ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปSpirit Vessel บทที่ 13
แปลไทยโดย : SwordGod
บทที่ 13: สงครามมังกรซ่อนอยู่และสภาเหล็กยุทธศาสตร์ทหาร
โถงของคฤหาสน์ของผู้ว่าราชการมีความกว้างสิบสองเมตร มีแปดเสาสูงรอบ ๆ ห้อง ตรงกลางเป็นรูปปั้นนกอินทรีสีทองอันตระหง่านอันน่าอัศจรรย์เหมือนนกศักดิ์สิทธิ์ที่มองลงมาจ้องทุกๆคน
ทุกครั้งที่มีแขกมาที่โถงนี้ วิญญาณของพวกเขาจะสั่นสะท้านด้วยความกลัวที่มองไม่เห็น จนพวกเขาต้องหายใจหนักหน่วง
เฟิงว่านเผิง ถือคัมภีร์หยกยาวสามฟุตแล้วค่อยๆรีดขึ้นกลับ จดหมายฉบับนี้เขาอ่านสามครั้งและเขาก็ยิ้มสามครั้ง ราวกับว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่ดีที่แม้แต่เสือยิ้มยากอย่างเขายังยิ้มออกมาได้
นอกจาก เฟิงว่านเผิง แล้วที่นั่งอยู่ข้างๆยังมี นักวางแผนยุทธศาตร์เก่อ และพ่อบ้านหลิว อายุของพวกเขามีไล่เลี่ยกันทั้งคู่มีผมหงอกและใบหน้าเหี่ยวย่น
อย่างไรก็ตามทั้งคู่ไม่ใช่ตัวตนธรรมดา พวกเขาแค่เพียงคนเดียวก็สามารถปกครองได้ทิศๆหนึ่งได้เลย
นักวางแผนยุทธศาตร์เก่อ กับพัดที่ทำมาจากขนนกมองคำภีร์หยกแล้วดูเหมือนจะคาดเดาหลายๆสิ่งหลายๆอย่างและพูดว่า
“ท่านผู้ว่า นี่เป็นข่าวจากตระกูลหลักทางใต้หรอ?”
คำภีร์หยกในมือของ เฟิงว่านเผิง มีชื่อว่า “คำภีร์หยกเหิน” มันอาจจะเดินทางได้หนึ่งหมื่นลี้ภายในหนึ่งวัน มันเป็นสมบัติจิตวิญญาณที่แท้จริง
คำภีร์หยกเหิน ได้ส่งมายัง เมืองจวงถ่ายเซิ่นจิง ซึ่งหมายถึงข่าวดังกล่าวมาจาก เมืองใหญ่ทางใต้ ของตระกูลเฟิง
นักวางแผนยุทธศาตร์เก่อ และ พ่อบ้านหลิว ไม่ใช่คนนอก พวกเขาติดตาม เฟิงว่านเผิง มานานกว่า 10 ปี เฟิงว่านเผิง ไม่เคยปิดบังอะไรพวกเขาเลย เขายิ้มและพูดว่า
“สงครามมังกรที่ซ่อน ครั้งต่อไปของตระกูลเราที่จัดขึ้นทุกๆ20ปีกำลังจะมาถึงแล้ว”
นักวางแผนยุทธศาตร์เก่อ หยีตาแล้วพูดอย่างปิติว่า
“อีกเมื่อไหร่?”
“สามเดือนต่อจากนี้วันเริ่มต้นของฤดูใบไม้ร่วง หมอกสีม่วงเขตกำแพงเมือง มังกรที่ซ่อนอยู่ทะลุท้องฟ้า “
เฟิงว่านเผิงอ่านเนื้อความใน คำภีร์หยกเหิน
ความสำคัญของสงครามมังกรซ่อนของตระกูลเฟิงเป็นที่รู้จักทั่วยุทธภพ หากว่าใครที่แสดงให้เห็นถึงความน่าอัศจรรย์เป็นพิเศษในสงครามมังกรซ่อนไว้ละก็ในอนาคตอาจจะรวยไปด้วยกลีบกุหลาบ
ตระเฟิง เป็นตระกูลใหญ่ ลูกหลานของตระกูลมีสมาชิกนับ10ล้านคน พวกเขาถูกแบ่งออกเป็นหลายสาขา ทุกสาขามีอัจฉริยะนับไม่ถ้วน
เช่นเฟิงว่านเผิง เขาคือเผด็จการที่ปกครองผู้คนนับล้านคนหลายพันในทิศนี้ แต่เขาเป็นแค่ลูกหลานรุ่นที่ 4 จากตระกูลสาขา เขาไม่ได้เป็นสมาชิกที่แท้จริงของตระกูลหลัก
ตระกูลเฟิงรุ่นที่สี่ ถ้าไม่ใช่หนึ่งหมื่นคนก็จะมีสมาชิกอย่างน้อย 8 พันคนมีหลายคนที่มีพรสวรรค์และพวกเขาทั้งหมดปกครองเมืองโบราณหลายเมือง เขตชานเมือง ค่ายทหารหรือรัฐบาล คนและอิทธิพลของพวกเขากระจัดกระจายไปทั่วโลก
ทุกๆ 20 ปี ตระกูลเฟิง จะมีการคัดเลือกตัดสินศักยภาพของรุ่นเยาว์ของพวกเขา พวกเขาจะเลือกพรสวรรค์ยอดเยี่ยมที่สุดและมุ่งเน้นการบ่มเพาะพวกเขา นี่คือจุดประสงค์ของสงครามมังกรซ่อน
มังกรซ่อน ได้ถูกปล่อยลงไปในทะเลพายุที่ทำลายล้างนับหมื่นลี้!
หลังจากสามเดือนจะเป็นวัน สงครามมังกรซ่อน รุ่นเยาว์ที่มีอายุน้อย แห่งตระกูลเฟิง จะต้องเข้าร่วมเหตุการณ์ครั้งนี้ คนที่สามารถแสดงพรสวรรค์ทั้งหมดของพวกเขาจะเป็นผู้นำคนต่อไปในยุคของพวกเขา ในอนาคตพวกเขาอาจจะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลสูงสุด
ตระหลักของตระกูลเฟิง ตั้งอยู่ที่ เมืองใหญ่ทางใต้และยังเป็นหนึ่งในตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองด้วย
เมืองใหญ่ทางใต้ เป็นหนึ่งในแปดเมืองที่ใหญ่ที่สุดของราชวงศ์จินซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้
เมืองใหญ่ทางใต้ มีอาณาเขตกว้างใหญ่และมีประชากรเป็นจำนวนมาก มีมณฑลยี่สิบหกมณฑล แต่ละมณฑลมีเมืองโบราณมากมายนับไม่ถ้วนและชุมชนเล็กๆ
เมืองจวงถ่ายเซิ่นจิง มีเมืองโบราณอยู่หนึ่งร้อยยี่สิบสี่แห่งเท่านั้น
ตระกูลเฟิง เป็นหนึ่งในสามตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดใน เมืองใหญ่ทางใต้เห็นได้ชัดว่ามันมีพลังมากแค่ไหน
เฟิงว่านเผิง หัวเราะเสียงดัง
“เมื่อยี่สิบปีก่อนข้าได้เข้าร่วมสงครามมังกรซ่อนด้วยจิตวิญญาณที่สูง ข้าผ่านด่านนับสิบและพ่ายแพ้แก่ฝ่ายตรงข้ามนับร้อย หลังจากนั้นผู้อาวุโสก็เล็งเห็นความสามารถของข้าและดูแลให้ข้าเข้าสู่ตำแหน่งผู้ว่าการปกครองในหนึ้งทิศ “
นักวางแผนยุทธศาตร์เก่อ ถามว่า
“ในสงครามครั้งสุดท้ายเมื่อยี่สิบปีก่อนท่านได้อันดับอะไร?”
“ข้าได้ที่สิบแปด”
ภายในใจของ เฟิงว่านเผิง รู้สึกภาคภูมิใจเมือ่นึกถึงความสำเร็จ เขาหัวเราะได้อย่างกล้าหาญ อย่างช่วยไม่ได้
การได้ตำแหน่งที่สิบแปดในสงครามมังกรซ่อนครั้งสุดท้ายถือได้ว่าเป็นความสำเร็จที่คุ้มค่าที่สุดของความอหังการ
นักวางแผนยุทธศาตร์เก่อ เป็นที่ปรึกษาภายใต้ตระกูลเฟิง เขาเข้าใจเหตุการณ์นี้เมื่อยี่สิบปีก่อนและกล่าวว่า
“เมื่อยี่สิบปีก่อนในช่วงสงครามมังกรซ่อนนั้นมีคนเก้าหมื่นสี่ร้อยสามสิบแปดคนภายในสาขาหลักของรุ่นที่สี่ขณะที่สาขาฝ่ายมีผู้คนทั้งหมดเจ็ดหมื่นคน เพื่อเอาชนะคนจำนวนมากและครองตำแหน่งที่สิบแปดท่านต้องมีความโดดเด่นในช่วงปีนั้น
คำพูดของ นักวางแผนยุทธศาตร์เก่อ ไม่ใช่คำเยินยอ ไม่ว่ายังไงก็ตาม เฟิงว่านเผิง ยังคงเป็นผู้เชี่ยวชาญที่น่ากลัวแม้กระทั่งตอนนี้ เขายังคงมีชื่อเสียงในรุ่นที่สี่และมีอิทธิพล
ความแข็งแรงทางกายภาพกำหนดหนึ่งอำนาจ!
เฟิงว่านเผิง กล่าวว่า
“ยี่สิบปีที่ผ่านมารุ่นที่ห้าของ ตระกูลเฟิง ยิ่งทวีความรุ่งโรจน์มากขึ้น ตามสถิติจากข้อความที่สาขาหลักมีสามหมื่นคนซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจเพราะบางส่วนของพวกเขาเป็นอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง บางคนอาจจะพ่ายแพ้ผู้เชี่ยวชาญของคนรุ่นหลัง หลายคนคาดการณ์ว่ารุ่นที่ห้าของ ตระกูลเฟิง จะเข้าสู่ยุคทองไหม่สำหรับตระกูลเฟิงของเรา อัจฉริยะที่ป่นสวรรค์สามารถปรากฏขึ้นได้ตลอดเวลาและพวกเขาจะทำให้ผู้ผู้อาวุโสกลายเป็นคนที่มีความสุขอย่างบ้าคลั่ง “
นักวางแผนยุทธศาตร์เก่อ พยักหน้าและตอบอย่างจริงจัง
“ถ้าเป็นกรณีนี้ก็ยากที่จะอยู่ในการจัดอันดับด้านบน แต่ด้วยการบ่มเพาะของคุณชายใหญ่การบุกเข้าสู่สองร้อยอันดับแรกไม่น่าจะเป็นปัญหา “
เฟิงว่านเผิง ยิ้มและส่ายหัว
“พรสวรรค์ของ สุ่ยหยู มีสูงมากข้ามั่นใจในตัวเขามาก การจัดอันดับของเขาจะไม่ใช่แค่สองร้อย ถ้าเขาได้เข้าร่วมในสงครามเลือกสาขาจะมีโอกาสมากที่เขาจะโดเด่น “
เนื่องจากเฟิงสุ่ยหยูเป็นเพียงบุตรบุญธรรมเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าร่วมสงครามสาขาของตระกูลเฟิงได้เท่านั้น อย่างไรก็ตามตราบเท่าที่เขาทำได้ดีเขายังสามารถเข้าร่วมสงครามกับตระกูลได้โดยตรง
เฟิงว่านเผิง เปลี่ยนการแสดงออกและเสียใจ
“ข้าเฟิงว่านเผิง เป็นวีรชนทั้งชีวิต แต่ข้าให้กำเนิดลูกที่ไร้ประโยชน์ หากไอ้ลูกแหง่ เฟิงเฟยหยุน มันได้หนึ่งในสิบของ สุ่ยหยู ข้าก็พอใจแล้ว “
นักวางแผนยุทธศาตร์เก่อ กล่าวว่า
“เมื่อไม่นานมานี้ ข้าได้แลกเปลี่ยนความรู้กับ นายน้อยเฟิง แม้ว่าเขาจะดูน่าดูหมิ่นวอกแวกแต่เขาไม่ได้ไร้คุณธรรม บางส่วนของความเข้าใจของเขากับศาตร์แห่งสงครามของเขาเป็นเอกลักษณ์มาก บางครั้งความคิดของเขาก็ทำให้ข้าประทับใจมาก “
“ท่านพูดจริงหรอ?”
“ความคิดของข้า นายน้องเฟิง ย่อมสามารถที่จะเป็นคนมีพรสวรรค์ได้ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถปลูกฝังได้ถ้าเขาสามารถเรียนรู้ศาตร์แห่งสงครามได้เขาก็สามารถเข้าร่วมกับกองทัพได้ในอนาคตและเขาจะประสบความสำเร็จไม่น้อย “
พ่อบ้านหลิวที่เงียบอยู่ตลอดเวลาได้เปิดปากด้วยการแสดงออกทางอารมณ์
“ท่านผู้ว่าการ ลูกรักที่กลับตัวกลับใจเรียนรู้นั้นมีค่ามากเสียยิ่งกว่าทอง ข้าเห็นว่าในระหว่างสงครามมังกรซ่อนนี้เราสามารถส่งให้นายน้อยเข้าร่วมในสภาเหล็กยุทธศาสตร์ทหาร “
“สภาเหล็กยุทธศาสตร์ทหาร!”
การแสดงออกของ เฟิงว่านเผิง เริ่มแข็งกร้าวขึ้นราวกับว่าเขากำลังใคร่ครวญบางอย่าง
ในสมัยราชวงศ์จินถ้าใครอยากจะประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงโด่งดังกว่าทุกคนแล้วพวกเขาจะไม่สามารถหยุดการบ่มเพาะของพวกเขาให้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่น่าเกรงขามได้ อย่างไรก็ตามทุกคนไม่ได้มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะไปเสียมุกคน และไม่ใช่ว่ามีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่สามารถเรียนรู้กลยุทธ์ทางทหารเพื่อให้กลายเป็นคนที่มีความรู้ทางยุทธศาสตร์หรือหัวหน้าคณะ หากใครมียุทธวิธีแห่งสงครามและเจ้าปัญญามากๆ พวกเขาก็ยังคงเป็นบุคคลที่อยู่ในจุดสูงสุดของผู้คนนับหมื่น นั่งอยู่ในตำแหน่งผู้มาเยือนที่น่านับถือของตระกูลใหญ่และนิกายอมตะ
สภาเหล็กยุทธศาสตร์ทหารและสงครามมังกรซ่อน เป็นวิธีที่ทั้งสองฝ่ายเลือกที่จะเลือกรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์ที่โดดเด่น หนึ่งสำหรับการต่อสู้และอีกหนึ่ง สำหรับมันสมอง
หนึ่งอัหษรศาตร์หนึ่งวิชาการต่อสู้!
ถ้าใครสามารถแสดงความสามารถทางความเข้าใจในศาตร์วิชากานสงครามระดับสูงแล้วพวกเขาจะยังคงได้รับการดูแลเป็นอย่างดีโดย ตระกูลซู
“การทดสอบ สภาเหล็กยุทธศาตร์ทหาร ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อัจฉริยะรุ่นเยาว์หลายคนที่เข้าร่วมในสงครามมังกรซ่อนที่มีส่วนร่วมมีส่วนร่วมในการทดสอบอักษรศาตร์เพื่ออภิปรายเกี่ยวกับวิชาการต่อสู้ทางทหาร การชนะอันดับแรกนั้นยากยิ่งกว่าการบินขึ้นสวรรค์เสียอีก เจ้าเด็กทารกเฟยหยุน … มันเพิ่งเริ่มเรียนได้เพียงไม่กี่วันบวกกับมันขี้ขลาดตาขาว จะเกิดอะไรขึ้นหากมันทำตัวโง่ๆในงาน … เฮ้อ! หากว่ามันเห็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์หลายคนบางทีมันอาจจะตกใจไม่ยอมหยุดจนใบ้กินก็ได้ “
เฟิงว่านเผิง ไม่อาจหยุดคร่ำครวญได้ ถึงแม้ว่าเขาต้องการให้ เฟิงเฟยหยุน โลดเล่นบนท้องฟ้า และกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ เขารู้จักมารยาทของเฟยหยุนดี หากปล่อยมันไปรังแต่จะทำให้อับอายขายขี้หน้าเปล่าๆ
จะมีความอัปยศมากๆ!
ในเวลานี้ เฟิงสุ่ยหยู เข้ามาจากประตูหน้า เขาคำนับ เฟิงว่านเผิงและทักทายอย่างสุภาพกับพ่อบ้านหลิว และ นักวางแผนยุทธศาตร์เก่อ เขายืดตัวขึ้นและพูดว่า
“ท่านพ่อบุญธรรม เฟยหยุน ยังไม่เคยเข้าสังคม หากเขาเข้าร่วมใน สภาเหล็กยุทธศาตร์ทหาร เขาอาจจะตกใจกลัวขวัญหนีดีฝ่อทำให้เกิดภาพที่ไม่น่าดู ชื่อเสียงท่านและชื่อเสียงของตระกูลของเราจะพังลงในมือของเขา “
คำพูดของเขาทำให้คนอื่นๆเศร้า แม้ว่าคำพูดนั้นจะน่าเกลียด แต่พวกเขาชี้จุดและทุกคนรู้ถึงมารยาทและนิสัยของเฟยหยุน
“บางที … เฟยหยุน เป็นคนขี้กลัวมากเกินไป”
แม้แต่พ่อบ้านหลิวก็ถอนหายใจซ้ำ ๆ
“ห้าววววว”
เฟิงเฟยหยุน ใส่รองเท้าแตะทำด้วยไม้และเดินเข้ามาในขณะที่หาว เขายืนอยู่ข้างๆ เฟิงสุ่ยหยู และโค้งคำนับต่อ เฟิงว่านเผิง พ่อบ้านหลิว นักวางแผนยุทธศาตร์เก่อ แล้วพูดว่า
“ท่านพ่อ ข้าอยากจะเข้าร่วมในสภาเหล็กยุทธศาสตร์ทหาร”
เฟิงเฟยหยุน ได้ยินการสนทนาของทุกคนตอนที่มันอยู่ข้างนอก ถ้าใครอยากจะรู้จักเขี้ยวเล้บของมัน ก้าวแรกมันต้องแสดงฝีมือก่อน
เฟิงสุ่ยหยู พูดด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มว่า
“เฟยหยุน สภาเหล็กยุทธศาสตร์ทหาร ไม่ได้เป็นเรื่องเล่นๆที่เจ้าจะเข้าใจได้”
“ฮ่าๆ! ท่านพี่ข้ายอมรับว่าข้ายังไม่ได้อ่านหนังสือหลายเล่ม แต่ท่านก็อย่าได้ดูถูกข้า การชี้แจงเหตุผลบนกระดาษ ใครๆก็ทำได้! “
เฟิงเฟยหยุน ยิ้ม
เฟิงสุ่ยหยู ไม่พอใจและพูดว่า
“เจ้ากำลังจะบอกว่า ข้าสามารถทำได้เพียงชี้แจ้งทฤษฎีบนกระดาษเท่านั้นหรอ?”
“จริงมั้ยล่ะ!”
เฟิงเฟยหยุน ยังยิ้ม
“ท่านพี่ดูเหมือนว่าท่านไม่พอใจน่ะ ท่านเคยอยู่ในกองทัพ?”
เฟิงเฟยหยู ไม่เคยก้าวเข้าไปในค่ายเลย แน่นอนว่าเขาไม่เคยอยู่ในกองทัพ ตอนนี้เขาพูดไม่ออก
“ท่านพี่ดูเหมือนว่าท่านไม่ค่อยเชื่อมั่นใช่มั้ย!”
เมื่อเห็นรูปลักษณ์ที่ไปไม่ถูกของ เฟิงสุ่ยหยู ที่หาดูได้ยากแล้ว เฟิงเฟยหยุน มีความสุขมาก
กล้ามเนื้อใบหน้าของ เฟิงสุ่ยหยู กระตุกสองสามครั้งก่อนที่มันจะยิ้มแห้งๆออกมา
“เฟยหยุน เจ้ายังเด็กเกินไปแม้เพียงแค่ทฤษฎีบนกระดาษเจ้ายังขาดอยู่เลย”
ใช้ทฤาฏีบนกระดาษเพื่อเอาชัยมันไม่มีผลหรอก ต้องใช้ความแข็งแกร่งเอาชนะคนอ่อนแอ ใช้อาวุธจริงเพื่อเรียกกองกำลังไพร่พล สังหารศัตรูเช็ดมันให้หมดจนคนสุดท้าย”
แม้ว่ายังวัยเยาว์ เฟิงเฟยหยุน ขณะนี้มีความกล้าหาญในขณะเดียวกันก็ชี้ให้เห็นศักยภาพทางทหารของประเทศ
“อนุญาตให้ข้าเรียกกองกำลังได้มั้ย”
ทุกคนสับสน เมืองจวงถ่ายเซิ่นจิง ตั้งอยู่ในเขตชนบทของราชวงศ์จิน ไม่มีศัตรูภายนอกหรือความขัดแย้งภายใน มันเป็นเวลาหลายปีนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่กองกำลังถูกเรียกตัว อะไรคือจุดที่พูดถึงการปรับใช้กองกำลังตอนนี้?
เฟิงสุ่ยหยู ยังสับสนเขาไม่รู้ว่า เฟยหยุน กำลังพยายามจะพูดอะไรหรือขั้นตอนต่อไปของเขาคืออะไร
เฟิงว่านผิง พ่อบ้านหลิ นักวางแผนยุทธศาตร์เก่อ ตัวแข็งทื่อด้วยกันทั้งหมด คิดว่าไอ้เด็กนี่มันเล่นบ้าอะไร?
เฟิงเฟยหยุน คุกเข่าลงหนึ่งข้า แสดงท่าทางจริงจังแล้วพุดว่า
“เมืองจวงถ่ายเซิ่นจิง ตอนนี้มีกองโจรหลายคนกำลังลุกฮือ ผู้นำของพวกมันดูถูกเหยิดหยามในพลังอำนาจของมันผู้คนเรียกมันว่า ซานเย่ คนผู้นี้ค้าทาส ตั้งบ่น รับจ้างฆ่าคน บังคับให้ผู้หญิงค้าประเวณีและจัดตั้งค่ายโจรมีสมาชิกไม่กี่พันคนเพื่อข่มขวัญรีดไถคนในเมือง มันคือก้อน มะเร็ง ของเมืองจวงถ่ายเซิ่นจิง เฟิงเฟยหยุน ขอเรียกร้องให้ท่านผู้ว่าราชการมอบกองกำลังให้ข้าสามพัน ภายในหนึ่งคือข้าจะตามเช็ดไอ้มนุษย์ระยำพวกนี้ไม่ให้เหลือซาก “
“ข้าขอให้ท่านผู้ว่าราชการมอบกองกำลังให้ข้าสามพัน ข้าจะเป็นเสือหมอบแมวเซาดักซุ่มโจรร้ายและหัวโขมย แห่งมืองจวงถ่ายเซิ่นจิง เพื่อชาวบ้านไม่อยู่อย่าหวาดระแวง และจะสู้เพื่อเป้าหมายปลอบขวัญ หัวใจของราษฏร! “