I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Spirit Vessel (灵舟) ตอนที่ 10: กระบี่นายน้อยเฟิง

| Spirit Vessel (灵舟) | 713 | 2360 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

Spirit Vessel บทที่ 10

แปลไทยโดย : SwordGod

บทที่ 10: กระบี่นายน้อยเฟิง

โอ้พระเจ้า! ห้าร้อยเหรียญ! “

ตาเฒ่าหลัว สูญเสียสติของเขา ร่างกายแข็งทื่อนั่งอยู่บนพื้นเริ่มอ้อนวอน

“หัวหน้าอู๋ ข้าเป็นเจ้าของกิจการเล็กๆ ข้าไม่มีเหรียญห้าร้อยเหริญให้ท่านหรอก ทั้งหมดที่ข้ามีแค่หนึ่งร้อยสี่สิบสามเหรียญเท่านั้น ข้าจะให้ท่านให้หมดเลย ที่เหลือข้าจะจ่ายให้ในเดือนถัดไป “

โดยปกติแล้วหัวหน้าอู๋จะปล่อยผ่าน แต่ทว่าก่อนหน้านี้มันได้รับคำสั่งมาจาก เฟิงสุ่ยหยู มันก็เลยไม่สนใจเรื่องนี้ เหตุผลที่ หัวหน้าอู๋ ข่มขวัญ เมืองจวงถ่ายเซิ่นจิงได้เป็นเพราะมันได้รับการสนับสนุนจากทั้งรัฐบาลและโลกใต้ดิน ซานเย่ เป็นผู้สนับสนุนด้านมืดของมันขณะที่ เฟิงสุ่ยหยู เป็นผู้สนับสนุนจาก ทางการของมัน นี่เป็นเหตุผลที่ยกเว้นคนไม่กี่คนในเมืองจวงถ่ายเซิ่นจิง มันสามารถทำอะไรได้โดยไม่ต้องกลัวผลกระทบ

หัวหน้าอู๋ ลูบเคราของมันแล้วบอกว่า

“ตาเฒ่าหลัว ความจริงแล้วไอ้เงินแค่ห้าร้อยเหรียญมันไม่ได้มากมายอะไร หากว่าเจ้าขายหลานสาวของเจ้าให้กับซ่องเจ้าจะได้เหรียญอย่างน้อยสามหมื่นเหรียญเชียวนา … “

หัวหน้าอู๋ พุดยังไม่ทันจบ ตาเฒ่าหลัวก็หมอบลงกับเพื้นกอดขาหัวหน้าอู๋ร้องให้ออกมา

“หัวหน้าอู๋ ท่านอย่าล้อข้าเล่นแบบนี้เลย เยว่เอ๋อ อายุแค่ สิบสี่ปีเท่านั้น อย่าขายนางเลย อย่าขายนางเลย! “

ชายชราอาศัยอยู่ในชนชั้นล่างและไม่มีอำนาจใด นอกจากการคุกเข่าเพื่อขอร้องแล้วยังมีอะไรอีกที่เขาสามารถทำได้เพื่อช่วยหลานสาวของเขา

หัวหน้าอู๋โมโหขึ้นแตะตาเฒ่าหลัวออกไปจากทาง ขณะที่ เสี่ยวเยว่เอ๋อ วิ่งออกมาจากภายในและนางก็โยนเหรียญทองให้กับ หัวหน้าอู๋

“นี่คือเงินของท่าน อย่าทำร้ายปู่ของข้า “

เยว่เอ๋อรีบประคองปู่ของนางขึ้นจากพื้น

“เป้ง!”

เหรียญทองหล่นลงบนพื้นและหมุนไปที่เท้า หัวหน้าอู๋ เหรียญทองมีค่าเท่ากับเหรียญทองแดงหนึ่งหมื่นเหรียญและนั่นมันมากกว่าเหรียญทองแดงกว่าห้าร้อยเหรียญ หัวหน้าอู๋ หยิบมันขึ้นมาและลูบมัน เขารู้สึกประหลาดใจที่พบว่ามันเป็นทองคำแท้ นางไปเอามันมาจากที่ไหน?

“เจ้าคิดว่าเรื่องนี้ตัดสินได้ด้วยเงินหรอ?”

มันจับเหริญทองมองไปที่ทิศทางของ เสี่ยวเยว่เอ๋อ และ ตาเฒ่าหลัว ด้วยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์และเย็นชา

“เฉินหลิว เจิ้งเห่า จับแม่สาวน้อยนางนี้ล่ามมาให้กับข้า วันนี้เป็นโอกาสที่ดี! ผู้หญิงคนนี้ทั้งขาวทั้งสวยผิวนุ่มเป็นธรรมชาติ ข้าตัดสินใจมานานแล้วว่าจะเลือกผู้หญิงคนนี้ วันนี้ข้าจะเติมเต็มความปรารถนาของข้า “

หลังจากได้ยินคำสั่งแล้วพวกอันธพาลทั้งสองก็มาพร้อมด้วยเชือกในมือและรอยยิ้มอันชั่วร้ายบนใบหน้าของพวกมัน

หัวใจของ เสี่ยวเยว่เอ๋อ สั่นสะท้าน แต่นางพยายามทำใจดีสู้เสือ

“หัวหน้าอู๋! ข้ายังมีแขกรับเชิญที่สำคัญที่ข้าต้องไปบริการอยู่ หากว่าท่านล่ามข้าแล้วเดี๋ยวเขาก้ไม่พอใจขึ้นมานะ “

หลังจากที่ได้ยินเรื่องนี้ หัวหน้าอู๋ ก็โผล่แวบเข้าไปในร้าน เขาเห็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาเป็นพิเศษอยู่ข้างในด้วยเสื้อผ้าที่หรุหรา ซึ่งกำลังยิ้มอยู่ในทิศทางของเขา

“นายน้อยเฟิง!”

นัยน์ตาของหัวหน้าอู๋ หดแคบลงและการแสดงออกของเขาก็รุนแรงขึ้น เขาส่งสัญญาณให้ทั้งสองอันธพาลถอยกลับ เฟิงเฟยหยุน ยังคงนั่งอยู่ในตำแหน่งเดิมแล้วมันก้ยิ้ม

“หัวหน้าอู๋ ใครเป็นคนอนุญาตให้เก็บค่าธรรมเนียมใน เมืองจวงถ่ายเซิ่นจิง?”

“เรื่องนี้…”

ใบหน้าของ หัวหน้าอู๋ กลายเป็นน่าเกลียด เมืองจวงถ่ายเซิ่นจิง ถือได้ว่าเป็นสนามหน้าบ้านตระกูลเฟิง แม้ว่าชื่อเสียงและอำนาจของเขาจะมากมาย แต่ก็ไม่สามารถเทียบเคียงได้กับตระกูลเฟิงที่ยิ่งใหญ่ได้ อย่างไรก็ตามเขาก็เรียกความมั่นใจกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว เฟิงเฟยหยุน มันเป็นคนโง่ ที่วันๆเอาแต่กินและรอความตายของตัวเองเท่านั้น ถึงแม้ว่า เฟิงว่านเผิง จะหมดหวังในตัวมันแล้ว แต่ทำไมเขาถึงต้องกลัว? หลังจากหัวหน้าอู๋คิดได้อย่างนี้ช่วยไม่ได้ที่เขาจะหัวเราะ ออกมา เขาเดินจ้ำอ้าวดาดๆเข้าไปร้านน้ำชาอย่างลวกๆและนั่งลงตรงหน้า เฟิงเฟยหยุน นัยน์ตาขวางราวกับว่าเขากำลังจะตัดสิน เฟิงเฟยหยุน

“คุณชายเฟิง ท่านต้องการจะเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้หรอ?”

เฟิงเฟยหยุน ไม่ได้เปิดปากของมัน และเฟิงผิงก้มลงมากระซิบข้างหู

“นายน้อย หัวหน้าอู๋ ไม่ได้เล่นง่ายๆหากไม่จำเป็นเราอย่าไปยุ่งกับมันเพราะผู้หญิงคนเดียวเลย “

คนรับใช้ทั้งสองคน เฟิงผิง กับ เฟิงอัน ภาวนาอยู่ภายในใจว่านายน้อยของพวกมันคงจะไม่สู้กับหัวหน้าอู๋เพียงเพราะผู้หญิงคนเดียว ตราบเท่าที่เขายังคงนิ่งอยู่ มันยังไม่มีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้น

เสี่ยวเยว่เอ๋อ เครียจมาก ยังไงๆนายน้อย เฟิงเฟยหยุน ก็เป็นแค่คนโง่เง่าเท่านั้น มันอาจจะเป็นคนขี้ขลาดด้วยซ้ำ หากว่ามันกลัว หัวหน้าอู๋ ชตากรรมของนางก็คงจะน่าสังเวชมากๆ

หากเลือกได้นางอยากตกอยู่ในมือ เฟิงเฟยหยุน ไม่ได้อยากถูก หัวหน้าอู๋ จับมัดแล้วนำตัวไป

เฟิงเฟยหยุนยิ้ม แล้วประกาศว่า

“เรื่องนี้ข้าจะสอด หากใครสัมผัสนางแม้แต่ปลายเส้นผม ตาย! “

เสียงของมันเต็มไปด้วยผู้มีอำนาจเช่นฟ้าร้องก้องอยู่ในท้องฟ้า

เสี่ยวเยว่เอ๋อ จมลึกลงไปในความมึนงงนัยน์ตาของนางเบิกโพลงกว้างขึ้น นางรู้สึกประหลาดใจและสับสนแก้มแดงระเรื่อย พวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกันและกัน ดังนั้นสำหรับเสือผู้หญิงที่คิจะปกป้องนางก็อาจคิดได้ว่าเป็นเหมือนเยี่ยงวีรชน มีคลื่นแห่งความรู้สึกที่ไม่รู้จักเพิ่มขึ้นมาในหัวใจของนาง นางตัดสิน เฟิงเฟยหยุน อีกครั้งบางทีเขาอาจจะไม่ใช่คนเลวร้ายก็ได้

หัวหน้าอู๋ พยักหน้าของเขาแล้วพูดว่า

“ดี! ดีมาก! คุณชายเฟิง วันนี้ท่านอยากจะดูแลดอกไม้ มาดูกันสิว่าท่านจะปกป้องนางได้หรือไม่ “

ด้วยสัญญาณมือของเขา ห้าอันธพาลปรี่เข้าไปหา เสี่ยวเยว่เอ๋อ

หลังจากที่ซื้อมา เฟิงเฟยหยุนต้องการทดสอบกระบี่ของมัน เหล่าอันธพาลเหล่านี้กำลังส่งตัวมันเองลงมาบนเขียง นัยน์ตาของ เฟิงเฟยหยุน กลายเป็นไร้อารมณ์และมือของมันกำกระบี่มังกรแดงที่หนักประมาณสองร้อยสี่สิบจิน แน่น การเคลื่อนไหวของมันพริ้วไหวดั่งสายลมเพียงก้าวเดียวมันก็ก้าวไปแล้วราว3 เมตร มันกระโดลอยขึ้นไปในอากาศวาดเสี้ยวลมปราณออกมาโจมตีทางอากาศ พลังของกระบี่เป็นสีแดงเข้มเช่นเปลวไฟวิ่งผ่านไป

“หวือ!”

เสียงกระบี่ที่ตัดอากาศก็คล้ายกับเสียงคำรามของสัตว์อสูรทำให้หูของผู้คนนั้นเจ็บแสบ

“ฉัวะ!”

พลังของกระบี่ยิ่งใหญ่มาก มันหั่นพวกอันธพาลออกเป็นสองส่วนจากหัวจรดเท้าเป็นชิ้น เลือดสด ๆ อุ่น ๆ ไหลนองออกมาและมันก็เป็นสีแดงความเร็วของการฟันนั้นมากเกินไป ตั้งแต่ช่วงเวลาที่มีการยกกระบี่ไปจนถึงการแยกส่วนร่างกายฝีมือของ เฟิงเฟยหยุน นั้นรวดเร็วและเป็นธรรมชาติมาก มันเหมือนกับว่ามันมีประสบการณ์มามากมายนัก ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจน หัวหน้าอู๋ ไม่มีเวลาตอบโต้ในขณะที่กระบี่ของ เฟิงเฟยหยุน อาบไปด้วยโลหิตใสแวววาวกระจ่างตา อีกสี่อันธพาลขนพองสยองเกล้า เพียงหนึ่งกระบี่ ก้เพียงพอที่จะตัดคนออกเป็นสองท่อน พลังแห่งการฟาดนั้นต้องเยี่ยมยอดมาก เฟิงผิง กับ เฟิงอัน อ้าปากจนขากรรไกรค้าง ทรุดเข่าลงไปกับพื้น เมื่อไหร่กัน ที่นายน้อยของมันแข็งแกร่งขนาดนี้ เขาเกือบจะเหมือนว่าเป็น เทพแห่งสงคราม

เสี่ยเยว่เอ๋อ หันหน้าไปเห็นฉากเลือด นางหน้ามืดเป็นลมล้มพับ ถูกปู่ของนางคว้าเอาไว้ ก่อนที่จิตสำนึกของนางจะจางหายไปภาพของวิชาสังหารของ เฟิงเฟยหยุน ยังติดตาโดยการเปลี่ยนจากคนธรรมดาเป็นยอดวีรชน ไม่หวั่นไหวและมีเสน่ห์ยัง กลิ่นอายยังอ้อยอิ่งอยู่ในใจของนาง

“ทะ … ท่าน … “

หัวหน้าอู๋ ใบ้กินทันที แม้ว่าเขาจะไม่เคยบ่มเพาะโดยใช้ ตำราอมตะ แต่เขาก็ฝึกร่างกายของเขาไปถึงจุดที่เขาเทียบได้กับผู้บ่มเพาะ แต่หลังจากที่ได้เห็นใบมีดของ เฟยหยุน เขาไม่รู้เลยว่าเขาจะมีชีวิตรอดได้หรือไม่

เฟิงเฟยหยุน พาดกระบี่หนักของมันไว้บนไหล่แล้วก้าวย่างเข้าไปในร้านน้ำชา

“หัวหน้าอู๋ ไหนท่านลองบอกข้ามาหน่อยสิ ใครที่ออกคำสั่งให้มาระราน เฒ่าหลัว กับ เสี่ยวเยว่เอ๋อ? “

เฟิงเฟยหยุน ค่อยๆไล่นิ้วของมันไปทั่วใบมีดที่เปื้อนเลือดเช็ดเศษเลือดที่เหลือออก

“ข้าทำทุกอย่างที่ข้าต้องการ ข้าไม่เคยได้รับคำสั่งจากคนอื่นเลย “

หัวหน้าอู๋ เป็นทหารผ่านศึกที่ได้ผ่านสงครามหลายครั้ง เขาตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้การฟันของ เฟิงเฟยหยุน จะน่ากลัวมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันผ่านพ้นไปได้ ด้วยความช่วยเหลือของ สิงโตทองคำนัยน์ตาแดง เขาอาจจะสามารถเอาชนะ เฟิงเฟยหยุนได้

อย่างไรก็ตาม ในชั่วพริบตา สิงโตทองคำนัยน์ตาแดง นอนจมกองเหงื่ออันหนาวเย็นของมัน เฟิงเฟยหยุน เผยกลิ่นอายวิหคเพลิงออกมาข่มขวัญสัตว์อสูรทำให้มันไม่สามารถขยับได้เลย วิญญาณวิหคเพลิง ได้เข้ามายึดร่างของ เฟิงเฟยหยุน จึงเป็นธรรมชาติที่จะมีกลิ่นอายวิหคเพลิงจากสวรรค์ วิหคเพลิงได้วางตนเป็นอันดับแรกในบรรดาสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ตัวและสายเลือดของพวกมันก็ไม่ธรรมดา สิ่งมีชีวิตที่ไม่บริสุทธิ์เช่น สิงโตทองคำนัยน์ตาแดง ไม่สามารถทนต่อกลิ่นอายของราชวงศ์วิหคเพลิงได้ หัวหน้าอู๋ ต้องการใช้สัตว์สูรของเขาเพื่อควบคุม เฟิงเฟยหยุน ซึ่งเป็นการคำนวณที่ผิดมหันต์

“หากเจ้าไม่มีอะไรจะพูดละก็ งั้นก็ชดใช้ค่าเสียหายมาซ่ะ!”

เฟิงเฟยหยุน ฉลาดมากแม้ว่าจะไม่มีคำสารภาพของ หัวหน้าอู๋ มันก็คาดเดาได้ว่าเป็นใคร อาจเป็นไปได้ว่าคนที่อยู่ข้างนอก เฟิงสุ่ยหยู หรือ ซานเย่

“นั่นท่านจะทำอะไรน่ะ?”

ใบหน้า หัวหน้าอู๋ เขียวคล้ำ

“เฟิงเฟยหยุน ข้าคือสมุนของซานเย่ หากท่านฆ่า ข้าผลลัพธ์ที่ตามมามันร้ายแรงนะ “

“ร้ายแรง กับแม่แกสิ! ที่นี่ในเมืองจวงถ่ายเซิ่นจิง ตระกูลเฟิง เป็นคนตัดสินชี้ขาด ไอ้สัตว์นรก ซานเย่ นั่นมันเป็นใครกัน มันคิดจะมาขวางทางข้าในสิ่งที่ข้าอยากจะทำงั้นหรอ? “

มันจะมีโอกาสมาคุกคาม เฟิงเฟยหยุนได้หรอ?

“ตูม!”

เฟิงเฟยหยุน ลากกระบี่หนักไปทางหัวหน้าอู๋

หัวหน้าอู๋ ได้ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ทันทีที่มันเห็น เฟิงเฟยหยุน ขยับมันก็เอนตัวไปข้างหน้าและโยนหมัดออกไปด้วยแรงเพียงไม่กี่ร้อยจินโดยเล็งไปที่แขนของ เฟิงเฟยหยุน ร่างกายของมันใหญ่มากแต่มันก็รวดเร็ว หมัดของมันกวาดไปข้างหน้าแรงกระชากดุจดั่งมังกรโฉบ

“ปัง!”

เฟิงเฟยหยุนยกกระบี่หนักของมันขณะที่รีบก้าวไปข้างหน้า เท้าของมันอ่อนพริ้วยืดหยุ่นเหมือนงูก้าวไปข้างหน้าและจากนั้นมันก้กลับมาได้อย่างง่ายดายเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะหมัดของ หัวหน้าอู๋ กระบี่หนักวกหันกลับมาอย่างรวดเร็ว มีรัศมีเลือดไหลออกมาและได้ปะทะกับพลังของกำปั้น

มือของ หัวหน้าอู๋ ได้รับการฝึกฝน และได้หล่อหลอมมาเหมือนดั่งเหล็กกล้า แต่ถึงยังไงมันก็เป็นไปไม่ได้ที่มันต้องมาเผชิญกับกระบี่ในการต่อสู้จริงๆ การแสดงออกของ หัวหน้าอู๋ เริ่มคลั่งขึ้น มันพยายามจะหลบ แต่ก็สายเกินไป

“ฉัวะ!”

กระบี่หนักสองร้อยสี่สิบจิน ตัแขนขวาของ หัวหน้าอู๋ ไล่ตั้งแต่หัวไหล่ลงมา เลือดพุ่งกระฉูดออกจากปากแผลไกลถึงสามฟุต  เลือดพุ่งกระฉูดออกจากปากแผลไกลถึงสามฟุต

“ปัง!”

เฟิงเฟยหยุน เตะ หัวหน้าอู๋ ตรงกระเพาะอาหารร่างของมันกลิ้งคลุกๆอยู่บนพื้นเช่นสุนัขตายข้างถนนในตำแหน่งทารกในครรภ์ เลือดไหลออกจากมุมปากของมัน ตัวมันงอเหมือนกุ้งชักกระตุกด้วยความเจ็บปวดอย่างมาก

ถนนสายนี้เต็มไปด้วยผู้ชม คนเหล่านี้โดยปกติถูก หัวหน้าอู๋ รังแก แต่เห็นสภาพปัจจุบันของมันแล้ว พวกเขาทั้งหมดเริ่มตบมือและเชียร์

“นี่แน่ะ! “ใช่เลย!” คุณชายเฟิง! คุณชายเฟิงตัดแขนมันทิ้งเลย! “

“คนธรรมดาๆจะไปจัดการ หัวหน้าอู๋ ได้ยังไง? คุณชายเฟิงงี่เง่า ได้แสดงสุดยอดฝีมือให้ได้ประจักษ์! เหมือนกับกระบี่หนักของเขาที่จะบดธรณีให้เป็นผุยผง. “

“นี่อาจจะไม่ใช่เรื่องดีเลย! จากประสบการณ์ของข้าภัยพิบัติกำลังจะมาเยือน! “

ชายชราคนหนึ่งที่มีผมหงอกค่อยๆลูบเคราและคาดการณ์ไว้

คนที่อยู่รอบ ๆ กำลังอึกทึกคึกโครมแต่งเสริมเติมแต่งวลีเกี่ยวกับ นายน้อยเฟิงเฟยหยุน ในการทุบตี หัวหน้าอู๋ นี่เป็นเหตุการณ์ที่น่าจะสั่นสะเทือนในเมืองจวงถ่ายเซิ่นจิง

เฟิงเฟยหยุน เอากระบี่ใส่ฝักแล้วเดินตรงไปยัง หัวหน้าอู๋ อย่างห้าวหาญ มันโยนแขนข้างที่มันตัดไว้ก่อนหน้านี้และพูดว่า

“กลับไปบอก ซานเย่ ว่าข้าจะรอวันเกิดของมัน!”

หัวหน้าอู๋ ทนทุกข์ทรมาน มันกัดฟันและคลานขึ้นมาบนพื้นเพื่อคว้าแขนมันหันไปมองรอบๆอย่างโกรธเกรี้ยวและจากไปด้วยสายตาอาฆาตอย่างไม่พอใจ…

เฟิงเฟยหยุน ไม่กลัวการแก้แค้นในอนาคตของมัน หัวหน้าอู๋ ฝึกวิชาต่อสู้มนุษย์ แต่เฟิงเฟยหยุนตอนนี้อยู่ ระดับ เขตแดนวิญญาณ มันสามารถทุบตีเขาได้อย่างสบายๆ เมื่อเขาก้าวมาถึง ระดับเขตแดนวิญญาณกลาง หรือระดับสูงแล้ว พลังลมปราณภายในของมันจะกล้าแข็งขึ้นไปอีกหลายเท่า แม้แต่ 10 หัวหน้าอู๋ ก็ไม่ใช่คู่มือของมัน การละเว้นชีวิตมันก็เหมือนกับการช่วยสุนัข จะไม่ก่อให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่ในอนาคต

“เจ้านาย แล้วเราจะทำยังไงกับ สิงโตทองคำนัยน์ตาแดง นี่ดีล่ะ?”

เฟิงผิง ถาม

ทั้งสองสมุน ตอนนี้นับถือ เฟิงเฟยหยุน เป็นดั่งพระเจ้า พวกมันทั้งสองตั้งใจจะติดตามเขาไปตลอดชีวิตที่เหลือ นายน้อยของมันนี้ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก!

ยังเหลือ สิงโตทองคำนัยน์ตาแดง กับโซ่รอบๆคอของมัน ไม่หลงเหลือความปราถนาที่จะสู้ มีแต่เพียงความกลัวเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในสายตาสีแดงของมัน มันกลายเป็นแมวที่อ่อนแอหลังจากรับรู้ กลิ่นอายวิหคเพลิง ที่มีอำนาจเหนือมัน

“มันเป็นแค่สัตว์สายเลือดชั้นต่ำ คืนนี้เราจะย่างมันสำหรับทุกคน มันช่วยเสริมสร้างร่างกายและยืดอายุขัย ในเวลากลางคืนสามารถหลับนอนกับหญิงสาวได้นับสิบคน โดยที่ ความองอาจ ของพวกเจ้าจะไม่ตกเลย อะแฮ่ม อะแฮ่ม จำไว้ว่าเหลือไว้ให้ข้าบางส่วนด้วย “

 

“อา!”

สมุนทั้งสองคนตกใจ นี่เป็นสัตว์อสูรและมีมูลค่าประมาณสามร้อยเหรียญทอง นี่ไม่ใช่เนื้อย่าง แต่มันเป็นทองคำคั่ว อนิจจา ในเมื่อนายน้อยของพวกมันสั่ง มันก็ได้แต่ทำตามคำสั่งของเขาเท่านั้น

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments