I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Peerless Martial God ตอนที่ 158 ประมูล

| Peerless Martial God | 1485 | 2364 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

 

“แคร๊ก!”

 

“โฮกก…..กกกก…”

 

เสียงสองเสียงที่ดังชัดเจนดังไปทั่วบรรยากาศ เสียงแรกคือเสียงกระดูกที่แตกหัก เสียงที่สองคล้ายกับเสียงเห่าหอนที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก…

 

เสียงทั้งสองมาจาก…ปีศาจสิงโตเพลิง

 

รอยดาบขนาดยักษ์ถูกตัดผ่านหลังของปีศาจสิงโตเพลิง รอยเปื้อนเลือดปรากฏอยู่บนขนของมัน ร่างอันใหญ่โตของมันหมอบคลานอยู่บนพื้นเพราะความเจ็บปวด ปราณสีขาวออกมาจากปากของมัน แต่มันยังคงมีเปลวเพลิงเล็กน้อย

 

ฝูงชนมึนงงเมื่อเห็นผลของการโจมตี ถึงแม้ว่าหลินเฟิงจะแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ แต่มันเป็นไปได้อย่างไรที่ปีศาจสิงโตเพลิงที่อยู่ขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 5 กลับไม่สามารถต้านทานการโจมตีของหลินเฟิงได้แม้แต่ครั้งเดียว?

 

หลินเฟิงรู้สึกประหลาดใจเหมือนกัน แต่ทันใดนั้น ก็มีรอยยิ้มขนาดใหญ่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา การต่อสู้ครั้งนี้เป็นการต่อสู้ที่น่าทึ่งทีเดียว

 

“ขอบคุณสำหรับของขวัญ ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจจริงๆ!” หลินเฟิงกล่าวขณะเงยหน้าขึ้นไปมองศิษย์ที่อยู่บนที่นั่ง หลินเฟิงหัวเราะเยาะพร้อมกับนัยน์ตาของเขาที่เต็มไปด้วยความสุข

 

ไม่น่าแปลกใจที่ปีศาจสิงโตเพลิงไม่สามารถต้านทานการโจมตีได้แม้แต่ครั้งเดียว และมีเพียงคำอธิบายเดียวเท่านั้นสำหรับเหตุการณ์นี้ พวกเขาได้เตรียมปีศาจสิงโตเพลิงที่อ่อนแอก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มต้นขึ้น พวกเขาได้เตรียมสัตว์อสูรที่อ่อนแอนี้เพื่อเป็นของขวัญให้แก่มู่ฟ่าน แล้วมู่ฟ่านก็จะสามารถจัดการมันได้อย่างง่ายๆ ศิษย์จากลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทราที่สามารถเอาชนะสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งและทรงพลังด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว แล้วพวกเขาจะสร้างชื่อเสียงให้กับลานศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาขนาดไหน?

 

ความคิดของทุกคนล้วนสับสนวุ่นวาย พวกเขาสับสนเพราะไม่มีอะไรเป็นไปตามแผนของพวกเขา หลินเฟิงได้เอาชนะปีศาจสิงโตเพลิง…หลินเฟิงทำให้มันเชื่องขณะที่มู่ฟ่านตายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว

 

หลินเฟิงเข้าใจว่าทำไมก่อนหน้านี้ผู้ดูแลกรงถึงมองเขาด้วยความอิจฉา เขารู้ว่าสัตว์อสูรตัวนี้จะตกเป็นของหลินเฟิง

 

เมื่อเขาได้ยินว่าหลินเฟิงกำลังพูดคุยกับเขาอยู่ ศิษย์ชั้นสูงดูหงุดหงิด การแสดงออกของพวกเขากลายเป็นน่าเกลียดอย่างไม่น่าเชื่อ ทุกคนสามารถคาดเดาได้ว่า เขาทำให้สัตว์อสูรนั้นอ่อนแอลงเพื่อที่เขาจะได้ชนะใจมู่ฟ่าน

 

ฝูงชนส่วนใหญ่มองไปที่กลุ่มศิษย์ของลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทราราวกับว่าพวกเขาเป็นพวกที่น่ารังเกียจ

 

ลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทราช่างไร้ยางอายและขี้ขลาดจริงๆ พวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่พวกเขาทำตัว พวกเขาพยายามทำให้มันดูเป็นเช่นนั้น แต่ในความจริงแล้ว พวกเขาก็แค่พวกหลอกลวง

 

ศิษย์จากลานศักดิ์สิทธิ์ยิ้มให้หลินเฟิงอย่างเย็นชาและกล่าวว่า: “ทำไมต้องขอบคุณข้า? แม้ว่าเจ้าจะทำให้ปีศาจสิงโตเพลิงอยู่ภายในการควบคุมของเจ้าได้ มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะทำตามเจ้าหรือเชื่อฟังเจ้าตลอด มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้มันเชื่อง เจ้าควรระวังตัวให้ดี สักวันหนึ่งมันจะกินเจ้า”

 

เมื่อหลินเฟิงได้ยินสิ่งที่ศิษย์คนนั้นกล่าว หลินเฟิงคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าขันและกล่าวว่า: “ไม่ต้องกังวล สิ่งที่เจ้าพูดข้าไม่ได้กังเวลเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าปีศาจสิงโตเพลิงจะแข็งแกร่งกว่าข้าหลายเท่าก็ตาม”

 

เมื่อเขาพูดจบ หลินเฟิงเดินไปหาผู้ดูแลกรงและกล่าวว่า: “ถ้างั้นปีศาจสิงโตเพลิงตัวนี้เป็นของข้าแล้ว ถูกต้องไหม?”

 

“ใช่แล้ว” ชายคนนั้นกล่าวอย่างไม่เต็มใจที่จะมอบมันให้หลินเฟิง แต่หลินเฟิงไม่ได้รอฟังคำตอบ; เขาจับโซ่ที่ล่ามสัตว์อสูรไว้และเริ่มดึงปีศาจสิงโตเพลิงออกจากกรง

 

หลินเฟิงเดินออกจากกรงและสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อลิ้นรสและความเพลินเพลินในช่วงเวลานี้ จากนั้นหลินเฟิงก็จ้องมองผู้คนที่กำลังมองเขาอยู่  

 

ภายในหน้ากาก เขาปรากฏรอยยิ้มขนาดใหญ่บนใบหน้าของเขา แล้วเขากล่าวว่า: “ชนะสัตว์อสูรระดับจิตวิญญาณขั้นที่ 5 ได้เป็นเรื่องที่ดี เมื่อมันเติบโตจนบรรลุขอบเขตปฐพี ข้าจะได้ผลตอบแทนอันยิ่งใหญ่”

 

ฝูงชนประหลาดใจ ผลตอบแทนอันยิ่งใหญ่? แท้จริงแล้วเขาหมายถึงปีศาจสิงโตเพลิงสามารถทำเงินให้เขาได้

 

หลินเฟิงต้องการจะพูดอะไร?

 

ไม่มีใครมีเวลาที่จะถามเขาก่อนที่หลินเฟิงจะพูดต่อว่า: “ถ้าเจ้าชอบปีศาจสิงโตเพลิง มันไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเจ้า มาดูกันว่ามันจะขายได้ราคาเท่าไหร่? ลองมาประมูลกัน”

 

ทุกๆคนต่างประหลาดใจเมื่อได้ยินหลินเฟิงกล่าว

 

ประมูล?

 

เขาต้องการที่จะขายมันหลังจากชนะ?

 

ในขณะนั้นฝูงชนเข้าใจในสิ่งที่หลินเฟิงกล่าวก่อนหน้านี้ เขาจะไม่ถูกปีศาจสิงโตกินเพราะเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะพามันไปตั้งแต่แรกแล้ว หลินเฟิงไม่เคยต้องการปีศาจสิงโตเพลิงนี้เลย

 

“ชายคนนี้เขาบ้าไปแล้ว? นั่นมันปีศาจสิงโตเพลิงนะ!”

 

หลายคนคิดว่าหลินเฟิงบ้าไปแล้วถึงกับขายสัตว์อสูร พวกเขาทุกคนคิดว่าการที่ขายสัตว์อสูรเป็นทางเลือกที่โง่เขลา

 

แน่นอนนี่เป็นทางเลือกของหลินเฟิง และเขาไม่รู้สึกไม่ชอบที่ปีศาจสิงโตที่น่าเกลียดเดินเคียงข้างเขา

  

เขาไม่แข็งแกร่งพอที่จะเก็บสัตว์อสูรอันมีค่านี้ได้ ถึงแม้มันจะเป็นสัตว์อสูรที่ยอดเยี่ยม แต่เขาก็ไม่สามารถทำให้มันดึงดูดความสนใจจากผู้คนจำนวนมากได้

 

สิ่งที่หลินเฟิงต้องการในตอนนี้คือแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาไม่ต้องการพึ่งพาความแข็งแกร่งของสัตว์อสูร หลินเฟิงไม่ต้องการดึงดูดความอิจฉาจากผู้อื่นซึ่งมันจะทำให้เขาเดือดร้อน ในตอนนี้เขามีศัตรูมากอยู่แล้ว การเป็นเจ้าของสัตว์อสูรเหมือนยั่วยุคนอื่นให้กลายเป็นศัตรูของเขา

 

ความคิดเห็นของผู้คนไม่สามารถทำให้หลินเฟิงเปลี่ยนใจได้ มันยากที่จะทำให้เขาเปลี่ยนใจ เขาเข้าใจว่าเขาไม่แข็งแกร่งพอที่จะเป็นเจ้าของสัตว์อสูรตัวนี้

 

หลินเฟิงออกจากลานประลองเชลย และเขากำลังเดินตรงไปที่เขตการค้า

 

บางคนก็เดินออกจากลานประลองเชลยและเดินตามหลินเฟิงไป

 

บางคนต้องการอยากเห็นงานประมูล บางคนก็สนใจที่จะซื้อปีศาจสิงโตเพลิง

 

ผู้คนจำนวนมากจากลานประลองเชลยไม่ได้ขาดแคลนหินบริสุทธิ์ พวกเขามีหินบริสุทธิ์เพียงพอที่จะสำรองไว้และปีศาจสิงโตเพลิงมีค่ามากสำหรับพวกเขา

 

ถ้าพวกเขามีปีศาจสิงโตเพลิง และทำให้มันบรรลุขอบเขตปฐพีมันจะมีมูลค่ามาก นอกจากนี้การที่มีสัตว์อสูรเดินเคียงข้างขณะเดินทางจะทำให้พวกเขาประทับใจ

 

ขณะที่หลินเฟิงและกลุ่มคนที่กำลังเดินตามเขาอยู่ ฝูงชนเริ่มรวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ

 

ข่าวที่ว่ามีใครบางคนต้องการขายปีศาจสิงโตเพลิงแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว นั่นเป็นเหตุผลที่ผู้คนจำนวนมากเข้ามาเพื่อดู

 

หลินเฟิงพอใจกับเรื่องนี้ เขากลัวว่าจะมีคนที่สนใจซื้อมันน้อย

 

ยิ่งคนสนใจมากเท่าไรก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น ด้วยวิธีนี้ราคามันก็จะสูงขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากสำหรับหลินเฟิง

 

หลินเฟิงมาถึงลานจัสตุรัสที่สร้างขึ้นมาเพื่อการประมูลโดยเฉพาะ มีศาลาที่มีที่นั่งอยู่หลายพันที่นั่ง

 

สถานที่แห่งนี้ไม่ได้ใหญ่เท่าลานประลองเชลย สถานที่แห่งนี้ให้ความรู้สึกสบายๆเมื่อมองไปที่ทิวทัศน์ ผู้คนสามารถชมการประมูลได้ขณะดื่มชาและตัดสินใจว่าต้องการซื้อสินค้าชิ้นนี้หรือไม่

 

เมื่อหลินเฟิงเห็นสถานที่นี้ เขายิ้มและเดินตรงเข้าไป

 

เมื่อหลินเฟิงกำลังจะเดินเข้าไปจัสตุรัสประมูล ได้มีกลุ่มคนปรากฏอยู่เบื้อหน้าเขาทำให้เขาต้องหยุดเดิน

 

“คนอย่างเจ้าไม่สมควรมีปีศาจสิงโตเพลิง” ชายคนหนึ่งกล่าวขณะจ้องมองหลินเฟิง

 

หลินเฟิงเหลือบมองและกล่าวอย่างเฉยเมยว่า: “ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าจะไม่เข้ามาขวางทางและอยู่ให้ห่างจากที่นี่”

 

คนพวกนั้นรู้สึกมึนงงเมื่อพวกเขาได้ยินหลินเฟิงพูด ปราณอันเยือกเย็นถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของพวกเขา พวกเขาทุกคนห่างไกลจากคำว่าอ่อนแอ

 

“พวกข้าจะจ่ายด้วยหินบริสุทธิ์ระดับปานกลาง 100 ก้อน และมอบปีศาจสิงโตเพลิงให้กับพวกข้า” คนคนหนึ่งในกลุ่มกล่าว

 

“ข้าจะให้โอกาสเจ้า” หลินเฟิงกล่าวอย่างเย็นช้า แล้วกล่าวต่อว่า: “ข้าจะนับ 1 ถึง 3 ถ้าเจ้ายังไม่ออกไปจากทางเดินของข้า ข้าจะให้ฝูงชนที่อยู่ด้านหลังข้าสังหารเจ้า ใครมันจะขายปีศาจสิงโตเพลิงในราคา 100 หินบริสุทธิ์ระดับปานกลางกัน? พวกเจ้าโง่หรือยังไงกัน?”

 

เมื่อพวกเขาได้ยินหลินเฟิงพูด สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปทันที มีผู้คนมากมายหลายคนอยู่เบื้องหลังหลินเฟิง และจ้องมองข่มขู่ไปที่กลุ่มคนพวกนั้นทันที

 

“หนึ่ง!” หลินเฟิงเริ่มนับ ในขณะนั้นมีผู้คนจำนวนมากเริ่มก้าวไปข้างหน้าจากกลุ่มฝูงชน

 

“สอง!” หลินเฟิงนับต่อ เขาปรากฏรอยยิ้มแปลกๆบนใบหน้าของเขา เมื่อเขาสังเกตเห็นคนพวกนี้ไม่แสดงปฏิกิริยาอะไร

 

ทันใดนั้นสายตาของหลินเฟิงก็เผยให้เห็นเจตนาฆ่า ซึ่งทำให้กลุ่มคนที่ขวางทางเขาตกใจอย่างมาก

 

“จำข้าไว้ เรื่องนี้มันจะไม่จบเพียงแค่นี้” ชายที่เป็นผู้นำกลุ่มกล่าวข่มขู่ จากนั้นกลุ่มของพวกเขาก็หลีกทางให้หลินเฟิง

 

“อย่างที่คิด เจ้าไม่ยอมรับความปรารถนาดีของข้า พวกเจ้ามันปัญญาอ่อนจริงๆ” หลินเฟิงกล่าวอย่างเย็นชาและพูดเพิ่มเติมว่า: “ชีวิตต่อไปของพวกเจ้า หัดใช้สมองอันน้อยนิดของเจ้าและจำไว้ว่าอย่าพูดข่มขู่คนที่แสดงความเมตตาอันยิ่งใหญ่ให้แก่พวกเจ้า”

 

“พวกเจ้ากล้าดียังไงที่จะลองดีกับข้าและต้องการปีศาจสิงโตเพลิงของข้าด้วยหินบริสุทธิ์ระดับปานกลาง 100 ก้อน! ฆ่าผู้ที่ข่มขู่ข้าให้หมดและข้าจะมอบหินบริสุทธิ์ระดับกลาง 100 ก้อนให้กับใครก็ตามที่เป็นผู้ชนะการประมูล” หลินเฟิงกล่าวอย่างเย็นชา

 

เขาดูสงบเหมือนเช่นเคย แต่สีหน้าของผู้คนที่ขวางทางเดินของเขาจู่ๆก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

 

**************************************************

ติดตามได้ที่ – 

 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments