I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Peerless Martial God ตอนที่ 169 ใครฆ่าใครกันแน่

| Peerless Martial God | 1508 | 2358 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

“หวงห้าม!”

 

 หลินเฟิงอ่านถ่อยคำที่เขียนอยู่บนแผ่นหินและยิ้มอย่างไม่แยแส

 

 หอบ่มเพาะพลังคือหนึ่งในทรัพยากรของสำนักสวรรค์ มันคงอยู่เพื่อให้ศิษย์ทุกคนได้รับประโยชน์จากมัน

 

 ศิษย์ที่แข็งแกร่งสามารถลงไปยังห้องบ่มเพาะพลังชั้นล่างๆได้… แต่การที่ขัดขวางไม่ให้ผู้อื่นมาใช้ห้องบ่มเพาะพลังถือว่าเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจ

 

 หลินเฟิงสะบัดมือเพียงเล็กน้อยและใช้ปราณของเขาเพื่อลบชื่อบนแผ่นหินออก เขาไม่ได้เหลือบมองชื่อนั้นด้วยซ้ำ

 

 หลินเฟิงใส่หินบริสุทธิ์เข้าไปในช่องเพื่อที่จะเริ่มใช้งาน จากนั้นก็เกิดแสงจากภายในห้อง

 

 ประตูของห้องบ่มเพาะพลังเปิดออกซึ่งทำให้เกิดเสียงดัง ปราณที่ไหลทะลักออกมาจากในห้องทำให้หลินเฟิงรู้สึกตื่นเต้น เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ

 

 แต่ในตอนที่หลินเฟิงกำลังจะก้าวเข้าไปในห้องบ่มเพาะพลัง บางคนก็ได้ตะโกนขึ้น “หยุด!”

 

 เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลินเฟิงก็หยุดและหันหลังกลับมา เขาเห็นสาวสวยคนหนึ่งกำลังเดินตรงมาที่เขา

 

ที่น่าประหลาดใจก็คือนางเป็นเพียงแค่เด็กสาวเท่านั้น นางสวมเสื้อผ้าเปิดเผยให้เห็นสัดสวนที่โค้งเว้าและดูน่าหลงใหล

 

 ปรากฏประกายแสงแวบผ่านดวงตาของหลินเฟิง นางค่อนข้างจะงดงามแต่ก็ยังไม่อาจนำไปเทียบกับหลิ่วเฟยได้ แม้ว่าสัดส่วนร่างกายของนางจะคล้ายคลึงกับหลิ่วเฟยแต่เสน่ห์ของหลิ่วเฟยนั้นมีมากกว่า หญิงสาวนางนี้ดูคล้ายกับนางจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ นางสามารถที่จะทำให้ผู้คนมากมายที่ปรารถนาในตัวนางต้องคลั่งเพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับนาง

 

 จากด้านหน้า หลินเฟิงสามารถมองเห็นเนินเขาขนาดมหึมา หน้าอกที่เนียนขาวขนาดใหญ่ของนางดูน่าหลงใหลอย่างมาก มันทำให้นางดูสมบูรณ์แบบ

 

 “หากหญิงสาวคนนี้ได้เป็นนางแบบของโลกเก่าของข้า นางคนจะมีชื่อเสียงอย่างมาก”

 

หลินเฟิงสามารถควบคุมตัวเองได้ ความมุ่งมั่งและอำนาจจิตของเขาในฐานะผู้บ่มเพาะพลังมีความแข็งแกร่งมาก เขาสามารถควบคุมร่างกายและจิตใจได้ดีกว่าคนธรรมดา

 

 “เจ้าไม่เห็นสิ่งที่เขียนตรงประตูหรือไง? นี่มันห้องของข้า”

 

 ปรากฏรอยยิ้มบนหน้าของหญิงสาวแต่ดวงตาของนางกลับมีแค่ความเย็นชา เห็นได้ชัดว่านางเป็นคนที่หยิ่งยโสอย่างมาก

 

 “ข้าไม่เห็นอะไรเลย”

 

 หลินเฟิงกล่าวด้วยความสงบ หญิงสาวจ้องมองไปที่ประตูและเห็นว่าทั้งชื่อของนางและคำว่า ‘หวงห้าม’ ถูกลบออกไปแล้ว เห็นได้ชัดว่ามีบางคนตั้งใจที่จะลบมันออกไป

 

 “เจ้าเป็นคนทำ?”

 

 หญิงสาวขมวดคิ้วและถาม ในตอนนั้นเองหลินเฟิงก็สัมผัสได้ถึงปราณอันเยือกเย็นที่นางปลดปล่อยออกมา

 

 “แม้ว่าเจ้าจะเขียนบางสิ่งเอาไว้ที่ห้องนี้ แล้วทำไมคนอื่นถึงจะลบมันออกไปไม่ได้?” หลินเฟิงกล่าวตอบอย่างไม่แยแสโดยที่ไม่เปิดเผยว่าเขาเป็นคนทำ

 

 นางจ้องมองไปที่หลินเฟิง ทันใดนั้นการแสดงออกที่น่าหลงใหลและมีเสน่ห์ก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของนางซึ่งทำให้หลินเฟิงแปลกใจ

 

 ในตอนนี้เองหญิงสาวเดินไปยังห้องบ่มเพาะพลังอีกห้องหนึ่งและต่อยไปที่ประตูซึ่งทำให้เกิดเสียงดัง

 

 “หืม?”

 

 หลินเฟิงประหลาดใจ ผู้หญิงคนนี้กำลังอะไร? ทำไมนางถึงโจมตีห้องบ่มเพาะพลังของคนอื่น

 

 แต่สิ่งที่น่าตกตะลึงที่สุดคือนางไม่หยุดที่จะโจมตีประตูซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ห้องเดียว นางเดินไปอีกประตูและต่อยลงไปเช่นเดิม

 

 เกิดเสียงดังสนั่นไปทั่ว ประตูเปิดออก ปราณที่เยือกเย็นกระจายออกมา

 

 “นั่นใคร?”

 

 ทันใดนั้นเองได้ปรากฏคน 2 คนออกมาจากห้องบ่มเพาะพลังของพวกเขา พวกเขาดูมึนงงที่เห็นสาวงามกำลังรอพวกเขาอยู่ การแสดงออกที่เย็นชาบนใบหน้าของพวกเขาก็หายไปแทนที่ด้วยรอยยิ้มจากนั้นก็กล่าว “เจียวเจียว เกิดอะไรขึ้น?”

 

 “จู่หนิง มีบางคนกำลังข่มเหงข้า”

 

 หญิงสาวพยายามที่จะทำให้ดูน่ารักเพื่อที่จะสามารถกุมหัวใจของชายหนุ่มทั้ง 2 คนนี้ได้ นางกอดไปที่แขนของชายหนุ่มที่ชื่อจู่หนิงซึ่งทำให้หน้าอกที่ใหญ่โตของนางไปสัมผัสกับท่อนแขนของเขาและทำให้เขาเกือบที่จะกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง จู่หนิงเหลือบมองไปที่เรือนร่างของหญิงสาวด้วยตัณหา แต่ความมุ่งมั่นและอำนาจจิตในฐานะผู้บ่มเพาะพลังของเขาไม่ธรรมดาดังนั้นจึงสามารถหยุดตัวเองไม่ให้สูญเสียการควบคุมจากความเย้ายวนของหญิงสาวได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามก็ยังมีบางครั้งที่เขาจะชอบเพลิดเพลินไปกับความสุขทางร่างกาย

 

 ชายหนุ่มอีกคนเมื่อเห็นว่ายวี๋เจียวกำลังกดหน้าออกของนางลงไปที่ท่อนแขนของจู่หนิงทำให้เขาเกิดความรู้สึกหึงหวงอย่างมาก รูปร่างของยวี๋เจียวทำให้เขาหื่นกระหายจนแทบคลั่ง แต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้กับนาง ในสำนักสวรรค์ผู้ที่ใช้เวลาอยู่บนเตียงกับนางทั้งคือจะมีชื่อเสียงอย่างมาก

 

 “เคอเฉิง ชายคนนั้นกล้ามาใช้ห้องของข้า เขายังลบชื่อของข้าออกไปด้วยแถมเขายังพยายามที่จะข่มขู่สาวน้อยที่อ่อนแอแบบข้าอีก”

 

 ยวี๋เจียวผละออกจากจู่หนิงและเข้าไปใกล้เคอเฉิง นางคว้าไปที่แขนของเขาและกอดไว้แน่นซึ่งทำให้ร่างกายของคนทั้ง 2 แนบชิดติดกัน

 

 หลินเฟิงยังคงยืนอยู่ที่เดิมอย่างใจเย็น หญิงสาวคนนี้กำลังใช้ร่างกายเป็นอาวุธ นางสามารถควบคุมทั้งจู่หนิงและเคอเฉิงได้ พวกเขาทั้งคู่ต่างจ้องมองไปที่หลินเฟิงด้วยความปรารถนาที่จะต่อสู้เพื่อเอาชนะใจยวี๋เจียว

 

 “การที่เจ้าพยายามที่จะใช้ห้องของเจียวเจียวถือว่าเป็นการกระทำที่ชั่วร้าย” จู่หนิงกล่าวอย่างเย็นชาและจ้องมองไปที่หลินเฟิงอย่างชั่วร้าย

 

 “ฮ่าๆๆ เจ้าสัตว์เดรัจฉาน เจ้าไม่เข้าใจกฎของที่นี่?” เคอเฉิงกล่าวถามอย่างก้าวร้าวเพื่อไม่ให้น้อยหน้าจู่หนิง

 

 “ชั่วร้าย? เดรัจฉาน?” การแสดงออกของหลินเฟิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขายิ้มอย่างเย็นชาให้กับชายหนุ่มทั้ง 2 พวกเขาต้องการใช้หลินเฟิงเพื่อที่จะได้รับความสนใจจากหญิงสาวคนนี้?

 

ยวี๋เจียวหัวเราะและปล่อยแขนของเคอเฉิง จากนั้นนางก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “คืนนี้ข้าว่างและรู้สึกเปล่าเปลี่ยว ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้าคนใดสนใจที่จะมานั่งเล่นที่ห้องของข้าหรือไม่?”

 

 จู่หนิงและเคอเฉิงประหลาดใจและมองตากัน ปรากฏรอยยิ้มบนหน้าของพวกเขา แม้ว่านางจะกล่าวเพียงแค่มานั่งเล่น แต่ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่จะได้มีโอกาสเพลิดเพลินกับร่างกายของนาง

 

 “เจ้าจะไปก่อนหรือไม่?” จู่หนิงถามเคอเฉิง

 

 “แน่นอน พวกเราจะไปพร้อมกัน” เคอเฉิงกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา หากเขาบอกว่าต้องการที่จะไปก่อน มีหรือที่จู่หนิงจะยินยอม?

 

 “ข้าก็คิดเช่นเดียวกัน” จู่หนิงกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย จากนั้นก็กล่าวต่อ “มาดูกันว่าใครที่จะสามารถสังหารมันได้ก่อน? เจ้าคิดว่ายังไง?”

 

 “ก็ได้ คนทีสังหารมันได้ก่อนคือผู้ชนะ” เคอเฉิงพยักหน้า ทันใดนั้นจิตสังหารของคนทั้ง 2 ก็ปะทุออกมาและพุ่งตรงไปยังหลินเฟิง

 

 “ขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 6 ”

 

 ทั้งคู่ปลดปล่อยพลังปราณและอำนาจพลังออกมาเพื่อที่จะให้หลินเฟิงตระหนักถึงความแข็งแกร่งของพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะทะลวงสู่ขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 6 แล้วแต่ก็ยังคงอ่อนแอกว่าป้าเตาหรือเฮยม๋อ

 

 “ตู้มมม!”

 

 พลังงานที่น่าสะพรึงกลัวกระจายไปทั่วบรรยากาศ ความเร็วในการเคลื่อนไหวของจู่หนิงและเคอเฉิงน่าเหลือเชื่ออย่างมาก

 

 “ไสหัวไป!”

 

 ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงตะโกนซึ่งทำให้หลินเฟิงประหลาดใจ จู่หนิงปล่อยหมัดที่ทรงพลังออกมาแต่เป้าหมายไม่ใช่หลินเฟิงแต่กลับเป็นเคอเฉิง

 

 “ข้ารู้ว่าไม่ช้าก็เร็วเจ้าจะต้องทำแบบนี้” เคอเฉิงเองก็โจมตีไปที่จู่หนิง ทันใดนั้นก็เกิดกระแสลมที่รุนแรงจากกระปะทะทำให้พวกเขาแยกออกจากกัน จากนั้นพวกเขาก็พุ่งไปที่หลินเฟิงพร้อมกันในทันที

 

 หลินเฟิงจ้องมองไปยังชายหนุ่มทั้ง 2 ที่โจมตีเขาในเวลาเดียวกัน เห็นได้ชัดว่าฉากที่เกิดขึ้นตรงหน้าเป็นสิ่งที่น่าหัวเราะอย่างมาก พวกเขาเป็นศัตรูกันและต่อสู้กันเพื่อที่จะแย่งหญิงสาว ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ร่วมมือกันที่จะโจมตีหลินเฟิง

 

 คลื่นพลังทั้ง 2 สายสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วอากาศ จู่หนิงและเคอเฉิงมองหน้ากันอีกครั้งและปล่อยหมัดไปที่หลินเฟิงในทันที หมัดที่แข็งแกร่งพุ่งทะลวงพาดผ่านอากาศตรงไปยังหลินเฟิงด้วยความเร็วที่น่ากลัว

 

 จู่หนิงผู้ซึ่งมีรอยยิ้มที่น่ารังเกียจอยู่บนหน้า มือซ้ายของเขาโจมตีไปยังเคอเฉิง พวกเขาทั้งคู่ใช้มือขาวเพื่อโจมตีหลินเฟิง ในตอนนี้เคอเฉิงอยู่ด้านซ้ายของจู่หนิง หากว่าเคอเฉิงต้องการที่จะโจมตีหลินเฟิง เขาจะต้องหลบการโจมตีของจู่หนิงให้ได้

 

 “ย๊ากก”

 

 เคอเฉิงคำราม เขาเพิ่มความเร็วขึ้นเพื่อที่จะหลบการโจมตีของจู่หนิงและพุ่งไปข้างหน้า

 

 “ชีวิตของมันเป็นของข้า” เคอเฉิงตะโกน ฝ่ามือของเขาเกือบจะถึงตัวหลินเฟิงแล้ว แต่ทันใดนั้นเองอำนาจดาบที่ยิ่งใหญ่ก็ถูกปลดปล่อยออกกะทันหัน มันมีความแหลมคมอย่างมากและทำให้สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความตาย!

 

 อำนาจดาบทำให้ร่างกายของเคอเฉิงราวกับถูกแช่แข็ง เกิดประกายแสงในอากาศ มันเป็นแสงที่สว่างมาก ปราณแห่งความตายที่หนาแน่นลอยตัวอยู่กลางอากาศ

 

 “ท่าไม่ดีแล้ว!” เคอเฉิงตกตะลึง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันที เขารู้จักศิษย์ที่แข็งแกร่งทุกคน… แต่เขาไม่เคยเห็นหลินเฟิงมาก่อน หลินเฟิงมีความแข็งแกร่งขนาดไหนกัน? นอกจากนี้เขาสามารถควบคุมอำนาจดาบที่ทรงพลังเช่นนี้ได้อย่างไร?

 

 ใบหน้าของจู่หนิงที่อยู่ด้านหลังของเคอเฉิงก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เขาหยุดเคลื่อนไหวในทันที

 

 ชายหนุ่มคนนี้สามารถสัมผัสถึงพลังที่น่าสะพรึงกลัวจากแสงตรงหน้าได้

 

 “หนี!”

 

 นี่คือสิ่งที่เคอเฉิงคิดในตอนนี้

 

 เขาไม่ต้องการที่จะโจมตีหลินเฟิงอีกต่อไป เขาต้องการที่จะหนีแต่แสงของดาบได้มาถึงตัวเขาแล้ว เคอเฉิงเสียใจอย่างมากที่เริ่มโจมตีหลินเฟิงคนเดียว

 

 “ตู้มม ตู้มม ตู้มม ตู้มม ตู้มม ตู้มม”

 

 เขาจ้องไปยังแสงของดาบที่พุ่งเข้ามา ทันใดนั้นศีรษะของเขาก็ถูกตัดออกและไม่ได้อยู่ติดกับร่างกายของเขาอีกต่อไป

 

 หัวใจของจู่หนิงและยวี๋เจียวเกือบจะหยุดเต้น พวกเขาจ้องมองไปยังศพของเคอเฉิงที่กองอยู่บนพื้นด้วยความสั่นกลัว

 

 “เจ้า… เจ้าสังหารเคอเฉิง… ในหอบ่มเพาะพลัง?” จู่หนิงกล่าวด้วยความกลัวขณะมองไปที่หลินเฟิง

 

 หลินเฟิงเหลือมองไปที่จู่หนิงราวกับว่าเขากำลังเล่นตลก

 

 คนพวกนี้ต้องการที่จะสังหารหลินเฟิงโดยที่ไม่สนใจว่าพวกเขากำลังอยู่ในหอบ่มเพาะพลังแต่เมื่อพวกเขารู้ว่าหลินเฟิงแข็งแกร่งพวกเขากลับระลึกกฏของสำนักขึ้นมาได้ในทันที

 

 “ไม่เพียงแต่ข้าจะสังหารมันแต่ข้ายังจะสังหารเจ้าด้วย”

 

คำพูดที่ไม่แยแสออกมาจากปากของหลินเฟิง เขาเดินตรงไปยังจู่หนิงอย่างช้าๆซึ่งทำให้หัวใจของจู่หนิงสั่นสะท้านอย่างรุนแรง

 

ติดตามได้ที่ – 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments