ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปSpirit Vessel บทที่ 8
แปลไทยโดย : SwordGod
บทที่ 8: มังกรแดง
เฟิงเฟยหยุน หนุ่มน้อยเจ้าสำราญอายุสิบสี่ปี วันนี้มันสวมเสื้อคลุมสีม่วงกับผมที่ผูกติดไว้ที่คอของมันและมันก็มีพัดกระดาษอยู่ในมือ มันเผยหน้าตาหล่อเหลาที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
เฟิงเฟยหยุน ดูดีและวันนี้เขาเป็นเหมือนนักวิชาการหนุ่ม หลังจากฝึก “กายวิหคเพลิงอมตะ” ร่างกายอารมณ์และการแสดงออกของมีกลิ่นไอเป็นประกายสว่างไสว นอกเหนือจากทั้งหมดนี้มันมาพร้อมกับบรรยากาสของคนที่เร่าร้อนและเจ้าสำราญ
แม้แต่คนรับใช้ของมัน เฟิงผิง และ เฟิงอัน ก็มึนงงด้วยรูปลักษณ์ใหม่ของเขา พวกนางไม่เห็นความคล้ายคลึงกับตัวตนปกติของเขาเลย
“จะไปกันได้รึยัง! ข้าจะไปตึกหยินโกว ตอนนี้ เจ้าสองคนกำลังรออะไรอยู่? รีบออกไปนำทางได้แล้ว “
ตึกหยินโกว ตั้งอยู่ในพื้นที่ทางตอนใต้ที่เจริญรุ่งเรืองใน เมืองจวงถ่ายเซิ่นจิง มันมีเจ็ดชั้นและมันถูกสร้างขึ้นมาจากอิฐและไม้ตกแต่งด้วยลวดลายสลักมังกรและหงเพลิง มันกลายเป็นสัญลักษณ์ที่รู้จักกันดีของเมือง
มีอาวุธสมบัติล้ำค่ายาสมุนไพรชุดเกราะ … โดยทั่วไปสิ่งที่ต้องเกี่ยวข้องกับการบ่มเพาะในสถานที่แห่งนี้มี อย่างไรก็ตามคนปกติไม่สามารถซื้ออะไรได้ที่นี่
“เอ่อ เอ่อ คุณชายเฟิง ลมอะไรพัดท่านมาที่นี่? ได้โปรดเชิญเข้ามาก่อน! “
เจิงตงหลิว เป็นผู้จัดการแผนก ตึกหยินโกว และอายุของเขามากกว่าหกสิบ เขารู้จักคนมากมายและด้วยสายตาอันแหลมคมของเขา เขาก็รับรู้ได้ทันทีว่าเป็น เฟิงเฟยหยุน
ถึงแม้ว่าดวงตาของเขาจะไม่ได้รับการพิจารณาให้เป็นไฟปลอมจากสวรรค์และเห็นทุกอย่าง พวกเขาก็มีความรู้ความเข้าใจและมีความละเอียดอ่อนในการตัดสินคนเพียงมองแวบเดียว
เป็นครั้งแรกที่ เฟิงเฟยหยุน ไปเยี่ยมชม ตึกหยินโกว แต่พ่อของมันเป็นผู้ปกครองเมืองจวงถ่ายเซิ่นจิง เพราะฉะนั้นเขาก็ถูกเพิ่มเข้าไปในรายชื่อบุคคลสำคัญแล้ว นี่คือนายน้อยดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องได้รับการต้อนรับอย่างดี
เฟิงเฟยหยุน ถือพัดในมือโบกเดินเข้าไปใน ตึกหยินโกว อย่างสง่างามและพูดด้วยรอยยิ้ม
“สมแล้วที่เป็น ตึกหยินโกว ผู้โด่งดัง ข้ามาที่นี่ครั้งแรกท่านก็รู้จักข้าแล้ว “
“ในเมืองนี้ยังจะมีใครที่ไม่รู้จักท่านอีก จะมีแค่ธุรกิจเลวร้ายลงกระมัง”
“ท่านก็กล่าวเกินไป ธุรกิจของคนอื่นอาจเลวร้ายลงแต่ ตึกหยินโกว คงจะไม่ใช่ในหมู่พวกเขา “
เบื่องหลังของตึก เป็นตระกูลหยินโกวที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ในราชวงศ์จิน คนธรรมดาไม่สามารถทำร้ายพวกเขาได้
เฟิงเฟยหยุน ไม่โง่พอที่สร้างปัญหากับตระกูลหยินโกว อย่างน้อยตอนนี้มันยังไม่แข็งแกร่ง
ตอนที่ เฟยหยุน เดินเข้าประตูมา เจิงตงหลิว ได้เริ่มสังเกตดูคุณชายผู้ยิ่งใหญ่ในตำนานอย่างระมัดระวัง แม้กระนั้นความรู้สึกของ เฟยหยุน เมื่อเทียบกับชื่อเสียงของมัน มันแตกต่างกันอย่างมาก
คุณชายท่านนี้ ดูเหมือนจะไม่ใช่คนโง่!
“ไม่ทราบว่า คุณชาย มาถึงที่นี่มีธุระอันใดหรือครับ หรือว่าท่านต้องการเลือกซื้ออะไรจาก ตึกหยินโกว ของเรา? “
“อาวุธ! ข้าได้ยินมาว่า ตึกหยินโกว มีอาวุธวิเศษชั้นยอด “
เฟิงเฟยหยุน ตอบ
“ท่านอยากได้อะไรละ? อาวุธถูกแบ่งออกเป็นยี่สิบแปดส่วนที่แตกต่างกัน กระบี่ ดาบ ไม้เท้า ตะขอ วงเดือน … “
“กระบี่!”
เฟยหยุนพูด
“ท่านต้องการแบบไหนละ กระบี่ยังแบ่งออกเป็นสามสิบสี่ประเภท กระบี่ซ่านหม่า, กระบี่อาชาสังหาร, กระบี่ผีเสื้อ,กระบี่พยัคฆ์ … “
เจิ้งตงหลิว เป็นพ่อค้าที่เก่งและคุ้นเคยกับสินค้า มิฉะนั้นเขาคงจะไม่ได้เป็นผู้จัดการของ ตึกหยินโกว
“กระบี่หนัก!”
เฟิงเฟยหยุน พูด
เจิ้งตงหลิว รู้สึกประหลาดใจ นายน้อยเฟิง ผู้นี้ดูคล้ายกับคนที่ร่างกายอ่อนแอ เขาจะสามารถถือกระบี่ได้หรือ?
“กระบี่หนัก น้ำหนักเบาที่สุดคือแปดสิบเก้าจินและแบ่งออกเป็นสามระดับคือ กระบี่เหล็ก กระบี่วิเศษ กระบี่วิญญาณ ข้าเชื่อว่าท่านน่าจะไม่สนใจกระบี่เหล็ก เพื่อให้สมกับสถานะของท่าน วันนี้ ตึกหยินโกว ของเรามีกระบี่หนักวิเศษสองเล่มที่สร้างขึ้นอย่างประณีตท่านสามารถเลือกจากพวกมันได้ “
อาวุธถูกแบ่งออกเป็นสามประเภทคืออาวุธปกติอาวุธวิเศษและอาวุธจิตวิญญาณ
ระดับที่สูงที่สุดของอาวุธปกติถูกสร้างขึ้นจากโลหะทั่วไปและสามารถแยกเหล็กหล่อโดยไม่ทำลายใบมีด
อย่างไรก็ตามแม้ระดับต่ำที่สุดของอาวุธวิเศษก็สามารถตัด อาวุธปกติที่ดีที่สุดออกได้ พวกมันถูกสร้างขึ้นด้วยโลหะพิเศษบางอย่างที่มีคุณค่ามาก
สำหรับอาวุธจิตวิญญาณพวกมันหายากเหลือแสน พวกมันแต่ละเล่มเป็นอาวุธแห่งสวรรค์โดยมีอำนาจที่จะทำให้ท้องฟ้าสั่นสะเทือนและแยกธรณี ถึงแม้จะต้องขายเมืองมนุษย์ที่สำคัญสิบแห่งสำหรับพวกเขา แต่ก็ไม่มีใครยินดี ตอนนี้ใน เมืองจวงถ่ายเซิ่นจิง ทั้งหมดไม่มีใครมีให้เลย บางทีใน ตึกหยินโกว พวกเขาอาจจะเป็นกลุ่มเดียวที่มีขาย
เจิ้งตงหลิว พาซูหยุนขึ้นไปชั้นที่ห้า ระดับที่สูงขึ้นระดับของอาวุธก็สูงขึ้นและระดับการป้องกันก็จะสูงขึ้นตาม
มีกระบี่เล่มแรกที่นำโดยสององครักษ์ ใบมีดสีดำสนิทและยาวประมาณครึ่งเมตร มันหนาครึ่งฝ่ามือและด้านบนเป็นรูปแกะสลักสัตว์ที่มีรัศมีเย็นฉ่ำ
นี่เป็นอาวุธที่ใช้ฆ่าจริง แค่เห็นมัน ก็ช่วยไม่ได้ที่จะต้องสั่นระริก
“ใบมีดชื่อว่า ม่านหยา และน้ำหนักสามร้อยสี่สิบสองจิน มันทำจากเหล็กดำที่พบใต้มหาสมุทร ใบมีดทั้งใบประกอบด้วยธาตุน้ำแข็ง เมื่อตัดคอของใครสักคนแล้วเลือดจะแข็งตัวในพริบตา ดังนั้นแม้กระทั่งหลังจากที่ฆ่าใครสักคนใบ มีดจะไม่ถูกปกคลุมด้วยเลือด “
เจิ้งตงหลิว นำถ้วยชาเทลงบนใบมีด เสียงจากการแข็งนั้นลั่นห้อง น้ำที่กำลังตกลงพื้นเกือบจะแตะพื้น น้ำกลายเป็นน้ำแข็ง
“ราคาของใบมีดนี้คือสามพันเหรียญทอง”
เหรียญทองหนึ่งเหรียญเท่ากับเหรียญเงินหนึ่งร้อยเหรียญและเหรียญเงินหนึ่งเหรียญมีค่าหนึ่งร้อยเหรียญทองสัมฤทธิ์
หนึ่งเหรียญทองก็เพียงพอที่จะเลี้ยงครอบครัวธรรมดาๆได้ทั้งปี จะเห็นได้ว่าจำนวนสามพันเหร๊ยนทองนั้นมากมายเหลือคณานับ นี่คือโชคก้อนโตสำหรับคนปกติ
“มันเป็นใบมีดที่ดี!”
เฟยหยุน ตบมือ แต่มันก็ส่ายหัวและพูดว่า
“ใบมีดมันใหญ่เกินไป มีที่เล็กกว่านี้มั้ย? “
เฟิงเฟยหยุน ไม่ได้กล่าวถึงราคาแสดงให้เห็นว่าสามพันเหรียญทองกับมันไม่ได้เป็นปัญหา
“มี!”
เจิ้งตงหลิว นำใบมีดที่สองออกมา! ใบมีดที่สองมีความยาวเพียงหนึ่งเมตรและรูปร่างไม่หนา มันมีสีแดงเข้มกับ กลิ่นอายโบราณ ใครที่ได้สัมผัส จะรู้สึกถึงความอบอุ่น
รูปร่างของใบมีด มีความรู้สึกเป็นธรรมชาติในขณะที่ขอบของตัวคมมีดเองรู้สึกทื่อ มันยังมีรูอยู่ในนั้น มันดูเหมือนจะไม่ได้ทำด้วยความใส่ใจในรายละเอียด
“ใบมีดนี้ชื่อ มังกรแดงก่ำ ทำจากวัสดุที่พิเศษ จากการตรวจสอบพิเศษพบว่ามีส่วนผสมของโลหะหายากเก้าชนิด แม้ว่าความยาวไม่ดีนักสำหรับกระบี่หนักถึงมีน้ำหนักสองร้อยสี่สิบจิน แต่มันน่าทึ่งจริง ๆ “
หลังจากที่ได้เห็นใบมีดนี้ดวงตาของ เฟิงเฟยหยุน เผยให้เห็นประกายแปลก ๆ ทันใดนั้นมันก็ลุกขึ้นยืนกอดรัดใบมีดด้วยนิ้ว หัวใจของมันกระปรี้กระเปร่าและสัญชาตญาณของมันบอกมันว่าถึงแม้ว่าลักษณะภายนอกของใบมีดจะขาด แต่อำนาจที่แท้จริงก็คือสิบเท่าของคู่ต่อสู้
มันรู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณที่เคลื่อนไหวอยู่ภายในใบมีด ความรู้สึกนี้ละเอียดอ่อนมาก ยกเว้นมัน คนอื่นไม่มีใครรู้สึกว่าพลังจิตวิญญาณนี้จืดจางมาก
“นี่เป็นใบมีดวิญญาณ แต่น่าเสียดายที่ใบมีดมันเคยหักและพลังวิญญาณหมดไปจากตัวกระบี่ ไม่มีใครรู้ว่ามันเคยเป็นอาวุธจิตวิญญาณ “
นิ้วของเฟิงเฟยหยุนสัมผัสส่วนที่เสียเบาๆและมันทำก่รตัดสินใจ
แม้ว่าจะเป็นอาวุธจิตวิญญาณที่แตกสลายพลังของมันก็หาตัวจับได้ยากเทียบกับอาวุธวิเศษอื่น ๆ
เฟิงเฟยหยุน นิ่งเงียบ พยายามซ่อนความตื่นเต้นของมัน มันเอามือออกจากใบมีดและถามว่า
“ใบมีดอันนี้เหมาะกับข้า ไม่ทราบว่าผู้จัดการเจิ้งตงหลิว ท่านต้องการขายมันให้ข้ามั้ย? “
“ห้าพันเหรียญทอง”
เจิ้งตงหลิว รู้ว่าใบมีดนี้ผิดปกติ แต่เขาไม่รู้ว่าทำไม เขาประกาศราคาสูงเช่นนี้ แต่เขาไม่แน่ใจ เขาลังเลมอง เฟิงเฟยหยุน หลังจากตั้งราคา
นี่เป็นเศษของอาวุธจิตวิญญาณดังนั้นราคาของมันจะสูงกว่าอย่างน้อยห้าหมื่นเหรียญทอง เฟิงเฟยหยุน แอบหัวเราะในใจ ที่ เจิ้งตงหลิว ไม่รู้ราคาสินค้าตัวเอง มันจึงแสดงออกอย่างใจร้อนและขยับคิ้ว
“ผู้จัดการเจิ้ง นี่ท่านคิดจะหักคอข้าด้วยราคานี้เลยหรอ? ห้าพันเหรียญทองจะเพียงพอสำหรับที่จะสำราญกับสาวงามล่มเมืองรอบๆนี้ห้าพันคนสำหรับใบมีดหักๆมีมูลค่าห้าพันเหรียญทองนี่ไม่ใช่การปล้น? “
เจิ้งตงหลิว ยิ้ม
“แล้วคุณชายเฟิง คิดว่าเท่าไหร่ดีละ?”
“สามพันเหรียญทอง”
เฟิงเฟยหยุน ตอบ
“ได้ ตกลงตามนี้”
เจิ้งตงหลิว กลัว เฟิงเฟยหยุน เปลี่ยนใจเขาเห็นด้วยกับข้อเสนอนั้นทันที ใบหน้าของเขาฉีกยิ้มขึ้น สามพันเหรียญทองเมื่อเทียบกับความคาดหวังเดิมของเขาเป็นสองเท่าของสิ่งที่เขาต้องการสำหรับมัน
เมื่อเห็นว่า เจิ้งตงหลิว ยอมรับอย่างรวดเร็ว เฟิงเฟยหยุน เสียใจที่ได้ตั้งราคาสามพันไว้ในใจของมัน ดูเหมือนว่าราคาที่เขาให้ไว้สูงเกินไป แต่มีเหรียญทองสามพันเหรียญที่ซื้ออาวุธวิญญาณหักยังคงเป็นเรื่องที่ดี
เห็นได้ชัดว่า เจิ้งตงหลิว มีความสุขมากกว่า เฟิงเฟยหยุน เขายังได้มอบฝักกระบี่เหล็กวิเศษให้มันฟรีๆอีกด้วยและมันแกะสลักด้วยลวดลายดอกไม้บ่งบอกว่ามันราคาแพง
“คุณชายเฟิง ท่านต้องการให้ ข้าส่งใบมีดนี้ไปยังคฤหาสน์ของท่านหรือไม่?”
ดาบมังกรแดง นี้หนังสองร้อยสี่สิบจิน เจิ้งตงหลิว คิดเอาเองว่า เฟิงเฟยหยุน คงจะไม่สามารถถือเองได้ จึงถามขึ้นมา
“ไม่จำเป็น.”
หลังจากที่มันจ่ายเงินแล้ว เฟิงเฟยหยุนหยิบดาบขึ้นมาแล้วเดินออกไปจากชั้นห้า
เจิ้งตงหลิว ตระหนก กับเรื่องนี้ หลังจากนั้นไม่นานเขากลับคืนความสงบและพึมพำ
“แปลก แปลกจริง คนโง่ในตำนานกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ ดูเหมือนว่าข้าจะต้องขายข้อมูลนี้ให้กับเฟิงสุ่ยหยู แล้ว มันน่าจะได้ราคาดีๆ “
“นายท่าน นี่คือดาบที่ท่านเลือกหรอ?”
“มันก็แค่ดาบหักๆ ไม่เห็นว่ามันจะมีดีอะไรเลย”
เฟิงเฟยหยุน ยิ้มพยักหน้าและมันก็ออกไปข้างนอก
เฟิงผิง และเฟิงอัน ได้ไล่ตามมันไปทันทีและพวกเขาถามว่า
นายน้อย นี่เราจะไปไหนกัน?”
“ดื่มชา!”
“โรงน้ำชา ที่ดีที่สุดในเมืองจวงถ่ายเซิ่นจิง คือศาลา จู้เจี่ยน และที่เก่าแก่ที่สุดคือโรงน้ำชาจิงสุ่ย ท่านต้องการไปที่ไหน? “
เฟิงเฟยหยุน ไม่ตอบและมันก็ยังคงเดิน มันเดินผ่านถนนสายเก่าอย่างรวดเร็วแม้ว่ามันจะมีกระบี่สองร้อยสี่สิบจินบนหลังของมัน ย่างก้าวของมันว่องไว ปานสายฟ้า ทำให้คนรับใช้ทั้งสองคนที่อยู่ข้างหลังเมันหมดแรง
วันนี้การบ่มเพาะของมันถึงขั้นเขตแดนวิญญาณก่อตั้ง แล้ว ใน ตันเถียร ของมันเริ่มมีสายใยวิญญาณเล็กๆเริ่มก่อตั้งขึ้น นี่ถือเป็นประตูแรกของโลกแห่การบ่มเพาะ เฟิงเฟยหยุน ไม่เคยอารมณ์ดีแบบนีมาก่อน
ข้ามถนนใหญ่สามแห่ง เฟิงเฟยหยุน ไปถึงซอยที่รกร้างเล็ก ๆ
ในท้ายซอยมีโรงน้ำชาประตูเก่าๆเปิดอยู่และหลังคาถูกสร้างขึ้นจากฟ้าข้าว มีโต๊ะเก่าๆ 5 โต๊ะและข้างโต๊ะมีป้ายเอียงๆที่เขียนด้วยถ่านว่า “ชา”
เฟิงผิง และ เฟิงอัน กำลังหอบหายใจหนัก พวกเขาเฝ้าดู เฟยหยุน จากที่ไกลๆและพวกเขาก็สังเกตเห็นโรงน้ำชาเก่าๆ การแสดงออกของพวกเขาราวกับว่าพวกเขาเพิ่งเข้าใจ
“นายน้อยมาที่นี่เพื่อดื่มชา หรือว่ามาหาแม่นางน้อย เสี่ยวเยว่เอ๋อ “
เฟิงผิง ยิ้มอย่างชั่วร้าย
“คราวก่อน นายน้อยแสดงความเมตตานาง ดุสิว่าครั้งนี้นางจะสามารถหนีจากดวงอาทิตย์ได้ยังไง ฮ่าฮ่า!”
โรงน้ำชานี้เป็นที่ๆ เฒ่าหลัว และ เสี่ยวเยว่เอ๋อ ใช้ทำกิน!
เฟิงเฟยหยุน คนนี้แน่นอนว่าไม่ใช่คนเดียวกันกับคนที่รังแกทั้งชายและหญิงและแน่นอนเขาจะไม่ทำร้าย เสี่ยวเยว่เอ๋อ มันมาที่นี่เพื่อดูการบาดเจ็บของ ตาเฒ่าหลัว เท่านั้น สุดท้ายแล้วคนชราและหลานสาวที่น่าสงสารคนนี้อยู่ตามลำพังโดยปราศจากการสนับสนุนใด ๆ และถูกข่มขู่โดยคนของมัน แน่นอนว่ามันรู้สึกว่าอยากรับผิดชอบ
การให้เงินจำนวนเล็กน้อยทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นมาก
นัยน์ตาของ เฟิงเฟยหยุน มองไปรอบ ๆ และเห็น เสี่ยวเยว่เอ๋อ ในโรงน้ำชา นางกำลังชงชากับร่างเล็กกระทัดรัดของนางเหมือนน้องสาวตัวน้อยของเพื่อนบ้าน ลมอ่อน ๆ พัดโบสีน้ำเงินไปมาบนหัวของนางผมสีดำที่นุ่มของนางปลิวสยายอยู่ตรงกลางเหมือนน้ำตกและสายลมได้พัดพากลิ่นของชาไปตามถนน