I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Peerless Martial God ตอนที่ 156 พลังโจมตี!

| Peerless Martial God | 1635 | 2360 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

 

ชายหนุ่มที่กำลังยิ้มเดินตรงลงไปยังลานประลองและพยักหน้าให้หลินเฟิงเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า: “ข้าจะเป็นคนตัดสินการประลองครั้งนี้เอง แต่ข้าไม่รู้ว่ามีใครคัดค้านข้าให้เป็นผู้ตัดสินหรือไม่?”

 

หลินเฟิงประหลาดใจอย่างมาก ชายหนุ่มคนนี้หน้าตาดีมากๆและดูเป็นมิตร เขามีรอยยิ้มที่อบอุ่นบนใบหน้าของเขาและก็ให้ความรู้สึกอ่อนโยน เขาเหมาะสมที่จะเป็นคนตัดสิน ไม่มีใครเชื่อว่าเขาจะมีเจตนาร้ายเมื่อพวกเขาเห็นชายหนุ่มคนนี้

 

แม้ว่าหลินเฟิงจะไม่รู้จักเขา แต่เขาคิดว่าชายหนุ่มคนนี้เหมาะสมที่จะเป็นผู้ตัดสิน

 

“ข้าเห็นด้วย” ชายหนุ่มสหายของมู่ฟ่านกล่าว

 

มู่ฟ่านประหลาดใจเมื่อได้ยินสหายของเขาพูด มู่ฟ่านไม่รู้จักชายหนุ่มคนนี้และเพิ่งเคยเจอกัน อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มคนนี้จะต้องมีสถานที่สูงส่ง มิฉะนั้นสหายของเขาคงไม่ยอมรับ นอกจากนี้เขาไม่สามารถพูดโต้เถียงกับผู้บ่มเพาะพลังจากตระกูลชั้นสูงได้แม้ว่าเขาจะต้องการก็ตาม

 

“แล้วเจ้าล่ะ?” ชายหนุ่มถามหลินเฟิง เขายิ้มและกล่าวเพิ่มเติมว่า: “ไม่ต้องกังวล ข้าจะทำตามกฏและให้พวกเจ้าทั้งสองต่อสู้อย่างยุติธรรม และข้าจะไม่ให้ใครเข้ามาแทรกแซงหลังจากการต่อสู้เริ่มขึ้น”

 

พูดได้ดี!

 

หลินเฟิงกำลังครุ่นคิด เขากำลังพยายามคาดเดาว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นใคร แต่เขาก็ไม่รู้ แต่สิ่งที่หลินเฟิงมั่นใจคือชายหนุ่มผู้นี้จะต้องมีสถานะที่สูงส่งและไม่ใช่คนธรรมดาๆ

 

“ตกลง หากเป็นเช่นนี้แล้ว เจ้าสามารถเป็นคนตัดสินการต่อสู้ของพวกข้าได้” หลินเฟิงกล่าวขณะพยักหน้า แม้ว่าหลินเฟิงคิดว่าจะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นอยู่เบื้องหลังแต่เขาก็ยังคงตอบตกลง หากเขามีสถานะที่สูงส่งเขาคงไม่เสนอตัวมาาเป็นผู้ตัดสินและละเมิดกฏ ถ้าเป็นเช่นนั้นมีแต่เขาจะเสียหน้า…และไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้

 

“ขอบคุณ” ชายหนุ่มกล่าวขณะยิ้มและพยักหน้าอย่างสุภาพ

 

หลินเฟิงหันหลังกลับจ้องมองไปที่มู่ฟ่านและกล่าวว่า: “เริ่มกันได้ยัง?”

 

มู่ฟ่านจ้องมองไปที่ดวงตาของหลินเฟิงแต่เขามองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความเยือกเย็นและความสงบ เขาไม่มีความวิตกกังวลเลยแม้แต่น้อย

 

จากนั้นผู้ดูแลก็เดินออกไปจากกรง

 

มู่ฟ่านและหลินเฟิงกำลังเผชิญหน้าซึ่งกันและกันอยู่ในกรง หลินเฟิงยังคงดูสงบนิ่งและไร้ความหวาดกลัว

 

มู่ฟ่านเงยหน้าขึ้นและถามอย่างแดกดันว่า: “ข้า มู่ฟ่าน ศิษย์จากลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทรา บอกชื่อของเจ้ามาเจ้าชื่ออะไร?”

 

“ตั๋วมิ่ง” หลินเฟิงกล่าวอย่างไม่คิด

 

ในขณะนั้น หลินเชียนและหลินหงต่างประหลาดใจ!

 

“ตั่วมิ่ง!”

 

ทำไมชื่อนี้มันฟังดูคุ้นเคย! น่าประหลาดใจจริงๆที่ชื่อของเขาคือ ตั่วมิ่ง

 

กลับไปที่เมืองหยางโจว หลินเฟิงก็สวมหน้ากากนี้เหมือนกันเมื่อตอนที่เขาแนะนำตัวเองว่าเป็นตั่วมิ่ง

 

“หลินเฟิง?” หลินหงพูดพึมพำ ถึงมันจะเป็นเรื่องบังเอิญแต่หลินหงก็ไม่สามารถเชื่อได้เพราะทั้งสองคนนี้แตกต่างกัน

 

“ข้าไม่เชื่อมันมันคือหลินเฟิง” หลินเชียนกล่าวขณะส่ายหัว “ถ้ามันเป็นหลินเฟิง ทำไมถึงดูสงบขนาดนี้? และเหลือบมองมาที่กลุ่มของพวกนางอย่างนิ่งเฉย นอกจากนี้หลินเฟิงไม่ใช่คนที่อ่อนแอ แต่ในตอนที่เขาอยู่เมืองหยางโจวเขาเพิ่งบรรลุขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 1 เท่านั้น…มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะบรรลุขั้นที่ 5 เพียงแค่ครึ่งปี”

 

มีความแตกต่างระหว่างขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 1 และขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 5 ถึง 4 ขั้นซึ่งมันแต่งต่างกันอย่างมาก คนส่วนใช้ต้องใช้เวลานานเพื่อบรรลุ ถ้าใครบางคนสามารถบรรลุไปยังขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 2 ได้ภายใน 1 ปี พวกเขาก็ถือว่าเป็นอัจฉริยะ แม้แต่อัจฉริยะที่เก่งกาจก็ไม่สามารถบรรลุขอบเขตจิตวิญญาณทั้ง 4 ขั้นได้ภายใน 6 เดือน

 

หลินหงพยักหน้าเมื่อได้ยินหลินเชียนกล่าว หลินเฟิงไม่มีทางสู้กับปีศาจสิงโตเพลิงตัวนี้ได้ ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่คนๆนี้จะเป็นหลินเฟิง

 

สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้มันเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ

 

ภายในกรง มู่ฟ่านหัวเราะและกล่าวว่า:“ตั่วมิ่ง? ข้าจะดูว่าความหยิ่งยโสของเจ้ามันเป็นสันดานของเจ้าหรือไม่”

 

เมื่อเขาพูดจบ มู่ฟ่านปลดปล่อยพลังอันเยือกเย็นออกมาและบดขยี้ร่างกายของหลินเฟิง หลินเฟิงรู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังถูกกดทับ

 

“อำนาจพลัง?” หลินเฟิงรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่คิดเลยว่าฝ่ายตรงข้ามสามารถควบคุมอำนาจพลังได้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสหายของเขาถึงอยากมอบปีศาจสิงโตเพลิงให้เป็นของขวัญ มู่ฟ่านเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์และอาจสามารถทำให้มันเชื่องได้เพียงแค่ออกแรงเพียงเล็กน้อย

 

เมื่อมู่ฟ่านเห็นหลินเฟิงประหลาดใจ เขาจึงรู้สึกภูมิใจในพลังของเขา ดูเหมือนว่าตั่วมิ่งจะประเมินตัวเองสูงจนเกินไป ถ้าเขารู้สึกได้ถึงอำนาจพลังที่กดดันเพียงเล็กน้อย มันก็จะเป็นเรื่องง่ายที่จะเอาชนะเขา

 

“เจ้ามันก็แค่ดีแต่ปาก! เพียงแค่อำนาจพลังเพียงเล็กน้อยก็กดดันเจ้าได้แล้ว ความแข็งแกร่งของเจ้าไม่มีทางที่จะต้านทานอำนาจพลังของข้า ไม่ต้องกังวลข้าสามารถปลดปล่อยอำนาจพลังได้มากกว่านี้ เจ้าไม่มีทางสู้กับข้าได้ ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าข้าคิดผิดที่คิดว่าเจ้าสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้” มู่ฟ่านกล่าว

 

เมื่อมู่ฟ่านพูดจบ เขาก้าวไปข้างหน้าและปลดปล่อยอำนาจพลังมากขึ้นและล้อมรอบร่างกายของหลินเฟิงทันที ทำให้เขารู้สึกหนักอย่างมาก

 

“อำนาจพลัง แล้วไง?” หลินเฟิงกล่าวขณะยิ้ม เขาขยับเล็กน้อย และทันใดนั้นอำนาจพลังที่ล้อมรอบร่างกายเขาก็ลดลงอย่างมาก

 

หลินเฟิงก้าวเดินไปข้างหน้า เขากลายเป็นเงาแล้วเขาก็พุ่งตรงเข้าไปในอำนาจพลังของอีกฝ่าย

 

ทุกๆการเคลื่อนไหวของหลินเฟิงได้สร้างกระแสลมรอบๆตัวเขา และบรรยากาศก็เริ่มมีเสียงคล้ายเสียงฉีกกระดาษดังออกมา

 

มันดูราวกับว่าหลินเฟิงไม่ได้รับผลกระทบจากอำนาจพลังและกำลังฉีกมันออก

 

“หืม?” มู่ฟ่านขมวดคิ้วและพึมพำ เขาเดินไปข้างหน้าอีกครั้งและปลดปล่อยพลังอำนาจอันน่าเหลือเชื่อของเขาออกมา ซึ่งทำให้เกิดเสียงแหลมๆดังขั้น อำนาจพลังของเขาเริ่มแหลมคมและคมมากขึ้นเรื่อยๆขณะที่มันเคลื่อนไปหาหลินเฟิง

 

แต่ในขณะนั้นหลินเฟิงได้ยกมือของเขาขึ้นและละเลยอำนาจพลังที่มู่ฟ่านปลดปล่อยออกมา บางสิ่งบางอย่างที่ดูคล้ายปราณพิษถูกปลดปล่อยออกมาจากมือของหลินเฟิงและทำให้ทุกคนประหลาดใจ

 

หลินเฟิงควบคุมอำนาจพลังได้ดีกว่ามู่ฟ่าน อำนาจพลังที่เขาปลดปล่อยแตกต่างจากมู่ฟ่านมากเพราะหลินเฟิงมีความเข้าใจมากกว่า เขารู้วิธีที่จะทำให้มันหายไปหรือเปลี่ยนให้มันเบาบางหรือหนาแน่นได้ นั่นคือเหตุผลที่อำนาจพลังของมู่ฟ่านไม่ได้ส่งกระทบต่อหลินเฟิงมากนัก .

 

เมื่อฝูงชนเห็นอำนาจพลังที่หลินเฟิงกำลังใช้อยู่ มันไม่ได้แหลมคมเลยแม้แต่น้อย พวกเขารู้สึกประหลาดใจและมีความรู้สึกว่าเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายอย่างไม่น่าเชื่อ

 

“ข้าสามารถควบคุมอำนาจพลังได้และการโจมตีของข้าทรงพลังมาก นอกจากนี้ข้าได้บรรลุขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 5 แล้ว ข้าไม่หวาดกลัวเจ้าเลยแม้แต่น้อย” มู่ฟ่านกล่าวขณะหัวเราะ เขาย่ำเท้าลงบนพื้น ซึ่งทำให้เกิดเมฆฝุ่นลอยขึ้นไปในอากาศ

 

มีอำนาจพลังจำนวนมากออกมาจากร่างกายของเขาและพุ่งตรงไปที่เงาของหลินเฟิงด้วยความเร็ว ทันใดนั้นได้เกิดแสงสว่างจ้าระหว่างพวกเขา ทุกๆคนต่างเบิกตากว้างเพื่อดูฉากนี้

 

“คนนั้นแข็งแกร่งจริงๆ เขาสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว ควบคุมอำนาจพลังได้และข้าสามารถรู้สึกได้ถึงพลังปราณบริสุทธิ์” คนในกลุ่มฝูงชนกล่าวขณะอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ

 

ดูเหมือนว่ามู่ฟ่านจะตกอยู่ในอันตราย เขาสมควรเป็นสมาชิกคนหนึ่งของลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทรา เขาแข็งแกร่งมากๆ สถานการณ์ในตอนนี้กำลังเป็นอันตรายต่อหลินเฟิง

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้านั้น ตั่วมิ่ง จะต้องเสียใจกับการกระทำของตัวเองที่ท้าทายศิษย์พี่มู่ฟ่าน เขาจะไม่สามารถต้านทานการโจมตีของศิษย์พี่มู่ฟ่านได้แม้แต่ครั้งเดียว เขาสามารถสังหารตั่วมิ่งได้ด้วยความพยายามเพียงเล็กน้อย” ศิษย์จากลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันซากล่าว พวกเขาทั้งหมดเห็นด้วยกับเรื่องนี้และเชื่อว่าหลินเฟิงกำลังจะตาย

 

หลินเฟิงยังคงสงบ มันราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่มีผลอะไรกับเขาราวกับว่าการต่อสู้ครั้งนี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของเขาเลย

 

หลินเฟิงและมู่ฟ่านกำลังเข้ามาใกล้ซึ่งกันและกันมากขึ้นเรื่อยๆ อำนาจพลังในบรรยากาศเริ่มเข้มข้นขึ้น ฝุ่นปลิวกระจายไปทั่ว ร่างเงาสองร่างกำลังอยู่ในเมฆฝุ่น

 

ในฝ่ามือของหลินเฟิงยังคงมีพลังอยู่ ซึ่งกำลังเปล่งแสงออกมา

 

ทันใดนั้นได้มีเสียงแผ่กระจายไปในอากาศและเเสงสีดำกระจายไปในอากาศซึ่งทำให้ร่างกายของมู่ฟ่านแข็งค้างเพราะความหวาดกลัว

 

“พลังโจมตี…”

 

น่าหวาดกลัวอะไรขนาดนี้! ในใจของเขา มู่ฟ่านสามารถมองเห็นเพียงแค่หน้ากากเงินที่สยดสยองกลายเป็นลางแห่งความตาย!

 

**************************************************

ติดตามได้ที่ – 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments