ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘เนี่ยหลี่’จมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง ถ้าเขาได้กลับมาจากอาณาจักรซากมังกรแล้วหล่ะก็เขาจะไปค้นหาว่ามีสิ่งใดที่หลบซ่อนอยู่ในป่าอสูรทมิฬกันแน่และเพื่อไขปริศนาที่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชาติที่แล้ว’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’กันแน่!
‘เซี่ยวซุย’และ’ลู่เพี่ยว’ต่างก็กำลังร่ำลากัน
“เซี่ยวซุย รอจนกว่าข้าจะได้เป็นถึงระดับเทพสงครามก่อนนะ! ข้าจะไปพร้อมกับสำนักบัญญัติแห่งสววรค์เพื่อไปรับเจ้ามาเป็นภรรยาของข้า!”
‘ลู่เพี่ยว’ก็น้ำคลอขณะที่กำลังมองเซี่ยวซุย
‘เซี่ยวซุย’กลับดึงหูของ’ลู่เพียว’และพูดออกมาว่า
“ฝันไปเถอะ! กว่าเจ้าจะได้เป็นถึงระดับเทพสงคราม ข้าก็คงไม่กลายเป็นยายแก่ไปแล้วรึไง! ลู่เพี่ยว เจ้าคิดวางแผนที่จะไม่รับข้าไปเป็นภรรยาของเจ้าใช่มั้ย?”
“โอ๊ โอ๊ะ โอ้ย เซี่ยวซุยพอแล้ว ปล่อยข้าเถอะ! ข้าจะทำแบบนั้นไปทำไมกันเล่า!”
‘ลู่เพี่ยว’รีบพูดออกมา
“ลู่เพี่ยว ไหนเจ้าลองพูดอีกทีสิ? เจ้าจะหาว่าข้าบังคับให้เจ้ารับข้าไปเป็นภรรยางั้นรึ? เจ้าอธิบายมาซะดีๆเลยนะ!”
‘เซี่ยวซุย’เท้าเอวเอาไว้ขณะที่มือของนางอีกข้างกำลังดึงหูของลู่เพี่ยว
‘ลู่เพี่ยว’ทำได้เพียงยืนเขย่งและรีบต่อทันที
“ข้าหมายถึงอย่างนั้น เอ้ย ไม่ ไม่ ไม่ ข้าหมายถึงข้าเต็มใจ เซี่ยวซุย ข้าจะรับเจ้ามาป็นภรรยาของข้าแน่นอน!”
‘เซี่ยวซุย’จำจ้องสายตาไปที่เป้ากางเกงของ’ลู่เพี่ยว’ และพูดออกมาว่า
“ลู่เพี่ยว เจ้าฟังข้าให้ดีนะ ในตอนที่ข้าไม่อยู่ ถ้าเจ้าแอบไปมีหญิงอื่นแล้วหล่ะก็ ข้าจะสับเจ้าจนไม่เหลือชิ้นดีเลยในตอนที่ข้ากลับมา!”
หลังจากนางพูดเสร็จก็ได้เดินตรงไปหา’หลิงหยุน’
หลังจากที่’เซี่ยวซุย’เดินไปออกมา ‘ลู่เพี่ยว’ก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบไปทั้งตัวโดยเฉพาะเป้า… พร้อมด้วยสีหน้าที่ขมขื่น เขาหันไปมองหน้า’เนี่ยหลี่’ แม้ว่าจะเป็นผู้ชาย ที่มีเมียแล้ว เหมือนกัน แต่ทำไมมันช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวได้ถึงเพียงนี้?
ทั้งทั้งที่พวกเขาสองคนต่างก็ได้ร่ำลากับคนรัก ‘เนี่ยหลี่’ได้โอบกอดทั้ง ‘เอี้ยจื่ออวิ้น’และ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ นางฟ้าทั้งสองคนแบบไม่มีเหตุผลเลยสักนิด แต่ การร่ำลาของ’ลู่เพี่ยว’ เขากลับถูกด่าและขู่ เอาไว้ ชีวิตของเขาช่างรันทดถึงได้เช่นนี้ !
‘เนี่ยหลี่’อยากที่จะถาม’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ แต่เมื่อเขาได้เงยหน้าขึ้นมาก็พบว่า ‘หลิงหยุน’ ลอยขึ้นไปพร้อมกับ ‘เอี้ยจื่ออวิ้น’ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ และ’เซี่ยวซุย’ที่ถูกดึงขึ้นไป
เขาเห็นสีหน้าที่ไม่เต็มใจของทั้งเด็กสาวสองคน นั่นทำให้พวกเขาต่างก็ถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา
‘เนี่ยหลี่’โบกมือและบอกลาขณะที่เขาต้องมองดู ‘เอี้ยจื่ออวิ้น’ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ และ’เซี่ยวซุย’ เข้าไปในกระแสน้ำวน
“ลาก่อน! ข้าจะไปพบพวกเจ้าหลังจากที่พวกเราได้เข้าไปยังอาณาจักรซากมังกรแล้วแน่นอน!”
เด็กสาวทั้งสองผู้ที่มีชะตาร่วมกันกับเขาได้หายไปในกระแสน้ำวน เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโศกเศร้าขึ้นมา
ในตอนนี้เด็กสาวทั้งสองก็ได้เข้าไปอยู่ส่วนลึกในใจของเขาไปเรียบร้อยแล้ว
หลังจากที่กลุ่มคนอื่นๆได้จากไป ‘ตู่ซือ’ก็เดินเข้ามาหา’เนี่ยหลี่’และพูดออกมาว่า
“เนี่ยหลี่ ข้าต้องไปแล้วหล่ะ!”
“อื้อ”
‘เนี่ยหลี่’ตบบ่าของตู่ซือและยิ้มออกมา
“น้องข้า เราจะได้พบกันอีกในอาณาจักรซากมังกร!”
“แน่นอน”
‘ตู่ซือ’พยักหน้าตอบอย่างจริงจัง ในใจของเขา ‘เนี่ยหลี่’ได้กลายเป็นพี่ชายที่เขาจะรักและเทอดทูนที่สุด และมันจะเป็นแบบนั้นไปตลอดกาล อันนี้แปลได้ว่า พี่น้องคนสำคัญแต่มันฟังแปลกๆสำหรับผม เลยเปลี่ยนเป็นแบบนี้ไปนะครับ
ขณะที่ ‘ตู่ซือ’กำลังพูดอยู่กับ’เนี่ยหลี่’ ‘ฮวาฮัว’ก็เดินเข้ามา นางสวมชุดรัดรูปสีแดงที่มีปกคอเสื้อที่สูง เรียวขาของนางแม้จะเห็นได้เพียงรางๆ แต่ก็แฝงไปด้วยความรู้ที่น่าเย้ายวนออกมา ด้วยความสูงของนางที่ดูน่าดึงดูดสายตาจากผู้คนให้หันกลับมาเหลียวหลังมามองจนไม่อาจที่จะละสายตาไปได้เลย นางนั้นช่างงดงามอย่างหาใดเปรียบและมีใบหูที่แหลมสีม่วงแดง ทั้งหมดทำให้นางมีเสน่ห์ที่มีเอกลักษณ์ แม้จะเป็นผู้ที่มาจากคนละเผ่าพันธุ์กันก็ตามที
นางเดินเข้ามาหา’ตู่ซือ’และยื่นมือออกมา
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ ข้าชื่อฮวาฮัว จากนี้ไปเราจะได้เป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกัน ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”
‘ตู่ซือ’ถึงกับอึ้งขณะที่กำลังจ้องมอง’ฮวาฮัว’ แม้ว่าเขาจะไม่ได้รู้จักมักคุ้นกับกลุ่มคนอื่นๆ แต่เมื่อเขาได้เห็นนางตรงๆ ‘ตู่ซือ’ก็ยื่นมือออกมาจับเพื่อทักทายและพูดว่า
“ครับ ข้าก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”
“ไปกันเถอะ”
‘ฮวาฮัว’ก็ได้เผยรอยยิ้มอันงดงามออกมาและหันไป
‘ตู่ซือ’หลงใหลในความงามของนางไปเป็นที่เรียบร้อย เมื่อได้เห็นเพื่อนออกอาการ ‘ลู่เพี่ยว’ที่ยืนอยู่ข้างๆก็เตะเข้าไปที่ก้นของของ’ตู่ซือ’และพูดออกมาว่า
“เจ้าโง่ ยังไม่รีบตามนางไปอีกเรอะ?”
‘ลู่เพี่ยว’รู้สึกไม่พอใจกับท่าทีของ’ตู่ซือ’ที่ทำอะไรไม่ถูกและต้องการจะให้เขาเรียกสติให้เป็นตัวเองกลับมา เป็นเพราะหญิงงามเป็นคนเริ่มเข้ามาทักทายกับเขาก่อนแล้ว’ตู่ซือ’กลับเผยท่าทีที่พ่ายให้กับความงามของนาง
‘ตู่ซือ’ยืนยิ่งไปชั่วขณะก่อนที่เขาจะโบกลาและพูดออกมาว่า
“เนี่ยหลี่ ข้าไปก่อนละนะ!”
หลังจากที่พูดจบ เขาก็รีบเดินตาม ‘ฮวาฮัว’ ไปทันที
ตอนนี้แม้แต่ ‘ตู่ซือ’ ก็ไปแล้ว
หลังจากนั้น ‘ชางหมิง’ก็ได้กล่าวลา’เนี่ยหลี่’และเดินตามหลังผู้เยี่ยมยุทธ์จากไป
‘ตู่ซือ’และทุกคนได้จากไปแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงพวกเขาแค่สี่คน คือ ‘เนี่ยหลี่’ ‘ลู่เพี่ยว’ ‘หยู่หยาน’ และ’ต้วนเจี้ยน’ ในเวลานั้นเอง เด็กหนุ่มที่สวมชุดคลุมสีขาวก็ได้เดินออกมาอย่างช้าๆ เด็กหนุ่มคนนี้ก็คือ’จอมมาร’ที่’เนี่ยหลี่’ทำให้เขาต้องหลีหัวซุกหัวซุน
สายตาที่’จอมมาร’มองยัง’เนี่ยหลี่’และพรรคพวกช่างเย็นชายิ่งนัก แม้ว่าเขาจะได้เข้ายังดินแดนคุกแห่งอเวจีตั้งแต่ยังเด็กและกลับมา มีเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่เขาได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับทางเจ้าเมืองกลอรี่ แต่ถ้าไม่ใช่เพราะของวิเศษของเขาช่วยไว้และการใช้วิชาลับที่ซ่อนอยู่ในตัวเขาแล้วหล่ะก็ เขาคงจะตายด้วยน้ำมือของ’เนี่ยหลี่’ไปแล้วเสียด้วยซ้ำ
ใครที่กล้าทำให้เขาต้องมีบาดเจ็บ เขาจะสับมันให้เป็นหมื่นๆชิ้น!
เมื่อได้เห็นจอมมารปรากฎตัว ความโกรธแค้นที่อยู่ในใจของ’เนี่ยหลี่’ก็พุ่งพล่านออกมาและความแค้นที่ไม่อาจจะอดกลั้นได้นั้นก็ทำให้เขาโกรธจนเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นมาบนตัวของเขา ขณะเขาจ้องมองฆาตรกรที่เป็นคนฆ่า’เอี้ยเซิ่ง’ ‘เนี่ยหลี่’นั้นไม่ต้องการอะไรนอกเสียจากการที่จะได้ฆ่ามันด้วยมือของเขาเองที่นี้เดี๋ยวนี้เสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของเจ้าแห่งดินแดนนรกานต์ ถ้าเขาลงมือกับ’จอมมาร’ตอนนี้แล้วหล่ะก็ เขาคงจะต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของ’จอมมาร’เป็นแน่
ด้วยกำลังของ’เนี่ยหลี่’ในตอนนี้ เขาไมอาจจะต่อกรกับอาจารย์ของ’จอมมาร’ได้เลย
“เส้นทางที่มองหาศัตรูมันช่างคับแคบยิ่งนัก!”
‘จอมมาร’พูดออกมาอย่างเย็นชา สายตาเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารที่ไม่อาจจะหยั่งถึงและความกระหายเลือกอย่างบ้าคลั่งขณะที่เขาได้สบตากับ’เนี่ยหลี่’
“ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าเจ้าจะหนีไปได้แม้ว่าครั้งที่แล้วที่เจ้าโดนตัดหัวออกไปแล้วก็ตาม จะว่ายังไงดีหล่ะ? อยากลองอีกสักตั้งมั้ยหล่ะ?”
‘เนี่ยหลี่’พูดแทงใจดำจอมมาร
‘จอมมาร’ก็เผยรอยยิ้มเล็กน้อย
“ครั้งที่แล้ว เจ้าได้เปรียบข้าอยู่ก่อนแล้ว แต่เจ้าคิดหรือว่าเจ้าจะสามารถฆ่าข้าได้จริงรึ? ช่างน่าขันสิ้นดี! เจ้าจะหลงตัวเองมากไปหน่อยซะแล้วล่ะมั้ง แล้วข้าก็ยังไม่ได้ใช้ไพ่ตายเลยเสียด้วยซ้ำ เจ้าคิดหรือว่าจะถือไพ่เหนือกว่าข้าได้น่ะ? ข้าเองก็ยอมรับว่าเจ้านั้นฉลาดหลักแหลม! เพราะอะไรงั้นรึ? จนถึงตอนนี้มีเพียงเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้ข้าสนใจเจ้าขึ้นมา ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทีละคน เขาพูดว่าทั้งหมด แต่ผมเอาแบบนี้แทนนะ แล้วเหลือเจ้าไว้เป็นคนสุดท้าย มันเหมือนกับการมองดูฝูงมดที่ลอยอยู่บนผิวน้ำกันอย่างกระเสือกกระสนก่อนที่มันจะจมน้ำตายไปที่ละตัวสองตัวจนหมด มันช่างน่าสนุกอะไรอย่างนี้”
พูดของ’จอมมาร’ที่พูดออกมานั้นช่างเหมือนกับคำพูดของ’ราชันย์นักปราชญ์’ที่เคยพูดกับเขาในชาติที่แล้วยิ่งนัก ‘เนี่ยหลี่’ยังจำได้ทุกคำพูดของ’ราชันย์นักปราชญ์’ได้อย่างแม่นยำ แต่การที่เขาจะฆ่าทุกคนที่อยู่รอบกายเขา จนเหลือเขาไว้เพียงคนเดียว ‘เนี่ยหลี่’กำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นมาให้เห็น
แม้ว่า’จอมมาร’จะมีพรสวรรค์ที่สูงล้ำก็ตามที แต่ ‘เอี้ยจื่ออวิ้น’ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ ‘ตู่ซือ’ และคนอื่นๆจะได้รับความคุ้มครองจะสำนักของแต่ละคนอย่างแน่นอน พวกเขาจะปลอดภัยไปอีกหลายปี
แต่ในเวลานี้ ‘เนี่ยหลี่’จะต้องฝึกฝนอย่างบ้าคลั่งและสู้กับ’จอมมาร’อย่างไม่คิดชีวิตเพื่อให้ภัยร้ายนี้หายไปจากพวกเขา
ยิ่งเขาโกรธมากเท่าไหร่ ‘จอมมาร’ก็จะยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น ‘เนี่ยหลี่’เก็บงำความแค้นของเขาเอาไว้และพูดอย่างเย็นชาออกมาว่า
“เจ้ามั่นใจเพราะเจ้ามีร่างกายยอดเยี่ยมที่หาผู้ใด้เปรียบได้งั้นรึ? ช่างน่าขันยิ่งนัก! ความมั่นใจทั้งหมดที่มีเพราะร่างนี้ของเจ้าเนี่ยนะ? จริงอยู่ที่กายาทิพย์นั้นมีพลังแฝงเร้นอยู่มากมายหาใดเปรียบ แล้วยังไงล่ะ? ถ้าจิตวิญญาณของเจ้าไม่อาจจะประสานรับกับร่างได้มันก็เท่านั้น มันก็จะกลายเป็นของไร้ค่าไปเลย เจ้ามันหวังสูงเกินไปแล้ว ยิ่งไปว่านั้นจิตวิญญาณเจ้าก็อ่อนแอและยังฝึกฝนพลังที่ไม่เหมาะกับร่างของเจ้า เรามาดูกันว่า ร่างของเจ้าจะเก่งกว่า หรือ ข้าที่เก่งกว่ากันแน่!”
วิชาเทพวิถีฟ้าของ’เนี่ยหลี่’ที่ฝึกนั้นยังอยู่ในขั้นเริ่มต้นเท่านั้น เมื่อเขาก้าวถึงระดับชะตาสวรรค์ได้แล้ว พลังของวิชาเทพวิถีฟ้าก็จะเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วกายาทิพย์นี้มีหรือจะเทียบได้กับพลังแห่งสวรรค์ได้?
‘จอมมาร’เผยท่าทีที่เย็นชาและหัวเราะออกมา
“เจ้าคิดว่าว่าการที่พูดแบบนั้นออกมา แล้วข้าจะกลัวงั้นเรอะ? เจ้าที่เป็นมนุษย์ธรรมดาจะจิตนาการถึงพลังของกายาทิพย์ได้ยังไงงั้นรึ?”
แม้’จอมมาร’จะพูดออกมาอย่างมั่นใจ แต่แท้จริงแล้วเขาก็รู้สึกหวั่นอยู่ในใจ คำพูดของ’เนี่ยหลี่’นั้นแทงใจดำยิ่งนัก ด้วยพลังที่สูงล้ำมากมายมหาศาล แต่เขากลับรู้สึกว่าจิตวิญญาณของเขานั้นอ่อนแอและเข้ากันไม่ได้กับกายาทิพย์ แต่แล้วยังไงล่ะ? ไม่ว่าใครหน้าไหน ก็ไม่มีคนที่จะหยุดเขาไม่ให้แข็งแกร่งขึ้นได้เลย!
‘เนี่ยหลี่’ยิ้มออกมาอย่างเย็นชาขณะที่สังเกตเห็น’จอมมาร’เงียบไป ถ้าเขาไม่ถูกห้ามเอาไว้ เขาคงจะฆ่า’จอมมาร’ไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้น ไม่นานหลังจากนี้ เขาก็จะสามารถจัดการกับ’จอมมาร’ได้ด้วยตัวคนเดียวได้! อาณาจักรซากมังกรจะเป็นที่ฝังศพของ’จอมมาร’แน่นอน!
‘จอมมาร’พ่มลมหายใจออกมาขณะที่กำลังหันไป
‘เนี่ยหลี่’มองมาที่’ต้วนเจี้ยน’และพูดออกมาว่า
“ระหว่างที่เจ้าอยู่ในสำนัก ห้ามประมือกับเขาโดยเด็ดขาด ตราบที่เจ้ายังอยู่ในสำนัก เขาก็จะแตะตัวตัวเจ้าไม่ได้เลยแม้แต่น้อย”
ในใจของ’ต้วนเจี้ยน’ก็รู้สึกเสียดาย แม้ว่า’จอมมาร’จะแข็งแกร่ง แต่เขาก็ยังคงรู้สึกว่าตนนั้นสามารถประมือกับจอมมารได้
“ถ้าเจ้าต้องการจะสู้กับเขา ก็ต่อเมื่อเจ้าไปถึงระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่สองแล้วเท่านั้น!”
‘เนี่ยหลี่’เตือนด้วยเสียงที่เคร่งเครียด
“นี่เป็นคำสั่ง!”
“ขอรับ นายท่าน”
‘ต้วนเจี้ยน’โค้งคำนับและตอบออกมาอย่างจริงจัง
“ไปได้”
‘เนี่ยหลี่’พูดออกมาขณะมองดูแผ่นหลังของจอมมาร นัยน์ตาเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารอย่างเยือกเย็น
‘ต้วนเจี้ยน’เดินไปทาง’จอมมาร’ ด้วยพลังของผู้เยี่ยมยุทธ์พกวเขาก็ลอยขึ้นไปบนฟ้าและเข้าไปยังกระแสน้ำวน
‘เนี่ยหลี่’หันไปหา’เจ้าแห่งดินแดนนรกานต์’
‘เจ้าแห่งดินแดนนรกานต์’พูดกับ’เนี่ยหลี่’ ‘ลู่เพี่ยว’และยอดฝีมือระดับเซียนอีกคนว่า
“ที่ที่พวกเจ้าจะต้องไปนั้น มันคือสำนักที่ชื่อว่า ปีกแห่งเทพสวรรค์ ข้าจะอยู่ดูแลดินแดนนรกานต์แห่งนี้ต่อไป เซี่ยวหยู่จะเป็นคนพาพวกเจ้าไป ที่นั่นจะมีผู้เยี่ยมยุมธต่างๆเข้ามาแนะนำให้แก่พวกเจ้าเอง! อย่างไรก็ตาม เมื่อได้เข้าไปสู่สำนักปีกแห่งเทพสวรรค์ ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าจะไม่ทำให้ข้าต้องผิดหวังแน่นอน!”
‘เจ้าแห่งดินแดนนรกานต์’จะไม่ไปยังอาณาจักรซากมังกรด้วยงั้นรึ?
เมื่อเขาคิดได้ เขาก็รู้สึกว่ามันโชคดียิ่งนักที่เจ้าแห่งดินแดนนรกานต์ไม่ได้ไป เพราะถ้าหากเจ้าแห่งดินแดนนรกานต์ไปยังอาณาจักรซากมังกรกับพวกเขา ก็จะไม่มีใครสักคนที่จะปกป้องเมืองกลอรี่ได้ ถึงอย่างนั้น ‘เนี่ยหลี่’ก็ยังคงเป็นกังวลอยู่เล็กน้อย ว่าจะเกิดเหตุการณ์วิกฤติร้ายแรงอะไรขึ้นกับเมืองกลอรี่ในอีกสองปีข้างหน้านี้?
ตราบที่เจ้าแห่งดินแดนนรกานต์ยังมีชีวิตอยู่ เมืองกลอรี่ก็จะปลอดภัย แต่ถ้าเขาตายไปล่ะ….
แต่ใครกันล่ะที่จะสามารถสังหารเจ้าแห่งดินแดนนรกานต์ได้?
ถ้าอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งมาก แม้ว่า’เนี่ยหลี่’จะอยู่ด้วยก็คงไม่มีประโยชน์ ‘เนี่ยหลี่’คิดอยู่ชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ดึงเอาสิ่งที่อยู่ในแหวนห้วงมิติของเขาออกมาและมอบเป็นของขวัญให้กับเจ้าแห่งดินแดนนรกานต์ด้วยมือทั้งสองข้าง
“ท่านอาจารย์ ก่อนที่ข้าจะเข้าไปยังอาณาจักรแห่งมังกรหายนะ โปรดรับของขวัญนี้จากข้าด้วยครับ!”
‘เจ้าแห่งดินแดนนรกานต์’มองไปยัง’เนี่ยหลี่’ไป หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็รับของสิ่งนั้นจาก’เนี่ยหลี่’และเผลอพูดออกมาว่า
“ข้าจะรับของขวัญจากเอาไว้ ตอนนี้พวกเจ้าทั้งหมดควรไปแล้ว!”
‘เซี่ยวหยู่’ รู้สึกงงขึ้นมาเล็กน้อย ‘เนี่ยหลี่’มอบอะไรให้กับพ่อบุญธรรมกันแน่? แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ถามเลยสักนิด
เมื่อเขาได้เห็นสิ่งที่เจ้าแห่งดินแดนนรกานต์รับของขวัญจากเขาไปแล้ว ‘เนี่ยหลี่’ก็ยืดแขนขาของเขาก่อนที่จะบินตามหลังของ’เซี่ยวหยู่’ ‘ลู่เพี่ยว’และยอดฝีมือระดับเซียนอีกคนก็ตามมาด้วยเช่นกัน แล้วพวกเขาทั้งสี่คนก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยในกระแสน้ำวน
เมื่อ’เนี่ยหลี่’และคนอื่นๆจากไป ‘เจ้าแห่งดินแดนนรกานต์’ก็หันกลับมาและมองดูของชิ้นนั้นที่อยู่ในมือของเขา มันเป็นกระเป๋าที่มาจากโลกใบเล็กนี้ซึ่งมันไม้ได้มีค่าอะไรสำหรับเจ้าแห่งดินแดนนรกานต์เลย ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่คาดหวังว่าของที่’เนี่ยหลี่’ให้มาได้ เมื่อเขาได้กระเป๋านี้ออกมาและดูสิ่งที่อยู่ในนั้น
ทันใดนั้น ม่านตาของเจ้าแห่งดินแดนนรกานต์ก็หดเล็กลงด้วยความรู้สึกที่ประหลาดใจยิ่งนัก เขาจึงเงยหน้าขึ้นและหันมาที่ท้องฟ้า แต่’เนี่ยหลี่’ก็จากไปเสียแล้ว
จบตอนครับ แปลโดย
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: