I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Spirit Vessel (灵舟) ตอนที่ 17: รูปแแบบโลหิตกักวิญญาณ

| Spirit Vessel (灵舟) | 669 | 2367 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

Spirit Vessel บทที่ 17

แปลไทยโดย : SwordGod

บทที่ 17: รูปแแบบโลหิตกักวิญญาณ

ราชรถโบราณสีขาวรายล้อมรอบเส้นทาง ล้อบดกับเส้นทางโบราณที่ทำจากก้อนกรวดสีฟ้าเสียงดัง เอี้ยดอ๊าด คนบังคับรถเป็นชายชราคนหนึ่งสวมหมวกสีดำและสวมหน้ากาก

“นายท่าน เจ้าเด็กน้อยเฟิงเฟยหยุนมันจะลงมือคืนนี้หรอเปล่าครับท่าน?”

เจิ้งตงหลิว เปิดม่านขึ้นข้างหนึ่งเผยให้เห็นคู่ดวงตาเก่าแก่

ในรถโบราณมีเสียงแหบแห้ง

“เฟิงเฟยหยุน มันได้เริ่มแล้ว”

“ได้เริ่มแล้ว?”

เจิ้งตงหลิว ถามอย่างงงๆ

“แต่ว่าเขาไม่ได้ระดมพลผู้คุ้มกันเมือง5000คนแล้วเขาจะทำลายแก๊งกรงเล็บอินทรีย์ได้หรอ?”

“การเคลื่อนไหวของเขาเรียกว่า” ในระหว่างสงครามไม่เคยไร้ซึ่งกลลวง “ผู้คุ้มกัน5000เป็นแค่กลอุบายหลอก ซานเย่ กองกำลังโจมตีที่แท้จริงคือหนึ่งร้อยสามสิบหกคนรับใช้ที่ลากของขวัญ หากข้าเดาไม่ผิดกลุ่มผู้คุ้มกันหนึ่งร้อยสามสิบหกคนถูกเลือกโดยผู้คุ้มกันชั้นยอด พวกเขาเป็นดั่งมีดแหลมที่ตอกหัวใจผีดิบ “

 

 

“เขาจะใช้คนแค่ร้อยกว่าคนทำลายแก๊งกงเล็บอินทรีย์หรอ? เฟิงเฟยหยุนผู้นี้สติยังดีอยู่หรือเปล่า? “

“เขาไม่ได้บ้า หนึ่งร้อยสามสิบหกคน คือกลุ่มทลวงฟัน พวกเขาทำหน้าที่เป็นมีดเพื่อทำให้แก๊งกรงเล็บอินทรีย์เกิดความสับสน ส่วนอีก5000ผู้คุ้มกันจะเป็นกำลังเสิมที่แท้จริง “

เจิ้งตงหลิว งงยิ่งกว่าเดิม

“แต่ท่านบอกว่าผู้คุ้มกัน5000คนเป็นแค่กลลวงซานเย่ให้สับสน แต่ว่าผู้คุ้มกันยังอยู่ในค่าย ยังไม่มีการระดมพลเลย “

“อิอิ แต่ว่าเมืองจวงถ่ายเซิ่นจิงมีผู้คุ้มกันเมืองนับหมื่นคน แล้วเจ้าหน้าที่อีก5000คนไปอยู่ที่ไหน?”

 

เมื่อได้ยินอย่างนี้หัวใจของเจิ้งตงหลิวก็เต้นระรัว

“แทนที่คานกับไม้เน่าเสีย!” ***

“มาดูกัน เฟิงเฟยหยุน อย่าทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจะดูสิ ว่าเจ้าจะทำให้ข้าประหลาดใจได้มั้ย

นายหญิง เป็นคนที่ฉลาดมาก ไม่ว่าการกระทำใดๆของเฟิงเฟยหยุนไม่อาจหลุดรอดสายตาของนางไปได้

เจิ้งตงหลิว บังคับรถสีขาวมุ้งหน้าไป คฤหาสห์อินทรีย์โลหิต

คฤหาสห์อินทรีย์โลหิต ตั้งอยู่ทางตะวันออกของ เมืองจวงถ่ายเซิ่นจิง มันทำมาจากซุ้มก้อนหินสีฟ้าเหมือนปราสาทขนาดใหญ่

กำแพงสูงสามสิบฟุตมีหอคอยและหอสังเกตุการณ์เช่นเดียวกับป้อมปราการที่เข้มแข็ง การป้องกันก็น่ากลัว

หากเฟิงเฟยหยุนนำกองกำลัง5000คนมาบุกคฤหาสห์อินทรีย์โลหิตมันคงยังไม่ทันข้ามพ้นประตูกองกำลังของมันคงจะพินาศย่อยยับไม่เหลือแน่ๆ

ขณะนี้ดวงตะวันเริ่มคล้อยไปทางเทือกเขาทิศตะวันตก พระอาทิตย์ตกดินเป็นเหมือนดอกไม้สีแดงเข้มที่ด้านบนของยอดเขานอกเมืองซึ่งสาดแสงขอบฟ้าสีแดง

เฟิงเฟยหยุน กระโดดลงจากหลังเสือสีแดงเข้มแล้วร่อนลงบนพื้นอย่างมั่นคง มันเหลือบตาไปทางประตูหน้า เลือดในสายตาของมันเริ่มไหลเหมือนแม่น้ำสายเล็ก ๆ

ค่อยๆสูดอากาศเข้าไป อหนึ่งอาจมีกลิ่นเหม็นจาง ๆ ของเลือด

กำแพงหนาถูกสลักด้วยโครงกระดูกเก้าสิบเก้าชิ้นแต่ละชิ้นก็น่าเกลียด ถ้าเป็นเวลากลางคืนสถานที่นี้จะกลายเป็นปราสาทผี – ที่น่ากลัวแน่ๆ

เฟิงเฟยหยุน ควักสองนิ้วออกมาแล้วชี้ไปในอากาศ สายตาของมันมั่นคงแล้วพูดออกมาเบาๆ

“เห็นได้ชัดว่านี่คือ รูปแบบโลหิตกักวิญญาณ ซายเย่ผู้นี้มีความสามารถจริงๆ! “

ทันทีที่มันพูดจบ กลุ่มนกอินทรีสีแดงยักบินออกมาจากคฤหาสห์ พร้อมด้วยขนสีแดงเพลิงจะงอยปากของพวกมันมีสัญลักษณ์และแข็งเหมือนก้ามปูเหล็ก

พวกมันมีจำนวนนับร้อยกับกรงเล็บที่ใหญ่เท่ามือของมนุษย์ พวกมันบินตรงอกจากกำแพงสีเขียวไปทางรถลากของเฟิงเฟยหยุน

“ฟึบ ฟึบ “

ปีกที่อินทรีโลหิตสบัดก่อให้เกิดมาลอากาศบิดกระชาก พวกมันจับคนงานทั้งหมดนับร้อยคนที่ขนของขวัญ เหมือนกับนกอินทรีที่บินโฉบไก่ตัวเล็กๆแล้วนำพวกเขาทั้งหมดเข้าไปใน คฤหาสห์อินทรีโลหิต จากนั้นทุกคนก็หายตัวไปหลังกำแพงคฤหาสห์

สิ่งที่เหลืออยู่คือ เฟิงเฟยหยุน พ่อบ้านหลิว รวมทั้งรถขนาดใหญ่จำนวนยี่สิบแปดคัน

นี่มันคงชิงลงมือก่อน เฟิงสุ่ยหยู คงจะส่งข่าวมาให้ วานเย่ ว่าข้าจะมาโจมตีมัน

ถ้าอย่างงั้น … ก็ดีมันเป็นไปตามแผน

ใบหน้าของ เฟยหยุน ยังคงมีรอยยิ้มแล้วมันก็หัวเราะเสียงดัง

“ซานเย่ ผู้เลื่องลือต้อนรับแขกแบบนี้หรือไงกัน?”

 

“นี่เป็นเพราะสัตว์ที่โง่เขลาของข้า มันช่างไม่รักดี จับคนรับใช้ของนายน้อยเฟิงทั้งหมด พวกมันช่างไม่รู้จักแยกแยะ “

เสียงของซานเย่ ดังเกือบครึ่งหนึ่งของเมืองจวงถ่ายเซิ่นจิง การบ่มเพาะของเขามีพลังแก่กล้านักกลายเป็นคลื่นเสียงกังวาลเช่นระฆังขนาดใหญ่มุ่งไปตรงหน้า เฟิงเฟยหยุน

มันเหมือนกับพายุเฮอริเคนบ้าคลั่งมาโดยไม่มีการออมแรง!

“ปัง!”

พ่อบ้านหลิว ยืนอยู่ข้างหน้า เฟิงเฟยหยุน ซัดคลื่นเสียงทั้งหมดไปด้วยกำปั้น

รอยยิ้มจางๆยังปรากฏอยู่บนใบหน้า เฟิงเฟยหยุน มันเข้าใจคำพูด เยอะเย้ยของซานเย่แล้วตอบว่า

“สัตว์พวกนี้มันเลี้ยงไม่เชื่อง ท่านซานเย่ต้องเข้มงวดกับมันให้มากกว่านี้! ดูเหมือนว่าข้าต้องสอนวินัยให้มันรู้จักบ้าง “

เฟิงเฟยหยุน ส่งสัญญาณมือเล็กน้อย พ่อบ้านหลิวกลายเป็นเงาดำบินเข้าไป ภายในพริบตาเขาก็เข้ามาอยู่ใน คฤหาสห์อินทรีโลหิต แล้ว คนธรรมดาคงไม่มีโอกาสเห้นเขาได้แม้แต่เงา

“ตูม ปัก ปัก ตูม ปัก ปัก !”

เสียงดังออกมาเป็นชุดๆเช่นเดียวกับเสียงกรีดร้องของนกอินทรี ครู่ต่อมามีนกอินทรีมากกว่าหนึ่งร้อยตัวกลายเป็นนกอินทรีตายแล้ว ซากของพวกมันถูกซ้อนอยู่ในที่เดียว

พ่อบ้านหลิว เช็ดคราบเลือดบนฝ่ามือและยืนอยู่ตรงหน้าคฤหาสน์อินทรีโลหิต

 

 

“ข้าได้ยินมาว่า นายน้อยเฟิง แตกต่างจากเมื่อก่อน ดูเหมือนว่าวันนี้ข้าคงต้องมองท่านเสียไหม่ หัวหน้าอู๋ จะมัวชักช้าอยู่ใยรีบไปนำของขวัญจากนายน้อยเฟิงเข้ามาที่นี่ “ ***

หัวหน้าอู๋ ซ฿่งมีแขนข้างเดียวนำกลุ่มผู้คนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามสวมเข็มขัดสีแดงออกมาจาก คฤหาสห์อินทรีโลหิต พวกเขาจ้องมอง เฟิงเฟยหยุน ยิ้มให้อย่างเย็นชา

แขนขวาของมันถูก เฟิงเฟยหยุน ตัดออกมา ด้วยความเกลียดชังที่คับแค้นในหัวใจ มันอยากจะฉีกร่างเลาะกระดูกของ เฟิงเฟยหยุน ออกเป็นชิ้นๆเต็มที

ธรรมชาติของเฟิงเฟยหยุนไม่คิดว่าพวกเขามีค่าในสายตาของมันและให้พวกเขานำรถม้ายี่สิบแปดคันเข้าไปใน คฤหาสห์อินทรีโลหิต ในขณะที่มันติดตามพวกเขาจากด้านหลังมาติดๆ

***

“นายท่าน ดูเหมือนว่า ซานเย่ จะรู้ไต๋ของคุณชายเฟิงแล้วตอนนี้ยอดฝีมือทั้ง136คนถูกจับตัวไว้ เฟิงเฟยหยุน จะเอาชนะได้ยังไงกัน? “

เจิ้งตงหลิว นำรถไปที่ป่าเล็กๆนอกคฤหาสห์อินทรีโลหิต และจ้องมองจากระยะไกล

เจ้านายของเขานั่งอยู่ในรถโบราณอย่างใจเย็นว่า

“เฟิงเฟยหยุน เข้าไปในคฤหาสห์รึยัง?”

“เขาเพิ่งเข้าไป”

 

“ภายในสามจรื่อเฉิน ชื่อแก๊งกงเล็บอินทรี จะถูกลบออกจากเมืองจวงถ่ายเซิ่นจิง”

นายของเขาพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม ***

“อะไรน่ะ?”

เจิ้งตงหลิว ถือว่าตัวเองนั้นฉลาด แต่เหตุการณ์ในด้านหน้าของเขาทำให้เขารู้สึกเหมือนเขาเป็นคนโง่ ตอนนี้ เฟิงเฟยหยุน ไม่มีกองกำลังแม้แต่คนเดียวมันจะทำลายแก๊งกงเล็บอินทรีได้ยังไง?

แต่เจ้านายผู้นี้ดูเหมือนจะมีมุมมองเช่นเดียวกับ เฟิงเฟยหยุน การเคลื่อนไหวใด ๆ จากเฟิงเฟยหยุนไม่อาจรอดพ้นสายตาของนางได้

นางเปิดม่านขึ้น แล้วผายมืออกอีกครั้ง ห้านิ้วเรียวยาวคล้ายดั่งหยก * ผีเสื้อสีขาวบินกลับมาและบินลงบนนิ้วของนาง จากนั้นก็กลายเป็นสายใยพลังวิญญาณและหายไปในฝ่ามือของนาง ***

มุมริมฝีปากของนางเผยรอยยิ้มเช่นเดียวกับที่นางได้เรียนรู้บางสิ่งบางอย่าง คู่ดวงตาที่ใสสะอาดและสวยงามเต็มไปด้วยสติปัญญามองไปที่คฤหาสน์อินทรีโลหิตซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่กี่พันเมตร นางเห็น ลมปราณโลหิตจากลานมหึมาเริ่มเคลื่นไหว กระสวยเวทมนต์อักขระรูนวิ่งกลับไปกลับมา นี่คือการสร้างรูปแบบวิญญาณด้วยโลหิต

นิ้วมือของนางทำเป็นสัญลักษณ์เล็ก ๆ ดวงตาสวยใสของนางจ้องมองแล้วยิ้มให้

“รูปแบบโลหิตกักวิญญาณ ดูเหมือนว่า เฟิงเฟยหยุน จะประสบปัญหาใหญ่เข้าแล้วสิ”

รูปแบบโลหิตกักวิญญษณ มันคืออะไร?

ประสบการณ์ของเจิ้งตงหลิว ตลอดหลายปีที่ผ่านมากว้างขวางมากและอาจนับได้ค่อนข้าจะรู้เกียวกับการบ่มเพาะพอตัว แต่เขาไม่เคยได้ยินเรื่อง รูปแบบโลหิตกักวิญญาณ

ผู้เป็นานยปิดผ้าม่านลง แล้วนางจึงจับพิณสีแดงของนางไว้ในมือ นางขยับนิ้วเบาเสียงดังไพเราะ

“รูปแบบโลหิตกักวิญญาณ คือ รูปแบบต้องห้างแห่ง อารามเซิ่นหลัว มีคำร่ำลือว่า ต้องใช้ชายหญิงพรมจรรย์ 99 คนเพื่อสร้างรูปแบบนี้ให้สมบูรณ์ รูปแบบจารึกของอักขระรูนที่ทำขึ้นด้วยเลือดและกระดูกสีขาวที่สร้างขึ้นเป็นรากฐาณ “

“เมื่อ รูปแบบโลหิตกักวิญญาณ ถูกเปิดใช้งานมันจะปลุก สัตว์โครงกระดูกอสูรกลืนวิญญาณ จากนรกและจะเรียก ดาบโครงกระดูกกักวิญญาณ ออกมา หากเทพเจ้าขวางทางมันจะสังหารเทพเจ้า หากพระพุทธองค์ขวางทางมันจะสังหารพระพุทธองค์ ภายในเมืองจวงถ่ายเซิ่นจิงนี้มีเพียง 4-5 คนเท่านั้นที่ทำลาย รูปแบบโลหิตกักวิญญาณ ได้ แต่ละคนมีพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่พอ ทีจะทำให้ทั้งสี่ทิศและแปดอณาจักร หวั่นเกรง “

หลังจากได้ฟังคำพูดแล้วการแสดงออกของเจิ้งตงหลิวก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

“แม้แต่สัตว์อสูรพันปีจาก” ค่ายกำราบสัตว์อสูร “ก็ไม่สามารถสู้กับ สัตว์โครงกระดูกอสูรกลืนวิญญาณนับประสาอะไรกับ ดาบโครงกระดูดกักวิญญาณ คราวนี้ เฟิงเฟยหยุน เดินเข้าไปอย่างบ่มบ่าม เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน เก้าในสิบส่วน “ ***

“แต่น่ายเสียดายนัก รูปแบบโลหิตกักวิญาณ นี้ยังไม่สมบูรณ์ ด้วยการบ่มเพาะของ ซษนเย่ มันยังไม่มีโอกาสที่จะสร้าง รูปแบบโลหิตกักวิญญาณ นี้ขึ้นมาได้ นี้เป็นเพียงมุมหนึ่งของรูปแบที่แท้จริง แม้ว่า สัตว์โครงกระดูกอูรกลืนวิญญาณ จะถูกปลุกขึ้นมา แต่พลังการต่อสู้ของมันก็มีแค่ 1 ส่วนของรูปแบบที่แท้จริงเท่านั้น มันไม่เพียงพอที่จะทำให้เกิดความหวาดกลัว “

ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดรอดพ้นสายตาของนางได้ นางฉลาดล้ำลึกเปรียบดั่งนักปราชญ์ที่เดินทางท่องไปในโลกมนุษย์

***

เมื่อ เฟิงเฟยหยุน ก้าวเข้าไปใน คฤหาสห์อินทรีโลหิต เฟิงว่านเผิง เฟิงสุ่ยหยู นักวางแผนยุทธ์สาตร์เก่อ กำลังยืนอยู่บนกำแพงปราสาทจ้องไปที่ คฤหาสห์อินทรีโลหิต

เฟิงสุ่ยหยู แอบหัวเราะเยาะอยู่ในใจ “เฟิงเฟยหยุน หึ คฤหาสห์อินทรีโลหิต เจ้าเป็นที่ฝังศพของแก แกคงไม่คิดหรอกว่าข้าได้ส่งข่าวการโจมตีไปให้ ซานเย่ แล้ว ช่วงเวลาที่แกก้าวเข้าสู่ คฤหาสห์อินทรีโลหิต มันคือช่วงเวลาของแกที่กระโดลงไปสู่ขอบเหวแห่งความตาย “ ***

นักยุทธศาสตร์เก่อ โบกพัดขนนกของเขาเบา ๆ และขมวดคิ้วของเขา

“เจ้าหนูเฟิงเฟยหยุน หุนหันพลันแล่นเกินไป เขาจะเข้าไปในคฤหาสห์อินทรีโลหิตผู้เดียวได้ยังไง แม้จะมี พ่อบ้านหลิวคอยปกป้อง แต่เขาจะต้านแก๊งกงเล็บอินทรีนับพันคนได้ยังไง? หมากกระดานนี้จบสิ้นเรียบร้อยแล้ว! “

ใบหน้าของเฟิงว่านเผิง เผยความภูมิฐาน “ข้าทำพลาดไปรึเปล่า? ข้าไม่น่าปล่อยให้เขาจัดการกับแก๊งกรงเล็บอินทรีเลย สุดท้ายเขาก็ยังเด็กเกินไป แถมเขายังไม่ได้ฝึกฝน ไร้ซึ่งทางหลบหนีหากวิ่งเข้าไปในคฤหาสห์อินทรีโลหิต “

หัวใจของ เฟิงว่านเผิง เต็มไปด้วยความเสียใจ หาก ซานเย่ ตัดสินใจสังหาร เฟิงเฟยหยุน แล้ว เขาจะไม่มีโอกาสช่วย เฟิงเฟยหยุน เลย หากว่า เฟิงเฟยหยุน ได้ตายลงที่นั่นจริงๆเขาจะมีหน้าไปพบกับภรรยาของเขาได้ยังไง?

ความคิดถึงมารดาของ เฟยหยุน ทำให้ เฟิงว่านเผิง กำหมัดแน่นสั่นสะท้าน

“เฟยหยุน อย่าทำให้ข้าต้องผิดหวัง!”

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments