I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 261 ร่ำลา

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 2537 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

หลายเดือนผ่านไป หลังจาก’เนี่ยหลี่’และคนอื่นๆได้กล่าวอำลากับครอบครัวของพวกเขา พวกเขาก็มุ่งเข้าสู่ดินแดนของโลกนรกานต์

การตายของ’เอี้ยเซิ่ง’ยังคงทิ้งความเจ็บปวดรวดร้าวอยู่ในใจของทุกคน

แม้ว่าพวกเขาจะผ่านวิกฤตมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ความตายเป็นสิ่งที่ต้องเผชิญหน้ากันทุกคน มนุษย์นั้นไม่ได้เป็นดั่งต้นไม้ที่เติบโตขึ้นมาโดยที่ไม่ต้องพบเจอกับความรู้สึกต่างๆ

ในใจของ’เนี่ยหลี่’พลันนึกขึ้นมาได้ว่า ในโลกเล็กๆเช่นนี้ พลังแห่งสัจธรรมที่ลึกลับมากที่สุดก็คือสัจธรรมแห่งห้วงมิติและเวลา และบุคคลที่ลึกลับด้วยไม่ต่างกันก็คือ เทพวิญญาณแห่งห้วงมิติและเวลา มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนแปลงห้วงเวลาและแก้ไขชะตาชีวิตของคนได้ อาจจะมีทางช่วยเอี้ยเซิ่งได้หากได้พบกับเทพวิญญาณแห่งห้วงมิติและเวลาก็เป็นได้!

ชาติที่แล้วของเขา ‘เนี่ยหลี่’เพียงได้ยินข่าวแว่วๆเกี่ยวกับเทพวิญญาณแห่งห้วงมิติและเวลาเท่านั้น ซึ่งการคงอยู่ของเทพองค์นี้นั้นลึกลับซับซ้อนอย่างมาก ถึงอย่างนั้น’เนี่ยหลี่’ก็ได้ยินมาว่าเทพองค์นี้นั้นไม่ได้มีพลังในการต่อสู้ที่มากมายแต่อย่างใด ถึงกระนั้นเทพองค์นั้นก็สร้างผลกระทบอันใหญ่หลวงที่ทำให้กระแสของมิติเวลานั้นปั่นปวนได้

ณ สวนบนชั้นที่เก้าของ ดินแดนมรณะเก้าชั้น

‘เนี่ยหลี่’และคนอื่นๆได้มารวมตัวกัน รวมทั้ง ยอดฝีมือที่น่าเกรงขามทั้งเจ็ดท่านเหมือนกับเจ้าแห่งโลกนรกานต์

‘เนี่ยหลี่’กวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อหาร่องรอยของจอมมาร ถ้าจอมมารมาปรากฎตัวอีกครั้ง เนี่ยหลี่จะเข้าไปฆ่าเขาโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย!

ถึงอย่างนั้น จอมมารก็ไม่ได้ปรากฎตัวออกมาเลย!

เจ้าแห่งดินแดนนรกานต์มองดู’เนี่ยหลี่’และเข้าใจได้ทันทีจากท่าทางของ’เนี่ยหลี่’ที่บ่งบอกถึงสิ่งที่ต้องการจะทำ เขาจึงเข้าเตือน’เนี่ยหลี่’

“เนี่ยหลี่ ข้าขอบอกเจ้าเอาไว้ว่าหากเจ้าต้องการจะสังหารใครสักคนแล้วหล่ะก็ ที่ข้าเตือนเจ้าเพราะเจ้านั้นเป็นศิษย์ของข้า มันคงไม่ดีเป็นแน่ หากเจ้าตั้งใจที่จะสังหารคนคนนั้น ผู้ที่เป็นอาจารย์ของเขานั้นก็จะฆ่าเจ้าด้วยอย่างแน่นอน! แต่ถ้าหากว่ามีคนที่ต้องการชีวิตของเจ้า ข้าก็จะทำแบบนั้นด้วยเช่นเดียวกัน”

เมื่อได้ยินคำพูดของเจ้าแห่งดินแดนนรกานต์ ‘เนี่ยหลี่’กัดฟันของเขาแน่นด้วยความแค้นแล้วพูดออกมาว่า

“ท่านอาจารย์ ข้าขอถามท่านสักคำ หากว่าอีกฝ่ายนั้นได้สังหารคนในครอบครัวของท่าน เราก็ทำอะไรไม่ได้อย่างงั้นรึขอรับ ท่านอาจารย์?”

เจ้าแห่งดินแดนนรกานต์จ้องมองไปที่’เนี่ยหลี่’และคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่ง

“มันยังไม่ถึงเวลา หากความแค้นของเจ้านั้นไม่อาจที่จะปล่อยวางมันลงได้แล้วหล่ะก็ ข้าก็จะแนะนำว่าเจ้าไม่ควรที่จะลงมือสิ่งใดเลยทั้งสิ้นและรอจนกว่าที่เจ้าจะได้ไปยังอาณาจักรซากมังกรยิ่งไปกว่านั้น เจ้าจะต้องฝึกฝนเพื่อเพิ่มระดับพลังของเจ้าสูงมากพอที่จะไปล้างแค้น นั่นเป็นทางเดียวที่อาจารย์อย่างพวกเราจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือห้ามเจ้าได้เลย!”

ด้วยคำแนะนำของเจ้าแห่งดินแดนนรกานต์ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับความแค้นส่วนตัวของคนอื่น
เว้นแต่ว่าพลังของเขานั้นมีระดับที่เหนือกว่าอาจารย์ของจอมมาร เป็นวิธีที่แม้แต่อาจารย์ของจอมมารก็ไม่อาจจะหยุด’เนี่ยหลี่’เอาไว้ได้ ‘เนี่ยหลี่’ต้องระงับความแค้นของเขาที่มีต่อจอมมารเอาไว้ จากนั้นเขาก็พยักหน้า

“ศิษย์จะทำตามคำชี้แนะของท่านอาจารย์”

เมื่อได้ยินคำพูดของ’เนี่ยหลี่’ เจ้าแห่งดินแดนนรกานต์ก้มตอบรับด้วยความยินดี

“อย่าให้เสียการใหญ่ หากเจ้านั้นสามารถเก็บความแค้นนี้เอาไว้ได้ เจ้าจะต้องประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในภายภาคหน้าอย่างแน่นอน”

เมื่อได้เห็นความแค้นใจของ’เนี่ยหลี่’ ‘เซี่ยวหยู่’ก็เดินเข้ามาและพูดปลอบใจเขา

“สิบปี..แก้แค้นก็ยังไม่สาย”

เมื่อได้ยินคำพูดของ’เซี่ยวหยู่’ ‘เนี่ยหลี่’ก็พยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรออกมา

การตายของ’เอี้ยเซิ่ง’นั้นมันยากที่เขาจะอดกลั้นมันเอาไว้ได้เลย เขาเดินเข้าไปหา’ต้วนเจี้ยน’และกระซิบข้างหูเขาว่า

“ต้วนเจี้ยน เจ้าและจอมมารอยู่กับอาจย์คนเดียวกัน ระตัวเอาไว้ด้วย จอมมารอาจจะโจมตีเจ้าก็ได้”

‘ต้วนเจี้ยน’พยักหน้าพร้อมด้วยสายตาที่เป็นประกายออกมา

“นายท่าน วางใจได้ ข้าจะไม่ให้เขาได้ทำอย่างแน่นอน ถ้ามีโอกาส ข้าจะฆ่ามันด้วยตัวข้าเอง!”

“ด้วยกำลังของเจ้านั้น ข้าเกรงว่าเจ้าไม่อาจจะต่อกรกับเขาได้เลยแม้แต่น้อย เจ้าจะต้องคอยระมัดระวังตัวเองให้ดีหล่ะ”

‘เนี่ยหลี่’เตือนเขาเอาไว้ เพราะ’ต้วนเจี้ยน’นั้นเป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย อีกทั้งด้วยร่างกายของเขาที่แข็งแกร่ง เขาน่าจะไม่เป็นอะไร

“ขอรับ นายท่าน”

‘ต้วนเจี้ยน’พยักหน้าตอบรับ

เมื่อเขาหันไปหา’เอี้ยจื่ออวิ้น’ ‘เนี่ยหลี่’ก็รู้สึกได้ถึงความเศร้าที่อยู่ในใจของนาง หลังจากก้าวเข้าสู่อาณาจักรซากมังกรเขาจะไม่สามารถที่จะดูแลและปกป้องนางได้อีกต่อไป แต่ถึงอย่างนั้น ‘เนี่ยหลี่’ก็รู้อยู่แล้ว่า ‘เอี้ยจื่ออวิ้น’จะต้องไม่เป็นอะไร เพราะนางนั้นเป็นคนที่เข้มแข็งมากพอที่จะก้าวผ่านความเศร้าโศกมาได้ด้วยตัวของนางเอง

ยิ่งไปกว่านั้น ‘เนี่ยหลี่’ได้บอกกับ’เอี้ยจื่ออวิ้น’ว่าการชุบชีวิต’เอี้ยเซิ่ง’ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่านางจะต้องพยายามอย่างหนักเพื่อพ่อของนางอย่างแน่นอน

เมื่อเขาได้นึกถึงเรื่องในชาติที่แล้วของเขา แม้ว่าปู่และพ่อของนางจะตายจากไปแล้ว ‘เอี้ยจื่ออวิ้น’ยังคงเข้มแข็งและขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูลของนางไปยังหุบเขาแห่งบรรพกาลและไม่เคยย่อถ้อที่จะนำเอาความหวังมาสู่คนของนาง ด้วยสายตาของนางที่แน่วแน่ไม่หวั่นต่อสิ่งใดแม้แต่’เนี่ยหลี่’ก็ยังยกย่องนาง

และทำไม’เนี่ยหลี่’ถึงได้สามารถฟันฝ่าอุปสรรคอยู่ในทะเลทรายได้เพียงลำพังนั้นเป็นผลจากที่ได้ใกล้ชิดกับ’เอี้ยจื่ออวิ้น’นั่นเองและเป็นนางเองที่สอน’เนี่ยหลี่’ไม่ละทิ้งความพยายามหรือยอมแพ้

‘เนี่ยหลี่’มองไปยัง’เอี้ยจื่ออวิ้น’และพูดว่า

“จื่ออวิ้น หลังจากที่เจ้าไปถึงอาณาจักรซากมังกรแล้ว เจ้าจะต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ!”

“อือ”

‘เอี้ยจื่ออวิ้น’พยักหน้าของนางตอบ

‘เนี่ยหลี่’กอดนางเบาๆ หลังจากที่อยู่ได้กันได้ไม่นาน พวกเขาก็แยกจากกันเสียแล้ว ถึงอย่างนั้นเพื่ออนาคตของตนเองและของคนอื่นๆ พวกเขาต่างก็ตัดสินใจว่าจะพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้สิ่งนั้นมา

เมื่อได้รู้สึกถึงความอบอุ่นจากการกอดของ’เนี่ยหลี่’ ‘เอี้ยจื่ออวิ้น’ก็กอด’เนี่ยหลี่’แน่น! ใจของนางก็ล่องลอยไปกับความทรงจำของนาง ถ้าไม่ใช่เพราะ’เนี่ยหลี่’ นางอาจจะตายไปแล้ว เพราะ’เนี่ยหลี่’ นางจึงมีที่พึ่งพิงและยังทำให้นางไม่รู้สึกโดดเดี่ยว และเป็นเพราะ’เนี่ยหลี่’ที่เป็นคนให้ความหวังกับนางเสมอมา

นางค่อยรู้สึกแล้วว่า ‘เนี่ยหลี่’ นั้นได้กลายมาเป็นคนที่ไม่มีใครมาทดแทนในชีวิตของนาง ในตอนนี้นางก็เป็นคู่หมั้นของเขา จนทำให้นางคิดแล้วว่า นางตั้งใจที่จะรอเวลาให้นางจะโตกว่านี้อีกสักหน่อย หลังจากนั้นนางก็จะสวมชุดเจ้าสาวและอยู่เคียงข้างเขาตลอดไป

ยิ่งใกล้ถึงเวลาที่จะต้องร่ำลา นางก็ยิ่งรู้สึกไม่ต้องการที่จะจากกันไปมากขึ้นไปอีก

เมื่อถึงเวลา กระแสน้ำวนขนาดใหญ่ก็ปรากฎขึ้นมาท้องฟ้าเหนือดินแดนมรณะเก้าชั้น ไม่มีใครรู้เลยว่ากระแสน้ำวนที่มืดมิดและลึกนี้จะนำพาพวกเขาไปที่แห่งใดกันแน่ กระแสน้ำวน ถ้าตามประสาหนัง – ก็คือประตูมิติ

หรือเรียกกันว่า รูหนอนนั่นและครับ ถ้าใครดูเรื่องสตาร์เท็คที่เดินผ่านประตูที่ต้องเรียงกลุ่มดาวน่าจะจำกันได้…แอบดักแก่นิดนึง

ในขณะนั้นเอง ‘เจ้าแห่งดินแดนนรกานต์’ ‘หลิงหยุน’ ‘เทียนฮุน’ และผู้เยี่ยมยุทธคนอื่นๆก็ได้หันหน้าไปยังกระแสน้ำวนนั้น นัยน์ตาของพวกเขาก็เปล่งแสงเจิดจ้าดังเทพบนสวรรค์จนพวกเขาสามารถมองเห็นเส้นทางในนั้น

จริงๆมันแปลว่า ช่องว่างก็ได้นะครับ แต่ขอเปลี่ยน เพราะมันเป็นเส้นทางไปที่ต่างๆที่แต่ละคนต้องไปกัน

ทันใดนั้น ผู้ที่สวมชุดคลุมสีเทาผู้ที่อยู่ใกล้ๆก็พูดขึ้นมาว่า

“เอาล่ะ ประตูจากโลกใบเล็กนี้ได้เชื่อมต่อสถานที่ที่ใกล้ๆกับสำนักก้าวไร้เงา ถึงเวลาที่พวก เราต้องจากกันแล้ว”

ชื่อสำนัก จาก ท่านมะพร้าว

ผู้ที่สวมเสื้อคลุมสีเทานี้เป็นอาจารย์ของ ‘เว่ยหนาน’กับ’ถู่ เซียงซุน’

‘เว่ยหนาน’กับ’ถู่ เซียงซุน’ หันไปมองเนี่ยหลี่คนอื่นๆเพื่อกล่าวอำลา

“เนี่ยหลี่ ตู่ซือ พวกเราขอนำพวกเจ้าไปก่อนละนะ!”

“อื้อ พวกเจ้าก็ดูแลตัวเองดีๆด้วยหล่ะ”

‘เนี่ยหลี่’ตอบรับ

‘ตู่ซือ’ ‘ลู่เพี่ยว’ และคนอื่นๆก็เข้าไปกล่าวอำลากับพวกเขาทั้งสองคน

ผู้เยี่ยมชุดเทายกมือขวาขึ้นมา ทั้ง’เว่ยหนาน’ ‘ถู่เซี๋ยงซุน’และยอดฝีมือระดับเซียนอีกคน ก็ลอยขึ้นไปบนฟ้าและเข้าไปยังกระแสน้ำวนนั้น

ชั่วครู่ต่อมา

“ประตูจากโลกใบเล็กนี้ได้เชื่อมกับบริเวณของสำนักบัญญัติแห่งสววรค์แล้ว! ถึงตาของพวกเราแล้ว!”

‘หลิงหยุน’ได้เผยรอยยิ้มออกมาบนใบหน้าของนางและมองไปยัง ‘เอี้ยจื่ออวิ้น’ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ และ ‘เซี่ยวซุย’ เมื่อนางเห็นความเศร้าของ’เอี้ยจื่ออวิ้น’และ’เนี่ยหลี่’ที่ต้องแยกจากกัน นางก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา วัยหนุ่มสาวนั้นช่างงดงามยิ่งนัก หลังจากที่ได้มีชีวิตมาอย่างยาวนานจนกระทั่งนางลืมไปแล้วเสียด้วยซ้ำว่าความรักมันรู้สึกเช่นไร

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ที่ยืนเงียบอยู่ข้างๆและได้แต่มอง’เนี่ยหลี่’ ภาพที่นางเห็นนั้นก็เริ่มพล่ามัวเพราะน้ำตาที่ไหลออกมา ภาพรางๆที่นางได้เห็นก็คือเด็กหนุ่มที่ยิ้มออกมาอย่างสดใส เป็นคนที่ช่วยรักษานางจากอาการป่วยและภาพของชายคนนั้นที่ได้ช่วยนางไว้จากความเจ็บปวดทรมานอันยาวนานเอาไว้ได้

‘เอี้ยจื่ออวิ้น’มอง’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ด้วยสายตาที่อ่อนโยนและเอาใจช่วยออกมา

“หนิงเอ๋อ นี่เป็นปลายทางที่เขาจะส่งเจ้าได้เพียงเท่านี้ เจ้าจะต้องดูแลตัวเองให้ดีด้วยเช่นกันนะ”

‘เนี่ยหลี่’ก้มหัวลงเล็กน้อยและมองไปยังใบหน้าอันงดงามของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ เด็กสาวผู้ใส่ซื่อคนนี้ วันหนึ่งจะต้องเติบโตพร้อมกับฉายแสงเป็นประกายออกมา!

เมื่อได้ยินคำพูดของ’เนี่ยหลี่’ ‘เซ่ยวหนิงเอ๋อ’ก็พุ่งเข้าไปกอดเขาทันที ศีรษะของนางซบลงบนหน้าออกของ’เนี่ยหลี่’

แม้ว่า’เอี้ยจื่ออวิ้น’และ’เนี่ยหลี่’จะได้หมั้นหมายเอาไว้แล้ว แต่ความรู้สึกของนางที่มีต่อ’เนี่ยหลี่’ก็ไม่น้อยไปกว่า’เอี้ยจื่ออวิ้น’ไปเลยแม้แต่น้อย เมื่อถึงเวลาที่ต้องอำลาจากกัน นางไม่อาจที่จะเก็บงำความรู้สึกในใจของนางได้อีกต่อไป

“หนิง..เอ๋อ นี่เจ้า?”

‘เนี่ยหลี่’มองไปยัง’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ที่อยู่นอ้อมกอดของเขาด้วยความอึ้งไปเล็กน้อย เมื่อเรียก สติกลับคืนมาได้สายตาของเขาก็มีความอ่อนโยนปรากฎออกมาให้เห็น มีหรือที่เขาจะไม่รู้ถึงความรู้สึกในใจของนางได้อย่างไรกัน?

ขณะที่’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ยังอยู่ในอ้อมแขนของ’เนี่ยหลี่’ ชั่วครู่หนึ่งหลังจากนั้น นางก็พูดออกมาเบาๆว่า

“เนี่ยหลี่ เจ้าไม่ต้องพูดออกมาข้าก็รู้ดีอยู่แก่ใจอยู่แล้ว บางครั้งข้าก็ฝันว่าข้าได้กลายเป็นคนอัปลักษณ์ ข้าต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายนับไม่ถ้วน ท่ามกลางการต่อสู้ที่แทบจะไม่มีจุดสิ้นสุดจนได้มาเจอเจ้า เจ้าได้ให้ความหมายในการใช้นี้ชีวิตของข้า ข้าจึงได้เลือกที่จะอุทิศตัวให้กับเจ้าและต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่เจ้าจนกว่าชีวิตของข้าจะต้องดับสูญไป ข้าต้องกลัวอยู่เสมอว่าทั้งหมดที่ผ่านมานั้นมันเป็นเพียงแค่สิ่งที่ข้าฝันไป ข้ารู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว เนี่ยหลี่ ลาก่อน หลังจากที่ข้าเข้าไปยังอาณาจักรซากมังกรแล้ว ข้าจะแข็งแกร่งขึ้นให้จงได้!”

หลังจากที่นางพูดจบ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’หันหลังกลับไปเพื่อปาดน้ำตาของนาง และเดินไปทาง’เอี้ยจื่ออวิ้น’

หลังจากได้ยินคำพูดของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ ‘เนี่ยหลี่’ถึงกับตะลึงและยืนนิ่งจนพูดไม่ออกไม่ไปพักใหญ่ ในใจของเขาก็ปลิวไปไกลและเขาเองก็แทบเชื่อว่ามันอะไรขึ้นกันแน่ ทันใดนั้นความทรงจำต่างๆก็ถาโถมเข้ามาไม่หยุด

ความจริงแล้ว ชาติที่แล้วของ’เนี่ยหลี่’ เขารู้จักเพียงแค่’เอี้ยจื่ออวิ้น’ ช่วงที่เขาได้ตั้งเป้าหมายที่จะเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งในอาณาจักรซากมังกรและได้พบกับหญิงที่สวมหน้ากากเอาไว้ แม้ว่าเข้าจะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วนางคนนั้นจะเป็นใคร แต่อีกฝ่ายก็มองด้วยสายตาที่ยอมรับในตัวเขา

เริ่มแรก ‘เนี่ยหลี่’ยังคงระแวงหญิงสวมหน้ากากและไม่เข้าใกล้นางเลยแม้แต่น้อย ถึงอย่างนั้น อีกฝ่ายก็ยังช่วยชีวิตของเขาเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า หากเป็นเพราะการตายของ’เอี้ยจื่ออวิ้น’ ทำให้เขาเริ่มปิดกั้นใจตัวเองเอาไว้และไม่รับหญิงใดเข้ามาอยู่ใจของเขาอีก

แต่ท้ายที่สุด ‘เนี่ยหลี่’ยอมรับในตัวของผู้หญิงคนนี้และใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน แต่แล้วนางก็ตายในระหว่างที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้

‘เนี่ยหลี่’ยังคงรู้สึกเสียใจ เพราะแม้ว่าเขาทั้งสองจะอยู่ด้วยกัน แต่เขากลับไม่ได้รักนางอย่างจริงจัง หลังจากที่นางได้ตายจากไป
‘เนี่ยหลี่’ก็ยังคิดถึงนางอยู่เสมอ ถึงอย่างนั้นตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันธอก็ยังสวมหน้ากากเอาไว้ เขาจึงไม่อาจที่จะจดจำได้เลยว่าผู้หญิงคนนั้นมีหน้าแต่เป็นอย่างไรกันแน่ เขารู้เพียงแต่ว่านางคนนั้นมีชื่อว่า ‘เซี่ยวหนิง’

ในชาตินี้ ‘เนี่ยหลี่’ตั้งใจที่จะตามหา’เซี่ยวหนิง’ที่อาณาจักรมังกรแห่งหายนะเพื่อพบนางอีกครั้ง นั้นความปรารถนาของเขาในชาติที่แล้วจะได้เป็นจริงเสียที

แต่สิ่งที่’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ฝันนั่นมันคืออะไรกันแน่? หมายความว่า’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ไม่ได้ตายในป่าอสูรทมิฬแล้วยังสามารถไปยังอาณาจักรมังกรพ่ายได้อีกงั้นรึ? หรือความทรงจำของ’เซี่ยวหนิง’จะถูกส่งต่อมายัง’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’?

“เซี่ยวหนิงเอ๋อ…เซี่ยวหนิง..”

‘เนี่ยหลี่’บ่นพึมพัมออกมาเบาๆ เขาเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวเข้าด้วยกัน ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนางถึงจำเขาได้ในทันทีที่ได้พบกันครั้งแรก หลังจากนั้นไม่ว่าเขาจะต้องเผชิญกับอุปสรรคหรือเกิดอะไรขึ้นกับเขาก็ตาม ‘เซี่ยวหนิง’ก็จะช่วยเหลือเขาโดยไม่ลังเลหรือบ่นเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ถึงอย่างนั้น เมื่อก่อนนั้น เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า’เซี่ยวหนิง’นั้น อาจจะเป็น’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ก็ได้ แต่เป็นเพราะช่วงเวลาที่ที่ผ่านมาอย่างยาวนั้นทำให้เขาลืมมันไป

‘เซี่ยวหนิง’ เคยบอกครั้งหนึ่งว่าใบหน้าของนางนั้นถูกทำให้เสียโฉมที่ป่าทมิฬ พลังวิญญาณของนางนั้นมอดไหม้ไปและนางยังต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการป่วยของนางอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ในป่าทมิฬนั้นยังมีสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวมากกว่ายอดฝีมือทั้งในอาณาจักรมังกรพ่ายนี้เสียอีก

แล้วความลับอะไรละที่ถูกซ่อนอยู่ในป่าอสูรทมิฬ? แล้ว’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’รอดชีวิตออกมาได้อย่างไรกันและอะไรทำให้นางสามารถก้าวเข้ามาสู่อาณาจักรมังกรพ่ายได้?

ในชาติที่แล้วของเขานั้น นางรักษาตัวให้หายจากอาการป่วยได้ยังไงกัน?

จอ.บอ.   จบตอน แปลโดย

คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments