ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘เนี้ยหลี่’นำกระจกจิตวิญญาณออกมาและทำการค้นหาจิตวิญญาณของ’เอียเซิ่ง’ เส้นแสงของจิตวิญญาณได้ลอยเข้าไปในกระจกวิญญาณ แต่ทว่ามันก็เหลือแค่เพียงร่องรอยของกลิ่นอายจิตวิญญาณ ด้วยส่วนนี้เพียวอย่างเดียวมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะฟื้นชีวิตให้’เอียเซิ่ง’
ความเจ็บปวดปาดลึกลงในหัวใจเป็นอย่างมาก
“ความแค้นนี้จะต้องถูกชำระ จอมมาร! หากข้าไม่ได้ฉีกร่างเจ้าให้เป็นชิ้นๆ ข้าไม่ขออยู่เป็นคนอีกต่อไป”
‘เนี้ยหลี่’กำกระจกจิตวิญญาณในมือแน่นจนเส้นเลือดผุดขึ้นตามแขนของเขา เมื่อคิดว่าหลังจากวันนี้’เอียจืออวิ้น’ได้เสียบิดาของนางไป ‘เนี้ยหลี่’ก็เต็มไปด้วยสิ้นหวังและรู้สึกผิดต่อนาง แม่ว่าเขาจะได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งแต่เขาก็ยังพลาดที่จะปกป้องบิดาของนาง
เศษผงได้ถูกลมพัดเข้ามา
การต่อสู้ที่รุนแรงได้ทำลายคฤหาสต์เจ้าเมืองไปครึ่งหนึ่ง ค่ายกลหมื่นอสูรได้ถูกทำลายทั้งหมด สำหรับการต่อสู้ในระดับนี้ค่ายกลหมื่นอสูรถือว่าไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
‘เอียจืออวิ้น’ได้คิดถึงสิ่งที่บิดาของเธอได้เหลือไว้และร้องไห้ออกมา เมื่อนางนึกถึงเวลาที่นางกับพ่อได้อยู่ด้วยกัน นางรู้สึกว่าความปวดร้าวได้ตัดผ่านเข้าไปในจิตวิญญาณของตัวเธอ
‘เอียมัว’เองก็ดูราวกับว่าตัวเขาได้ชราลงไปหลายปี บุตรชายของเขาได้เสียชีวิตต่อหน้าของเขาและเขาก็ทำอะไรไม่ได้ ด้วยฝีมือของจอมมาร จิตใจของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
แต่ทว่าความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ยังไม่เพียงพอที่จะสังหารจอมมารได้ ถึงแม้’เนี้ยหลี่’จะทำลายหัวและแขนขาของจอมมารไปแล้วแต่มันก็ยังคงรอดไปได้
เมื่อเห็น’เอียจืออวิ้น’ที่หัวใจสลาย ‘เนี้ยหลี่’ได้แต่กอดนางไว้แน่นและพูดกับนางด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด
“จื้ออวิ้นข้าขอโทษ”
ก่อนหน้านี้เมื่อเขาได้ใช้เคล็ดวิชาลับของพลังเทพวิถีฟ้า ทำให้จิตวิญญาณของเขาเกือบจะระเบิด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถหยุดยั้งไม่ให้จอมมารหลบหนีออกไปได้ ความแข็งแกร่งในตอนนี้เขาสามารถที่จะต่อกรกับจอมมารได้
แต่ทว่าเขายังคงไม่สามารถที่จะปกป้องคนอื่นๆ และในเวลาเดียวกันเขาก็ไม่สามารถหยุดไม่ให้จอมมารสังหารพวกเขาได้เช่นกัน
ในขณะที่เขาคิดว่า’เอียเซิ่ง’ได้เสียชีวิตไปแล้ว ‘เนี้ยหลี่’ได้แต่กำหมัดของเขาพูดว่า
“ท่านพ่อตาได้ใช้เคล็ดวิชาลับประจำตระกูลวายุเหมันต์ ถึงแม้ว่าตอนนี้จิตวิญญาณของท่านพ่อตาจะสูญสลายไป แต่หากมีวิธีการใด เพื่อฟื้นชีวิตได้ข้าจะหามัน! ข้าจะไม่ยอมแพ้! แต่เหนือจากนั้น…”
เมื่อมองไปท่ามกลางอากาศอันหนาวเย็น
“ข้าขอสาบานว่าเมื่อข้าไปถึงดินแดนใต้พิภพ ข้าจะจับพวกมันและสังหารจอมมารซะ! ข้าจะไม่ยอมให้พวกมันกลับมามีชีวิตอีกครั้งอีกต่อไป!”
“ฟื้น? มีจริงๆหรือเนี้ยหลี่ วิธีที่จะคืนชีพให้กับพ่อของข้า”
ประกายแห่งความหวังปรากฏขึ้นในแววตาของ’เอียจืออวิ้น’
ถึงแม้ว่าตอนนี้’เนี้ยหลี่’ยังไม่มีหนทาง แต่เมื่อเขามองไปยังดวงตาของ’เอียจืออวิ้น’ที่เต็มไปด้วยความหวัง เขาก็ทนไม่ได้ที่จะทำร้ายนางอีกครั้ง เขาพยักหน้าลง
“ตราบใดที่พวกเรามุ้งหน้าไปยังดินแดนมังกรโบราณและได้รับการฝึกฝนได้ถึงระดับหนึ่ง เราจะสามารถหาวิธีการคืนชีพให้กับเอียเซิ่งเป็นอย่างแรก!”
เขาคิดว่าหนังสือจิตอสูรห้วงเวลามันเป็นหนังสือที่สามารถทำให้เขากลับมาเกิดใหม่ ดังนั้นมันก็น่าที่จะคืนชีพให้กับ’เอียเซิ่ง’ได้เช่นกัน? อย่างไรก็ตามในชั่วขณะหนึ่ง’เนี้ยหลี่’ก็ยังคงคิดถึงหนังสือจิตอสูรห้วงเวลาที่หายสาบสูญไป
‘เอียจื้ออวิ้น’ปาดเช็ดน้ำตาของนางออก แม้ว่าในจิตใจของนางยังคงเต็มไปด้วยความเจ็บปวดแต่นางยังคงกล่าวออกมาด้วยเสียงอันมั่นคงว่า
“เนี้ยหลี่ข้าจะมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรซากมังกรหากมันจะเป็นหนทางที่ดีที่จะคืนชีพให้พ่อของข้า!”
ทั้งทั้งคฤหาสต์เจ้าเมืองตกอยู่ในความเงียบงัน สีหน้าของทุกคนสะท้อนให้เห็นถึงความเศร้าโศกและเจ็บปวด ‘เอียเซิ่ง’นั้นเป็นคนที่สมควรได้รับความเคารพอย่างแท้จริง ทุกคนล้วนแล้วแต่มีความเคารพนับถึงต่อ’เอียเซิง’!
การเสียชีวิตของ’เอียเซิ่ง’ทำให้ทั่วทั้งเมืองตกอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ
‘เอียเซิ่ง’ใช้ทั้งชีวิตเพื่อคุณประโยชน์แก่เมืองกลอลี่จวบจนวาระสุดท้าย ทุกเย็นประชาชนจะเห็นร่างของเขายืนอยู่บนกำแพงเมืองมองออกไปยังภายนอกเพื่อปกป้องพวกเขา ทำให้พวกเขาความรู้สึกถึงความเข็มแข็งและความปลอดภัย แต่เทพแห่งสงครามของพวกเขาได้จากไปแล้ว ทุกคนเต็มไปด้วยความเกลียดชัดเพราะจอมมาร
ผลจากการต่อสู้ได้เคี่ยวกรำเมืองกลอรี่อย่างไม่หยุดหย่อน
ณ กลางดึกที่มืดมิด และมีสายฝนพร่ำลงจากฝากฟ้า น้ำก่อตัวเป็นเม็ด สร้างความหนาวเย็นเสียดแทงเข้าไปถึงกระดูกในขณะที่มันตกลงบนใบหน้าของพวกเขาทั้งหลาย
‘เนี้ยหลี่’แหงนหน้ามองไปยังท้องฟ้าทำให้เม็ดฝนตกกระทบลงบนใบหน้าของเขา เมื่อกลับมาเกิดใหม่มีหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปจากที่เขาได้คาดการณ์ไว้ แต่ก็ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากที่เขาคิด รวมถึงการหายไปของหนังสือจิตอสูรห้วงเวลา
การเสียชีวิตของ’เอียเซิ่ง’ ถึงแม้ว่าเขาจะมีกระจกวิญญาณ แต่’เอียเซิ่ง’ที่ได้ใช้เคล็ดวิชาลับก่อนจะตายนั้นทำให้จิตวิญญาณของเขาได้ถูกทำลายไปและเหลือเพียงร่องรอยกลิ่นอายจิตวิญญาณของเขาเท่านั้น
ข้าได้คิดว่าข้าสามารถควบคุมโชคชะตาได้ แต่กลับกลายเป็นข้าเองที่ถูกผูกมัดด้วยโชคชะตาของตัวเอง เมื่อคิดไปถึงเรื่องของ’เอียเซิ่ง’อีกครั้ง ‘เนี้ยหลี่’รู้สึกเจ็บลึกลงในหัวใจของตนเอง
ภายในห้องทำงานของ’เอียเซิ่ง’ คฤหาสต์เจ้าเมือง
‘เอียมัว’ได้นั่งอยู่อย่างเงียบงัน ที่โต๊ะทำงานและมองไปยังกองเอกสารที่’เอียเซิ่ง’ได้อ่านเมื่อก่อนนี้ ห้องนี้ยังคงมีกลิ่นอายของ’เอียเซิ่ง’อยู่ ดวงตาของเขาพร่าเลือนจากหยดน้ำตาที่ซึมออกมา ในฐานะที่เป็นผู้ปกครองเมืองกลอรี่ ถึงแม้ในช่วงที่ภรรยาของเขาเสียชีวิตเขายังไม่เสียน้ำตา แต่ทว่าเมื่อเขาได้เห็นบุตรชายของตนเองตายก่อนเขา ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาซึ้งเขาไม่อาจหยุดได้
เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาและ’เอียมัว’รีบปาดน้ำตาออกในทันที
‘เอียจืออวิ้น’ปรากฏตัวที่ทางเข้าของห้องพักและมองไปยัง’เอียมัว’ นางหยุดเล็กน้อยแล้วเข้ามาภายในห้องขณะที่ก้มหน้า
บิดาของนางได้อยู่ในห้องนี้เป็นระยะเวลายาวนาน นางยังมีความรู้สึกเหมือนพึงเกิดขึ้นและคิดถึงความอบอุ่นของพ่อนางอยู่เลยทั้งสองไม่ได้พูดอะไรเป็นระยะเวลาหนึ่ง
“อวิ้นเอ๋อ บิดาเจ้าไม่อยู่แล้ว ขณะเดียวกันปู่เองก็ชราลงทุกวัน นับจากนี้เจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ”
‘เอียมัว’ถอนหายใจในขณะเดียวกันใบหน้าของเขาปรากฏร่องรอยของความเศร้าโศก
หลังจากได้ที่ท่านปู่ของนางพูด น้ำตาของ’เอียจื้ออวิ้น’ก็ได้ไหลออกมาอย่างมากมาย
“ท่านปู่… ท่านพ่อเขา…”
‘เอียจืออวิ้น’พูดได้แค่นั้น นางก็สะอึกสะอื้นออกมา
“พ่อของเจ้าได้เสียสละเพื่อเมืองกลอรี่ มันได้ไม่ได้สร้างความอับอายแก่บรรพชนเรา ปู่ภูมิใจเปนอย่างยิ่ง”
‘เอียมัว’กล่าวขึ้นอย่างเคร่งขรึม มือเหี่ยวย่นลูบลงบนโต๊ะทำงานอย่าช้าๆ ของทุกอย่างภายในห้องนี้เป็นของใช้ของลูกชายตนเอง จากนี้ต่อไปเขาคงจะได้เห็นลูกชายของตนเองได้แต่เพียงในความทรงจำเท่านั้น เขาหันมองไปยัง’เอียจืออวิ้น’อย่างช้าๆ
“อวิ้นเอ๋อ พวกเจ้าจะออกเดินทางจากเมือกลอรี่เร็วๆนี้ใช้หรือไม่?”
‘เอียจืออวิ้น’ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า
“คะ ท่านปู่! ข้าจะเดินทางไปยังอาณาจักรซากมังกร ข้าจะสังหารจอมมารเพื่อแก้แค้นให้กับท่านพ่อ! แน่นอนว่าข้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นและจะค้นหาวิธีคืนชีพให้กับท่านพ่อด้วย!”
‘เอียมัว’ทอดถอนลมหายใจออกมา
“ตลอดชีวิตข้า ข้าได้หมดเวลาไปกับการบริหารกิจการตระกูล และให้เวลาเพียงเล็กน้อยแก่เด็กๆอย่างพวกเจ้า ถึงตอนนี้เอียเซิ่งจะไม่อยู่แล้ว ข้าจะเป็นคนดูแลเมืองกลอรี่ต่อจากนี้เอง กว่าตอนนั้นมาถึงปู่ของเจ้าจะไม่ออกจากเมืองกลอรี่อย่างแน่นอน”
“คะ”
ดวงตาของ’เอียจืออวิ้น’เลือนลางไปด้วยนำ้ตา หลังจากที่นางมองไปยังใบหน้าของปู่ของนาง
สมัยก่อนภาพของท่านปู่นางดูมั่นคงแข็งแกร่ง แต่ทว่าตอนนี้นางรู้สึกว่าปู่ของนางได้ชราลงมากขึ้นในปีนี้…
การเดินทางไปยังอาณาจักรซากมังกร นี้อย่างน้อยก็ใช้เวลาถึงห้าปี แต่นางก็ไม่มีทางเลือก โดยเฉพาะการมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรซากมังกร นางอาจจะพบหนทางการคืนชีพของบิดา และสามารถแก้แค้นให้กับเขาได้ ส่วนจอมมารที่หลบหนีไปนางไม่ทราบว่ามันอยู่ที่ไหนแต่ก็จะตามหาให้ได้
ฝนยังคงเทลงมา
‘เนี้ยหลี่’ยังคงยืนอยู่ภายใต้สายฝนที่เย็นเฉียบ ในเวลาเพียงเล็กน้อยนี้เขาจะมุ่งหน้าสู่อาณาจักรซากมังกร เขาคิดว่าต้องมีเส้นทางที่รอให้เขากล้าวเข้าไป อย่างไรก็ตาม’เนี้ยหลี่’ยังคงมั่นใจว่า เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เขาจะไม่ยอมให้สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขาเกิดขึ้นอีก
เขาจะไม่ยอมให้ครอบครัวของตนเองเพื่อนและคนรักของตัวเองต้องจากไปอีก ถึงแม้จะไม่มีหนังสือจิตอสูรท่องเวลาแต่ข้าจะกำหนดชะตาชีวิตของข้าด้วยตัวเอง!
‘เซี่ยวหนิ่งเอ๋อ’เดินถือร่มเข้ามาที่ด้านข้าง’เนี้ยหลี่’เพื่อบังฝนให้เขา
นางยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ และมองไปยังด้านหน้าที่ว่างเปล่า ก่อนที่จะกล่าวขึ้นด้วยเสียงเศร้าหมองว่า
“ก่อนหน้านี้ข้าอิจฉาเอียจืออวิ้นเพราะว่าบิดาของนางเป็นเจ้าเมือง ตราบใดที่นางต้องการสิ่งใดก็ตาม บิดาของนางสามารถที่จะหามันมาให้กับนางได้ และไม่มีใครสามารถบังคับให้นางทำอะไรก็ตาม และข้ารู้สึกว่านางมีความสุขมากที่ไม่สามารถเข้าใจถึงความเจ็บปวดของข้า…”
“จวบจนถึงตอนนี้ข้าได้เข้าใจแล้วว่าตระกูลวายุเหมันต์ได้ทุ่มเทให้กับเมือกลอรี่มากแค่ไหน”
‘หนิงเอ๋อ’ถอนหายใจยาว เต็มไปด้วยความสงสาร’เอียจืออวิ้น’
“แม่ของนางเสียไปก่อนหน้านั้นและถึงแม้ว่าบิดาของนางยังอยู่ที่นั้น แต่นางก็ยังคงโดดเดี๋ยวอยู่เสมอมา อย่างไรก็ตามนางยังคงพยายามอย่างมากและฝึกฝนอย่างหนักเพื่อที่นางจะสามารถแบ่งเบาภาระของบิดานาง”
‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เมื่อเทียบกับข้าที่เป็นเพียงเด็กที่คิดจะแข็งข้อกับเอียจืออวิ้น แต่ข้าก็ไม่อาจชนะนางได้ นางเป็นคนที่ข้ายอมรับจากใจจริง”
‘เนี้ยหลี่’จ้องมองไปยัง’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’และเข้าใจความตั้งใจของนาง ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’เองก็เป็นเช่นเดียวกับ’เอียจืออวิ้น’ ทั้งสองถูกกดดันอย่างหนักจากรอบด้าน
หลังจากที่พวกเขาเข้าไปยังอาณาจักรซากมังกร ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’กับ’เอียจืออวิ้น’จะช่วยเหลือกันและกัน ‘เนี้ยหลี่’จึงรู้สึกสบายใจมากขึ้น
ค่ำคืนที่ดึกขึ้น
เมืองได้จมลงไปท่ามกลางคืนที่มืดมิด มีเเพียงแสงไปริบหลี่ยามค่ำคืนราวกับดวงดาวกลางท้องฟ้าที่มืดมิดกระพริบแสงอ่อนบาง
สำหรับเมืองกลอรี่ ความสงบเงียบเช่นนั้นเป็นเหตุการณ์ที่ยากจะเกิดขึ้น ใครเล่าจะรู้ได้ว่าเมื่อไหร่จะมีเมฆหมอกทมิฬแห่งไฟสงครามจะปกคลุมอยู่เหนือพวกเขา?
แต่มีสิ่งหนึ่งที่พวกเขารู้ พวกเขาทุกคนที่นี้เต็มใจพร้อมที่จะสละชีวิตของพวกเขาเพื่อปกป้องเมืองกลอรี่ที่เป็นบ้านหลังสุดท้ายของพวกเขา…
จบตอน
แปลโดย แร็คคูณแมน
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: