I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Peerless Martial God ตอนที่ 155 ประลองความตาย

| Peerless Martial God | 1505 | 2367 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

เมื่อฝูงชนได้ยินสิ่งที่หลินเฟิงกล่าว พวกเขาก็เริ่มพูดคุยกัน มีหลายคนที่เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้นที่นี่และยังมีบางคนที่เคยเห็นมันด้วยตาของตัวเอง

 

 ทันใดนั้น ใบหน้าของชายหนุ่มและผู้ดูแลก็เปลี่ยนไป พวกเขากลายเป็นเย็นชามากยิ่งขึ้น

 

เมื่อผู้ดูแลเห็นว่าหลินเฟิงกลับไปนั่งที่และไม่ได้พยายามที่จะเข้าไปในกรงเขาจึงหันไปหามู่ฟ่าน “เป็นอันตกลงกันได้แล้ว เจ้าขึ้นไปก่อนคนแรก แสดงให้ทุกคนเห็นว่าศิษย์ของลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทรานั้นแข็งแกร่งและกล้าหาญเพียงใด” 

 

 ผู้คนต่างประหลาดใจ ผู้ดูแลคนนี้ไม่ได้สนใจในสิ่งที่หลินเฟิงกล่าว

 

 หลินเฟิงเดินไปถึงกรงเป็นคนแรกแต่ทำไมผู้ดูแลถึงบอกว่ามู่ฟ่านไปถึงก่อน? หลินเฟิงรู้สึกรังเกียจคนเช่นนี้ นอกจากนี้ชายคนนี้ยังป่าวประกาศและยกย่องลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทรา เห็นได้ชัดว่าคนประเภทนี้ต้องการจะเลียแข้งเลียขาเท่านั้น

 

 “ข้าไม่ต้องการได้ยินสิ่งใดจากปากที่สกปรกของเจ้า” ชายหนุ่มที่อยู่บนแท่นรับชมกล่าวอย่างเย็นชา

 

หลินเฟิงจ้องมองไปที่ชายหนุ่มและหัวเราะ “นั่นคือสิ่งที่ผู้บ่มเพาะพลังจากตระกูลชั้นสูงทำ? หากเจ้าต้องการให้ปีศาจสิงโตเพลิงเป็นของขวัญแก่สหายของเจ้า เจ้าเพียงแค่เปลี่ยนกฎของที่นี่และใช้อิทธิพลของตระกูลเจ้า… ไม่ดีหรือที่จะได้ใช้เวทีที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ในการมอบของขวัญให้กับสหายของเจ้า?”

 

 “โอ้ว เกือบลืมไป การส่งมอบปีศาจสิงโตเพลิงโดยตรงคงจะไม่ทำให้ลานศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้าได้รับเกียรติสินะ พวกเจ้าเลยตั้งใจที่จะแสดงบางอย่างที่โง่เขลาออกมา” หลินเฟิงกล่าวอย่างไม่แยแสและทำให้ผู้คนเริ่มคิด

 

 ผู้คนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับหลินเฟิง แม้ว่าหลินเฟิงจะก้าวร้าวไปหน่อยแต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธคำพูดของเขา

 

 ผู้บ่มเพาะพลังรุ่นเยาว์ที่มาจากตระกูลชั้นสูงโกรธเกรี้ยว ในตอนนั้นเองมู่ฟ่านก็จ้องมองไปยังหลินเฟิงและกล่าว “ตั้งแต่ที่เจ้าข้องใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทำไมพวกเราไม่มาประลองกันและหาผู้ชนะอย่างเป็นธรรมเพื่อเข้าไปในกรง?”

 

 “เจ้าใช้เหตุผลอะไรในการที่จะสู้กับข้า?” หลินเฟิงกล่าวขณะเหลือบมองมู่ฟ่าน “เจ้าไม่ได้พูดอะไรแบบนี้ในตอนแรกที่ข้ามาถึงก่อนเจ้า แต่เจ้าก็ยังต้องการที่จะเข้าไปเป็นคนแรกโดยไม่สนใจความถูกต้อง”

 

 แน่นอนว่ามู่ฟ่านจะสามารถเอาชนะปีศาจสิงโตเพลิงได้ แต่นั่นไม่ใช่ชัยชนะที่แท้จริงและไม่อาจสร้างเกียรติให้แก่ลานศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่มันตรงกันข้าม มันจะน่าอับอายอย่างมากสำหรับลานศักดิ์สิทธิ์และมู่ฟ่านก็ไม่ต้องการเช่นนั้น

 

 มู่ฟ่านยิ้มและกล่าว “ข้าเข้าใจแล้ว เจ้ามีเพียงแค่ปากที่แหลมคมแต่พอเอาเข้าจริง เจ้าก็ไม่เท่าไหร่สินะ”

 

 “แน่นอน! นอกจากปากเก่งแล้วเจ้าคงจะไม่มีอะไรเลย! เจ้าคงไม่กล้าที่จะแสดงพลังอันน้อยนิดของเจ้าออกมาสินะ”

 

 “ฮ่าๆๆ มันจะไปเทียบมู่ฟ่านได้ยังไง? มู่ฟ่านเป็นถึงอัจฉริยะจากลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทรา การเอาชนะปีศาจสิงโตเพลิงก็เปรียบเสมือนการตัดก้อนเค้กสำหรับเขา”

 

 ศิษย์แต่ละคนจากลานศักดิ์สิทธิ์กำลังโอ้อวดเกี่ยวกับความยิ่งใหญ่ของลานศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาทำราวกับว่าตัวเองเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก

 

 หลินเฟิงกล่าว “ดูเหมือนลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทราจะเต็มไปด้วยผู้บ่มเพราะที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกและข้าคงเป็นเพียงแค่คนโง่เขลา!”

 

 “ใช่ เจ้ามันไม่ประมาณตน กล้าดียังไงถึงยั่วยุมู่ฟ่าน!” ผู้คนจำนวนมากเชื่อว่าหลินเฟิงไม่กล้าที่จะต่อสู้กับมู่ฟ่าน

 แต่ทันใดนั้นหลินเฟิงก็ยิ้มและกล่าวออกมา “แต่ข้าอยากรู้นักว่าผู้บ่มเพาะจากลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทราจะแน่สักแค่ไหน?”

 

 ศิษย์ทั้งหมดของลานศักดิ์สิทธิ์ต่างประหลาดใจอย่างมาก หลินเฟิงยอมรับการต่อสู้ นั่นหมายความว่าเขาจะต้องตายและพวกเขาก็จะสามารถกู้เกียรติกลับคืนมาได้

 

 หลินเฟิงกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ “เจ้ากับข้าเข้าไปในกรง หากเจ้าชนะก็เก็บชีวิตของเจ้าไว้แต่หากเจ้าแพ้ข้าจะสังหารเจ้า คิดว่าไง?” เมื่อกล่าวจบบรรยากาศของลานประลองเชลยก็กลายเป็นเงียบงัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งศิษย์ของลานศักดิ์สิทธิ์ตกตะลึงอย่างมาก

 

 หากเจ้าชนะก็เก็บชีวิตของเจ้าไว้แต่หากเจ้าแพ้ข้าจะสังหารเจ้า…

 

เป็นคำพูดที่จองหองอะไรเช่นนี้!

 

 ผู้คนมากมายอ้าปากค้างและจ้องมองไปที่หลินเฟิง บ้าบิ่นยิ่งนัก! ไม่เพียงแต่เขาจะยอมรับการประลองแต่เขายังต้องการที่จะประลองแบบเอาชีวิตเข้าแลกด้วย เขาจะต้องแน่ใจอย่างมากว่าสามารถเอาชนะมู่ฟ่านได้มิฉะนั้นเขาคงไม่กล้าที่จะเอาชีวิตของตัวเองออกมาเสี่ยงเช่นนี้

 

 มู่ฟ่านจ้องเขม็งไปที่หลินเฟิง ต้องอวดดีขนาดไหนถึงกล้าที่จะเสนอการประลองความตาย?

 

เมื่อหลินเฟิงเห็นว่าไม่มีใครกล่าวอะไรทำให้เขายิ้มและกล่าวอย่างไม่แยแส “ไม่ต้องกังวล ข้ามีเพียงปากเป็นอาวุธและประเมินตัวเองสูงไป อย่างไรก็ตามเจ้าเป็นถึงศิษย์จากลานศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ เจ้าได้เสนอที่จะประลองเพื่อกู้หน้าคืน ข้าเพียงแค่เปิดโอกาสให้ศิษย์ที่น่าเกรงขามจากลานศักดิ์สิทธิ์สามารถเอาชนะข้าได้อย่างง่ายดาย คงไม่มีเหตุผลที่เจ้าจะต้องปฏิเสธ”

 

 น้ำเสียงของหลินเฟิงนั้นก้าวร้าวอย่างมากและเห็นได้ชัดว่าเขากำลังสนุก ศิษย์ของลานศักดิ์สิทธิ์ต่างกัดฟันด้วยความโกรธและจ้องมองหลินเฟิงราวกับต้องการที่จะกลืนกินเขาทั้งเป็น

 

 หลังจากนั้นพวกเขาก็หันไปมองมู่ฟ่าน ศักดิ์ศรีของลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทราทั้งหมดอยู่ในมือของเขาแล้ว

 

 เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาที่กำลังจ้องมองมาทำให้มู่ฟ่านกดดันอย่างมาก สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เขาไม่มีทางเลือก การเอาชนะหลินเฟิงเป็นเพียงทางเดียวที่จะสามารถพิสูจน์ได้ว่าเขาแข็งแกร่งและสามารถปกป้องชื่อเสียงของลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทราได้  หากเขาไม่สู้ เขาก็ไม่อาจที่จะเชิดหน้าได้อีกต่อไป

 

 มู่ฟ่านไม่มีทางเลือกอีกแล้ว

 

 นอกจากนี้ มู่ฟ่านยังมองเห็นดวงตาของหลินเฟิงผ่านรูของหน้ากาก ดวงตาของเขายังคงสงบนิ่งตั้งแต่ต้น คนที่ยังคงสงบอยู่ได้ในสถานการณ์แบบนี้นับว่าน่าหวาดกลัวอย่างมาก

 

 หลินเฟิงท้าทายเขาด้วยการประลองความตาย เป็นไปได้ไหมว่าหลินเฟิงมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะเอาชนะเขาจริงๆ?

 

 มู่ฟ่านไม่ได้อ่อนแอ เขาแข็งแกร่งและมีความเชื่อมั่นในพลังของตัวเอง แต่ในตอนนี้ ท่าทีไม่แยแสของหลินเฟิงทำให้เขาหวาดวิตก เขารู้สึกถึงแรงกดดันที่มหาศาล

 

 มู่ฟ่านกัดฟันและกล่าว “ข้ายอมรับคำท้าประลองความตายกับเจ้า”

 

 “ตอนนี้ เข้าไปในกรงได้แล้ว” มู่ฟ่านกล่าวอย่างเย็นชาและเดินเข้าไปด้านใน

 

 “เดี๋ยว เดี๋ยว” หลินเฟิงกล่าวขึ้นมาอย่างกะทันกัน มู่ฟ่านหยุดและหันกลับมา “มีอะไร?”

 

 “เจ้าและผู้ดูแลกรงอาจจะมีการเตรียมการมาแล้ว ข้าไม่ต้องการที่จะต่อสู้กับพวกเจ้าทั้ง 2 ในเวลาเดียวกัน”

 

 “เจ้าหมายความว่ายังไง? เจ้าคิดว่าข้าจะเข้าไปแทรกแซงและทำร้ายเจ้า?” ผู้ดูแลขมวดคิ้วและถามหลินเฟิง

 

 “มันก็เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ข้าได้ยินข่าวลือในตอนที่ข้ามาที่นี่ ถ้ามันเกิดขึ้นครั้งหนึ่งแล้วมันก็อาจจะเกิดขึ้นอีกครั้งก็ได้ ได้ยินว่ามันเป็นธรรมดาของที่นี่”

 

 ผู้ดูแลถึงกับพูดไม่ออก เขาจ้องมองไปที่หลินเฟิงและถาม “ดี แล้วเจ้าจะเอายังไง?”

 

 “ข้าต้องการให้คนอื่นมาตัดสินการประลองนี้ แน่นอนว่าต้องไม่ใช่ศิษย์ของลานศักดิ์สิทธิ์และคนของลานประลองเชลย”

 

 “เหอะ แล้วเราจะหาคนที่เจ้าว่าได้ยังไง? ไร้สาระ เจ้าจะสู้หรือไม่สู้?” มู่ฟ่านกล่าวด้วยความหงุดหงิด

 

 ทันใดนั้นก็มีหนึ่งในฝูงชนตะโกนออกมา “ข้าจะเป็นผู้ตัดสินให้เอง”

 

 ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังเจ้าของเสียง เขาอยู่บนแท่นรับชมและยังคงเป็นเพียงแค่ชายหนุ่ม

 

 เขาดูเป็นมิตรและสุภาพมาก เขามีรอยยิ้มซึ่งทำให้คนอื่นรู้สึกถึงความเป็นกันเองแต่ก็ทำให้คนอื่นรู้สึกด้อยกว่าเมื่อเทียบกับเขา

 

 ดวงตาของชายหนุ่มจากตระกูลชั้นสูงเบิกกว้างเมื่อมองเห็นชายหนุ่มที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน เขาหอบหายใจด้วยความตกตะลึง

 

นั่นเขา! ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่?!

 

ติดตามได้ที่ – 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments