I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Peerless Martial God ตอนที่ 174 เริ่มต้นการต่อสู้

| Peerless Martial God | 2006 | 2360 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

 

ชายในเสื้อคลุมสีม่วงเดินตรงไปยังที่นั่งหลัก เขาคิดว่ามันถูกจองไว้สำหรับเขาอย่างแน่นอน

 

ตระกูลยู้มีอิทธิพลอย่างมาก แม้ว่ารองเจ้าสำนักจะทำตัวไม่สุภาพกับพวกเขา แต่เขาก็ได้เตรียมที่นั่งหลักไว้ให้กับพวกเขา หากไม่เตรียมมันจะทำให้พวกเขาเสียหน้า

 

แต่ในขณะที่พวกเขากำลังนั่งลง พวกเขาได้ยินรองเจ้าสำนักหลงกล่าวว่า “นายท่านยู้ ท่านไม่สามารถนั่งตรงนี้ได้”

 

“ข้าไม่สามารถนั่งได้?” ชายคนหนึ่งในเสื้อคลุมสีม่วงขมวดคิ้ว เขามองไปที่รองเจ้าสำนักหลงและกล่าวว่า “หลงติ่งถ้าข้าไม่สามารถนั่งตรงนี้ได้แล้วใครเป็นคนนั่ง?”

 

“ข้าสามารถบอกได้เพียงว่าที่ตรงนี้ถูกสงวนไว้ ไม่ว่าท่านยังอยากนั่งตรงนี้หรือไม่มันเป็นการตัดสินใจของท่าน” หลงติ่งกล่าวอย่างไม่สุภาพกับชายคนหนึ่งที่สวมเสื้อคลุมสีม่วง ทันทีหลังจากนั้น เขาก็นั่งลงข้างๆที่นั่งหลัก ส่วนชายในเสื้อคลุมม่วงยังคงลังเล

 

ถ้าหลงติ่งนั่งลงบนที่นั่งหลัก เขาก็จะโกรธเกรี้ยวอย่างมากแต่หลงติ่งไม่ได้แสดงอาการเช่นนั้น เขานั่งลงบนที่นั่งถัดจากที่นั่งหลัก ทำให้ชายในเสื้อคลุมม่วงลังเล เป็นไปได้ไหมว่าที่ตรงนั้นเป็นที่นั่งของบุคคลสำคัญมากๆที่กำลังจะมาถึงขนาดหลงติ่งเองยังไม่สามารถนั่งที่หลักได้? 

 

“หรือมันเป็นเพราะ….เขา?”

 

ได้เกิดความคิดในจิตใจของเขาและภาพเงาก็ปรากฏขึ้นในความคิดของเขา แม้มันจะเป็นการคาดเดาแต่เขาก็นั่งลงบนที่นั่งอื่นๆถัดจากที่นั่งหลัก

 

สมาชิกของสำนักสวรรค์กำลังรอดูการต่อสู้บนเวทีอย่างสงบ พวกเขาสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ดูเหมือนว่ารองเจ้าสำนักหลงและตระกูลยู้ไม่ค่อยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน พวกเขาดูไม่ค่อยเป็นมิตรกันและการสนทนาของพวกเขาราวกับเป็นการพูดโต้เถียงกัน จนเกือบจะดูเหมือนว่าพวกเขาเกลียดชังกันและกัน

 

สมาชิกของลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทราและสมาชิกของตระกูลเนี่ยไม่ได้นั่งแยกห่างกัน ฝูงชนไม่รู้ว่ามันมีความหมายบางอย่างหรือไม่ สมาชิกของลานศักดิ์หิมะจันทรานั่งลงข้างๆติ่งหลงและสมาชิกคนอื่นๆจากสำนักสวรรค์

 

“ท่านรองเจ้าสำนักข้าได้ยินมาว่าสำนักสวรรค์มีศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด 10 คน ขณะที่ลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทราที่สร้างเสร็จแล้ว ข้าคิดว่าอาจจะมีการแข่งขันกันระหว่างลานศักดิื์สิทธิ์และสำนักสวรรค์ ท่านคิดว่าอย่างไร?”

 

ในใจกลางของฝูงชนที่อยู่ในกลุ่มลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทรา คนนั้นได้ริเริ่มที่จะถามคำถามซึ่งทำให้หลายๆคนต่างประหลาดใจ

 

ลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทราถูกสร้างขึ้นโดยการเลือกศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดจากนิกายใหญ่ๆ ถึงกับมี 2 ใน 8 ปรมจารย์รุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อเข้าร่วมด้วยก็ตาม ถึงแม้ว่าศิษย์ของสำนักสวรรค์จะแข็งแกร่ง แต่พวกเขาจะสามารถแข่งกับศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดของนิกายใหญ่ๆได้อย่างไร?

 

นิกายห้าวเย่ว, นิกายหยุนไห่, นิกายว่านโช่วเหมิน และหมู่บ้านน้ำแข็งหิมะมีอิทธิพลมากในอาณาจักรหิมะจันทรา พวกเขาทำให้ศิษย์ของพวกเขาบางคนบรรลุขอบเขตพลังที่สูงและคนที่แข็งแกร่งที่สุดได้ย้ายไปอยู่ในลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทราลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทราเป็นสถานที่ที่ทรงพลังมาก ถ้าสำนักสวรรค์ต่อสู้กับพวกเขาแน่นอนพวกเขาจะต้องพ่ายแพ้

 

“สำนักของข้ายังอ่อนแอเกินไป พวกเรายังคงต้องปรับปรุงให้มากขึ้นเพื่อให้สามารถแข่งขันกับลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทราได้ พวกเราพยายามที่จะก้าวต่อไปทีละขั้นตอน แต่เจ้าเลือกศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดจากนิายใหญ่ๆและรวบรวมพวกเขาไว้ในที่เดียวกัน มันไม่จำเป็นต้องมีการแข่งขันเช่นนี้ พวกข้ายังอ่อนแอเกินไป”

 

หลงติ่งกล่าวขณะที่น้ำเสียงของเขาทำให้ผู้คนของลานศักดิ์สิทธิ์รู้สึกเพลิดเพลิน สำนักสวรรค์อ่อนแอเกินไป แต่ก็มีการปรับปรุงทีละขั้นตอนและอาศัยความแข็งแกร่งของตัวเอง ลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทราแข็งแกร่งตั้งแต่เริ่มต้น แต่มันเป็นความแข็งแกร่งที่มาจากนิกายอื่นๆ มันไม่ใช่วิธีการที่ดี

 

เมื่อคนอื่นๆได้ยินหลงติ่งกล่าว เขาก็หยุดพูดทันที

 

ในขณะนั้นฝูงชนมองไปที่เวทีประลอง เฮยม๋อยังคงนั่งอยู่บนนั้นและยังคงนิ่งเงียบและไร้อารมณ์ มีเพียงคนเดียวที่ยังมาไม่ถึง

 

หลินเฟิง!

 

เวลาไหลผ่านไปและดวงอาทิตย์ค่อยๆร้อนขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนี้มันถึงเวลาเที่ยงแล้ว

 

สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจก็คือหลินเฟิงยังไม่มา

 

“หลงติ่งศิษย์ของท่านช่างกล้าหาญจริงๆถึงกับทำให้คนจำนวนมากรอ” ชายในเสื้อคลุมม่วงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาเริ่มใจร้อนขึ้น ทำไมเขาถึงทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องรอกัน?

 

“การต่อสู้ของหลินเฟิงและเฮยม๋อจะสู้กันในวันนี้ แต่พวกเขาไม่ได้ตกลงเรื่องเวลาที่แน่นอนกัน” หลงติ่งกล่าวอย่างไม่แยแส

 

“หึ วันนี้? หลายคนที่มาในวันนี้มาเพื่อดูการต่อสู้ แม้แต่ผู้คนในสำนักสวรรค์ยังมาเพื่อดูการต่อสู้ แต่เขายังไม่มา นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?”

 

“ทำไมท่านถึงคิดว่าข้าอยากรู้? เมื่อหลินเฟิงมาถึงท่านสามารถถามเขาได้ด้วยตัวเอง” หลงติ่งกล่าวอย่างไม่เป็นมิตรเหมือนก่อนหน้านี้

 

ชายในเสื้อคลุมม่วงไม่ใช่คนเดียวที่กำลังใจร้อน สมาชิกของสำนักสวรรค์ก็เริ่มหมดความอดทน พวกเขาพูดคุยซุบซิบกันอย่างไม่หยุดหย่อน

 

“หลินเฟิงเป็นคนที่อวดดี มันน่าแปลกที่เขายังไม่มา”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า บางทีเขาอาจไม่สามารถต่อสู้ได้ เพราะเขายังไม่พร้อมที่จะต่อสู้” บางคนกล่าวขณะยิ้มอย่างไม่แยแส

 

“เป็นไปไม่ได้ แม้ว่าเขาจะไม่มาต่อสู้ เฮยม๋อก็จะไม่ปล่อยเขาไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลินเฟิงก็จะไม่สามารถหลบซ่อนได้ ดังนั้นการต่อสู้ครั้งนี้จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด”

 

“บางทีเขาอาจจะหนีไปแล้วก็ได้ ใครจะไปรู้?”

 

ผู้คนในฝูงชนต่างพยายามเดาว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลินเฟิง ไม่ว่าพวกเขาจะถูกหรือไม่ก็ตาม สิ่งที่พวกเขาเลือกได้คือจะอยู่รอต่อหรือออกไป

 

ส่วนเฮยม๋อก็ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นราวกับว่าไม่มีอะไรสามารถรบกวนเขาได้

 

ดวงอาทิตย์ยามเย็นที่ลอยอยู่ในทางทิศตะวันตกค่อยๆตกอย่างช้าๆและส่องแสงลงมาบนเวทีประลอง ซึ่งยังคงมีเพียงคนเดียวที่อยู่บนนั้น

 

จะให้พวกข้ารอไปถึงเมื่อไหร่! เขาทำให้พวกเรารอทั้งวันแล้ว

 

ฝูงชนเริ่มหมดความอดทนมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้พวกเขาก็มั่นใจมากยิ่งขึ้นว่าหลินเฟิงหวาดกลัวเลยไม่กล้ามา

 

“หลงติ่ง ท่านจะไม่ทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยหรือ?” ชายในเสื้อคลุมม่วงกล่าวอย่างเย็นชา หลินเฟิงทำให้พวกเขารอมาเกือบทั้งวัน

 

“วันนี้มันยังไม่หมดวัน” หลงติ่งกล่าวอย่างสงบ ขณะจ้องมองไปที่ท้องฟ้า

 

ด้านสมาชิกของลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทราก็ดูหมดความอดทนแล้วเช่นกัน ศิษย์ธรรมดาๆจากสำนักสวรรค์กล้าดียังไงถึงทำให้พวกเขาต้องรอนานเช่นนี้?

 

“หลินเชียน เจ้าบอกว่าหลินเฟิงเป็นลูกพี่ลูกน้องของเจ้าใช่ไหม?” ชายหนุ่มรูปหล่อถามหลินเชียนที่อยู่ใจกลางฝูงชน

 

“บางทีมันอาจจะไม่ใช่เขา” หลินเชียนกล่าวขณะที่ขมวดคิ้ว ในวันนั้นที่ลานประลองเชลยหลินเฟิงสวมหน้ากากเงิน ดังนั้นหลินเชียนเลยสงสัย ตั้งแต่นั้นมานางก็ได้ยินว่าชายผู้สวมหน้ากากคือหลินเฟิง นางกลายเป็นมึนงงเมื่อได้ยินข่าวนั้น ดังนั้นนางจึงมาที่สำนักสวรรค์เพื่อมายืนยันด้วยสายตาของนางเอง

 

“แม้จะใช่หรือไม่ มันก็ไม่ใช่ปัญหาอันใด เขาเป็นเพียงเด็กน้อยที่อยู่ขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 5 ก็เท่านั้นแหละ ถ้าข้าต้องการให้เขาตาย เขาก็จะตาย ถ้าข้าต้องการให้เขามีชีวิตอยู่ เขาก็จะมีชีวิตอยู่” ชายหนุ่มรูปหล่อกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและก้าวร้าว

 

หลินเชียนยิ้มให้กับชายหนุ่มที่หล่อเหลาและกล่าวว่า “ขอบคุณ ฉู่จั่นเผิง”

 

ชายหนุ่มคนนี้คือ ฉู่จั่นเผิง ซึ่งเป็นอัจฉริยะของนิกายห้าวเย่ว เขาเป็น 1 ใน 8 ปรมจารย์รุ่นเยาว์ของอาณาจักรหิมะจันทรา และเขาได้เข้าร่วมลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทรา

 

ในขณะนั้น ฝูงชนเริ่มส่งเสียงดัง ฝูงชนย้ายไปอยู่ด้านข้างทำให้เกิดทางเดินขึ้นบนทางเดินได้ปรากฏเงาที่กำลังเดินอย่างช้าๆ

 

“นั่นมันหลินเฟิง หลินเฟิงมาถึงแล้ว!”

 

หลายคนประหลาดใจ พวกเขาเริ่มคิดจริงๆไปแล้วว่าหลินเฟิงไม่กล้ามา พวกเขาไม่คิดว่าหลินเฟิงจะมาช้าขนาดนี้

 

ในขณะนั้นหลินเฟิงกำลังสวมเสื้อคลุมสีขาว เขามีดาบอยู่ที่หลังของเขา เขาดูสะอาดสะอ้านและดูสงบ แต่ละย่างก้าวของเขาเต็มไปด้วยความหนักแน่น ถ้าใครสนใจการก้าวเดินของเขาจะเห็นได้ว่าก้าวเดินแต่ละก้าวของเขามีระยะห่างที่เท่ากัน

 

บนที่นั่งรับชมที่สูง 5 เมตรทุกคนสามารถเห็นร่างเงาของหลินเฟิงได้อย่างชัดเจน

 

พวกเขาสามารถมองเห็นใบหน้าที่หล่อเหลา สะอาดสะอ้านและคุ้นเคยได้ หัวใจของหลินเชียนกำลังเต้นระรัว นางสั่นตั้งแต่หัวจรดเท้าเมื่อนางจ้องมองไปที่คนผู้นี้

 

หลินเฟิง อย่างที่คิด มันเป็นหลินเฟิงจริงๆ นั่นเป็นเขาจริงๆ

 

หลินเฟิงที่เคยเป็นเศษขยะในอดีต อย่างไรก็ตามในขณะนี้เขามีชื่อเสียงมากมายหลายคนมาที่นี่เพื่อดูการต่อสู้ของเขา ลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทรา์, ตระกูลเนี่ย และแม้แต่ตระกูลยู่ ยังมาเพื่อดูการต่อสู้ของเขา

 

หลินเชียนเป็นคนประเภทที่ใช้ชื่อเสียงเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ในตระกูลหลิน ทุกคนให้ความสำคัญกับนางมากจนทำให้หลินเฟิงและพ่อของเขาออกจากตระกูลหลิน แม้ว่านางจะไม่ค่อย มีชื่อเสียงมากนัก แต่นางก็กลายเป็นศิษย์ของลานศักดิ์สิทธิ์หิมะจันทรา…แต่หลินเฟิงสามารถเอาชนะผู้บ่มเพาะพลังที่อยู่ขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 6 ได้แล้ว ไม่เหมือนกับนางที่เพิ่งทะลวงผ่านขอบเขตจิตวิญญาณขั้นที่ 3 และรู้สึกภาคภูมิใจกับตัวเองอย่างมากที่ทำเช่นนั้นได้

 

ดวงตาของหลินเชียนเผยให้เห็นอารมณ์ที่ซับซ้อน มันมีทั้งความอิจฉา,ริษยาและความเยือกเย็น นางต้องการสังหารหลินเฟิง นางไม่สามารถปล่อยให้เขากลับไปที่เมืองหยางโจวได้

 

มิฉะนั้น ในอนาคตนางจะไม่ได้เป็นประมุขตระกูลหลิน แต่จะกลายเป็นหลินเฟิงแทน

 

เฮยม๋อลืมตาขึ้น เมื่อเขารู้สึกได้ว่ากำลังมีใครบางคนมา พลังปราณที่เยือกเย็นและอำนาจปรากฏออกมาจากร่างกายของเขา และเขาเริ่มจ้องมองไปที่หลินเฟิง

 

หลินเฟิงกำลังมองไปที่เฮยม๋อด้วยสายตาที่เยือกเย็น เขากำลังเดินตรงไปที่เวทีประลอง และมีพลังปราณที่หนาวเย็นและแรงกดดันกดทับร่างกายของเขา ถึงแม้ว่าเฮยม๋อจะอยู่ไกลจากเขา แต่หลินเฟิงสามารถรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่มาจากร่างกายของเขาแล้ว

 

หลังจากที่หลินเฟิงได้ปลดปล่อยพลังปราณและอำนาจออกมาจากร่างกายของเขา มันแหลมคมมาก พลังปราณและอำนาจของเขากำลังพุ่งเข้าหาเฮยม๋อ แม้ว่าหลินเฟิงจะยังอยู่ห่างจากเฮยม๋อ แต่เฮยม๋อก็สามารถรู้สึกได้ถึงพลังอันแหลมที่เจาะเข้าไปในผิวหนังของเขาได้ แม้ว่าหลินเฟิงจะยังมาไม่ถึงเวทีประลอง แต่พวกเขาก็เริ่มการต่อสู้กันแล้วด้วยพลังปราณ

 

*****************************************

ติดตามได้ที่ – 

 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments