ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปพลังโจมตีนั้นเป็นสิ่งที่ทรงพลังมากสำหรับผู้บ่มเพาะพลัง
ไม่เพียงแต่ผู้บ่มเพาะพลังจะสามารถดูซับพลังงานรอบตัวได้ แต่ยังช่วยให้สามารถควบคุมและเปลี่ยนมันเป็นพลังของตัวเองได้
พลังโจมตีที่เบาบางและดูไม่เป็นอันตราย แต่ในความจริงแล้วมันทรงพลังจนน่าหวาดกลัว
อำนาจพลังของมู่ฟ่านถูกกลืนกินโดยพลังโจมตีของหลินเฟิง พลังงานในชั้นบรรยากาศถูกรวมเข้าด้วยกันและเสริมพลังให้กับเขา เมื่อเป็นแบบนี้มู่ฟ่านจะเอาชนะหลินเฟิงได้อย่างไร?
ในตอนนี้เอง มู่ฟ่านก็เข้าใจแล้วว่าทำไมหลินเฟิงถึงไม่ได้รับผลกระทบจากอำนาจพลังของเขา นั่นเป็นเพราะหลินเฟิงสามารถใช้พลังโจมตีได้ ผู้บ่มเพาะพลังขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 5 สามารถใช้พลังโจมตีได้… นี่มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว!
สิ่งเดียวที่มู่ฟ่านกำลังคิดคือการหลีบหนีออกไปเมื่อเขาเห็นพลังโจมตีของหลินเฟิง!
มีเศษฝุ่นรายล้อมตัวมู่ฟ่าน เขาเริ่มถอยไปข้างหลังด้วยความเร็วเต็มกำลัง
“ช้าไป” หลินเฟิงกล่าวอย่างเย็นชา เขาเคลื่อนที่ราวกับเงาในขณะที่มือของเขาก็พุ่งตรงไปยังร่างกายของมู่ฟ่าน
“ตู้มมมมมม!”
เศษฝุ่นมากมายกระจายไปทั่วกรง พลังโจมตีของหลินเฟิงฉีกกระชากร่างกายของมู่ฟ่านในพริบตาและตกตายในทันที
“หืม?” ผู้คนต่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นภายในกรง พวกเขาไม่สามารถมองเห็นได้เนื่องจากมีเศษฝุ่นมากเกินไป
ศิษย์จากลานศักดิ์สิทธิ์กำลังมองผ่านม่านหมอกและเศษฝุ่น พวกเขาอยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายในกันแน่
“หึ ตั๋วมิ่งคนนี้กล้าที่จะหยิ่งยโสต่อหน้าพวกเรา ตอนนี้มันคงตายไปแล้ว เป็นเรื่องน่าเสียดายที่พวกเราไม่อาจเห็นจุดจบของมันเพราะเศษฝุ่นบ้าๆนี่” หนึ่งในนั้นกล่าว
ถูกต้อง จะมีอัจฉริยะสักกี่คนที่สามารถควบคุมอำนาจพลังได้และยังบรรลุถึงขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 5 ? อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่รู้ว่าความจริงแล้วหลินเฟิงสามารถจัดการกับมู่ฟ่านได้อย่างง่ายดาย
“ศิษย์พี่มู่ฟ่าน ขอแสดงความยินดีกับชัยชนะของท่าน” ชายหนุ่มจากตระกูลชั้นสูงกล่าว เขาเชื่อว่ามู่ฟ่านจะต้องชนะอย่างแน่นอน หากเขาแพ้ศิษย์ทั้งหมดจากลานศักดิ์สิทธิ์จะต้องเสียหน้าอย่างมาก
“ยังเร็วไปที่จะดีใจ” เสียงที่เย็นชาและไม่แยแสดังออกมาจากในกรง ทุกคนกลายเป็นตกตะลึง
“บางคนไม่กล้าที่จะเสี่ยงชีวิตบนเส้นทางการต่อสู้และพึ่งพาสถานะของตัวเองเพื่อที่จะข่มผู้อื่น…. คนแบบนี้ไม่สามารถที่จะแข็งแกร่งขึ้นได้” เศษฝุ่นเริ่มจางหายไปและปรากฏร่างของหลินเฟิงเพียงผู้เดียวที่ยืนอยู่ในกรง
หลินเฟิงหันกลับมาอย่างช้าๆ ร่างกายของมู่ฟ่านที่กองอยู่บนพื้นมีสภาพที่อเนจอนาถอย่างมาก ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามู่ฟ่านได้ตกตายไปแล้วและร่างกายของเขาก็เกือบที่จะถูกฝ่าออกเป็น 2 ส่วน
“ตู้มม” เกิดเสียงระเบิดขึ้นในหัวของผู้คน หัวใจของพวกเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ ฉากที่เกิดขึ้นตรงหน้าไม่เป็นไปตามที่พวกเขาคิด… เป็นไปได้อย่างไรที่ผู้ชนะคือหลินเฟิง
พวกเขาไม่เคยพบเจอกับอะไรแบบนี้มาก่อน…. แค่การโจมตีเพียงครั้งเดียวด้วยมือเปล่าก็สามารถสังหารอัจฉริยะจากลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทราได้
สายตาของหลินเฟิงยังคงสงบนิ่ง เขารู้ผลแพ้ชนะมาตั้งแต่แรกแล้ว
“มู่ฟ่านแพ้?” ดวงตาของศิษย์จากลานศักดิ์สิทธิ์เบิกกว้างด้วยความตกตะลึง พวกเขาไม่อยากจะเชื่อในผลลัพธ์ที่ออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลินเฟิงสังหารมู่ฟ่านด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
“หึ อัจฉริยะจากลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทราก็คงมีดีแค่นี้” หลินเฟิงกล่าวอย่างไม่แยแส
เหล่าศิษย์ต่างโกรธแค้น พวกเขาอับอายเพราะคำพูดของตัวเอง หลินเฟิงยัดเยียดความอัปยศให้กับพวกเขาและทำให้ลานศักดิ์สิทธิ์ต้องเสียหน้า
หากอัจฉริยะจากลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทราไม่มีความแข็งแกร่ง แล้วแบบนี้สามารถเรียกลานศักดิ์สิทธิ์ว่าเป็นสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดได้อย่างไร?
เหล่าศิษย์เริ่มมีใบหน้าที่บิดเบี้ยว นัยน์ตาของพวกเขาอัดแน่นไปด้วยความโกรธที่พร้อมจะปะทุออกมา
“เจ้าเพียงแค่โชคดีเท่านั้น… อย่าได้หยิ่งยโสให้มากนัก” ชายหนุ่มจากตระกูลชั้นสูงกล่าว
ทำไมถึงได้ไร้ยางอายถึงเพียงนี้?
“ก็ดี งั้นมาพิสูจน์โชคของข้ากัน? เจ้าสามารถลงมาเป็นคู่มือให้กับข้าได้” หลินเฟิงกล่าวและจ้องมองไปยังชายหนุ่มซึ่งทำให้เขาตกใจมาก
เมื่อหลินเฟิงเห็นชายหนุ่มไม่ตอบเขาจึงกล่าวต่อ “ข้าคิดว่าในฐานะศิษย์จากลานศักดิ์สิทธิ์ เจ้าอ่อนแอเกินไปที่จะเป็นคู่มือให้กับข้า ไสหัวไปและใช้ปากสกปกๆของเจ้ากับคนอื่น”
ชายหนุ่มถลึงตาใส่หลินเฟิงด้วยความโกรธเกรี้ยว
“พวกเจ้าแต่ละคนชอบที่จะโอ้อวดพลังและความแข็งแกร่งของตัวเอง แต่เมื่อต้องต่อสู้จริงๆพวกเจ้าไม่แม้แต่สามารถต้านทานการโจมตีเพียงครั้งเดียวได้ พวกเจ้าป่าวประกาศถึงความยิ่งใหญ่ของลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทรา แต่ดูสิ่งที่เกิดขึ้นสิ มันน่าสมเพชยิ่งนัก” หลินเฟิงเมินเฉยต่อชายหนุ่มและกล่าวต่อ “แต่ข้าเข้าใจว่าพวกเจ้าต้องการชื่อเสียง พวกเจ้าจำเป็นต้องให้คนอื่นๆเชื่อว่าลานศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้าทรงพลังและมีอำนาจ แต่คงเห็นได้ชัดแล้วว่าพวกมันเป็นเพียงการแสดง”
หลินเชียนจ้องมองไปยังหลินเฟิง คำพูดของชายคนนี้แหลมคมยิ่งนัก… คำพูดของเขาได้ทำลายกลยุทธ์ในการเผยแพร่ชื่อเสียงของลานศักดิ์สิทธิ์
ทุกคนต่างกำลังสงสัยว่าทำไมชายหนุ่มคนนี้ถึงได้เกลียดชังลานศักดิ์สิทธิ์มากนัก ถึงขนาดกล้าที่จะยั่วยุพวกเขาโดยตรง
ชายหนุ่มที่ดูเป็นมิตรกำลังจ้องมองหลินเฟิงในทุกการเคลื่อนไหวและการกระทำของเขา
“เขาเพิ่งจะทะลวงสู่ขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 5 และสามารถใช้พลังโจมตีได้…. มันถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่อย่างมาก” เขาคิด ปรากฏรอยยิ้มที่อบอุ่นบนใบหน้าของเขาและกล่าว “ผู้ชนะคือตั๋วมิ่ง!”
ทันใดนั้นร่างเงาก็เดินออกมาจากกรง
หลินเฟิงไม่ได้กล่าวอะไรอีก เขาหันหลังและเดินออกมา หลินเฟิงกล่าวกับชายผู้ดูแล “ข้าสามารถเข้าไปเลยได้หรือไม่?”
ดูเหมือนว่าทุกคนจะต้องไว้หน้าชายหนุ่มที่ดูอบอุ่นและเป็นมิตรคนนี้ จากนั้นเขาก็กล่าว “ตั้งแต่ที่เขาชนะ พวกเจ้าทั้งหมดยังต้องการอะไรจากเขาอีก?” ทุกคนต่างรู้สึกประหลาดใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งศิษย์จากลานศักดิ์สิทธิ์ผู้ซึ่งพยักหน้าด้วยความนอบน้อม
“ หินบริสุทธิ์คุณภาพปานกลางสำหรับการสังหารมันหรือจะทำให้มันเชื่องก็ได้” ผู้ดูแลกล่าวกับหลินเฟิง
ราวกับว่าทุกคนต่างหวาดกลัวชายหนุ่มที่ดูเป็นมิตร ใครจะสามารถพูดอย่างสงบและทำให้ศิษย์ของลานศักดิ์สิทธิ์เชื่อฟังอย่างง่ายดาย?
หลินเฟิงจ้องมองไปที่ปีศาจสิงโตเพลิงและยิ้ม มันเป็นสัตว์อสูรที่น่ากลัวจริงๆ
มันมีความแข็งแกร่ง รวดเร็วและคล่องแคล่ว ปีกทั้ง 2 ข้างของมันทำให้ห้วงอากาศฉีกขาด
ผู้ดูแลก็รีบนำปล่อยปีศาจสิงโตเพลิงออกมา เขามองไปที่หลินเฟิงด้วยความอิจฉา
“โฮ้กกกกก” ปีศาจสิงโตเพลิงคำราม ร่างกายของมันเริ่มสั่นและเคลื่อนตรงไปหาหลินเฟิง ปากขนาดมหึมาของมันเปิดออกและพ่นไฟออกมา บรรยากาศเต็มไปด้วยไฟสีแดงและความร้อนที่น่ากลัว
หลินเฟิงประหลาดใจ เขากระโดดขึ้นไปบนอากาศและเริ่มกวัดแกว่งดาบยาวของเขาจากนั้นก็พุ่งตรงไปยังสัตว์อสูร
ติดตามได้ที่ –