ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“ไม่ทราบว่าท่านรู้จักสมุนไพรที่เรียกว่า หญ้าหนามแดง รึเปล่า? เมื่อสมุนไพรชนิดนี้ผสมเข้ากับผลอสรพิษ จะสามารถผลิตสารพิษที่ไร้สีไร้กลิ่นไร้รสชาติได้ หลังจากที่กินมันเข้าไปแล้วผลลัพธ์ของมันคือการทำให้หลอดเลือดดำค่อยๆอุดตัน การบ่มเพาะพลังจะทำให้เกิดความสะดุดไม่ลื่นไหลเหมือนเช่นเคย และพิษชนิดนี้ไม่สามารถตรจพบได้”
‘เนี่ยหลี่’กล่าว
คำพูดของ’เนี่ยหลี่’ ทำให้ร่างของ’กู้หลาน’นั้นสั่นสะท้านไปด้วยความกลัว นางสบตากับ’กู้เบ่ย’ อาการที่’เนี่ยหลี่’ได้อธิบายมาช่างตรงกับอาการที่นางประสบยิ่งนัก
‘กู้เบ่ย’ จับไหล่ของ’เนี่ยหลี่’ และถาม
“ถ้าเช่นนั้นพิษชนิดนี้สามารถรักษาได้รึเปล่า?”
“ใจเย็นก่อน เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลมากนัก พี่สาวของเจ้าถูกวางยาพิษในระยะเวลานานแล้ว มิใช่เพิ่งจะโดนภายในวันสองวันนี้เสียหน่อย เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลมากขนาดนี้ก็ได้ ก่อนที่ข้าจะมาที่นี่ข้าคิดว่านางเพียงแค่ได้รับบาดเจ็บธรรมดาเป็นเรื่องง่ายที่ข้าจะทำการรักษา แต่เมื่อข้าได้เห็นนางแล้วทำให้ข้าแน่ใจว่านางนั้นถูกวางยาพิษ”
‘เนี่ยหลี่’พึมพำ
“เนี่ยหลี่”
หัวใจของ’กู้เบ่ย’ลุกโชนไปด้วยไฟแห่งความหวังอีกครั้ง
“ตราบใดที่เจ้ารักษาพี่สาวข้า ไม่ว่าจะเป็นคำขอใด ข้ายินดีจะทำให้เจ้าทั้งสิ้น!”
‘กู้หลาน’และ’กู้เบ่ย’ บิดาและมารดาของพวกเขา ได้จากไปตั้งแต่ยังเยาว์ แม้ว่าจะเป็นเชื้อสายโดยตรงที่ได้รับความสามารถมากกว่าผู้อื่น แต่แล้ว’กู้หลาน’กลับต้องเสียสิทธิ์ในการขึ้นเป็นผู้นำตระกูลเนื่องจากสภาพร่างกายอัมพาตของนาง
เว้นแต่ระดับการบ่มเพาะของ’กู้เบ่ย’จะพุ่งทยานสูงขึ้นเท่านั้น จึงจะกลายเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติที่จะสืบทอดตำแหน่ง แต่ในสายตาของบุคคลอื่น’กู้เบ่ย’ถูกมองเป็นพวกขี้เกียจสันหลังยาว แต่ในความเป็นจริงแล้ว ‘กู้เบ่ย’ พยายามฝึกฝนบ่มเพาะพลังของเขาเป็นอย่างมากและความสามารถก็ไม่น้อยไปกว่าพี่สาวของเขาเลย
“อันตัวข้านี้มาที่นี่เนื่องจากภารกิจและรางวัลตอนแทนเป็นศิลาจิตวิญญาณหนึ่งพันก้อน”
‘เนี่ยหลี่’ยิ้มพลางเหลือบมองไปยัง’กู้เบ่ย’และพูดต่อ
“สิ่งที่ข้าจะกล่าวก็คือสถานที่แห่งนี้ปลอดภัยรึไม่?หากมีผู้ใดล่วงรู้ถึงความสามารถที่ข้ารักษานายหญิงตระกูลกู่ให้หายดีเป็นปรกติแล้ว พวกเขาจะไม่หาวิธีทางอื่นเพื่อจัดการนางหรอกหรือ?”
“ท่านไม่จำเป็นต้องกังวลอันใด”
‘กู้หลาน’เข้าใจในสิ่งที่’เนี่ยหลี่’กล่าวมาดี
“หลังจากประสบการณ์ครั้งนี้ข้าตระหนักดีแล้ว ว่าแม้จะอยู่ภายในตระกูลพวกข้าก็ยังมีคนปองชีวิต ถ้าท่านสามารถรักษาพิษนี้ของข้า ข้าขอให้สัจจะว่าจะปกปิดเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ โลกภายนอกก็จักรับรู้ว่าข้ายังเป็นคนพิการต่อไป”
แม้ว่า’เนี่ยหลี่’อายุน้อยกว่ากู้เบ่ย แต่ทว่าเขาเป็นแพทย์ ไม่ใช่เรื่องไม่เหมาะสมอันใดที่นางจะเรียกเขาว่า “ท่าน”
ซามะ อร้าง โปรด…ฉันเยี่ยงเดรัจฉาน!!.โทษๆ
เมื่อได้ยินประโยคที่’กู้หลาน’เอ่ยออกมา ‘เนี่ยหลี่’พยักหน้า นางช่างหลักแหลมยิ่งนัก
“พิษชนิดนี้อยู่ในร่างของท่านน้อยสุดก็เป็นเวลาสามปีแล้ว ถ้าข้าจัดยาอย่างแรงให้ท่านข้าเกรงว่าหลอดเลือดดำของท่านจะรับมันไม่ไหว ดังนั้นข้าจะเขียนใบสั่งยาให้ท่านกินไปสักระยะหนึ่งก่อน เมื่อพิษในตัวท่านลดลดความรุนแรงลงแล้วข้าจะทำการรักษาอย่างละเอียดอีกทีหนึ่ง”
‘เนี่ยหลี่’กล่าว ว่าแล้วดึงเอาปากกาและกระดาษออกมาจากแหวนมิติ พร้อมกับเขียนสูตรของยาแล้วยื่นมันให้’กู้เบ่ย’
‘กู้เบ่ย’รับมันมาจาก’เนี่ยหลี่’พร้อมถือไว้ราวกับว่ามันเป็นสมบัติอันล้ำค่า
“ข้าจะรีบไปเตรียมสมุนไพรเหล่านี้!”
นับตั้งแต่’กู้หลาน’ล้มป่วยลง เป็นเวลานาน ดังนั้นพวกเขาจึงมีสมุนไพรทุกชนิดที่ร้านขายยามี ‘กู้เบ่ย’รีบจัดเตรียมสมุนไพรเหล่านั้นทันที
‘หลู่เปียว’สะกิดถาม’เนี่ยหลี่’
“เจ้ามั่นใจมากน้อยเพียงใดเกี่ยวกับการรักษานาง?”
“นับตั้งแต่ข้าได้รู้สาเหตุการเจ็บป่วยของนาง ข้าสามารถรักษานางได้แน่นอนร้อยเปอร์เซ็น”
‘เนี่ยหลี่’กล่าว พร้อมยกศรีษะเชิดพลางส่งยิ้มให้กับ’กู้หลาน’ เท่าที่ดูแล้ว’กู้หลาน’น่าจะอายุเพียง 18-19 ปีเท่านั้น หากนางไม่ได้ล้มป่วยมาเป็นเวลานาน จนใบหน้าของนางนั้นขาวซีด นางจักต้องเป็นหญิงที่งดงามเพียบพร้อมอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม’เนี่ยหลี่’มองนางด้วยสายตาชื่นชม ไร้ความรู้สึกอื่นเหนือจากนี้
ตอนหนิงเอ๋อเอ็งก็พูดเงี้ย !
“ขอบคุณท่านมาก สำหรับการช่วยรักษาข้า”
เมื่อ’กู้หลาน’พูดออกมาด้วย ความที่ไม่ช้าไม่เร็วของวาจานาง ทำให้รู้สึกราวกับปลิวล่องลอยไปตามสายลมหนาว นางช่างเป็นหญิงสาวที่สุขุมยิ่งนัก
“ท่านสุภาพเกินไปแล้ว ท่านหญิงกู้ เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่เราจะต้องให้ความจริงใจต่อผู้ที่ มอบความไว้วางใจให้กับเรา”
‘เนี่ยหลี่’กล่าวและยิ้มเบาๆ
‘กู้หลาน’พยักหน้าให้ ในขณะที่นางยังนั่งอยู่อย่างสงบนิ่ง
‘กู้หลาน’ครุ่นคิดอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนจะเปิดประเด็นถาม’เนี่ยหลี่ ‘
“ข้าอยากรู้ยิ่งนักว่า ท่านมาจากที่ใดกันหรือ?”
“โลกใบเล็ก”
‘เนี่ยหลี่’กล่าว
“โอ้? ท่านมาจากโลกใบเล็กนี่เอง”
‘กู้หลาน’หยุดชะงักไปชั่วครู
“ยามเมื่อข้ายังเป็นเด็ก อาจารย์ของข้าก็มาจากโลกใบเล็กเช่นกัน”
หัวใจ’เนี่ยหลี่’เต้นเร็วกว่าเดิมเล็กน้อยและกล่าวถามว่า
“ข้า อยากรู้ นามของอาจารย์ท่ายิ่งนัก ไม่ทราบว่าท่านจะบอกข้าได้หรือไม่ว่าอาจารย์ของท่านมีนามว่าอะไร?”
“อาจารย์ของข้าไม่เคยเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง นึกอยากจะมาก็มาอยากจะไปก็ไป ทำตัวอิสระล่องลอยหาตัวจับได้ยาก แม้แต่ข้าเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าตอนนี้เขาจะอยู่ที่ไหน การปรากฏตัวของเขานั้นสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา”
‘กู้หลาน’ยิ้มอย่างขมขืนพลางส่ายหัวของนาง
“อาจารย์ของข้าไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นเป็นเวลา ห้าปี มาแล้ว มิฉะนั้นข้าคงไม่ต้องมาติดแหง่กอยู่ในสภาพน่าเวทนาเช่นนี้ ข้ารู้เพียงแค่ว่าระดับการบ่มเพาะพลังของท่านอาจารย์นั้นสูงมาก แม้กระทั่ง ผู้เยี่ยมยุทธระดับบรรพบุรุษเทพสงครามขั้นที่ 5 ก็ยังไม่สามารถเป็นคู่มือของท่านอาจารย์ได้”
ความสงสัยทวีคูณขึ้นภายในจิตใจของ ‘เนี่ยหลี่’ เกี่ยวกับอาจารย์ของ’กู้หลาน’ เขาเป็นผู้ที่มาจากโลกใบเล็ก แถมยังครอบครองความแข็งแกร่งอันน่าอัศจรรย์ ทำให้ ‘เนี่ยหลี่’ อยากทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา อย่างไรก็ตามถ้าแม้แต่’กู้หลาน’ยังไม่รู้จักชื่อของเขา
‘เนี่ยหลี่’ ก็ไม่สามารถจะทำอันใดได้ในระหว่างการสนทนาระหว่าง ‘เนี่ยหลี่’ และ’กู้หลาน’ ‘กู้เบ่ย’ รีบวิ่งเข้ามา โดยมีชามของยาสมุนไพรที่หอมกรุ่นอยู่ในมือ
“นี่คือยาที่ข้าต้มมาเมื่อครู่ ท่านพี่ลองทานมันดูเถิด”
‘กู้เบ่ย’ ส่งชามในมือให้’กู้หลาน’
‘กู้หลาน’พยักหน้าพร้อมยื่นมือรับชามยาสมุนไพร จาก’กู้เบ่ย’ นางเริ่มดื่มยาสมุนไพรนั้น ขณะที่นางดื่มยาสีหน้าท่าทางของนางยังสงบนิ่งไม่มีท่าทีเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย
หลังจากที่นางดื่มยาในชามจนหมดแล้ว ‘กู้หลาน’ขมวดคิ้วของนางในช่วงเวลาสั้นๆพร้อมกับปิดตาลง สัมผัสการเปลี่ยนแปลงในขอบเขตวิญญาณของนาง
‘กู้เบ่ย’มอง ‘กู้หลาน’อย่างใจจดใจจ่อ กระทั่ง’หลู่เปียว’เองยังจ้องมองนางด้วยความคาดหวัง มีเพียง’เนี่ยหลี่’เท่านั้นที่มั่นใจในผลลัพธ์ของมัน
หลังจากนั้นไม่นาน ‘กู้หลาน’เบิกตามองมายัง’เนี่ยหลี่’ และกล่าวว่า
“ยาสมุนไพรนี้สามารถบรรเทาพิษในร่างกายของข้าได้จริงๆ ข้ารู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของหลอดเลือดชีพจรของข้า! ข้าขอบคุณท่านมากสำหรับการช่วยเหลือ!”
ช่วยไม่ได้ที่นางจะสูญเสียความสงบเยือกเย็นของนางไป อารมณ์ต่างๆนาๆ ปรากฏอยู่บนใบหน้าของนาง นางไม่คาดคิดเลยว่ายาชนิดนี้จะออกผลเร็วมากมายขนาดนี้
“มันเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนักที่สามารถรักษาท่านหญิงตระกูลกู้ได้”
‘เนี่ยหลี่’พยักหน้ายิ้มเบาๆ
“นับแต่นี้ไปเป็นเวลาหนึ่งเดือนท่านต้องกินยาชนิดนี้ หลังจากนั้นข้าจะเปลี่ยนยาชนิดใหม่ให้ท่านได้กินต่อไป ข้ารับประกันได้ว่าอาการเจ็บป่วยของท่านจะต้องหายดีเป็นปลิดทิ้ง!”
‘กู้เบ่ย’ รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ตัวเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าเนี่ยหลี่จะสามารถทำมันได้จริงๆ สามารถรักษาพี่สาวได้จริงๆ นับจากนี้ไม่ว่าจะต้องเสียสละสิ่งใดเขาก็ยินดี
“เนี่ยหลี่ นี่เป็นรางวัลสำหรับการรักษาท่านพี่ข้า หากในภายภาคหน้าเจ้าต้องการสิ่งใด อย่าได้ลังเลที่จะกล่าวขอ หากมันเป็นสิ่งที่ข้าสามารถทำได้ข้ายินดีที่จะทำ!”
‘กู้เบ่ย’ตบลงบนอกของตนเอง พร้อมกับนำแหวนมิติที่เต็มไปด้วยศิลาจิตวิญญาณส่งมอบให้’เนี่ยหลี่’
‘เนี่ยหลี่’ตรวจดูศิลาจิตวิญญาณภายในแหวนมิติก็ต้องพบว่ามันมีจำนวน มากถึงหนึ่งพันห้าร้อยก้อน ‘กู้เบ่ย’ช่างมั่งคั่งยิ่งนัก
‘กู้เบ่ย’และพี่สาวของเขาเป็นเชื้อสายตรงของตระกูลกู้ แม้จักไม่ประสบผลสำเร็จในเส้นทางการบ่มเพาะพลัง แต่ปริมาณศิลาจิตวิญญาณที่พวกเขาได้รับจากตระกูลก็ยังเป็นจำนวนที่คนธรรมดาสามัญมิอาจฝันถึง
อย่างไรก็ตามจำนวนหนึ่งพันห้าร้อยนี่น่าจะเป็นทั้งหมดที่’กู้เบ่ย’มีแล้ว เนื่องจากศิลาจิตวิญญาณเป็นทรพยากรที่หาได้ยากมาก ยังไม่นับว่า’กู้เบ่ย’เองก็ต้องใช้มันเป็นจำนวนมากเพื่อการบ่มเพาะพลังของตัวเองเช่นเดียวกัน
‘เนี่ยหลี่’นำ ศิลาจิตวิญญาณจำนวน ห้าร้อยก้อนใส่ในแหวนมิติตัวเอง แล้วคืนแหวนมิติของ’กู้เบ่ย’ที่มีศิลาจิตวิญญาณ ที่เหลือให้เขาไป
“ในป้ายที่ติดประกาศคำร้องขอเอาไว้ได้บอกถึงรางวัลไว้ ว่าแค่ศิลาจิตวิญญาณเพียงหนึ่งพันก้อนเท่านั้น อีกอย่างนี่ยังไม่นับว่าทำการรักษาได้สำเร็จ ดังนั้นข้าจะขอรับมันเป็นเพียงห้าร้อยก้อน ก่อนเมื่อข้ารักษาเสร็จสิ้นแล้วข้าจะมารับส่วนที่เหลือ!”
‘กู้เบ่ย’รับแหวนมาจาก’เนี่ยหลี่’พร้อมกับมองไปที่’เนี่ยหลี่’ด้วยสายตาที่ซาบซึ้ง ไม่มีทางใดเลยที่จะชำระหนี้บุญคุณนี้คืนแก่’เนี่ยหลี่’ได้
“เนี่ยหลี่ หลู่เปียว นับแต่นี้เป็นต้นไปพวกเจ้าคือพี่น้องของข้า!”
‘กู้เบ่ย’ มองมายัง’เนี่ยลี่’ และ ‘หลู่เปียว’ พร้อมกล่าววาจาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เจ้าบ้า! นี่หมายความว่าจนถึงตะกี้นี้เจ้าก็ไม่เคยเห็นพวกเราเป็นพี่น้องเจ้างั้นสิ!”
‘หลู่เปียว’สบถความไม่พอใจออกมา
“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น!”
‘กู้เบ่ย’รีบปัดมือไปมา พร้อมกับอธิบาย
เมื่อได้เห็นการกระทำของเด็กหนุ่มทั้งสามคน ‘กู้หลาน’ที่นั่งมองอยู่มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง มันเป็นเวลาที่ยาวนานแค่ไหนแล้วนะที่นางไม่ได้มีความสุขแบบนี้
นางคิดเสมอว่าอาการเจ็บป่วยของตนไม่อาจหาทางรักษาได้นางจึงได้ปิดใจของตนเองไม่แสดงความรู้สึกใดๆออกมาให้เห็นอีก จนกระทั่งถึงวันนี้วันที่นางได้เห็นแสงสว่างแห่งความหวังนั้นอีกครั้งหนึ่งที่สาดส่องเข้ามาในชีวิตนาง
“กู้เบ่ย ดูแลพี่สาวเจ้าให้ดี ถึงเวลาที่พวกข้าต้องไปกันแล้ว งั้นก็ขอลาตรงนี้เลยแล้วกัน ในภายหน้าจงระมัดระวังอาหารที่ส่งมาให้ดี”
‘เนี่ยหลี่’พูดเสียงแผ่ว
ความรู้สึกผ่อนคลายถูกแทนที่ด้วยความเคร่งเครียดทันที ‘กู้เบ่ย’พยักหน้า
“ข้าเข้าใจ!”
บุคคลที่สามารถวางยาพิษใส่ในอาหารของกู้หลาน โดยที่ไม่สามารถตรวจจับได้ มีโอกาสสูงมากทีเดียวที่จะเป็นคนใกล้ตัว
เมื่อล่ำลา ‘กู้เบ่ย’และ’กู้หลาน’ เสร็จ ‘เนี่ยหลี่’และ’หลู่เปียว’ ก็เดินออกมา
‘กู้หลาน’ มองไปที่’เนี่ยหลี่’และ’หลู่เปียว’ ก่อนจะหันมาถาม’กู้เบ่ย’
“น้องเล็ก เจ้าพบพวกเขาทั้งคู่ได้อย่างไร?”
“พวกเขาทั้งคู่เป็นเพื่อนร่วมชั้นของข้างเอง ทั้งคู่เป็นอัจฉริยะที่มีระดับรากวิญญาณชั้นฟ้า โดยอย่างยิ่งเนี่ยหลี่ เขาอยู่ในระดับรากวิญญาณชั้นฟ้า ขั้นที่ 8”
‘กู้เบ่ย’ยังพูดต่อไปอีกว่า
“เรารู้มาว่าเขานั้นรอบรู้ในด้านอื่นๆมากมาย แต่ข้าไม่คาดคิดเลยว่าเนี่ยหลี่จะมีความรู้ทางการแพทย์อยู่ด้วย แถมยังอยู่ในระดับสูงมากทีเดียว เหล่าแพทย์ก่อนหน้านั้นก็ไม่สามารถวินิจฉัยอาการของท่านพี่ได้ แต่กับเนี่ยหลี่แล้วเขาแค่มอง เพียงแค่การมองเท่านั้นถึงกับรู้สาเหตุได้ทั้งหมด ช่างเป็นบุคคลที่น่ากลัวยิ่งนัก”
“อ่า. รากวิญญาณฟ้า ขั้นที่ 8 ?”
ดวงตาของ’กู้หลาน’เปล่งประกาย นางไม่คิดว่าพรสวรรค์ของ’เนี่ยหลี่’จะน่ากลัวถึงเพียงนี้ ไม่เพียงแค่นั้นยังมีความรู้ความสามารถในการแพทย์ที่สูงลิบ หากเป็นเช่นนี้ตัวตนในอนาคตของเขาจะสูงส่งถึงเพียงใดกัน?
ขณะที่เดินกันอยู่นั้นด้วยความอยากรู้’หลู่เปีย’วจึงเปิดปากถาม’เนี่ยหลี่’
“เนี่ยหลี่ในเมื่อพวกเขามอบศิลาจิตวิญญาณจำนวนมากให้ ทำไม่ถึงไม่รับไว้?”
“มีหรือสุภาพบุรุษที่ไม่ชอบความมั่งคั่ง แต่ก็ต้องตั้งอยู่บนหลักของความเหมาะสมด้วย กู้เบ่ยมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับพี่สาวของเขามาก ถึงกับยอมมอบศิลาจิตวิญญาณทั้งหมดมาให้ แต่เพียงแค่ศิลาจิตวิญญาณจำนวนห้าร้อยก้อนก็เพียงพอแล้วสำหรับพวกเราตอนนี้ ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเอาศิลาจิตวิญญาณของเขามาทั้งหมด”
‘เนี่ยหลี่’ยิ้มเบาๆ ก่อนหน้านี้เขาได้รับศิลาจิตวิญญาณจาก’เซี่ยวหยู่’ แต่’เนี่ยหลี่’ก็ไม่ได้อยากใช้มันเท่าไหร่นักเพราะเหมือนกับจะเป็นการติดหนี้บุญคุณ
ขณะเดียวกันนี้ ‘เนี่ยหลี่’ก็ไม่ได้เอาศิลาจิตวิญญาณทั้งหมดมาจาก’กู้เบ่ย’ เพราะต้องการสร้างสัมพันธ์อันดีไว้ ‘กู้เบ่ย’และ’กู้หลาน’ ต้องเป็นสุดยอดผู้เยี่ยมยุทธในอนาคตเป็นแน่ ดังนั้นการสร้างสัมพันธ์อันดีไว้ตั้งแต่ตอนนี้ นับว่าคุ้มค่ากว่าศิลาจิตวิญญาณมากนัก
“โอ้วว”
‘หลู่เปียว’ทำท่าเหมือนจะเข้าใจ ถึงแม้จะรู้สึกว่า ‘กู้เบ่ย’และ’กู้หลาน’ เป็นคนที่ซื้อสัตย์จริงใจ แต่’หลู่เปียว’ก็ยังมีความรู้สึกที่ว่าได้มันมาน้อยเกินไป
โลภจริงไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง 555+ อ่านแล้วคิดถึงสมาชิกงานกลุ่ม โฮ่ๆ
เนื่องด้วยที่ ศิลาจิตวิญญาณ เป็นทรัพยากรที่หาได้ยากยิ่ง ขนาดที่นักเรียนระดับรากวิญญาณฟ้า ยังได้แค่ คนละห้าก้อนต่อหนึ่งเดือน
แต่สำหรับ’เนี่ยหลี่’ก็ไม่ได้เป็นกังวลเสียแต่อย่างใด ศิลาจิตวิญญาณห้าร้อยก้อน สามารถใช้ฝึกการบ่มเพาะพลังไปได้อีกนานโขแปลโดย..สินธุ์นวล
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: