ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปSpirit Vessel บทที่ 17
แปลไทยโดย : SwordGod
บทที่ 17: รูปแแบบโลหิตกักวิญญาณ
ราชรถโบราณสีขาวรายล้อมรอบเส้นทาง ล้อบดกับเส้นทางโบราณที่ทำจากก้อนกรวดสีฟ้าเสียงดัง เอี้ยดอ๊าด คนบังคับรถเป็นชายชราคนหนึ่งสวมหมวกสีดำและสวมหน้ากาก
“นายท่าน เจ้าเด็กน้อยเฟิงเฟยหยุนมันจะลงมือคืนนี้หรอเปล่าครับท่าน?”
เจิ้งตงหลิว เปิดม่านขึ้นข้างหนึ่งเผยให้เห็นคู่ดวงตาเก่าแก่
ในรถโบราณมีเสียงแหบแห้ง
“เฟิงเฟยหยุน มันได้เริ่มแล้ว”
“ได้เริ่มแล้ว?”
เจิ้งตงหลิว ถามอย่างงงๆ
“แต่ว่าเขาไม่ได้ระดมพลผู้คุ้มกันเมือง5000คนแล้วเขาจะทำลายแก๊งกรงเล็บอินทรีย์ได้หรอ?”
“การเคลื่อนไหวของเขาเรียกว่า” ในระหว่างสงครามไม่เคยไร้ซึ่งกลลวง “ผู้คุ้มกัน5000เป็นแค่กลอุบายหลอก ซานเย่ กองกำลังโจมตีที่แท้จริงคือหนึ่งร้อยสามสิบหกคนรับใช้ที่ลากของขวัญ หากข้าเดาไม่ผิดกลุ่มผู้คุ้มกันหนึ่งร้อยสามสิบหกคนถูกเลือกโดยผู้คุ้มกันชั้นยอด พวกเขาเป็นดั่งมีดแหลมที่ตอกหัวใจผีดิบ “
“เขาจะใช้คนแค่ร้อยกว่าคนทำลายแก๊งกงเล็บอินทรีย์หรอ? เฟิงเฟยหยุนผู้นี้สติยังดีอยู่หรือเปล่า? “
“เขาไม่ได้บ้า หนึ่งร้อยสามสิบหกคน คือกลุ่มทลวงฟัน พวกเขาทำหน้าที่เป็นมีดเพื่อทำให้แก๊งกรงเล็บอินทรีย์เกิดความสับสน ส่วนอีก5000ผู้คุ้มกันจะเป็นกำลังเสิมที่แท้จริง “
เจิ้งตงหลิว งงยิ่งกว่าเดิม
“แต่ท่านบอกว่าผู้คุ้มกัน5000คนเป็นแค่กลลวงซานเย่ให้สับสน แต่ว่าผู้คุ้มกันยังอยู่ในค่าย ยังไม่มีการระดมพลเลย “
“อิอิ แต่ว่าเมืองจวงถ่ายเซิ่นจิงมีผู้คุ้มกันเมืองนับหมื่นคน แล้วเจ้าหน้าที่อีก5000คนไปอยู่ที่ไหน?”
เมื่อได้ยินอย่างนี้หัวใจของเจิ้งตงหลิวก็เต้นระรัว
“แทนที่คานกับไม้เน่าเสีย!” ***
“มาดูกัน เฟิงเฟยหยุน อย่าทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจะดูสิ ว่าเจ้าจะทำให้ข้าประหลาดใจได้มั้ย
นายหญิง เป็นคนที่ฉลาดมาก ไม่ว่าการกระทำใดๆของเฟิงเฟยหยุนไม่อาจหลุดรอดสายตาของนางไปได้
เจิ้งตงหลิว บังคับรถสีขาวมุ้งหน้าไป คฤหาสห์อินทรีย์โลหิต
คฤหาสห์อินทรีย์โลหิต ตั้งอยู่ทางตะวันออกของ เมืองจวงถ่ายเซิ่นจิง มันทำมาจากซุ้มก้อนหินสีฟ้าเหมือนปราสาทขนาดใหญ่
กำแพงสูงสามสิบฟุตมีหอคอยและหอสังเกตุการณ์เช่นเดียวกับป้อมปราการที่เข้มแข็ง การป้องกันก็น่ากลัว
หากเฟิงเฟยหยุนนำกองกำลัง5000คนมาบุกคฤหาสห์อินทรีย์โลหิตมันคงยังไม่ทันข้ามพ้นประตูกองกำลังของมันคงจะพินาศย่อยยับไม่เหลือแน่ๆ
ขณะนี้ดวงตะวันเริ่มคล้อยไปทางเทือกเขาทิศตะวันตก พระอาทิตย์ตกดินเป็นเหมือนดอกไม้สีแดงเข้มที่ด้านบนของยอดเขานอกเมืองซึ่งสาดแสงขอบฟ้าสีแดง
เฟิงเฟยหยุน กระโดดลงจากหลังเสือสีแดงเข้มแล้วร่อนลงบนพื้นอย่างมั่นคง มันเหลือบตาไปทางประตูหน้า เลือดในสายตาของมันเริ่มไหลเหมือนแม่น้ำสายเล็ก ๆ
ค่อยๆสูดอากาศเข้าไป อหนึ่งอาจมีกลิ่นเหม็นจาง ๆ ของเลือด
กำแพงหนาถูกสลักด้วยโครงกระดูกเก้าสิบเก้าชิ้นแต่ละชิ้นก็น่าเกลียด ถ้าเป็นเวลากลางคืนสถานที่นี้จะกลายเป็นปราสาทผี – ที่น่ากลัวแน่ๆ
เฟิงเฟยหยุน ควักสองนิ้วออกมาแล้วชี้ไปในอากาศ สายตาของมันมั่นคงแล้วพูดออกมาเบาๆ
“เห็นได้ชัดว่านี่คือ รูปแบบโลหิตกักวิญญาณ ซายเย่ผู้นี้มีความสามารถจริงๆ! “
ทันทีที่มันพูดจบ กลุ่มนกอินทรีสีแดงยักบินออกมาจากคฤหาสห์ พร้อมด้วยขนสีแดงเพลิงจะงอยปากของพวกมันมีสัญลักษณ์และแข็งเหมือนก้ามปูเหล็ก
พวกมันมีจำนวนนับร้อยกับกรงเล็บที่ใหญ่เท่ามือของมนุษย์ พวกมันบินตรงอกจากกำแพงสีเขียวไปทางรถลากของเฟิงเฟยหยุน
“ฟึบ ฟึบ “
ปีกที่อินทรีโลหิตสบัดก่อให้เกิดมาลอากาศบิดกระชาก พวกมันจับคนงานทั้งหมดนับร้อยคนที่ขนของขวัญ เหมือนกับนกอินทรีที่บินโฉบไก่ตัวเล็กๆแล้วนำพวกเขาทั้งหมดเข้าไปใน คฤหาสห์อินทรีโลหิต จากนั้นทุกคนก็หายตัวไปหลังกำแพงคฤหาสห์
สิ่งที่เหลืออยู่คือ เฟิงเฟยหยุน พ่อบ้านหลิว รวมทั้งรถขนาดใหญ่จำนวนยี่สิบแปดคัน
นี่มันคงชิงลงมือก่อน เฟิงสุ่ยหยู คงจะส่งข่าวมาให้ วานเย่ ว่าข้าจะมาโจมตีมัน
ถ้าอย่างงั้น … ก็ดีมันเป็นไปตามแผน
ใบหน้าของ เฟยหยุน ยังคงมีรอยยิ้มแล้วมันก็หัวเราะเสียงดัง
“ซานเย่ ผู้เลื่องลือต้อนรับแขกแบบนี้หรือไงกัน?”
“นี่เป็นเพราะสัตว์ที่โง่เขลาของข้า มันช่างไม่รักดี จับคนรับใช้ของนายน้อยเฟิงทั้งหมด พวกมันช่างไม่รู้จักแยกแยะ “
เสียงของซานเย่ ดังเกือบครึ่งหนึ่งของเมืองจวงถ่ายเซิ่นจิง การบ่มเพาะของเขามีพลังแก่กล้านักกลายเป็นคลื่นเสียงกังวาลเช่นระฆังขนาดใหญ่มุ่งไปตรงหน้า เฟิงเฟยหยุน
มันเหมือนกับพายุเฮอริเคนบ้าคลั่งมาโดยไม่มีการออมแรง!
“ปัง!”
พ่อบ้านหลิว ยืนอยู่ข้างหน้า เฟิงเฟยหยุน ซัดคลื่นเสียงทั้งหมดไปด้วยกำปั้น
รอยยิ้มจางๆยังปรากฏอยู่บนใบหน้า เฟิงเฟยหยุน มันเข้าใจคำพูด เยอะเย้ยของซานเย่แล้วตอบว่า
“สัตว์พวกนี้มันเลี้ยงไม่เชื่อง ท่านซานเย่ต้องเข้มงวดกับมันให้มากกว่านี้! ดูเหมือนว่าข้าต้องสอนวินัยให้มันรู้จักบ้าง “
เฟิงเฟยหยุน ส่งสัญญาณมือเล็กน้อย พ่อบ้านหลิวกลายเป็นเงาดำบินเข้าไป ภายในพริบตาเขาก็เข้ามาอยู่ใน คฤหาสห์อินทรีโลหิต แล้ว คนธรรมดาคงไม่มีโอกาสเห้นเขาได้แม้แต่เงา
“ตูม ปัก ปัก ตูม ปัก ปัก !”
เสียงดังออกมาเป็นชุดๆเช่นเดียวกับเสียงกรีดร้องของนกอินทรี ครู่ต่อมามีนกอินทรีมากกว่าหนึ่งร้อยตัวกลายเป็นนกอินทรีตายแล้ว ซากของพวกมันถูกซ้อนอยู่ในที่เดียว
พ่อบ้านหลิว เช็ดคราบเลือดบนฝ่ามือและยืนอยู่ตรงหน้าคฤหาสน์อินทรีโลหิต
“ข้าได้ยินมาว่า นายน้อยเฟิง แตกต่างจากเมื่อก่อน ดูเหมือนว่าวันนี้ข้าคงต้องมองท่านเสียไหม่ หัวหน้าอู๋ จะมัวชักช้าอยู่ใยรีบไปนำของขวัญจากนายน้อยเฟิงเข้ามาที่นี่ “ ***
หัวหน้าอู๋ ซ฿่งมีแขนข้างเดียวนำกลุ่มผู้คนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามสวมเข็มขัดสีแดงออกมาจาก คฤหาสห์อินทรีโลหิต พวกเขาจ้องมอง เฟิงเฟยหยุน ยิ้มให้อย่างเย็นชา
แขนขวาของมันถูก เฟิงเฟยหยุน ตัดออกมา ด้วยความเกลียดชังที่คับแค้นในหัวใจ มันอยากจะฉีกร่างเลาะกระดูกของ เฟิงเฟยหยุน ออกเป็นชิ้นๆเต็มที
ธรรมชาติของเฟิงเฟยหยุนไม่คิดว่าพวกเขามีค่าในสายตาของมันและให้พวกเขานำรถม้ายี่สิบแปดคันเข้าไปใน คฤหาสห์อินทรีโลหิต ในขณะที่มันติดตามพวกเขาจากด้านหลังมาติดๆ
***
“นายท่าน ดูเหมือนว่า ซานเย่ จะรู้ไต๋ของคุณชายเฟิงแล้วตอนนี้ยอดฝีมือทั้ง136คนถูกจับตัวไว้ เฟิงเฟยหยุน จะเอาชนะได้ยังไงกัน? “
เจิ้งตงหลิว นำรถไปที่ป่าเล็กๆนอกคฤหาสห์อินทรีโลหิต และจ้องมองจากระยะไกล
เจ้านายของเขานั่งอยู่ในรถโบราณอย่างใจเย็นว่า
“เฟิงเฟยหยุน เข้าไปในคฤหาสห์รึยัง?”
“เขาเพิ่งเข้าไป”
“ภายในสามจรื่อเฉิน ชื่อแก๊งกงเล็บอินทรี จะถูกลบออกจากเมืองจวงถ่ายเซิ่นจิง”
นายของเขาพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม ***
“อะไรน่ะ?”
เจิ้งตงหลิว ถือว่าตัวเองนั้นฉลาด แต่เหตุการณ์ในด้านหน้าของเขาทำให้เขารู้สึกเหมือนเขาเป็นคนโง่ ตอนนี้ เฟิงเฟยหยุน ไม่มีกองกำลังแม้แต่คนเดียวมันจะทำลายแก๊งกงเล็บอินทรีได้ยังไง?
แต่เจ้านายผู้นี้ดูเหมือนจะมีมุมมองเช่นเดียวกับ เฟิงเฟยหยุน การเคลื่อนไหวใด ๆ จากเฟิงเฟยหยุนไม่อาจรอดพ้นสายตาของนางได้
นางเปิดม่านขึ้น แล้วผายมืออกอีกครั้ง ห้านิ้วเรียวยาวคล้ายดั่งหยก * ผีเสื้อสีขาวบินกลับมาและบินลงบนนิ้วของนาง จากนั้นก็กลายเป็นสายใยพลังวิญญาณและหายไปในฝ่ามือของนาง ***
มุมริมฝีปากของนางเผยรอยยิ้มเช่นเดียวกับที่นางได้เรียนรู้บางสิ่งบางอย่าง คู่ดวงตาที่ใสสะอาดและสวยงามเต็มไปด้วยสติปัญญามองไปที่คฤหาสน์อินทรีโลหิตซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่กี่พันเมตร นางเห็น ลมปราณโลหิตจากลานมหึมาเริ่มเคลื่นไหว กระสวยเวทมนต์อักขระรูนวิ่งกลับไปกลับมา นี่คือการสร้างรูปแบบวิญญาณด้วยโลหิต
นิ้วมือของนางทำเป็นสัญลักษณ์เล็ก ๆ ดวงตาสวยใสของนางจ้องมองแล้วยิ้มให้
“รูปแบบโลหิตกักวิญญาณ ดูเหมือนว่า เฟิงเฟยหยุน จะประสบปัญหาใหญ่เข้าแล้วสิ”
รูปแบบโลหิตกักวิญญษณ มันคืออะไร?
ประสบการณ์ของเจิ้งตงหลิว ตลอดหลายปีที่ผ่านมากว้างขวางมากและอาจนับได้ค่อนข้าจะรู้เกียวกับการบ่มเพาะพอตัว แต่เขาไม่เคยได้ยินเรื่อง รูปแบบโลหิตกักวิญญาณ
ผู้เป็นานยปิดผ้าม่านลง แล้วนางจึงจับพิณสีแดงของนางไว้ในมือ นางขยับนิ้วเบาเสียงดังไพเราะ
“รูปแบบโลหิตกักวิญญาณ คือ รูปแบบต้องห้างแห่ง อารามเซิ่นหลัว มีคำร่ำลือว่า ต้องใช้ชายหญิงพรมจรรย์ 99 คนเพื่อสร้างรูปแบบนี้ให้สมบูรณ์ รูปแบบจารึกของอักขระรูนที่ทำขึ้นด้วยเลือดและกระดูกสีขาวที่สร้างขึ้นเป็นรากฐาณ “
“เมื่อ รูปแบบโลหิตกักวิญญาณ ถูกเปิดใช้งานมันจะปลุก สัตว์โครงกระดูกอสูรกลืนวิญญาณ จากนรกและจะเรียก ดาบโครงกระดูกกักวิญญาณ ออกมา หากเทพเจ้าขวางทางมันจะสังหารเทพเจ้า หากพระพุทธองค์ขวางทางมันจะสังหารพระพุทธองค์ ภายในเมืองจวงถ่ายเซิ่นจิงนี้มีเพียง 4-5 คนเท่านั้นที่ทำลาย รูปแบบโลหิตกักวิญญาณ ได้ แต่ละคนมีพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่พอ ทีจะทำให้ทั้งสี่ทิศและแปดอณาจักร หวั่นเกรง “
หลังจากได้ฟังคำพูดแล้วการแสดงออกของเจิ้งตงหลิวก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
“แม้แต่สัตว์อสูรพันปีจาก” ค่ายกำราบสัตว์อสูร “ก็ไม่สามารถสู้กับ สัตว์โครงกระดูกอสูรกลืนวิญญาณนับประสาอะไรกับ ดาบโครงกระดูดกักวิญญาณ คราวนี้ เฟิงเฟยหยุน เดินเข้าไปอย่างบ่มบ่าม เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน เก้าในสิบส่วน “ ***
“แต่น่ายเสียดายนัก รูปแบบโลหิตกักวิญาณ นี้ยังไม่สมบูรณ์ ด้วยการบ่มเพาะของ ซษนเย่ มันยังไม่มีโอกาสที่จะสร้าง รูปแบบโลหิตกักวิญญาณ นี้ขึ้นมาได้ นี้เป็นเพียงมุมหนึ่งของรูปแบที่แท้จริง แม้ว่า สัตว์โครงกระดูกอูรกลืนวิญญาณ จะถูกปลุกขึ้นมา แต่พลังการต่อสู้ของมันก็มีแค่ 1 ส่วนของรูปแบบที่แท้จริงเท่านั้น มันไม่เพียงพอที่จะทำให้เกิดความหวาดกลัว “
ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดรอดพ้นสายตาของนางได้ นางฉลาดล้ำลึกเปรียบดั่งนักปราชญ์ที่เดินทางท่องไปในโลกมนุษย์
***
เมื่อ เฟิงเฟยหยุน ก้าวเข้าไปใน คฤหาสห์อินทรีโลหิต เฟิงว่านเผิง เฟิงสุ่ยหยู นักวางแผนยุทธ์สาตร์เก่อ กำลังยืนอยู่บนกำแพงปราสาทจ้องไปที่ คฤหาสห์อินทรีโลหิต
เฟิงสุ่ยหยู แอบหัวเราะเยาะอยู่ในใจ “เฟิงเฟยหยุน หึ คฤหาสห์อินทรีโลหิต เจ้าเป็นที่ฝังศพของแก แกคงไม่คิดหรอกว่าข้าได้ส่งข่าวการโจมตีไปให้ ซานเย่ แล้ว ช่วงเวลาที่แกก้าวเข้าสู่ คฤหาสห์อินทรีโลหิต มันคือช่วงเวลาของแกที่กระโดลงไปสู่ขอบเหวแห่งความตาย “ ***
นักยุทธศาสตร์เก่อ โบกพัดขนนกของเขาเบา ๆ และขมวดคิ้วของเขา
“เจ้าหนูเฟิงเฟยหยุน หุนหันพลันแล่นเกินไป เขาจะเข้าไปในคฤหาสห์อินทรีโลหิตผู้เดียวได้ยังไง แม้จะมี พ่อบ้านหลิวคอยปกป้อง แต่เขาจะต้านแก๊งกงเล็บอินทรีนับพันคนได้ยังไง? หมากกระดานนี้จบสิ้นเรียบร้อยแล้ว! “
ใบหน้าของเฟิงว่านเผิง เผยความภูมิฐาน “ข้าทำพลาดไปรึเปล่า? ข้าไม่น่าปล่อยให้เขาจัดการกับแก๊งกรงเล็บอินทรีเลย สุดท้ายเขาก็ยังเด็กเกินไป แถมเขายังไม่ได้ฝึกฝน ไร้ซึ่งทางหลบหนีหากวิ่งเข้าไปในคฤหาสห์อินทรีโลหิต “
หัวใจของ เฟิงว่านเผิง เต็มไปด้วยความเสียใจ หาก ซานเย่ ตัดสินใจสังหาร เฟิงเฟยหยุน แล้ว เขาจะไม่มีโอกาสช่วย เฟิงเฟยหยุน เลย หากว่า เฟิงเฟยหยุน ได้ตายลงที่นั่นจริงๆเขาจะมีหน้าไปพบกับภรรยาของเขาได้ยังไง?
ความคิดถึงมารดาของ เฟยหยุน ทำให้ เฟิงว่านเผิง กำหมัดแน่นสั่นสะท้าน
“เฟยหยุน อย่าทำให้ข้าต้องผิดหวัง!”