ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปSpirit Vessel บทที่ 9
แปลไทยโดย : SwordGod
บทที่ 9: สองผีร้าย
ในโรงน้ำชามีความรู้สึกของความอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากเตาผิงภายใต้เตา ที่ด้านบนของเตามีหม้อชาที่ต้มเดือดห้าใบที่มีควันขาวออกมาจากด้านบน นี้นำกลิ่นที่รุนแรงของชาตลบอบอวลไปทั่วห้อง
เสี่ยวเยว่เอ๋อ มีรูปร่างเล็กกระทัดรัดดังนั้นนางจึงสูงกว่าเตาเพียงเล็กน้อย สวมผ้ากันเปื้อนขาดๆพับชายแขนเสื้อขึ้นเผยให้เห็นแขนเรียวเล็กดั่งหยก มือที่ละเอียดอ่อนนี้กำลังดูแลลูกค้าด้วยการชงชา
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ขยันขันแข็ง หน้าผากของนางเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อและหน้าตาน่ารักของนางแดงก่ำจากการอยู่ไกล้กับเตาไฟ
“เสี่ยวเยว่เอ๋อ เหมาเจี้ยน สองถ้วยได้รึยัง ?
ชายชราคนหนึ่งวิ่งเข้าไปหา เสี่ยวเยว่เอ๋อ ขณะที่ทำความสะอาดโต๊ะ
ศีรษะของเขายังคงปกคลุมด้วยผ้าพันแผล อย่างไรก็ตามเนื่องจากนี่เป็นวิถีชีวิตของเขา เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องละเลยความเจ็บปวดและทำงาน
“ได้แล้ว! ได้แล้ว! เหมาเจี้ยนสองถ้วยมาแล้วๆ! “
เสี่ยวเยว่เอ๋อ ถือถ้วยชาเหมาเจี้ยนมาสองใบด้วยมือที่แดงก่ำด้วยความร้อนจากถ้วยชา นางดึงมือน้อยๆของนางขึ้นมาจับที่ใบหูแล้ววิ่งกลับไปทำงานต่อ
“เสี่ยวเยว่ จัดชุดใหญ่ เก็บตังค์ด้วย เฮ้อ นี่ข้าติดหนี้ท่านเท่าไหร่แล้ว? “
บางคนก็หยอกล้อ
“สองเหรียญทองแดง โต็ะที่ติดกันด้วย! ท่านปู่ไปเก็บเงิน! “
แม้ว่า เสี่ยวเยว่เอ๋อ จะทำงานไม่หยุดนิ่ง แต่ทว่านางยังมีรอยยิ้มที่เฉิฉายตลอดเวลา เหมือนอย่างกับว่านางไม่รู้ว่าความเหนื่อยล้าคืออะไร
เฟิงเฟยหยุน ที่แอบมองนาง ยังยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ มันค่อยๆเดินไปที่โรงน้ำชาและนั่งลงที่โต๊ะแล้วมันก็ตะโกนสั่ง
“เจ้เล้ก เสี่ยวเยว่เอ๋อ ขอชาถ้วยนึง!”
“จ้า ช่าหนึ่งถ้วยนะ … “
เสียงของ เสี่ยวเยว่เอ๋อ หยุดกึกลง แล้วรีบหันควับกลับมาที่โต๊ะแล้วเห็น เฟิงเฟยหยุน นั่งลงที่โต๊ะ ช่วยไม่ได้ที่มือนางได้แต่สั่นพับๆจนกาในมือของนางร่วงลงพื้นแตกกระจาย
ทำไมคนชั่วคนนี้ถึงมาที่นี่อีก?
ส่วนที่เหลือภายในร้าน จ้อง เฟิงเฟยหยุน ดั่งกับเทพแห่ภัยภิบัติ
“โอ้ฟ้าสวรรค์! นี่เพิ่งจะเงียบไปได้แค่สามวัน คุณชายเฟิงจะทำชั่วอีกแล้ว! “
“วิ่งเร็ววิ่ง!”
ทุกคนกลัวมาก พวกเขาไม่สนใจชาของพวกเขาอีกต่อไปทุกคนในร้านโกยแนบ โรงน้ำชาที่มีชีวิตชีวา บัดนี้ กลับกลายเป็นรกร้างแล้ว
เหลือแค่เพียง ตาเฒ่าหลัว กับ เสี่ยวเยว่เอ๋อ เท่านั้นที่กำลังเหลือบตามองอย่างหวาดผวา
“อ้าว แม่คุณ! ทำไมเจ้าต้องกลัวด้วยเล่า? รีบๆไปเอาชามาให้นายน้อยสิ เจ้าคิดว่าข้าจะมาทำลายร้านค้า โทรมๆแบบนี้ได้อีกหรอ? “
เฟิงผิง ที่อยู่ด้านหลัง เฟิงเฟยหยุน พูดออกมาโผงผางด้วยใบหน้าที่กราดเกรี้ยวของมัน เฟิงอัน ดึงแขนเสื้อขึ้นราวกับว่ามันกำลังจะเข้าไปซัดกับใคร
เสี่ยวหนิงเอ่อเลียริมฝีปากที่แห้งมานานกระพริบตาปริบๆอ้อนวอนเหมือนลูกสุนัข
“คุณชายเฟิง ได้โปรดข้าขอร้องละ อย่างทำลายโรงน้ำชานี้เลยน่ะ นี่คือทั้งชีวิตของพวกเรา หากไม่มีมันพวกเราคงต้องตายเพราะความหิว “
เฟิงเฟยหยุน จ้องมองไปที่นางที่กำลังอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร ภายในใจของมันกำลังรู้สึกขบขันยิ่งนัก
“ข้าอยากจะดื่มชาฝีมือเจ้า ถ้าเจ้าทำมาให้ข้า ข้าจะให้เจ้าหนึ่งเหรียญทอง เจ้าต้องการทำการค้านี้หรือเปล่า “
“หนึ่งเหรียญทองต่อถ้วย?”
เสี่ยวเยว่เอ๋อ ตาแทบถล่นออกจากเบ้าด้วยความที่ไม่เชื่อคำพูดของ เฟิงเฟยหยุน เหรียญทองหนึ่งเหริยญสำหรับเศษฐีแล้วมันเป็นแค่ของเล่นแต่สำหรับนางแล้วมันพอประทั้งชีวิตพวกนางได้ตลอดทั้งปีเลยทีเดียว
เฟิงเฟยหยุน วาดรอยยิ้มไว้บนใบหน้าอันหล่อเหลาของมันมือข้างหนึ่งมันคว้าลงไปในกระเป๋าหยิบเหรียญที่มีน้ำหนักประมาณหนึ่งหรือสองจิน
“ปัง!”
มันโยนเหรียญลงบนโต๊ะและบอกว่า
“ตราบใดที่ตัวเจ้าเป็นคนชงมันมันจะเป็นของเจ้าหนึ่งถ้วยต่อหนึ่งเหริญ”
เสี่ยวเยว่เอ๋อ นางไม่เข้าใจ เฟิงเฟยหยุน คนๆนี้ตั้งใจจะทำอะไร?
สุดท้ายสายตาของนางก็หยุดอยู่ตรงที่โต๊ะพร้อมกับเอ่ยว่า
“ท่านไม่อาจที่จะกลับคำพูด! แล้ว…แล้วท่านก็ห้ามรังแกข้ากับท่านปู่! “
“หากเจ้ากล้าที่จะตั้งเงื่อนไขอีก เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าตอนนี้ข้า จะรังแกเจ้า?”
เฟิงเฟยหยุน หัวเราะแฮะๆถูมือของมันเบาเพื่อทำให้เด็กน้อยตกใจ
ตาเฒ่าหลัว กลัวว่า เสี่ยวเยว่เอ๋อ จะทำให้ เฟิงเฟยหยุน โมโห เขาจึงพูดแทรกขึ้นมา
“เสี่ยวเยว่เอ๋อ เจ้าจะทำให้คุณชายเฟิงขุ่นเคืองทำไม? ไปๆๆไปเอาชามาสิ! “
เสี่ยวเยว่เอ๋อ ตกใจมาก ภายในใจของนางยังจำภาพติดตาในคืนนั้น นางนึกขึ้นได้ว่ามือของนางยังรู้สึกเจ็บจากการข่วนอยู่เลย ช่วยไม่ได้ท่นางยังรู้สึกร้อนๆหนาวๆที่หน้าอกของนาง ขณะที่นางเดินไปที่เตาอย่างเงียบๆ ตาเฒ่าหลัว เดินผ่านไป ขอขมา เฟิงเฟยหยุน ไม่หยุดหย่อน
เฟิงเฟยหยุน ไม่ได้โกรธนางจริงๆแค่มันแกล้งหยอกเย้าเล่นเฉย นี่อาจจะเป็น อิทธิพล ของเฟิงเฟยหยุน คนเก่า
“ตาเฒ่าหลัว เมื่อไหร่แกจะจ่ายเงินของเดือนนี้?”
นอกโรงน้ำชามีเสียอันเย็นชาโหวกแหวกขึ้น
เฟิงเฟยหยุน นั่งอยู่ที่โต๊ะ มันเหลือบไปเห็นชายฉกรรน์ห้าหรือหกคนด้านนอกโรงน้ำชา พวกเขาทั้งหมดคาดเข็มขัดสีดำแดงสายตาเหมือนเหยี่ยวชั่วร้าย
มีชายคนหนึ่งที่มีรูปร่างใหญ่โตและมีผิวสีแทนมีแต่มัดกล้าม มันเหมือนกับว่าคนๆนี้เต็มไปด้วยพลังที่พร้อมจะระเบิดได้ มันรู้สึกได้ว่าหมัดของคนๆนี้สามารถระเบิดหัวคนได้
นี่คือกลุ่มอันธพาลในเมืองจวงถ่ายเซิ่นจิง และหัวหน้าของมันชื่อว่า อู๋
ในมือของเขามีโซ่หนาราวๆแขนและยาวประมาณสองเมตร ปลายโซ่ถูกห่อรอบหัวสิงโตที่ดุร้าย ร่างสิงโตที่ดุร้ายใหญ่โตเหมือนช้างและมันดูราวกับว่ามันมีอำนาจที่น่าพิศวง
ขาของมันมีขนาดใหญ่เท่าเสาและดวงตาทั้งสองของมันก็แดงเหมือนเปลวเพลิง หนึ่งการโจมตีของมันเพียงพอที่จะโค่นล้มผนังหนาห้าเมตร
นี่คือ สิงโตทองคำนัยน์ตาแดง หัวหน้า อู๋ ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากเพื่อซื้อมันจาก “ค่ายเจ้าสัตว์อสูร” สัตว์อสูรยักษ์ แค่ตัวเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะครองเมืองจวงถ่ายเซิ่นจิง เถ้าแก่ร้านทั้งหมดต้องจ่ายค่าคุ้มครองพวกเขา
“โฮกก!”
สิงโตทองคำนัยน์ตาแดง โก่งหลังคำรามออกมา เสียงของมันดังสะท้อนไปทั่วครึ่งหนึ่งของ เมืองจวงถ่ายเซิ่นจิง แม้แต่พื้นก็สั่นสะเทือนเล็กน้อยและถ้วยชาในร้านก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ
เมื่อได้ยินเสียงคำรามของสัตว์อสูรทุกคนรู้ว่า หัวหน้าอู๋ มาถึงแล้ว ทั้งสองข้างถนนไร้ผู้คนสัญจรแต่กระนั้นยังมีคนที่อยากรู้ความวุ่นวายรอบๆไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่หัวหน้าอู๋จะมาเก็บค่าคุ้มครองด้วยตัวเอง
ตาเฒ่าหลัว คร่ำครวญถึงชตากรรมของมัน ทำไมวันนี้สองวายร้ายต้องมาที่นี่วันนี้ด้วย? มันช่างซวยสุดๆ!
ตาเม่าาหลัว รีบวิ่งไปหลังร้านหยิบเหรียญในกระเป๋าเสื้อของมันออกมา มันยิ้ม
“มันได้เตรียมเอาไว้แล้ว! สามร้อยเหรียญทองแดงไม่ขาดไม่เกิน! ทั้งหมดอยู่ในนี้แล้วข้าไม่เหลือเลย! “
ตาเฒ่าหลัว เหลือบตามองไปยังสัตว์อสูรอย่างช่วยไม่ได้ มันรู้สึกตัวสั่นสะท้านไปทั่วร่างกาย ปากของมันมันใหญ่พอๆที่จะบดขยี้ร่างของคนๆหนึ่งได้เลย มันทำให้จิตวิญญาณเขาตก จนต้องผงะถอยไปสองสามก้าว
หัวหน้าอู๋ หยิบกระเป๋าและโยนเงินเหรียญลงในถุงพื้นที่ มันได้สร้างความสับสนวุ่นวายขึ้นแล้ว
“มีแค่นี้หรอ? ตาเฒ่าหลัว เจ้ากล้ามากที่จ่ายเงินข้ามาแค่นี้ แกคิดว่าข้าเป็นขอทานรึงัยห๊ะ? “
หัวหน้าอู๋ แผดเสียงลั่น
ชายชราเม็ดเหงื่อกแตกพลักเต็มหน้าผากพูดออกมาอย่างไวว่า
เดือนที่แล้วสามร้อยเหริญ ข้าไม่ได้ตกหล่นแม้แต่เหริญเดียวเลย “
หัวหน้าอู๋ ยิ้มและพูดว่า
“อาทิตย์นี้เปนวันเกิดของ ซานเย่ ทุกหลังคาต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 500 เหรียญเป็นของขวัญ ตาเฒ่าหลัว หากเจ้ายังมีน้ำใจละก็ เจ้าน่าจะเข้าใจแล้วจ่ายเพิ่มมาซ่ะดีๆนะ แล้วชีวิตของเจ้าจะสุขสบาย “
เฒ่าหลัว ประกอบกิจการร้านชาเล็กๆในแต่ละเดินมีรายได้แค่ 1000 เหริยญทองแดงเท่านั้น จ่าย 300 ให้กับหัวหน้า อู๋ ที่เหลือนั้นแทบจะไม่พอด้วยซ้ำ
แต่ว่า มันยังต้องการเหริญเพิ่มพิเศษสำหรับเดือนนี้อีก500? แล้วพวกเขาจะอยู่รอดได้ยังไงกัน?
เฟิงเฟยหยุน ดีดกระบี่หนักของมัน เก๊งๆ บนโต๊ะเบาๆแล้วพูดว่า
“ไอ้สัมภเวษี ซานเย่ นี่มันเป็นใครกัน? มันยิ่งใหญ่ถึงขนาดที่ว่า วันเกิดของมันทุกบ้านต้องจ่ายเงินให้ด้วยหรอ? “
เฟิงผิงตอบ
ซานเย่ มันเป็นคนลึกลับ มันเป็นนักเลอันดับหนึ่งในเมืองจวงถ่ายเซิ่นจิง แล้วมันยังเชี่ยวชาญด้าน ตลาดมืด ค้าทาส ซ่อง บ่อน และกลุ่มมือสังหาร หลายๆคนจึงกลัวมัน “
“คนในเมืองมักพุดกันว่า” หากนายน้อยเฟิงโมโห ภรรยาและลูกสาวจะหายสาบสูญ หากซานเย่โมโห บ้านทั้งหลังจะแตกสลายยับเยิน “
เฟิงอัน เสริม
นายน้อยเฟิง และ ซานเย่ เป็นกลุ่มสองผีร้ายในเมืองจงถ่ายเซิ่นจิง หนึ่งปราถนาผู้หญิงอีกคนปราถณาชีวิต
เฟิงเฟยหยุน ประหลาดใจ ไม่ไม่รู้มาก่อนเลยว่ามันจะโด่งดังขนาดนี้!
สองผีร้าย? น่าสนใจมาก!
เฟิงผิงยังพุดต่อ
“ไอ้เจ้า หัวหน้าอู๋ นี่มันเป็นมือขวาของซานเย่ มันเป็นหัวหน้าแก๊ง กงเล็บอินทรีย์ มีลุกน้องอยู่ประมาณพันกว่าคน ไม่มีอะไรที่มันทำไม่ได้ “
“มันไม่เหมือนกับข้าหรอ?”
เฟิงเฟยหยุน พูด
ไม่ๆมันเทียบกันกับนายน้อยไม่ได้ อย่างน้อเวลาท่านสนุกกับสาวๆท่านยังพอมีเมตตา แต่ไอ้นี่มันมันไม่ได้เล่นคนเดียวแต่มันเล่นกันทั้งกลุ่มจนกว่าผู้หญิงจะตาย “
เฟิงผิง ตอบ ตอบ
เฟิงเฟยหยุน คิดว่ามันเลวแล้วนะ แต่ถ้าเปรียบกับไอ้หัวหน้าอู๋นี่มันดูเหมือนว่าตัวมันนี่เป็นนักบุญไปเลย