ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปการเลื่อนระดับจาก รากวิญญาณชั้นดินระดับเจ็ด มาเป็นรากวิญญาณชั้นฟ้าระดับแปด เป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่เลยทีเดียว
ถึงแม้ว่า’เนี่ยลี่’จะประหลาดใจ แต่เขาก็ไม่ได้มีทีท่าว่าดีใจสักเท่าไหร่ ไม่ว่าผลการทดสอบจะเป็นอย่างไร เนี่ยลี่ก็ยังมั่นใจว่าตัวของเขานั้นสามารถบรรลุขั้นสูงได้ ซึ่งสำหรับคนธรรมดานั้นคงเป็นไปไม่ได้
‘ผู้ดูแล กู่’ พูดด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน
“รากวิญญาณชั้นฟ้าระดับแปด ส่งไปยังเขตตะวันตก”
เขาทำการทดสอบผู้เข้าทดสอบมามากมายนัก แต่’เนี่ยลี่’ที่มี รากวิญญาณชั้นฟ้าระดับแปด เขาไม่เคยพบใครที่มีรากวิญญาณถึงระดับนี้มาก่อน
ผู้เข้าทดสอบที่อยู่โดยรอบเกิดความโกลาหลขึ้นทันที รากวิญญาณชั้นฟ้าระดับแปด พวกเขาแสดงความตื่นตกใจและหวาดกลัวเมื่อมองไปยังเนี่ยลี่ ด้วยความสามารถระดับนี้ ทุกคนทำได้เพียงแค่ชื่นชมอยู่ไกลๆ เป็นระดับที่ไม่มีใครอาจเอื้อมได้
‘เซี่ยวหยู่’ เหลือบมองไปที่’ฮัวหลิง’พร้อมกับเอ่ยว่า
“คนของพวกเจ้าที่มาจากห้วงสวรรค์น้อยดูแล้วก็ไม่เท่าไหร่นี่”
‘ฮัวหลิง’พ่นลมหายใจออกมาแล้วตอกกลับไปทันที
“ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าทำอย่างไรถึงได้มีระดับรากวิญญาณสูงถึงเพียงนี้ ข้าหวังว่าพวกเขาคงจะไม่เหมือนกับเจ้าหรอกนะ ที่ทำได้เพียงแค่เย็บปักถักร้อย”
‘ฮัวหลิง’และพวกของเขาหันหลังกลับแล้วเดินจากไป ใบหน้าของเขามืดมน จนแทบไม่เห็นความสว่างแม้แต่น้อย โมโหจนหน้าดำหน้าแดง ไม่มีประโยชน์อะไรที่พวกเขาจะอยู่ตรงนี้ต่อไป
‘เซี่ยวหยู่’มองดู’ฮัวหลิง’และพวกของเขาเดินจากไป แล้วหันมาสนใจ’เนี่ยลี่’กับอีกทั้ง 2 คน
“ฮัวหลิงเป็นคนใจแคบ ในอนาคตพวกเจ้าต้องระวังให้ดี อย่าเผลอไปติดกับพวกมันเข้า ในสถาบันวิญญาณฟ้า ไม่มีใครที่ทำอะไรพวกเจ้าได้ก็จริง แต่เมื่อเจ้าออกไปข้างนอก มันจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
‘เนี่ยลี่’ตอบพร้อมกับพยักหน้า เขาไม่ได้กังวลกับเรื่องของ’ฮัวหลิง’มากนัก แต่มันคงจะดีกว่า ถ้าหากมีคนคอยจับตามอง พวกสารเลวนั่น ‘เซี่ยวหยู่’มองไปทาง’เนี่ยลี่’ และสองคนที่เหลือพร้อมกับพูดว่า
“ไปกันเถอะ!”
จากนั้นทั้งสี่คนก็เดินเข้าไปยังสถาบันวิญญาณฟ้าด้วยกัน
‘ผู้ดูแลกู่’ มองไปทางด้านหลังของ’เซี่ยวหยู่’กับอีกทั้งสามคนเดินออกไปจากพื้นที่นั้น ที่มุมปากของเขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น
‘เนี่ยลี่’และ’ลู่เพียว’ คนหนึ่งมีรากวิญญาณชั้นฟ้าระดับแปด อีกคนมีรากวิญญาณชั้นฟ้าระดับห้า เขาไม่รู้ว่าอะไรดลใจ ถึงได้ตัดสินใจที่จะช่วย’ฮัวหลิง’ก่อนหน้านี้ บางทีเขาอาจจะต้องลำบากมากขึ้นในอนาคตถ้าหากทำให้ทั้งสองคนเจ็บแค้นโดยที่ไม่ได้ตั้งใจเช่นนี้ เขากำลังคิดจะหาทางแก้ไขเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับ ‘เนี่ยลี่’และ’ลู่เพียว’
‘ผู้ดูแล กู่’ เป็นคนสุขุมและเจ้าเล่ห์ เขาระมัดระวังในทุกสิ่งที่เขาทำ แม้ว่าระดับการบ่มเพาะพลังของเขาไม่ได้สูงนัก แต่เขาก็มีความสามารถพอที่จะยืนหยัดอยู่ในตำแหน่งได้อย่างมั่นคง
‘เซี่ยวหยู่’มองไปทาง’กวนหยู่’แล้วพูดว่า
“กวนหยู่ เขตทิศใต้อยู่ข้างหน้านี่ เราจะแยกกันตรงนี้ เข้าไปรายงานตัวกับอาจารย์ทั้งสองท่านที่อยู่ที่นั่น แล้วพวกท่านจะเตรียมการสอนให้กับเจ้า จากนี้ไปเจ้าจะได้ฝึกการบ่มเพาะพลังในเขตใต้นี้ ”
‘กวนหยู่’นิ่งเงียบไปชั่วครู่
จากนั้นก็โค้งคำนับเล็กน้อยให้’เซี่ยวหยู่’ ‘เนี่ยลี่’ และ’ลู่เพียว’ ก่อนที่จะแยกตัวออกไป เขาได้ตระหนักถึงความสามารถของเขาที่ห่างชั้นมาก เมื่อเทียบกับสามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา พวกเขาทั้งสามคน ยังทำดีกับเขา มันคงจะน่าอายยิ่งนักหากเขายังคงทำตัวเย่อหยิ่งจองหองใส่พวกเขา การกระทำเช่นนี้ยังนับว่าเขามีศักดิ์ศรีอยู่บ้าง
หลังจากที่มองกวนหยู่เดินเข้าไปยังเขตทิศใต้ เซี่ยวหยู่ก็ละสายตาจากเขาแล้วหันมาพูดว่า
“พวกเราไปยังเขตตะวันตกกันได้แล้ว ในส่วนแรกคือพื้นที่ของสถาบันวิญญาณฟ้า เจ้าสามารถอยู่ที่นี่ได้ตามที่เจ้าต้องการ ในส่วนอื่นๆ นั้นเป็นส่วนที่เรียกได้ว่า เป็นสมบัติส่วนตัว ถ้าต้องการใช้งานพวกเจ้าก็ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม ข้าได้เช่าลานด้านหน้านี้ไว้หมดแล้ว ดังนั้น ในตอนนี้พวกเจ้าสามารถเข้าใช้ที่พักของข้าได้เลย”
‘ลู่เพียว’รู้สึกตื่นเต้นมาก
“สมบัติส่วนตัวงั้นเหรอ? มันเยี่ยมมาก! ”
หลังคำพูดของ’เซี่ยวหยู่’ ‘เนี่ยลี่’ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร เขาเพียงขยับตัวแล้วมองไปยังที่อื่นๆ
หลังจากที่มองดูรอบๆ เหมือนกับ’เนี่ยลี่’ ‘ลู่เพียว’มองออกไปไกล ๆ
“นี่มันกว้างแค่ไหนกันนะ?”
‘เซี่ยวหยู’เห็นพวกเขามองไปยังย่านการค้า ภายในย่านการค้ามีนักเรียนจากสถาบันวิญญาณฟ้าอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ พวกเขาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องอะไรบางอย่าง และดูเหมือนหลาย ๆ คนจะถืออะไรบางอย่างอยู่ในมือ
“อ๋อ ที่นั่นเป็นตลาดสำหรับนักเรียนสถาบันวิญญาณฟ้า เรียกว่า หอประชุมการบ่มเพาะพลังสถาบันวิญญาณฟ้า มักจะมีของมาขายตามที่กำหนดไว้ พวกเขาจะซื้อขายกันด้วยศิลาจิตวิญญาณ ซึ่งถือเป็นวัสดุสำคัญมากในการบ่มเพาะพลัง ”
‘เซี่ยวหยู่’ พูดต่ออีกว่า
“นอกจากนั้นพวกเขายังทำการซื้อขาย จิตอสูร รวมไปถึงของวิเศษต่าง ๆอีกด้วย”
ในอาณาจักรซากมังกร ระดับการเติมโตของจิตอสูรจะถูกแบ่งออกเป็นระดับต่ำ ระดับธรรมดา ระดับดี ระดับเยี่ยมยอด ระดับมหัศจรรย์ และระดับพระเจ้า อสูรที่ระดับการเติมโตระดับยอดเยี่ยมไม่ค่อยจะพบเห็นได้ง่ายนัก ระดับมหัศจรรย์นั้นนับว่าหาได้ยากยิ่ง ส่วนระดับพระเจ้านั้น ว่ากันว่าไม่มีอยู่จริง เพราะไม่มีผู้ใดเคยพบเห็นมาก่อน
หลังจากที่ได้ยิน’เซี่ยวหยู่’พูด ตาของ’ลู่เพียว’ถึงกับเบิกโพลง จิตอสูรของเขาและ’เนี่ยลี่’ ล้วนมีระดับการเติบโตระดับพระเจ้า เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า จิตอสูรที่มีระดับการเติบโตระดับพระเจ้าจะมีค่าถึงเพียงนี้ และเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งในอาณาจักรซากมังกรแห่งนี้
ราวกับรับรู้ได้ว่า’ลู่เพียว’นั้นคิดอะไรอยู่ ‘เนี่ยลี่’จริงส่ายหัวแล้วพูดว่า
“นอกเหนือจากระดับการเจริญเติบโตแล้ว สายเลือดของจิตวิญญาณอสูรยังเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้ายกตู่ซื่อเป็นตัวอย่างละก็ จิตอสูรทั้ง 2 ตัวของเขา ต่างก็มีระดับการเติมโตระดับพระเจ้าด้วยกันทั้งคู่ แต่พยัคฆ์ห้วงอเวจีนั้นไม่อาจเทียบได้กับกิเลนฟ้าได้เลย”
“แล้วสายเลือดของจิตอสูรถูกแบ่งไว้กี่ขั้นหล่ะ”
‘เนี่ยลี่’อธิบายต่อ
“สายเลือดของจิตอสูรนั้นถูกแบ่งเป็น 3 ระดับด้วยกัน ระดับแรกคือสายเลือดอสูรระดับธรรมดา ระดับที่สองคือระดับสายเลือดโบราณ เช่นเดียวกับกิเลนฟ้า ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นง่ายนัก และระดับที่สามคือสายเลือดดั้งเดิม เช่นสายเลือดมังกร ซึ่งโดยทั่วไปแล้วก็คงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะได้เจอ ”
‘ลู่เพียว’พยักหน้า
“ไม่แปลกใจเลยที่ให้ตู่ซื่อทิ้งพยัคฆ์ห้วงอเวจีไป หลังจากที่ได้เจอกับกิเลนฟ้า แม้ว่าพยัคฆ์ห้วงอเวจี จะมีระดับการเติบโตระดับพระเจ้า แต่มันก็เป็นเพียงสายเลือดระดับธรรมดา เมื่อเทียบกับสายเลือดโบราณระดับมันแตกต่างกันมากเกินไป”
“ในสถานการณ์ปกติแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เราจะได้พบกับจิตอสูรที่มีสายเลือดโบราณ ดังนั้นจิตอสูรที่พวกนักเรียนใช้กัน จึงมีเพียงพวกสายเลือดธรรมดาเท่านั้น ”
‘เซี่ยวหยู่’พูด
ในตอนนี้’ลู่เพียว’เข้าใจดีแล้ว ว่ามันเป็นความโชคดีของเขา ที่เนี่ยลี่ได้มอบจิตอสูรที่มีระดับการเติบโตระดับพระเจ้าให้กับเขามันเป็นเรื่องยากที่นักเรียนทั่วไปจะพบกับจิตอสูรที่มีระดับการเติบโตระดับพระเจ้า แม้จะเป็นเพียงสายเลือดธรรมดา ก็ตาม
“แล้วพวกของวิเศษหล่ะ”
‘ลู่เพียว’ถาม
“ของวิเศษมันก็เหมือนกับอาวุธชุดเกราะจากโลกใบเล็กของเรา ส่วนที่แตกต่างกันคือของวิเศษจะมีพลังสวรรค์แฝงอยู่ ดังนั้นของวิเศษพวกนี้จะแข็งแกร่งกว่าอาวุธและชุดเกราะธรรมดาเป็นอย่างมาก ของวิเศษจะถูกจัดระดับไว้ตั้งแต่ 1 ถึง 9 ระดับ
ถ้าเหนือกว่านั้นก็ถือว่าหลุดพ้นจากของวิเศษธรรมดา จะนับว่าเป็นของวิเศษระดับเหนือพระเจ้า การที่จะหาของวิเศษระดับ 3 ก็ยากมากแล้วสำหรับนักเรียนธรรมดา โดยทั่วไปจะมีเพียงของวิเศษระดับ 1 เท่านั้นที่เอามาซื้อขายกัน”‘เซี่ยวหยู่’อธิบาย
“อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง”
‘ลู่เพียว’เริ่มรู้สึกคาดหวังขึ้นมา อยากอยากรู้ว่ามันจะแข็งแกร่งแค่ไหน กันสำหรับของวิเศษที่มีพลังสวรรค์
“ถ้าเช่นนั้น ไปดูกันเถอะ”
‘เนี่ยลี่’ออกความเห็นจากนั้นก็เดินออกไป ‘เซี่ยวหยู่’ลังเลอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็เดินตามไป ‘ลู่เพียว’รีบก้าวเท้าตามไป มีนักเรียนหลายพันคนทำการซื้อขายกันอยู่ในตลาด
“ใครมีจิตอสูรที่มีระดับการเติมโต ระดับยอดเยี่ยมไหม? ข้ายินดีที่จะแลกมันกับศิลาจิตวิญญาณ 2 ก้อน!”
“ของวิเศษระดับ 2 สำหรับศิลาจิตวิญญาณ 9 ก้อน ใครสนใจบ้าง”
มีเสียงดังมากมายมาจากทุกทาง
“ถ้าศิลาจิตวิญญาณมีค่าขนาดนั้น ข้าสงสัยว่ามันใช้งานแบบไหนในการบ่มเพาะพลัง ”
‘ลู่เพียว’ถามด้วยความสงสัย
“ศิลาจิตวิญญาณ มีผลช่วยอย่างมากในการบ่มเพาะพลัง มันช่วยให้การบ่มเพาะพลังสูงขึ้นหนึ่งขั้นจากปกติ ทำให้หินจิตวิญญาณ มีความต้องการเป็นอย่างมาก”
‘เซี่ยวหยู่’อธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“พลังงานสวรรค์ในอาณาจักรซากมังกรนั้นเบาบางยิ่งนัก และไม่เพียงพอที่จะช่วยในการบ่มเพาะพลัง แต่ว่าศิลาจิตวิญญาณประกอบไปด้วยพลังสวรรค์ที่บริสุทธิ์ มันจึงช่วยสนับสนุนในการบ่มเพาะพลังได้เป็นอย่างดี ”
‘เซี่ยวหยู่’อธิบายต่อ
‘ลู่เพียว’พยักหน้า เขามีความคิดบางอย่างเกี่ยวกับศิลาจิตวิญญาณ
“ยาทิพย์พวกนี้ข้าจะขายได้ในราคาเท่าไหร่กัน”
‘ลู่เพียว’สอบถามพร้อมกับหยิบเอาขวดยาทิพย์ออกมา
‘เซี่ยวหยู่’ยิ้มพร้อมกับส่ายหน้า
“ยาทิพย์พวกนี้ไม่มีค่าเลยในที่แห่งนี้”
“เอ๋?”
‘ลู่เพียว’พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
“ถ้าข้ารู้ว่าเป็นเช่นนี้ ข้าคงจะนำจิตอสูรติดตัวมาด้วยเป็นแน่”
‘เซี่ยวหยู่’ส่ายหัวแล้วพูดว่า
“เปล่าประโยชน์เช่นกัน หากว่าเจ้านำจิตอสูรระดับธรรมดาเข้ามายังอาณาจักรซากมังกรนี้ แม้แต่จิตอสูรระดับสายเลือดโบราณยังแทบจะไม่มีผู้ใดต้องการใช้ นักเรียนส่วนใหญ่ที่นี่ต้องการใช้จิตอสูรสายเลือดมังกร พวกเขาล้วนไม่ต้องการจิตอสูรธรรมดา เว้นเสียแต่ว่าจะมีระดับการเติบโตระดับพระเจ้า แต่ก็มีวิธีที่จะหา จิตอสูรที่มีระดับการเติบโตระดับพระเจ้าได้ง่ายๆ”
“เอ๋….”
‘ลู่เพียว’รู้สึกสลดใจมากในตอนนี้ ที่ที่เขาวาดฝันไว้ถูกพังทะลายไม่มีชิ้นดี
จิตอสูรนั้นกำลังขาดแคลนในเมืองกลอรี่ เนี่ยลี่จึงไม่ได้นำติดตัวเข้ามายังอาณาจักรซากมังกรเลย สิ่งของส่วนใหญ่ที่อยู่ในแหวนมิติของเขา ก็เรียกได้ว่าไร้ค่าสำหรับที่นี่ นอกจากนั้นก็เป็นดาบเทพอัสนีดาวตก ไข่มุกพิษมรกต และของอื่นอีกเล็กน้อยเท่านั้น
ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่เขาจะขายของเหล่านั้น ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เขาจะรวบรวมศิลาจิตวิญญาณ เพื่อเอามาใช้ในการบ่มเพาะพลัง
แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังมีสมบัติอยู่อีกชิ้นที่ติดตัวมานั่นก็คือ หม้อแห่งจิตอสูรฝันร้าย ในอาณาจักรมังกรพ่าย จิตอสูรนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก หม้อแห่งจิตอสูรฝันร้าย ที่สามารถปรับแต่งจิตอสูรได้ ถือว่าเป็นของชั้นยอด
แต่ในตอนนี้ ‘เนี่ยลี่’เองก็ไม่อยากที่จะเปิดเผยเรื่องหม้อแห่งจิตอสูรฝันร้าย ให้ใครทราบ
‘เซี่ยวหยู่’ยิ้มเล็กน้อย
“นอกเหนือจากการซื้อขายและเปลี่ยนศิลาจิตวิญญาณแล้ว นักเรียนของสถาบันวิญญาณฟ้าจะได้รับ ศิลาจิตวิญญาณ 5 ก้อนต่อเดือน”
‘ลู่เพียว’ทำหน้าขมขื่น
“แค่ 5 ก้อนเองเหรอ?”
‘เซี่ยวหยู่’ยิ้มแล้วตอบว่า
“นั่นก็มากพอแล้ว”
‘ลู่เพียว’ช่างโลภและไม่รู้จักพอจริงๆ โลกแห่งรากวิญญาณทั่วไปเท่านั้น ที่สามารถเก็บรวบรวมศิลาจิตวิญญาณได้ โดยที่ผู้ที่รวมรวมศิลาจิตวิญญาณมาได้นั้น จะเก็บซ่อนอย่างมิดชิดเลยทีเดียว
‘เนี่ยลี่’เดินเข้าไปข้างใน ของวิเศษ จิตอสูร และของอื่นๆที่พวกนักเรียนเอามาแลกเปลี่ยน ล้วนเป็นของระดับธรรมดาทั้งหมด
แม้ว่าจะมีเพียงแค่ไม่กี่อย่างเช่น เมล็ดดอกไม้สีชาด และโลหะลึกลับสีม่วงท่ามกลางคนเหล่านี้ มีเพียงไม่กี่คนที่ดึงดูดความสนใจของเขา แต่ในกระเป๋าของเขาตอนนี้ยังคงว่างเปล่า เขาไม่มีศิลาจิตวิญญาณแม้เพียงสักก้อน เขาจึงไม่อาจที่จะซื้ออะไรได้เลย
‘เนี่ยลี่’ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดขึ้นมาว่า
“เมื่อไหร่พวกเราถึงจะได้รับศิลาจิตวิญญาณจาก สถาบัน เพื่อนำมาใช้ในการบ่มเพาะพลัง”
เพื่อการบ่มเพราะพลังในอาณาจักซากมังกร ศิลาจิตวิญญาณนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การบ่มเพาะพลังที่เพิ่มขึ้นถึงหนึ่งขั้นนั้นนับว่าจำเป็นเป็นอย่างมาก นกจากนี้ศิลาจิตวิญญาณสามารถผลิตได้ที่ทะเลสาปแห่งเทพเท่านั้น และที่ทะเลสาปแห่งเทพต้องใช้เวลานับหมื่นปีในการสร้างศิลาจิตวิญญาณขึ้นมา
จำนวนของทะเลสาปแห่งเทพ นั้นถูกจำกัดไว้อย่างมากในอาณาจักรซากมังกร และนอกจากนี้จำนวนยังลดลงอีกในปีที่ผ่านมา
ดังนั้นความต้องการศิลาจิตวิญญาณจึงมีสูงมากอยู่ตลอดเวลาและไม่เพียงพอที่จะสนองความต้องการได้เลย
สำหรับนิกายขนาดใหญ่อย่าง นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาก็ถูกควบคุมเรื่องทะเลสาปแห่งเทพ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหามาให้เพียงพอต่อความใช้งานในนิกายเช่นกัน
ในทุก ๆ ปี นิกายขนาดใหญ่ จะมีการต่อสู้กันอย่างรุนแรงเพื่อที่จะได้สิทธิ์ในการครอบครองทะเลสาปแห่งเทพ
‘เซี่ยวหยู่’เดินนำพวกเขาไป พวกเขาทั้งสามคนเดินผ่านฝูงชนและค่อยๆเข้าไปสู่พื้นที่เขตตะวันตก อาคารสูงใหญ่กว่าสิบเมตรตั้งตระหง่านเหนือหัวของพวกเขา พืชพรรณมากมายเติบโตอยู่ใต้อาคารนี้มีพื้นที่เชื่อมต่อกับเส้นทางเล็กๆ ไขว้กัน ผ่านป่าสีเทา นักเรียนหลายคนแยกย้ายกันมาตามทาง
การมาถึงของ’เซี่ยวอยู่’กับพวกเขาสองคน ทุกคนหันมามองด้วยความประหลาดใจพร้อมกับซุบซิบเสียงเบาๆ
“เจ้ารู้ไหม? พวกเขาบอกว่ามีสองคนที่มาจากโลกใบเล็ก หนึ่งในนั้นทดสอบได้รากวิญญาณชั้นฟ้าระดับแปด และอีกคนได้รากวิญญาณชั้นฟ้าระดับห้า! เป็นไปได้ว่าทั้งสองคนจะเข้ามาที่เขตตะวันตกของพวกเรา”
“ข้าคงต้องยอมแพ้ ขนาดเซี่ยวหยู่ มีรากวิญญาณชั้นฟ้าระดับเจ็ด เขายังไม่สามารถสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับชะตาสวรรค์ได้ ส่วนทั้ง 2 คนนั้นจะเป็นอย่างไรข้าก็ยังไม่รู้ ”
พวกนักเรียนรีบเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว
แปลโดย นายมะพร้าว
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: