ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘เซี่ยวหยู่’มองไปยัง’ฮัวหลิง’อย่างเย็นชาและแค่นเสียงกล่าวว่า
“ฮัวหลิง ข้าสนิทกับเจ้านักหรือ?”
“นายน้อยเซี่ยว ท่านพูดเช่นนั้น ก็เย็นชาเกินไป”
‘ฮัวหลิง’ยิ้มแล้วพูดต่อ
“บิดาของเราต่างก็เป็นผู้ดูแลของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ ท่านต้องทำเหมือนข้าเป็นศัตรูทุกครั้งที่พบกันไปถึงไหน?”
พอพูดจบ ‘ฮัวหลิง’ก็กวาดสายตามาทางพวก’เนี่ยหลี่’ ที่ยืนอยู่ข้างหลัง’เซี่ยวหยู่’ แล้วหัวเราะ
“โลกใบเล็กดูจะเสียคนมีพรสวรรค์ไม่น้อยทีเดียว มีผู้ผ่านการคัดเลือกเพียงสามคนเท่านั้นหรือ? ระดับพลังก็ไม่ใช่ว่าจะโดดเด่นอะไรเสียด้วย ดูเหมือนโลกใบเล็กจะเทียบห้วงสวรรค์น้อยของเราไม่ได้เลย”
คำพูดของ’ฮัวหลิง’ทิ่มแทง ทั้งสายตาที่มองมาก็บ่งบอกชัดเจนว่ามันมองพวก’เนี่ยหลี่’อย่างไร
ด้านหลัง’ฮัวหลิง’มียอดฝีมือยืนอยู่กว่ายี่สิบคน ทุกๆ คนอยู่ในระดับเซียนที่อีกเพียงก้าวเดียวก็ก้าวเข้าสู่ชั้นชะตาสวรรค์ สายตาที่พวกเขามอง’เนี่ยหลี่’และพวกเต็มไปด้วยอารมณ์ยั่วโมโห พวกเขารู้ว่านายน้อยของพวกเขาไม่ถูกกันกับ’เซี่ยวหยู่’ เมื่อพวกเขาตั้งใจจะพึ่งพิง’ฮัวหลิง’ แน่นอนว่าพวกเขาก็ต้องยืนอยู่ฝ่ายเดียวกัน
‘เนี่ยหลี่’ใช้ลมปราณรวมเสียงถาม’เซี่ยวหยู่’ว่า
“แล้วตกลงฮัวหลิงนี่ใคร?”
“บิดาของมันก็เป็นเช่นเดียวกันกับบิดาบุญธรรมของข้า เป็นคนของตำหนักนอก นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ ที่พยายามแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าผู้ดูแลฝ่ายนอกกับบิดาบุญธรรม พวกเจ้าไม่ต้องไปสนใจพวกเขา อยู่ที่นี่พวกเขาทำอะไรพวกเจ้าไม่ได้หรอก”
‘เซี่ยวหยู่’ส่งเสียงตอบ’เนี่ยหลี่’
‘เนี่ยหลี่’นับว่าเข้าใจสถานการณ์มากขึ้นเล็กน้อย ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใด’ฮัวหลิง’กับ’เซี่ยวหยู่’ไม่ถูกกัน เพราะอย่างนี้นี่เอง ‘เนี่ยหลี่’เองก็ไม่สนใจกับเรื่องขัดแย้งเช่นนี้อยู่แล้ว
สายตาเย็นเยือกของฮัวหลิงกวาดมองเนี่ยหลี่ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ยินที่’เนี่ยหลี่’กับ’เซี่ยวหยู่’คุยกัน แต่แน่ใจได้ว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่
“การทดสอบรากวิญญาณใกล้เริ่มแล้ว ข้าล่ะสงสัยจริงว่ารากวิญญาณของอัจฉริยะทั้งสามแห่งโลกใบเล็กจะเป็นเช่นไร”
มุมปากของ’ฮัวหลิง’ยังคงเต็มไปด้วยการยั่วยุ ขณะที่สายตากวาดผ่านกลุ่มของ’เซี่ยวหยู่’
“ในเมื่อนายน้อยเซี่ยวมี รากวิญญาณชั้นฟ้าระดับเจ็ด ข้าเดาว่าคนจากโลกใบเล็กก็คงจะไม่เลวเช่นกัน จริงมั้ย?”
“นั่นไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเจ้า!!”
‘เซี่ยวหยู่’ตอบโต้อย่างเย็นชา ดูเหมือนว่าเขาจะรังเกียจ’ฮัวหลิง’เอาเรื่องทีเดียว การพูดคุยโต้ตอบของทั้งสองคนสามารถตอบคำถามหลายๆ ข้อได้ดีที่เดียว
พอเห็นว่า’เซี่ยวหยู่’หันหนีอย่างเฉื่อยชา ‘ฮัวหลิง’ก็แค่นเสียงเย็นชาแล้วหันหลังกลับ ‘เซี่ยวหยู่’มีรากวิญญาณชั้นเจ็ด แต่ยังไม่อาจก่อรูปจิตพรหมณ์ สร้างชะตาวิญญาณ มันอาศัยอะไรมาอวดดี
ทว่า แม้’ฮัวหลิง’จะมีพลังระดับชะตาสวรรค์ สามพรหมณ์ สร้างชะตาวิญญาณได้ถึง 3 อันแล้ว และ’เซี่ยวหยู่’ยังไม่อาจก่อรูปจิตพรหมณ์ได้เลยก็ตาม ‘ฮัวหลิง’ก็ยังถือว่า’เซี่ยวหยู่’เป็นคู่แข่งอันน่ากลัวอยู่
ประการแรกนั้น รากวิญญาณชั้นฟ้าระดับเจ็ดเป็นตัวตนในตำนานไปแล้ว คนในสถาบันวิญญาณฟ้าที่มีรากวิญญาณชั้นฟ้าระดับเจ็ดขึ้นไปนั้นรวมแล้วมีไม่เกินร้อยคนเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งหมดนั่นมีพลังที่น่าตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง เป็นผู้ที่ทรงอำนาจที่สุดในระดับพลังเดียวกัน โดยทั่วไปแล้ว ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของผู้มีรากวิญญาณชั้นฟ้าระดับเจ็ดควรจะรวดเร็วเป็นอย่างยิ่งจนคนทั่วไปไม่อาจเห็นหลังได้
ทว่า แม้จนขณะนี้ ‘เซี่ยวหยู่’กลับยังไม่อาจก่อรูปจิตพรหมณ์ของตัวเองได้
โดยทั่วไปแล้ว คนเช่นนี้ไม่ควรจะเป็นคนที่สามารถคุกคาม’ฮัวหลิง’ได้ ทว่า มันยังมีตำนานอีกประการหนึ่งที่เล่ากันมาปากต่อปากในสถาบันวิญญาณฟ้าว่า สำหรับผู้ที่มีรากวิญญาณชั้นฟ้านั้น ยิ่งค้างอยู่ระดับชะตาดินนานเท่าใด เมื่อยามที่ก่อรูปจิตพรหมณ์ได้ ความเร็วในการบ่มเพาะพลังยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น จนถึงขนาดว่าคนทั่วไปไม่อาจทำความเข้าใจได้เลยทีเดียว
พลังอันลึกลับของรากวิญญาณชั้นฟ้ามักจะเป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจฮัวหลิงอยู่เสมอ ตัวเขาเองตอนที่รับการทดสอบก็ได้รากวิญญาณชั้นดินระดับเจ็ดเท่านั้น ตามปกติแล้วพรสวรรค์ระดับนี้นับว่าไม่เลวแล้ว แต่ยังไม่ถึงขนาดที่จะเรียกได้ว่าอัจฉริยะ
จำนวนคนที่เข้าทดสอบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“รากวิญญาณชั้นมนุษย์ระดับเก้า ไปเขตใต้”
“รากวิญญาณชั้นมนุษย์ระดับเจ็ด ไปเขตใต้”
ในผู้ที่รับการทดสอบทั้งหมดนี้ มีผู้ที่มีพรสวรรค์ถึงรากวิญญาณชั้นดินไม่มากนัก อาจารย์ที่รับผิดชอบการทดสอบหลายคนมองไปยังศิษย์ที่มาเข้ารับการทดสอบด้วยใบหน้าเซ็งๆ
ในปีก่อนๆ จำนวนของเด็กที่นับได้ว่าอัจฉริยะลดลงทุกปี นี่โยงไปถึงเหตุผลที่ทำให้นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์กำลังเสื่อมถอยลง อัจฉริยะที่ทรงอำนาจย่อมมีสิทธิ์เลือก และส่วนใหญ่มักจะเลือกไปสำนักอื่นกัน
ในหมู่อาจารย์ที่คุมทดสอบ ผู้เป็นประธานเป็นชายวัยกลางคน สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินที่เปล่งประกายทรนงออกมา ตัวเขาและอาจารย์อีกสองคนที่ยืนอยู่ด้านข้างสองฝั่งกำลังจดบันทึกผลการทดสอบอย่างรวดเร็ว
“รากวิญญาณชั้นดินระดับหก”
ได้ผลทดสอบไปอีกคน
“ไม่เลว ไปเขตตะวันตก”
ชายวัยกลางคนเสื้อคลุมน้ำเงินพูดพลางพยักหน้าเล็กน้อย
‘ฮัวหลิง’ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง ด้วยจำนวนคนนับพันรอเข้าทดสอบเช่นนี้ อีกนานเท่าไหร่จะถึงตาของพวกเขาเล่า?
เขาเดินเข้าหาชายวัยกลางคนเสื้อคลุมน้ำเงินนั้น ยิ้มบางๆ และแสดงการคารวะคราหนึ่ง
“ผู้ดูแลกู่ ไม่พบกันนาน”
พอเห็น’ฮัวหลิง’ สีหน้าของชายวัยกลางคนก็อ่อนลงเล็กน้อยแล้วถามว่า
“นายน้อยฮัวหลิง ท่านอุตส่าห์มาถึงที่นี้มีเหตุอันใดหรือ?”
“อันที่จริงแล้ว ข้าพาลูกศิษย์หลายคนนี้จากห้วงสววรค์น้อยมาที่นี่เพื่อเข้ารับการทดสอบ ข้าหวังว่าผู้ดูแลกู่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้”
‘ฮัวหลิง’ยิ้มพลางตวัดมือขวา วัตถุสิ่งหนึ่งปรากฎขึ้นแล้วลอยไปยังชายวัยกลางคนเสื้อคลุมน้ำเงิน
เขาก้มลงมองอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รับของไปโดยไม่กระพริบตาสักนิด เขายิ้มแล้วพูดว่า
“ท่านช่างมีเมตตานั้น นายน้อยฮัวหลิงเกรงอกเกรงใจไปแล้ว”
ชายคนนี้เป็นเพียงผู้ดูแลกิจการภายนอก กับบิดาของ’ฮัวหลิง’ที่เป็นผู้ดูแลที่มีสิทธิ์ขาดแล้ว ยังไม่อาจเทียบเปรียบได้ เมื่อ’ฮัวหลิง’ให้มันขนาดนี้ เขาจะไม่ไว้หน้าได้อย่างไร
“เช่นนั้น พวกศิษย์ที่มากับนายน้อยฮัวหลิง เชิญทดสอบก่อน”
ชายวัยกลางคนเสื้อคลุมน้ำเงินยิ้มและพูดต่อว่า
“ห้วงสวรรค์น้อยนับว่าได้รับการประสาทพรจากฟ้า ให้ปรากฎผู้มีพรสวรรค์จำนวนมาก ดังนั้นศิษย์ที่มาในรอบนี้ สมควรเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นแล้ว”
“ต้องรบกวนท่านแล้ว ผู้ดูแลกู่”
ฮัวหลิงหัวเราะแล้วหันไปส่งสัญญาณให้คนอื่นๆ
“มานี่”
ศิษย์จากห้วงสวรรค์น้อยต่างก็เดินเข้าไปหาฮัวหลิง
เห็นเช่นนี้แล้ว ใบหน้าคนที่กำลังต่อแถวกันพลันมัวหมองลง เพื่อที่จะได้ทดสอบคนหลายพันคนนี้ต้องมายืนรอเป็นเวลานาน ฮัวหลิงและพวกเพิ่งจะมาถึง แต่กลับได้ทดสอบก่อน เช่นนี้จะรับได้อย่างไร
“คนพวกนี้เป็นใครกัน?”
“ระวังคำพูดหน่อย อย่างได้หาเรื่องราวใส่ตัว นั่นคือฮัวหลิง บุตรชายของผู้ดูแลตำหนักนอกสถาบันวิญญาณฟ้า ปล่อยให้พวกเขาทดสอบไปก่อน”
สุดท้าย คนที่ต่อแถวก็ได้แต่ยั้งปากไว้ จะอย่างไร ในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ พวกเขายังไม่มีกำลังพอจะรับผลจากการล่วงเกินคนเช่นนี้
ทว่า ‘เซี่ยวหยู่’เดินไปถึงตรงหน้า’ฮัวหลิง’และครูคุมสอบแล้วถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า
“ผู้ดูแลกู่ นี่เหมาะสมแล้วหรือ? พวกเรามาถึงก่อนฮัวหลิง แต่พวกเขากลับได้รับการทดสอบก่อนเรา การลำเอียงเช่นนี้ หากมีข่าวลือแพร่ออกไปคงไม่ดีนัก”
ชายวัยกลางคนเสื้อคลุมน้ำเงินมองไปยังเซี่ยวหยู่คราหนึ่งสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นกระอักกระอ่วนทันที หากเป็นคนธรรมดากล่าวเช่นนี้ล่ะ เขาจะต้องถูกกดดันจนเงียบไป ระหว่างการทดสอบ เขายังนับว่ามีอำนาจกระทำได้
ทว่า บิดาของ’เซี่ยวหยู่’อยู่ในระดับเดียวกันกับบิดาของ’ฮัวหลิง’ ผู้ดูแลฝ่ายนอกที่ครอบครองอำนาจตัดใจ ทั้งสองคนไม่ใช่บุคคลที่เขาสามารถตอแยได้ ยิ่งไปกว่านั้น หาก’เซี่ยวหยู่’แพร่ข่าวว่าเขาลำเอียง ตัดสินไม่เป็นธรรมระหว่างการสอบ เขาย่อมต้องโดนลงโทษแน่
“นายน้อยเซี่ยวหยู่ ท่านเข้าใจผิดแล้ว เรื่องเป็นเช่นนี้ นายน้อยฮัวหลิงมารับหมายเลขเข้าทดสอบไปก่อนที่พวกเราจะเตรียมการเสร็จ
เพียงแต่ท่านมาช้าไปเล็กน้อย นั่นจะเรียกว่าไม่เหมาะได้อย่างไร?”‘ผู้ดูแลกู่’พูด หลังจากที่นึกข้อแก้ตัวออกในพริบตา เขาเป็นคนฉลาด ดังนั้นเขาจึงไม่ยอมตกอยู่ในกำมือผู้อื่นง่ายนัก
‘เซี่ยวหยู่’ถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ แม้ว่าเขาจะรู้ว่า’ผู้ดูแลกู่’โกหก หน้าด้านๆ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้
“นายน้อยเซี่ยว ข้าลืมบอกท่านไป ข้าได้จองหมายเลขเข้าทดสอบสำหรับพวกท่านไว้ก่อนด้วย หากท่านต้องการทดสอบก่อน ข้าจะให้พวกท่านทดสอบก่อนพวกเรา”
‘ฮัวหลิง’หัวเราะเบาๆ
‘ผู้ดูแลกู่’ต้องมองไปทาง’ฮัวหลิง’อย่างสำนึกขอบคุณ ทั้งสองเป็นบุตรของผู้ดูแล แต่’ฮัวหลิง’รู้ว่าควรวางตัวอย่างไร เมื่อเทียบกับ’เซี่ยวหยู่’แล้วนับว่าไหลกว่ามาก เรียกได้ว่าไร้ช่องโหว่ทีเดียว
“ไม่จำเป็น อีกสักครู่ก็ถึงรอบพวกเราแล้ว”
‘เซี่ยวหยู่’ขมวดคิ้วครู่หนึ่ง หากเขาแซง’ฮัวหลิง’ มิเท่ากับว่าเขาเป็นคนประเภทเดียวกันกับ’ฮัวหลิง’หรือ?
“โอ้? ใกล้จะถึงรอบของนายน้อยเซี่ยวแล้วหรือ? ถ้าเช่นนั้นผู้ดูแลกู่ ท่านช่วยพวกเราทดสอบพร้อมกันเลยก็ได้ เช่นนี้แล้วข้ากับนายน้อยเซี่ยวจะได้มีเวลาคุยกัน”
‘ฮัวหลิง’หัวเราะเบาๆ
“เมื่อนายน้อยฮัวหลิงต้องการเช่นนั้น โปรดรอสักครู่ศิษย์ที่อยู่แถวหน้าใกล้จะทดสอบเสร็จแล้ว”
‘ผู้ดูแลกู่’ยิ้มบาง นัยตาปรากฎแววคลุมเครือสั่นไหวอยู่ ได้ยินว่าบิดาของทั้งสองคนไม่ถูกกัน และดูบุตรชายของทั้งสองก็คนจะเป็นเช่นเดียวกัน แต่เมื่อเรื่องราวไม่เกี่ยวข้องกับเขา ‘ผู้ดูแลกู่’ก็ยินดีจะนั่งลงข้างๆ รอชมเรื่องสนุกสนาน
‘เซี่ยวหยู่’ขมวดคิ้ว แสดงให้เห็นว่าไม่ชอบใจการยั่วยุของ’ฮัวหลิง’นิดหน่อย
‘ฮัวหลิง’มองไปทาง’เนี่ยหลี่’สามสหายแล้วยิ้ม
“ข้าไม่รู้หรอกนะว่ารากวิญญาณที่อัจฉริยะจากโลกใบเล็กเช่นพวกนี้จะอยู่ระดับใด? แต่ควรทราบว่านายน้อยเซี่ยวหยู่นั้นเป็นบุคคลหายากที่มีรากวิญญาณชั้นฟ้าระดับเจ็ด ข้าหวังว่าคนพวกนี้จะไม่เลวเช่นกัน”
‘เสี่ยวอวี้’ยังไม่แน่ใจในพรสวรรค์ของพวก’เนี่ยหลี่’นัก เมื่อ’ฮัวหลิง’กล้าข่มขนาดนี้ มันได้แต่กวาดสายตาเย็นชาใส่มันอย่างเงียบงัน
พวกศิษย์ที่ได้ทดสอบแถวหน้ามีหลายคนที่มีรากวิญญาณชั้นดิน หนึ่งในนั้นมีรากวิญญาณชั้นฟ้าระดับสาม กระตุ้นให้เสียงฮือฮาจากการตื่นตกใจดังขึ้นมา
“รากวิญญาณชั้นฟ้าเชียวนะ!!”
ทุกคนต่างมองไปยังอัจฉริยะผู้นั้นด้วยสายตาอิจฉา
อัจฉริยะผู้นั้นยังคงนิ่งตะลึง เดิมทีเขาเพียงแค่มาเรียนเป็นเพื่อนนายน้อยของเขา และการทดสอบคราวนี้ก็เพียงแค่มาทดสอบเป็นเพื่อนนายน้อย ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมีรากวิญญาณชั้นฟ้า
แปลโดย
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: