ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปใบหน้าของ’ยู่หยาน’แสดงถึงความเจ็บปวดทันทีราวกับว่านางกำลังต่อสู้อยู่อย่างรุนแรง
ด้วยความรู้สึกว่ามีอะไรที่ผิดปกติไป ‘เนี่ยลี่’กุม’ยู่หยาน’เอาไว้ในมือของเขา ร่างกายของนางยังคงเล็กอย่างที่มันเคยเป็น และผิวที่งดงามของนางยังคงล่อตาล่อใจไม่รู้จักจบสิ้น ชุดผ้าไหมอันบางเบาของนาง ราวกับว่าไม่ได้สวมใส่มีอยู่
แต่ถึงกระนั้น ‘เนี่ยลี่’ก็ไม่ได้สนใจในเรื่องดังกล่าว เขากดนิ้วหัวแม่มือของเขาไปที่หน้าอกของนางและส่งแรงจิตวิญญาณของเขาเข้าไปในขอบเขตจิตวิญญาณของนาง
“อึก…”
‘ยู่หยาน’ร้องครางออกมา ขณะที่ร่างกายของนางบิดไปมา
ความรู้สึกแปลกๆส่งผ่านมายังนิ้วหัวแม่มือของ’เนี่ยลี่’ เขาเห็นได้ว่า’ยู่หยาน’กำลังเจ็บปวดอย่างรุนแรง อาจเนื่องมาจากการสู้รบอันรุนแรงที่เกิดขึ้นในขอบเขตจิตวิญญาณของนาง ‘เนี่ยลี่’กดนิ้วหัวแม่มือของเขาแรงขึ้น และส่งเจตจำนงให้พุ่งตรงไปยังขอบเขตจิตวิญญาณของนาง ภายในขอบเขตวิญญาณของนาง วิญญาณที่บุกรุกนั้นกำลังเผชิญหน้าอยู่กับยู่หยาน
“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะตกต่ำถึงเพียงนี้ ถึงต้องจะต้องมาแย่งชิงร่างกายของหญิงสาว”
จิตวิญญาณที่ชื่อว่า ‘กงหยาน’พูดอย่างน่าสังเวช ถ้าหากเถาวัลย์ในขอบเขตวิญญาณของ’เนี่ยลี่’ ไม่ได้สร้างความเสียหายอย่างหนักแก่เขา แน่นอนว่าเขาคงจะไม่สนใจร่างกายของ’ยู่หยาน’เลยแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาได้รับความเสียหายอย่างหนัก เขาไม่มีทางเลือกจึงต้องหาร่างใหม่ทันที ไม่อย่างนั้นจิตวิญญาณของเขาจะแตกสลายไปทันที นี่เป็นเพราะสถานการณ์บังคับของจึงจำต้องเลือก’ยู่หยาน’
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่คิดเลยว่า’ยู่หยาน’จะต่อต้านเขารุนแรงถึงเพียงนี้ทั้งสองสู้กันอย่างดุเดือดภายในขอบเขตวิญญาณของ’ยู่หยาน’
ในตอนนั้น วิญญาณของ’ยู่หยาน’นั้นค่อยๆตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แม้ว่านางจะได้กายาเทพคืนมา แต่จิตวิญญาณของนางยังคงแตกกระจาย ดังนั้นจุดอ่อนของนางก็คือ จิตวิญญาณของนางนี่เอง ขณะที่ทั้งสองวิญญาณต่อสู้กัน จิตวิญญาณของ’ยู่หยาน’ก็ต้องทรมานจากการโจมตีอันรุนแรง
หลังจากที่’เนี่ยลี่’ได้ส่งผ่านพลังวิญญาณของเขา เข้าสู่ขอบเขตวิญญาณของยู่หยาน เขาก็เริ่มโจมตีวิญญาณผู้บุกรุกอย่างรุนแรง
แต่ถึงกระนั้นเขาสามารถช่วยเหลือยู่หยานได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะตอนนี้พวกเขาต่อสู้กันในร่างของนาง ด้วยความช่วยเหลือของ’เนี่ยลี่’ ‘ยู่หยาน’ ก็เริ่มที่จะโจมตีวิญญาณผู้บุกรุกได้“หนอย ไอ้สารเลว คิดจะขวางทางข้าไปถึงไหน! ถ้าหากข้าคืนชีพได้ ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้น ๆ และบดกระดูกเจ้าให้เป็นผุยผงเลย!”
จิตวิญญาณผู้บุกรุกยิ่งเพิ่มความเกลียดชังในตัว’เนี่ยลี่’ ถ้าหาก’เนี่ยลี่’ไม่เข้ามาแทรก เขาคงจะดูดกลืนวิญญาณของ’ยู่หยาน’ไปแล้ว
“คิดจะเอาชนะข้า มันไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิดหรอก!”
จู่ๆจิตวิญญาณของผู้บุกรุกก็เปลี่ยนเป็นเข็มอันเล็กๆ หลบการโจมตีของเนี่ยลี่ แล้วพุ่งเข้าหาวิญญาณของ’ยู่หยาน’ทันที วิญญาณผู้บุกรุก หัวเราะออกมาอย่างป่าเถื่อน
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ในตอนนี้ก็เป็นไปไม่ได้แล้วที่เจ้าจะมาขวางทางของข้าได้อีก”
“แบบนี้ไม่ดีแน่!”
สีหน้าของ’เนี่ยลี่’เปลี่ยนไปในทันที ตอนนี้วิญญาณของศัตรูเข้าไปในวิญญาณของยู่หยานแล้ว ภายในนั้นพวกเขาจะต้องต่อสู้กันเอง
‘เนี่ยลี่’ไม่อาจที่จะให้ความช่วยเหลือได้อีกกลิ่นอายวิญญาณของผู้บุกรุกมีความแข็งแกร่งมากขึ้นทันที ในขณะที่มันค่อยๆดูดกลืนวิญญาณของ’ยู่หยาน’
ในตอนนี้หัวใจของ’เนี่ยลี่’เต้นไม่เป็นจังหวะ เขารับรู้ได้ว่ากลิ่นอายวิญญาณของ’ยู่หยาน’ค่อยๆอ่อนแอลงเรื่อยๆ จนถึงจุดที่ใกล้จะดับมอดลงไปแล้ว
ใจของ’เนี่ยลี่’นั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้า หลังจากที่’ยู่หยาน’ได้ติดสอยห้อยตามเขามาเป็นเวลานาน นางอยู่ในกลุ่มของ’เนี่ยลี่’ และนางกลายเป็นสหายที่ไม่อาจมีใครทดแทนได้ ถ้าหากวิญญาณของนางถูกยึดครอง นางก็จะสลายไปตลอดกาล
‘ยู่หยาน’คิ้วขมวดด้วยความเจ็บปวดที่มาจากส่วนลึกในวิญญาณของนาง ยิ่งเวลาผ่านไป อารมณ์และความรู้สึกที่เป็นมนุษย์ของนางก็ค่อยๆจางหายไปจากตัวของนาง ความทรงจำลึกๆ ยังคงเลือนลางอยู่ในจิตใจของนาง
แต่ตอนนี้ที่นางยืนอยู่หน้าประตูแห่งความตาย ทันใดนั้นความทรงจำมากมายนับไม่ถ้วนก็หลั่งไหลเขามาในหัวของนาง
นางเห็นตอนที่นางยังคงเป็นเด็ก วิ่งเล่นอยู่ในทุ่งหญ้าอยู่กับพ่อแม่ของนางที่อยู่ใกล้ๆ ดูเหมือนว่านางจะมีความสุขมากที่ได้วิ่งเล่นไปรอบๆ
นางเห็นตัวเองตอนที่เป็นสาวสะพรั่ง นางแอบหลงรักเด็กผู้ชายคนหนึ่ง นางไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองใบหน้าของเขาอารมณ์และความรู้สึกของมนุษย์ทุกอย่างกลับคืนมาในจิตใจของนางอีกครั้ง
กงหยานหัวเราะอย่างป่าเถื่อน ขณะที่กำลังดูดกลืนจิตวิญญาณของ’ยู่หยาน’
“อารมณ์ของมนุษย์ช่างไร้ประโยชน์เสียจริง ในตอนที่เจ้ากำลังจะตาย เจ้าจะจดจำไปเพื่อสิ่งใดกัน”
เมื่อวิญญาณของนางกำลังจะมอดดับลง จู่ๆเปลวไฟสีทองก็จุดประกายขึ้นมาในขอบเขตวิญญาณของนาง ในตอนแรกเปลวไฟสีทองมีขนาดแค่เล็กน้อย แต่ทันทีที่ลุกไหม้ มันราวกับว่าเป็นเปลวเพลิงจากขุมนรก
“อ๊าก!”
‘กงหยาน’กรีดร้องอย่างน่าอนาถ เปลวไฟสีทองเหล่านี้เป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถต้านทานได้เลย วิญญาณของเขากำลังค่อยๆถูกเผา
กลิ่นอายวิญญาณของ’ยู่หยาน’จากที่กำลังอ่อนแอจวนเจียนที่จะสลายไป ตอนนี้กลับแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก
‘กงหยาน’ ถูกปกคลุมไปด้วยความหวาดกลัว
“เจ้า…เจ้าคือ…”
เขาหันหลังกลับและพยายามจะหลบหนี แต่เปลวไฟสีทองของยู่หยาน ก็ปกคลุมร่างกายเขาจนทั่วแล้ว เขากรีดร้องด้วยความทรมาน
ก่อนที่จะถูกเผาไหม้อย่างรวดเร็ว จนเหลือเพียงความว่างเปล่าเมื่อ’เนี่ยลี่’สัมผัสได้ถึงพลังงานได้อย่างชัดเจนในขอบเขตวิญญาณของ’ยู่หยาน’ เขาจึงถอนพลังวิญญาณของเขาออกจากร่างกายของนาง
“เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น?”
‘เนี่ยลี่’รู้สึกสับสน และคิดไม่ออกในเรื่องที่เกิดขึ้น
กลิ่นอายของวิญญาณของนางฟื้นคืนกลับมา แล้วนางก็ลืมตาขึ้นมา ในขณะที่หอบอยู่นั้น เสื้อผ้าของนางก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ
แม้ว่าในตอนนี้ ‘ยู่หยาน’จะยังตัวเล็กอยู่ แต่เสื้อผ้าโปร่งแสงของนางยังไม่อาจคลุมได้ทั่วทั้งตัว สามารถมองเห็นร่องลึกผ่านคอเสื้อที่หลวมของนาง และขาของนางที่ขาวบริสุทธิ์ ราวกับว่ามันทำมาจากหยกสีขาวเลยทีเดียว
‘เนี่ยลี่’สบตากับ’ยู่หยาน’ เมื่อเขาเห็นว่า’ยู่หยาน’รู้สึกตัวแล้ว เขาก็ตกตะลึง ด้วยการบ่มเพาะพลังของเขาในตอนนี้ เขาไม่อาจบอกได้ว่าใครคือผู้ที่ครอบครองร่างกายของ’ยู่หยาน’อยู่ในตอนนี้
เพียงเศษเสี้ยวของเวลาที่ผ่านไป ความรู้สึกเขินอายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของ’ยู่หยาน’
“เจ้าปล่อยข้าได้แล้ว”
ในตอนนี้’เนี่ยลี่’ยังคงกดนิ้วหัวแม่มือของเขาไปที่หน้าอกของนาง หน้าอกเต่งตึงของนางถูกกดอยู่ใต้นิ้วหัวแม่มือของ’เนี่ยลี่’ ประหนึ่งว่ามันกำลังดึงดูดหากันและกัน
ด้วยท่าทางของ’ยู่หยาน’นั้น ทำให้’เนี่ยลี่’ยังคงยืนตะลึงอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่จะปล่อยมือของเขาออกมา เขาค่อยๆหายจากการตกตะลึงในตอนนี้’ยู่หยาน’ไม่เหมือนคนเดิมก่อนหน้านี้
แต่ถึงอย่างไร คน คนนี้ก็คือ’ยู่หยาน’ตัวจริงอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าหากเป็นเจ้านั่นคงไม่แสดงท่าทีเช่นนี้ ‘เนี่ยลี่’ยังคงเกาหัวเนื่องจากไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
‘ยู่หยาน’เหาะขึ้นไปบนไหล่ของเนี่ยลี่ แก้มของนางยังคงแดงก่ำเช่นเดิม แล้วนางก็บอกว่า
“เจ้าวิญญาณนั่นถูกเผาจนมอดไหม้แล้วด้วยเพลิงแห่งชีวิตของข้า”
แต่ถึงอย่างไร นางก็มิได้บอกกับ’เนี่ยลี่’ว่า ในใจของนางมีอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
“โอ้…”
‘เนี่ยลี่’รับรู้ได้ว่าวิญญาณของศัตรูได้ถูกเผาไหม้ไปจนหมดแล้ว อย่างไรก็ตามการแสดงออกของ’ยู่หยาน’แตกต่างจากเดิมไปเล็กน้อย แต่เขาคิดว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย เขาโยนคำถามเหล่านั้นทิ้งไป และตัดสินใจว่าจะไม่ใส่ใจมันอีกต่อไป
‘เนี่ยลี่’นั่งขัดสมาธิเพื่อบ่มเพาะพลังของเขาต่อไป
‘ยู่หยาน’ยังคงนั่งอยู่บนไหล่ของ’เนี่ยลี่’ แต่ในความคิดของนางนั้นไม่อาจที่จะสงบได้เป็นเวลานานเลยทีเดียว
ในที่สุดนางก็เงยหน้าขึ้นและมองไปยังแก้มของ’เนี่ยลี่’ นางจ้องมองตาเป็นประกาย จากนั้นนางจึงหันหน้าไปทางอื่นพร้อมกับถอนหายใจ นางมองเห็นมันอยู่ในส่วนลึกของจิตวิญญาณของนาง ความจริงที่ว่านางไม่ได้มาจากโลกนี้ เธอสงสัยว่านางเกิดมาได้อย่างไร และนางมาจากที่แห่งไหนกันแน่?
‘ยู่หยาน’ได้ตัดสินใจแล้วว่าเมื่อพลังของนางกลับมาจนถึงตอนที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว นางจะไปจากโลกนี้ เพื่อไปค้นหาต้นกำเนิดที่แท้จริงของตัวนาง
แต่ถ้าหากนางมีกองหนุนช่วยในเรื่องนี้ มันก็คงจะเป็นเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างกายนางตอนนี้ นางอยากรู้ว่าเขาจะเติบโตไปถึงขั้นไหน
‘เนี่ยลี่’นั่งอย่างสงบเป็นเวลาสามวัน ในขณะที่เขาค่อยๆเข้าถึงภาวะจิตอนัตตา การบ่มเพาะพลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากระดับ 1 ดาว เป็นระดับ 2 ดาว
ชั้นเจ็ดของแดนมรณะเก้าชั้น
จอมมารนั่งสงบอยู่ในมุมแคบๆเพียงลำพัง เขาสามารถเข้าถึงภาวะจิตอนัตตาเมื่อมาถึงชั้นเจ็ดของแดนมรณะเก้าชั้น พลังงานลึกลับบางอย่างได้ไหลซึมเข้าสู่ร่างกายของเขา และเกิดอะไรบางอย่างขึ้นในขอบเขตวิญญาณของเขา
สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นคือ ชะตาวิญญาณ มีเพียงผู้ที่ควบคุมชะตาวิญญาณเท่านั้น จึงนับเป็นก้าวแรกของผู้ที่สามารถบรรลุถึงขั้นชะตาสวรรค์
เขาสามารถข้าวข้ามผ่านประตูของระดับชะตาสวรรค์แล้ว เขาอ้าปากและดูดกลืนเปลวไฟทมิฬเข้าไปราวกับแม่น้ำที่ไม่มีที่สิ้นสุด มองดูเขาตอนนี้ราวกับกบ หน้าท้องของเขาบวมออก ความเร็วที่เขาดูดกลืนเปลวไฟทมิฬบนชั้นที่เจ็ดนี้ นั้นรวดเร็วยิ่งกว่า’จินตาน’เสียอีกเมื่อเข้าสู่ภาวะจิตอนัตตา เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เวลาหลายวันผ่านไปราวพริบตา
วันที่สิบ
หลังจากที่การทดสอบสิ้นสุดลง เหล่าผู้เยี่ยมยุทธจากเผ่าพันธ์ต่างๆ ในป้อมปราการอัน ธสูรได้กลายเป็นแสงพุ่งหายไป
ณ สวนที่งดงามบนชั้นที่เก้าของแดนมรณะเก้าชั้น
‘เนี่ยลี่’และกลุ่มของเขา พร้อมทั้งคนอื่นๆ จู่ๆก็ค่อยๆปรากฏขึ้นมาในอากาศและบนดินของสวนแห่งนี้
“นี่มันที่ไหนกัน?”
‘เนี่ยลี่’กวาดสายตาของเขาไปรอบ ๆ ตัวของเขาและพบว่า’เอียจื้ออวิ้น’ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ ‘ต้วนเจี้ยน’ และคนที่เหลือทั้งหมดมาอยู่กันที่นี่ เท่าที่เขามองเห็นสวนทั้งหมด สวนนี้ได้รับการออกแบบอย่างงดงาม ดอกไม้บานในทุกซอกทุกมุม ภาพทั้งหมดช่างงดงามยิ่งนัก และในสายตาของพวกเขาทั้งหมด ยังคงสงสัยว่าพวกเขายังคงอยู่ในแดนมรณะเก้าชั้นหรือเปล่า
“น้องชายเนี่ยลี่ แล้วก็น้องสาวหนิงเอ๋อ เราพบกันอีกครั้งแล้วนะ!”
‘เซี่ยวหยู่’ ยิ้มเล็กน้อยขณะที่ให้การต้อนรับพวกเขา
“เซี่ยวหยู่ ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”
‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ตกตะลึง
‘เนี่ยลี่’กวาดสายตาผ่านไปทาง’เซี่ยวหยู่’ และเห็นคนทั้งเจ็ดที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา ผู้เยี่ยมยุทธทั้งเจ็ดคนปล่อยกลิ่นอายอันแข็งแกร่งออกมา ใจของ’เนี่ยลี่’เต้นอย่างรุนแรง การบ่มเพาะพลังของผู้เยี่ยมยุทธเหล่านี้ อย่างน้อยที่สุดก็อยู่ในระดับชะตาสวรรค์ เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า จะมีผู้เยี่ยมยุทธที่แข็งแกร่งขนาดนี้อยู่ในนครใต้พิภพ
เมื่อได้เห็นอยู่ร่วมกับคนเหล่านี้ หัวใจ’เนี่ยลี่’ถึงกับสั่นสะท้าน ท่ามกลางเหล่าผู้เยี่ยมยุทธนี้ หนึ่งในนั้นจะต้องเป็น เจ้าแห่งนครใต้พิภพ เป็นแน่
‘ชางหมิง’ ‘มู่เย่’ ‘ฮวาฮัว’ และคนอื่นๆก็ถูกเคลื่อนย้ายออกไป พวกเขาจ้องมองด้วยความประหลาดใจ จอมมารมองดูอย่างสงบ
เขากวาดสายตาไปยังผู้เยี่ยมยุทธเหล่านั้น ถ้าสังเกตุให้ดีจะมองเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของเขา เขาเฝ้าคอยเวลานี้มาอย่างยาวนาน ในที่สุดเขาก็สามารถไปยังอาณาจักรซากมังกรได้แล้วผู้เยี่ยมยุทธคนหนึ่งในชุดคลุมสีดำ จากทั้งเจ็ดคน มองมายัง’เนี่ยลี่’และคนอื่นๆ
“ยินดีที่ได้พบกับพวกเจ้าทุกคน ข้าคือเจ้าแห่งนครใต้พิภพ พวกเค้าคงเคยได้ยินมาบ้างแล้ว ดังนั้นพวกเจ้าอย่าได้หวาดระแวงในเรื่องใดเลย…. ”
แปลโดย นายมะพร้าว
ที่มา: