ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปเค้าแห่งความยินดีประดับอยู่บนใบหน้าของผู้ดูแลกู่
“ไปเขตตะวันตก!”
สถาบันวิญญาณฟ้าดูแลอัจฉริยะเช่นบุคคลสำคัญจริงๆ ถ้ามีอัจฉริยะที่มีรากวิญญาณชั้นฟ้าปรากฎตัวขึ้นสักคน แม้แต่ผู้ดูแลกู่ก็พลอยได้รับรางวัลด้วย
‘ลู่เปียว’มองไปที่’เซี่ยวหยู่’แล้วถามว่า
“เขตตะวันตก ตะวันออก และใต้นี่แตกต่างกันยังไง?”
‘เซี่ยวหยู่’ก็อธิบายว่า
“เขตเหนือนั้นนับว่าแย่สุด ปกติแล้ว คนที่มีรากวิญญาณต่ำกว่าชั้นมนุษย์ระดับห้าจะถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าเรียน แต่ยังมีบางคนที่ไม่อาจถอน ตัวเรื่องการเข้าเรียนที่นี่ง่ายๆ ด้วยเหตุผลด้านฐานะหรือมีครอบครัวอยู่ในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ คนที่เป็นแบบนั้นจะถูกส่งไปเขตทิศเหนือ”
‘ลู่เปียว’เข้าใจแล้ว พูดง่ายๆ ก็คือ คนที่ถูกส่งไปยังเขตทิศเหนือก็คือพวกลูกหลานคนใหญ่คนโตที่ไร้ความสามารถนั่นเอง ถ้าเป็นคนทั่วไปแล้วมีรากวิญญาณต่ำกว่าชั้นมนุษย์ระดับห้าล่ะก็ จะเข้าไปเรียนในเขตเหนือยังทำไม่ได้เลย
“เขตใต้นับว่าดีขึ้นมาเล็กน้อย เพราะใช้รองรับผู้มีรากวิญญาณชั้นมนุษย์ระดับห้าถึงระดับเก้า ส่วนเขตตะวันตกเป็นพื้นที่ที่ดีที่สุด ที่ศิษย์ใหม่จะสามารถเข้าไปได้ มีเพียงผู้มีรากวิญญาณชั้นดินและชั้นฟ้าเท่านั้นที่จะถูกส่งไปยังเขตตะวันตก ตอนนี้ข้าเองก็ยังอยู่ที่เขตตะวันตก คนที่สามารถฝึกฝนบ่มเพาะพลังได้รวดเร็วและแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่เพียงพอจึงจะสามารถย้ายไปยังเขตตะวันออกได้”
‘ลูเปียว’มองไปยังเซี่ยวหยู่แล้วถามว่า
“แล้วเขตกลางล่ะ?”
“เขตกลาง…”
‘เซี่ยวหยู่’เว้นจังหวะครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง
” นั่นเป็นสถานที่ลับสุดยอด ไม่มีใครรู้ว่าข้างในเป็นอย่างไร ทุกอย่างในนั้นถูกปกปิดเป็นความลับและห้ามเปิดเผยต่อภายนอกเด็ดขาด มีเพียงสุดยอดอัจฉริยะจากเขตตะวันออกเท่านั้นที่อาจจะมีสิทธิได้รับเลือกให้ไปที่นั่น ว่ากันว่ามีขุมกำลังหลักของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่นั่น”
‘เนี่ยหลี่’นิ่งเงียบ แม้ในชาติก่อน กับเรื่องของเขตกลางแล้ว เขาก็ยังได้รับรู้ข้อมูลเพียงบางส่วนเท่านั้น
พอมองไปข้างหน้าก็เห็นว่าใกล้ถึงรอบของพวกเขาแล้ว ‘เนี่ยหลี่’เข้าใจพรสวรรค์ของตัวเองดี ชาติก่อนเขาก็เคยทดสอบ และได้ทราบว่าตัวเองมีรากวิญญาณชั้นดินระดับเจ็ด
แม้ว่าไม่ได้แข็งแกร่งเป็นพิเศษ แต่ก็ยังนับได้ว่าโดดเด่น หากเป็นสถานการณ์ทั่วไป เขาก็คงไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้นเขาจึงสามารถบอกได้เลยว่าตัวเองยังคงมีรากวิญญาณชั้นดินระดับเจ็ด
เมื่อเวลาผ่านไป ก็มีคนที่ทดสอบเสร็จไปอีกหลายสิบคน
ผู้ดูแลกู่มองไปยัง’เซี่ยวหยู่’และ’ฮัวหลิง’ ก่อนจะพูดริมฝีปากประดับยิ้มบางว่า
“นายน้อยทั้งสอง ใกล้ถึงรอบคนของพวกท่านแล้ว”
‘ฮัวหลิง’ที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งยิ้ม
“ข้าจะให้ผู้ดูแลกู่เป็นผู้จัดการแล้วกัน ข้ากับเซี่ยวหยู่จะรออยู่ด้านข้าง”
‘ผู้ดูแลกู่’พยักหน้าแล้วชี้นิ้วไปยังบุคคลหนึ่งแลวพูดว่า
“เจ้าเข้ามานี่แล้วรับการทดสอบเสีย”
นั่นเป็นคนที่มาจากห้วงสวรรค์น้อย ชายหนุ่มอายุราวยี่สิบและสวมเสื้อคลุมตัวยาวสีม่วง
ชายหนุ่มก้าวออกไปข้างหน้า ภายใต้การดูแลของผู้ดูแลกู่และครูผู้ช่วยทั้งสอง เขาก็ค่อยๆ วางมือลงบนลูกแก้วทรงกลมที่มีขนาดใหญ่พอๆ กับหลักหินบอกระยะ จากนั้นจึงส่งพลังของตนเข้าไปอย่างช้าๆ
ลูกแก้วเรืองแสงสว่างขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นเส้นสายสีส้มก็ปรากฎขึ้นในลูกแก้วแล้วขมวดรวมกันเป็นมัดจำนวนหกมัด
‘ผู้ดูแลกู่’พยักหน้าแล้วพูดด้วยรอยยิ้มเบาบางว่า
“รากวิญญาณชั้นดินระดับหก ไม่เลว ส่งไปเขตตะวันตก”
‘ฮัวหลิง’เดินเข้าไปตบไหล่ชายหนุ่มแล้วชมว่า
“ดีมาก!”
ชายหนุ่มโค้งให้น้อยๆ ด้วยความเคารพก่อนจะล่าถอยไปอยู่ข้างหลัง’ฮัวหลิง’ ดูเขาจะไม่ค่อยถือตัวเท่าใดนัก
จากนั้นอาจารย์คุมสอบก็ทำการทดสอบคนอื่นๆ ต่อไป
“รากวิญญาณชั้นดินระดับสาม ไปเขตตะวันตก”
“รากวิญญาณชั้นดินระดับเจ็ด ไปเขตตะวันตก”
อีกสามคนถัดมามีรากวิญญาณชั้นดิน ทั้งหมดถูกส่งไปเขตตะวันตก
คนที่ต่อแถวอยู่ข้างหลังต่างก็เอาเรื่องนี้ไปกระซิบกระซาบกัน
“คนจากห้วงสวรรค์น้อยพวกนี้จะสุดยอดเกินไปแล้ว คนที่มาทดสอบมากมายขนาดนี้แต่เก้าส่วนมีรากวิญญาณไม่เกินชั้นมนุษย์ ในสิบคนจะพบคนที่มีรากวิญญาณชั้นดินสักคนหรือสองคนเท่านั้น แต่นี่ทั้งสามคนเป็นรากวิญญาณชั้นดินกันหมดเลย”
“นั่นสิ แถมหนึ่งในนั้นยังมีรากวิญญาณชั้นดินระดับเจ็ด เท่านั้นก็นับว่าหายากมากแล้ว”
มุมปากของ’ฮัวลิง’ยกตัวขึ้น ห้วงสวรรค์น้อยมักจะสามารถผลิตคนหนุ่มสาวที่มีพรสวรรค์ออกมาได้เป็นประจำ จะเอาไปเทียบกับที่อื่นได้อย่างไร
‘ผู้ดูแลกู่’ชี้ไปที่’กวนหยู่’
“เจ้าเข้ามานี่แล้วรับการทดสอบเสีย”
‘กวนหยู่’พยักหน้ารับคำ
“ขอรับ”
เขาก้าวออกไปข้างหน้า ภายใต้การดูแลของครูผู้ช่วยทั้งสอง เขาวางมือลงบนลูกแก้วทรงกลม แล้วส่งพลังของตนเข้าไป
โชคดีที่’เซี่ยวหยู่’อธิบายขั้นตอนให้ฟังก่อน แม้จะรู้อยู่ก่อนว่าลูกแก้วนี้จะเป็นสิ่งที่ตัดสินชะตาชีวิตในอนาคตของเขา แต่พอถึงเวลาจริงก็ยังอดประหม่าไม่ได้
เวลาผ่านไป ลูกแก้วก็ส่งแสงออกมาสว่างขึ้นเรื่อยๆ แล้วสายใยสีแดงก็ปรากฎขึ้นแล้วแยกออกเป็นเก้าสาย
“รากวิญญาณชั้นมนุษย์ระดับเก้า ส่งไปเขตทิศใต้”
‘ผู้ดูแลกู่’พูดหลังจากมองไปยังกวนหยู่ แม้ว่ารากวิญญาณชั้นมนุษย์ระดับเก้าจะไม่เลวแต่ก็ไม่อาจเรียกได้ว่าเหนือธรรมดา
‘กวนหยู่’ยืนเหม่อมองลูกแก้วตรงหน้าอย่างตกตะลึง พลางพึมพำว่า
“นี่เป็นไปไม่ได้ การทดสอบนี้ต้องมีอะไรผิดพลางแน่ ข้าต้องการทดสอบใหม่”
พอได้ยินคำพูดของ’กวนหยู่’ ‘ผู้ดูแลกู่’ก็พูดเสียงเย็นว่า
“การทดสอบไม่มีทางผิดพลาด หนึ่งคนทดสอบได้หนึ่งครั้งเท่านั้น”
ครูคุมสอบอีกสองคนก็มอง’กวนหยู่’ด้วยสายตาโมโห ‘กวนหยู่’ได้มองกลับมาด้วยสายตาเหม่อ แม้ว่าเขาจะผ่านการทดสอบ แต่รากวิญญาณชั้นมนุษย์ระดับเก้าไม่ถูกนับว่าเป็นอัจฉริยะ นี่นับเป็นสิ่งที่เขายากจะยอมรับได้ ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา เขานับได้ว่าเก่งกาจที่สุด เรียนรู้ได้เร็วที่สุด เป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์ที่สุดแท้ๆ
พอเห็น’กวนหยู่’เดินกลับมา ‘เนี่ยหลี่’ก็พูดอย่างสบายๆ ว่า
“ไม่ต้องไปสนใจมากนักหรอก แม้ว่าระดับของรากวิญญาณจะเกี่ยวเนื่องโดยตรงกับความเร็วในการบ่มเพาะพลัง แต่นั่นไม่ปัจจัยตัดสินความสามารถ”
ได้ยินที่’เนี่ยหลี่’พูด ‘กวนหยู่’ก็ต้องสับสนใจด้วยความรู้สึกหลากหลาย
‘ฮัวหลิง’หัวเราะออกมา
“ฮ่าๆๆ ระดับของรากวิญญาณไม่ใช่ปัจจัยตัดสิน ถูกแล้ว ลองดูนายน้อยเซี่ยวหยู่เป็นตัวอย่างสิ แม้ท่านจะมีรากวิญญาณชั้นฟ้าระดับเจ็ด จนป่านนี้พลังก็ยังค้างอยู่ระดับชั้นชะตาดินเลย?”
‘เซี่ยวหยู่’มองไปยังฮัวหลิงแล้วพูดว่า
“เจ้าต้องจะพูดอะไรกันแน่?”
พอเห็นสายตาของ’เซี่ยวหยู่’ ‘ฮัวหลิง’รีบกล่าวคำ
“ขออภัย”
ด้วยการพูดว่า
“นายน้อยเซี่ยวหยู่ ข้าต้องขออภัยด้วย ปากของข้ามันพาไปน่ะ ข้าไม่ได้ต้องการจะย้ำปัญหาเรื่องรากวิญญาณของท่านเลยจริงๆ”
‘เนี่ยหลี่’มองไปยัง’ฮัวหลิง’และส่งยิ้มให้
“ระดับของรากวิญญาณย่อมไม่สามารถตัดสินความสำเร็จในอนาคตของคนผู้หนึ่งได้ก็จริง แต่ยังมีความเกี่ยวเนื่องอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีรากวิญญาณชั้นฟ้า นายน้อยฮัวหลิงท่านเคยเห็นผู้มีรากวิญญาณชั้นฟ้าคนใดมีพลังค้างอยู่ที่ระดับชะตาดินไปตลอดหรือ? ตราบใดที่มีรากวิญญาณชั้นฟ้า นั่นก็จะเป็นสิ่งที่รับประกันได้ว่าคนผู้นั้นสามารถก้าวขั้นไปสู่ชั้นชะตาสวรรค์ได้”
‘ฮัวหลิง’เย้ยหยันว่า
“แล้วอย่างไร? ใช้เวลาฝึกฝนเป็นทศวรรษแค่เพื่อชั้นชะตาสวรรค์? ความเร็วในการบ่มเพาะพลังเท่านี้ก็ไม่ได้ดีไปกว่ารากวิญญาณชั้นมนุษย์หรอก”
“ก็ไม่เชิง”
‘เนี่ยหลี่’ส่ายหัวแล้วพูดต่อ
“ระดับวิญญาณของคนที่มีรากวิญญาณชั้นฟ้านั้นมีสภาวะที่น่าแตกตื่นอยู่แล้ว แต่เหตุใดคนที่มีรากวิญญาณชั้นฟ้าบางคนยังค้างอยู่ที่ระดับชะตาดินเป็นเวลานานเล่า? นั่นก็เพราะว่ารากวิญญาณชั้นฟ้าจะดูดซับพลังฟ้าดินเข้าสู่ร่างกายเพิ่มระดับวิญญาณเองอยู่แล้ว ไม่ทราบว่านายน้อยฮัวหลิงรู้จักวัตถุวิญญาณที่เรียกว่า ไผ่มณีม่วง หรือไม่? ไผ่มณีม่วงเป็นยอดสมุนไพร ใต้ฟ้าเหนือพิภพนี้นับว่าเป็นของหายากยิ่ง ปกติแล้วเมล็ดของมันมักจะฝังตัวอยู่ในดิน ดูดซับพลังพลังฟ้าดินเอาไว้ ไผ่มณีม่วงนี้จะเริ่มงอกหลังจากที่ดูดซับพลังมานานหลายร้อยปี และพอมันงอก มันก็จะเติบโตขึ้นเพียงไม่กี่นิ้วในแต่ละปี พอเวลาผ่านไปหลายพันหลายหมื่นปี ไผ่มณีม่วงจึงพร้อมที่จะแตกหน่อผลิใบ เมื่อเวลานั้นมาถึง ทันทีที่ไผ่มณีม่วงโผล่พ้นจากดิน มันก็จะโตพรวดจนสูงหลายสิบเชี๊ยะในวันเดียวและจะโตต่อไปอย่างรวดเร็ว”
‘ฮัวหลัง’ฟังจนหัวหมุนแต่ก็ฟื้นตัวได้เกือบจะทันที แล้วจึงแค่นเสียงกล่าวว่า
“แม้ว่าสิ่งที่เจ้าพูดจะฟังดูมีเหตุผล แล้วอย่างไร? ไผ่มณีม่วงจะเอามาเทียบรากวิญญาณชั้นฟ้าได้ยังไง?”
‘เนี่ยหลี่’ยิ้มบางแล้วตอบว่า
“แม้ว่ามันจะไม่ได้เกี่ยวข้องกัน และท่านก็คงไม่เชื่อข้า แต่ท่านสามารถสอบถามเพื่อยืนยันกับยุทธาจารย์ท่านไหนก็ได้ ว่าผู้ที่มีรากวิญญาณชั้นดินและชั้นฟ้าแล้วค้างอยู่ที่ระดับชะตาดินเป็นเวลาหนึ่งปี สามารถประกันได้ว่าจะก้าวไปถึงระดับชะตาสวรรค์ได้แน่นอน หากติดอยู่ที่ชั้นชะตาดินสองปีก็ประกันได้ว่าจะก้าวไปถึงชั้นแก่นแท้แห่งสวรรค์ได้แน่นอน และผู้ที่ค้างอยู่สามปี ก็คือยอดอัจฉริยะที่สามารถก้าวไปถึงระดับเทพสงครามได้แน่นอน ไม่ทราบว่านายน้อยเซี่ยวหยู่ติดอยู่ที่ชั้นชะตาดินนานเท่าใดแล้ว?”
“ห้าปีแล้ว”
‘เซี่ยวหยู่’มอง’เนี่ยหลี่’อย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง มันไม่สามารถบอกได้ว่าที่’เนี่ยหลี่’พูดเป็นความจริงหรือไม่
‘เนี่ยหลี่’มองไปยัง’เซี่ยวหยู่’แล้วพูดว่า
“ถ้าอย่างนั้นก็ขอแสดงความยินดีด้วย นายน้อยเสี้ยวอี้ ท่านคงจะสามารถทะลวงขีดจำกัดก้าวเข้าสู้ชั้นชะตาสวรรค์ได้เร็วๆ นี้ หลังจากนั้น ระดับพลังของท่านจะพุ่งขึ้นสูง ในระดับที่คนทั่วไปจะสามารถรับไม่ไหวทีเดียว”
‘ฮัวหลิง’ยิ้มเย็น
“ชิ ไร้สาระ แค่พูดออกมาส่งๆ แล้วคิดว่ามันจะเป็นจริง น่าขัน จะบอกว่าเจ้าเคยพบกับยอดฝีมือชั้นเทพสงครามมาแล้วสักคนหรือยังเถอะ? น้ำหน้าอย่างเจ้ามีสิทธิ์ยืนอยู่หน้ายอดฝีมือชั้นเทพสงครามงั้นหรือ?”
เขารู้สึกสังหรณ์ไม่ดีกับคำพูดของ’เนี่ยหลี่’ แต่เขายังไม่อาจทำใจยอมรับว่าสิ่งที่’เนี่ยหลี่’พูดเป็นความจริง
“เดี๋ยวก็รู้ รอดูไปเถอะ”
‘เนี่ยหลี่’ยักไหล่
‘เซี่ยวหยู่’หันมาปรึกษา’เนี่ยหลี่’ว่า
“เนี่ยหลี่ ที่เจ้าพูดเป็นความจริงหรือ?”
“ข้ากุเรื่องขึ้นเอง”
‘เนี่ยหลี่’ตอบ พลางลอบหัวเราะในใจ ที่พูดออกไปนั้นเป็นความจริงเพียงครึ่งหนึ่ง เขารู้ว่าวิญญาณของ’เซี่ยวหยู่’ถูกขัดเกลาจนอยู่ในระดับที่สามารถทะลวงขีดจำกัดไปสู่ชั้นชะตาสวรรค์ได้นานแล้ว ด้วยพรสวรรค์ขอ’เซี่ยวหยู่’ หลังจากที่ก้าวเข้าสู้ชั้นชะตาสวรรค์ การบ่มเพาะพลังของเขาย่อมจะต้องพุ่งขึ้นสูงอย่างที่ยากจะพบพาน
ยิ่งไปกว่านั้น ‘เนี่ยหลี่’สามารถบอกได้เลยว่า’เซี่ยวหยู่’เป็นเช่นเดียวกันกับ’เจ้านรกานต์’ ทั้งสองฝึกวิชา มังกรคำรามคณานับ สิ่งที่สุดยอดของวิชานี้ก็คือมันสามารถเทียบได้กับวิชาที่’เนี่ยหลี่’สอน’ตู่ซื่อ’กับ’ลูเปียว’ชนิดไม่เป็นรองแก่กันเลยแม้แต่นิ้วเดียว
ทว่า วิชา มังกรคำรามคณานับ ที่’เจ้านรกานต์’และ’เซี่ยวหยู่’ฝึกคงจะมีบางส่วนขาดหายไปจากต้นฉบับ นั่นจึงทำให้’เซี่ยวหยู่’ค้างอยู่ที่ระดับชะตาดินนานขนาดนี้
และนั่นก็เท่ากับว่า’เซี่ยวหยู่’มีความเป็นไปได้ที่จะทะลวงขีดจำกัดไปสู่ชั้นชะตาสวรรค์ได้แน่นอน หลังจากทะลวงขีดจำกัด เส้นทางของเขาจะลายเป็นเส้นทางที่เดินสะดวกไปจนกว่าจะเคาะประตูชั้นดาราสวรรค์นั่นแหละ จึงจะเริ่มฝึกได้ยากขึ้น
“ถ้างั้นก็ช่างเถอะ”
‘เซี่ยวหยู่’ยิ้มอย่างขมขื่น ‘เนี่ยหลี่’เพียงแค่แหลใส่’ฮัวหลิง’เท่านั้น เพียงแค่เรื่องที่’เนี่ยหลี่’พูดก็เพิ่มความหวังอันริบหรี่จนให้เขาดีใจเก้อเท่านั้น
‘เนี่ยหลี่’ยิ้มเงียบๆ
‘ฮัวหลิง’มองไปที่’เซี่ยวหยู่’ พอหันมายัง’เนี่ยหลี่’ก็แค่นเสียงเย็นชา เขาไม่อยากเชื่อสิ่งที่’เนี่ยหลี่’พูด เขาจึงหันไปดูคนของเขาทำการทดสอบต่อ
“รากวิญญาณชั้นดินระดับสาม”
“รากวิญญาณชั้นดินระดับเจ็ด”
“รากวิญญาณชั้นมนุษย์ระดับแปด”
การทดสอบผ่านไปหกคน ในนั้นปรากฎรากวิญญาณชั้นดินถึงห้าคน และรากวิญญาณชั้นมนุษย์ระดับแปดหนึ่งคน
พอได้ยินคำพูดของ’ผู้ดูแลกู่’ หน้าของ’ฮัวหลิง’ก็พลันเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำ มันแค่นเสียงเย็นชา
“สวะ!! รากวิญญาณชั้นมนุษย์ ไสหัวกลับไปห้วงสววรค์น้อยไป ข้าไม่ต้องการขยะรากวิญญาณชั้นมนุษย์ที่นี่”
ชายหนุ่มถูกด่าที่ทดสอบได้รากวิญญาณชั้นมนุษย์ระดับแปด มันอับอายจนหูแดงไปหมด..
จบตอน
แปลโดย
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: