมาอยู่ข้างกายของหลินเฟิงและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ฝูงชนแข็งค้างด้วยความตกตะลึง พวกเขาแทบจะไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น พวกเขาไม่อยากจะเชื่อว่าหญิงสาวที่งดงามและดูบอบบางคนนี้จะทรงพลังจนถึงขั้นที่สามารถทำให้ชายวัยกลางคนในชุดสีฟ้าบาดเจ็บสาหัสได้
ชายวัยกลางคนได้รับความอัปยศอย่างมาก เขามาที่นี่เพื่อที่จะจับตัวหลินเฟิงแต่กลับถูกเมิ่งฉิงซึ่งเป็นแค่หญิงสาวจัดการลงได้อย่างง่ายดาย
“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?” เมิ่งฉิงถามหลินเฟิงด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแส หลินเฟิงทำได้เพียงหัวเราะเบาๆ เขาอยากที่จะฟังน้ำเสียงที่นุ่มนวลกว่านี้แต่ดูเหมือนคงจะเป็นไปไม่ได้
“ข้าไม่เป็นไร มันก็เพียงแค่รอยมดกัด” หลินเฟิงส่ายหัว
ชายวัยกลางคนในชุดสีฟ้าเกือบที่จะสังหารหลินเฟิงได้สำเร็จ แต่โชคดีที่หลินเฟิงมีปฏิกิริยาเร็วพอที่จะหลีกเลี่ยงส่วนที่เป็นอันตราย
“แม้ว่าข้าในตอนนี้จะแข็งแกร่งแต่ก็ยังไม่สามารถเทียบกับของเขตปฐพีได้ มันยังคงมีช่องว่างที่ใหญ่เกินไป” หลินเฟิงคิด
เมิ่งฉิงมองไปที่บาดแผลของหลินเฟิงแต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไร
“กลับกันเถอะ” หลินเฟิงกล่าว จากนั้นก็หันทางรองเจ้าสำนัก “ท่านรองเจ้าสำนัก พวกข้าขอตัวก่อน”
“อืม” ร้องเจ้าสำนักพยักหน้าและยิ้ม แต่ลึกลงไปแล้วเขาก็ยังทึ่งในความแข็งแกร่งของเมิ่งฉิง
นอกจากนี้รองเจ้าสำนักยังรู้สึกได้ว่าเมิ่งฉิงยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดและยังคงซ่อนพลังที่แท้จริงเอาไว้
หลินเฟิงเหลือบมองไปที่ฝูงชนและกล่าว “จดจำสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ถ้าพวกเจ้ากล้าที่จะยั่วยุข้า ก็อย่าได้ตำหนิว่าข้าไม่สุภาพ” เมื่อกล่าวเสร็จหลินเฟิงก็เดินจากไป
ฝูงชนกลายเป็นโง่งม พวกคิดว่าที่เฮยม๋อไม่สามารถแตะต้องหลินเฟิงได้นั้นเป็นเพราะเวิ่นเหงาเสวี่ย พวกเขาคิดว่าที่หลินเฟิงหยิ่งยโสเป็นเพราะมีเวิ่นเหงาเสวี่ยหนุนหลัง เฮยม๋อยังคงดูถูกความแข็งแกร่งของหลินเฟิง แต่ในตอนนี้ฝูงชนไม่สงสัยเกี่ยวกับความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหลินเฟิงอีกต่อไป เขาได้สังหารผู้คนในขอบเขตจิตวิญญาณไปมากมายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว อีกทั้งหลินเฟิงยังมีสหายที่งดงามอย่างเมิ่งฉิงซึ่งบรรลุถึงขอบเขตปฐพี แม้แต่เฮยม๋อก็ต้องระมัดระวังอย่างมากหากต้องการที่จะยั่วยุนาง
เมื่อฝูงชนคิดถึงการต่อสู้ระหว่างหลินเฟิงและเฮยม๋อ มันก็ช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะตื่นเต้น
ความแข็งแกร่งของเฮยม๋อ, ศักยภาพของหลินเฟิง, ภูมิหลังของเฮยม๋อ, ความแข็งแกร่งที่น่าเหลือเชื่อของเมิ่งฉิง…. ด้วยปัจจัยทั้งหมดทำให้ไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าสุดท้ายแล้วจะลงเอยเช่นไร?
เห็นได้ชัดว่าหลินเฟิงไม่ได้สนใจในสิ่งที่ฝูงชนกำลังคิด ในตอนนี้หลินเฟิงต้องการจะไปยังหอคอยบ่มเพาะพลังแต่ก็มีเสียงบางอย่างที่ทำให้เขาต้องหยุดลง
“พิณ!” มันเป็นเสียงที่ไพเราะอย่างมาก
“เป็นเขา?” หลินเฟิงนึกถึงอาจารย์ที่เป็นผู้บรรเลงเพลงในวันทดสอบของศิษย์ทหาร หลินเฟิงมีความชมชอบในตัวเขา อาจารย์คนนั้นยอมให้หลินเฟิงเข้าสอบถึง 2 ครั้งและยอมรับว่าเป็นตัวเขาเองที่ผิดพลาด
บทเพลงที่กำลังบรรเลงอยู่ในตอนนี้เป็นเพลงเดียวกับที่อาจารย์เล่นในตอนนั้น ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมหลินเฟิงถึงได้นึกถึงอาจารย์คนนั้นเป็นคนแรก
“มีอะไรหรือ?” เมิ่งฉิงถามเมื่อเห็นว่าหลินเฟิงหยุดเดิน
“ลองฟังสิ” หลินเฟิงกล่าวอย่างแผ่วเบา
เมิ่งฉิงขมวดคิ้วและทำหน้าแปลกๆ “เสียงอะไร?”
“เสียงของพิณ” หลินเฟิงตอบ
“พิณ?” เมิ่งฉิงถามจากนั้นก็ส่ายหัว “ข้าไม่เห็นได้ยินอะไรเลย”
“หืมม?” หลินเฟิงมึนงง เขาไม่สามารถตกอยู่ในการสะกดจิตได้ดังนั้นมันต้องไม่ผิดอย่างแน่นอน มันคือเสียงพิณจริงๆ
นอกจากนี้เมิ่งฉิงยังแข็งแกร่งกว่าหลินเฟิงแล้วทำไมนางถึงไม่ได้ยิน?
มีเพียงคำอธิบายเดียวนั่นก็คือเสียงเพลงถูกทำให้มีแต่หลินเฟิงเท่านั้นที่ได้ยิน
“เมิ่งฉิง เจ้ากลับไปก่อน ข้าจะไปที่อื่นสักครู่” ตอนนี้หลินเฟิงตระหนักได้แล้วว่าเขาเป็นคนเดียวที่ได้ยินเสียงเพลง อย่างไรก็ตามเมิ่งฉิงส่ายหัวและกล่าวโดยไม่ลังเล “ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”
หลินเฟิงประหลาดใจเมื่อได้ยินที่นางกล่าวจากนั้นเขาก็พยักหน้า “ก็ได้ งั้นไปกันเถอะ”
หลินเฟิงเดินตามเสียงเพลง มันยังคงชัดขึ้นและชัดขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุดพวกเขาก็ได้มาถึงลานที่งดงาม ทีศาลารูปทรงโบราณตั้งอยู่ มีทั้งพื้นหญ้าและสระขนาดเล็กรวมถึงลำธารอยู่ด้านใน
ตอนนี้ ทัศนียภาพที่งดงามก็ปรากฏอยู่ด้านหน้าของพวกเขา
มีพืชพรรณดอกไม้มากมาย หลินเฟิงและเมิ่งฉิงสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมจากพวกมัน
“เป็นที่ที่งดงามอะไรเช่นนี้ ข้าไม่คิดเลยว่าจะมีสถานที่แบบนี้อยู่ในสำนักสวรรค์” หลินเฟิงกล่าว
“อืม งดงามจริงๆ” เมิ่งฉิงเองก็ประหลาดใจมิใช่น้อย
พวกเขาเดินตามทางผ่านต้นไม้และดอกไม้น้อยใหญ่ไปเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่หน้าศาลาโบราณ มันมีทั้งโต๊ะและเก้าอี้ที่ทำด้วยหินอยู่ข้างใน
มีบางคนนั่งอยู่และกำลังบรรเลงพิณ แม้ว่าหลินเฟิงและเมิ่งฉิงจะมาอยู่ต่อหน้าเขา แต่เขาก็ยังคงบรรเลงเพลงต่อไปราวกับไม่ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่ไม่เกี่ยวข้องกับเขา
คนผู้นี้คืออาจารย์ที่รับผิดชอบในการทดสอบศิษย์ทหารในวันนั้น
ทันใดนั้นเมิ่งฉิงก็ส่ายหัวซึ่งทำให้หลินเฟิงประหลาดใจ
หลินเฟิงเข้าใจถึงความหมายของเมิ่งฉิงได้ในทันที แม้ว่าพวกเขาจะมาอยู่ตรงนี้แต่นางก็ไม่สามารถได้ยินเสียงอะไรเลยแม้แต่น้อย หลินเฟิงคงจะคิดถูกที่ว่ามีเพียงเขาเท่านั้นที่ได้ยิน
“เป็นความสามารถที่น่าหวาดกลัวอะไรเช่นนี้…” หลินเฟิงกล่าว เขาเป็นคนเดียวที่สามารถได้ยินเสียงบทเพลง
“บ่มเพาะพลัง, ฝึกฝน, สภาพจิตใจ, ระดับพลัง… ที่ที่มีน้ำไหล ก็จะสร้างเป็นทางน้ำขึ้นมา” อาจารย์กล่าวด้วยความหมายที่ลึกล้ำซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับหลินเฟิงและเมิ่งฉิง
“ความเมตตาและกรุณาเป็นสิ่งจำเป็นมันก็เหมือนกับความเลือดเย็นที่ใช้ในการเข่นฆ่าผู้ที่ชั่วร้าย ทั้ง 2 อย่างถือว่าเป็นความสำเร็จของผู้บ่มเพาะพลัง มันช่วยทำให้ผู้บ่มเพาะพลังฝึกฝนได้รวดเร็วและปลดปล่อยศักยภาพมากขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่ขึ้นอยู่กับจิตใจ”
“ปราณแห่งความตายในร่างกายของเจ้ามีความหนาแน่นอยู่แล้วแต่สภาพจิตใจของเจ้ายังไม่ใช่ แม้ว่าเจ้าจะสามารถยกระดับความแข็งแกร่งของเจ้าได้รวดเร็วถึงเพียงนี้แต่เจ้าก็ได้หลงลืมความตั้งใจเดิมของเจ้าซึ่งมันได้ขัดขวางทำให้เจ้าไม่เข้าใจศักยภาพที่แท้จริงของตัวเอง” เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำและการบรรเลงพิณทำให้หลินเฟิงรู้สึกสงบและผ่อนคลายมากขึ้น
ถ้าจิตใจของหลินเฟิงยังไม่ถูกต้อง เช่นนั้นเขาก็คงไม่มีทางที่จะเติบโตได้อย่างเต็มที่
หลินเฟิงเข้าใจในความหมายของอาจารย์และเกิดความรู้แจ้งในดวงตาของเขา
“เจ้าต้องการสมาธิมากกว่านี้” อาจารย์กล่าวซึ่งทำให้หัวใจของหลินเฟิงเต้นระรัวราวกับเขาสามารถเข้าใจได้ถึงบางอย่าง
ติดตามได้ที่ –