I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 276 อันดับจิตวิญญาณแห่งแสง

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 2537 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

‘เนี่ยหลี่’วางจินตานลง แล้วโยนศิลาจิตวิญญาณให้จินตานหนึ่งชิ้น

“นี่รางวัลของเจ้า!”

จินตานรีบคว้าศิลาจิตวิญญาณและเคี่ยวมันลงท้องทันที เสร็จก็ส่งสายตาใส่ซื่อบริสุทธิ์ราวกับเด็กน้อยมาให้’เนี่ยหลี่’

‘เนี่ยหลี่’ที่มองจินตานอยู่ ยิ้มขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“ข้าไม่ได้มีศิลาจิตวิญญาณมากมายขนาดนั้น เจ้าสามารถกินมันได้แค่สองชิ้นต่อวันเท่านั้น มากกว่านั้นข้าไม่มีมันให้เจ้าอีกแล้ว!”

ความกระหายของจินตานนั้นน่ากลัวเกินไป

ดวงตาของจินตานเต็มไปด้วยความโศกเศร้า มันมองศิลาจิตวิญญาณสมบัติล้ำค้าที่ถูกกัดจนเหลือเพียงแค่ครึ่งอยู่ในมือ หากมันกินส่วนที่เหลือจิตใจของมันต้องอยู่ไม่สุขแน่ๆ จินตานจึงค่อยๆ แลบลิ้นมาเลียศิลาจิตวิญญาณ หยดน้ำลายที่รั่วออกมาจากปากของมันกระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นห้อง

ริงป๊อปไหมล่ะ

‘เนี่ยหลี่’ไม่คิดเลยว่าจินตานจะมีความสามารถในการเป็นตัวละครตลกได้อย่างเต็มเปี่ยมถึงเพียงนี้ รู้สึกว่าเจ้าตัวน้อยนี่จะฉลาดขึ้นแหะ อย่างน้อยก็ฉลาดกว่าเมื่อก่อน

‘ยู่หยาน’เปิดตาของนางขึ้นมาชั่วครู่ เมื่อได้เห็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นด้านหน้าของนาง สร้างบรรยากาศตลกขบขันให้กับนางเล็กน้อย จากนั้นจึงหลับตาลงใช้สมาธิจดจ่อกับการบ่มเพาะพลังต่อ นางสัมผัสและบรรลุถึงระดับชะตาสวรรค์แล้วจึงค่อยๆเริ่มก่อรูปชะตาวิญญาณขึ้นมา

อย่างไรก็ตามนางมีลักษณะที่พิเศษกว่าบุคคลอื่น ชะตาวิญญาณของนางมีรูปร่างเป็นเปลวไฟสีทอง ที่แผ่วเบา นางไม่ทราบได้ว่าเพราะเหตุใดชะตาวิญญาณของนางจึงมีรูปร่างเช่นนี้ แต่นางมีความรู้สึกว่าเปลวไฟสีทองนี้มีพลังงานที่ไม่สิ้นสุด

ก่อนหน้านี้เมื่อนางพบกับจิตวิญญาณเปลวไฟสีทองนี้ มันได้พยายามจะกลืนกินกันตัวนาง ราวกับว่าเปลวไฟสีทองนี้จะแผดเผ่าเหล่าศัตรูให้พินาศให้สิ้นซาก นางรู้สึกว่านางกับเปลวไฟสีทองนี้มีความเกี่ยวพันธ์กันอย่างลึกซึ้งเพียงแค่เย็นวันแรก ‘เนี่ยหลี่’ได้ใช้ศิลาจิตวิญญาณไปแล้วครึ่งหนึ่งจากจำนวนทั้งหมด สามร้อยก้อน

และด้วยเหตุนี้เองทำให้’เนี่ยหลี่’ตระหนักขึ้นว่าศิลาจิตวิญญาณที่มีอยู่ตอนนี้ไม่เพียงพอ ขึงต้องหาวิธีการที่ทำให้ได้ศิลาจิตวิญญาณมากขึ้น

ไหนเอ็งบอกใช้ได้นานไง วันเดียวล่อไป 150ก้อน *

เช้าวันรุ่งขึ้น

‘เนี่ยหลี่’และ’หลู่เปียว’ ตื่นขึ้นมาเร็วมาก หมอกยังไม่เริ่มจางหายไปในยามเช้า น้ำค้างยังเกาะอยู่ตามใบของดอกไม้ที่ขึ้นเรียงอยู่เรียงราย ช่างเป็นบรรยากาศที่ดีจริงๆ’เซี่ยวหยู่’ มองมาที่’เนี่ยหลี่’กับ’หลู่เปียว’

“เนี่ยหลี่ หลู่เปียว พวกเจ้าต้องการจะไปสถานที่หนึ่งกับข้ามั้ย?”

“ที่ไหน?”

“หนึ่งในสถานที่ทดสอบสำคัญในสถาบันวิญญาณฟ้า ด่านจิตวิญญาณแห่งแสง”

“โอ้โห มันเป็นสถานที่แบบไหนกันหรือ?”

‘หลู่เปียว’ถามด้วยความอยากรู้

“ด่านจิตวิญญาณแห่งแสงเป็นสนามทดสอบที่มีความปลอดภัยมากที่สุดในสถาบันวิญญาณฟ้า แต่ว่าการจะเข้าไปได้นั้นมีเงื่อนไขที่สูงทีเดียว เฉพาะผู้ที่มีรากวิญญาณขั้นสูงเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าไปได้”

‘เซี่ยวหยู่’ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ

“เมื่อพวกเจ้าไปถึงก็จะรู้เอง”

ด่านจิตวิญญาณแห่งแสง ‘เนี่ยหลี่’ไม่เคยได้ยินสถานที่นี้มาก่อนเลยในชีวิตก่อนหน้านี้ ดังนั้น’เนี่ยหลี่’จึงสงสัยมากว่ามันเป็นสถานที่แบบไหน

“เอาละลองไปดูกันเถอะ”

‘เนี่ยหลี่’พยักหน้าแล้วพูดขึ้นความสงสัยที่มีต่อสถานที่นี้จะได้กระจ่างเสียทีด้วยการนำของ’เซี่ยวหยู่’ ทั้งสามจึงออกจากห้องพัก ห่างไปไม่ไกลจากทางเข้านัก มีสายตาบางพวกจับจ้องไปยังทั้งสามแล้วซุบซิบหารือกัน

“เจ้าสามคนนั้นออกมากันแล้ว! พวกข้าจะกลับไปรายงานนายท่านฮัวหลิง พวกเจ้าจงตามเจ้าสามคนนั้นไปและจับตาดูพวกมันเอาไว้!”

“รับทราบ!”

คนกลุ่มนั้นรีบตามพวก’เนี่ยหลี่’ไปทันที

‘เนี่ยหลี่’และอีกสองคนยังเดินไปตามถนนปกติ ‘เปียวเปียว’ กับ ‘หยูหยู’ กลายเป็นตัวประกอบเฉย หยูเป็นคนชวนนะเฟ้ย!!

“ดูเหมือนว่าจะมีบางคนสะกดรอบพวกเราอยู่นะ”

‘หลู่เปียว’ถาม’เนี่ยหลี่’เสียงค่อย

‘เซี่ยวหยู่’ที่อยู่ข้างหน้ายิ้มกล่าว

“อย่าไปใส่ใจกับตัวตลกพวกนั้นเลย ในสถาบันวิญญาณฟ้าพวกมันไม่สามารถทำอะไรพวกเราได้หรอก ถ้าสถานที่ที่เรากำลังไปเป็นหนึ่งในสองสนามทดสอบที่เหลือก็อาจจะเป็นปัญหาบ้างสำหรับพวกเรา แต่ที่ด่านจิตวิญญาณแห่งแสง หากพวกมันคิดจะทำอะไรพวกเราจริง พวกมันก็คงได้แต่ฝันเท่านั้นแหละ!”

ทั้งสามคนยังมุ่งไปที่สนามวิญญาณนักบุญไปเรื่อยๆ โดยมีกลุ่มที่สะกดรอยตามมาจับจ้องอยู่ทุกฝีก้าว

ในทิศใต้ของสถาบันวิญญาณฟ้า มีเทือกเขารายล้อม มีหุบเขาอยู่ภายในหุบเขาอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพันธุ์ไม้นานาชนิด ต้นไม้ขนาดคนร้อยคนโอบขึ้นอยู่ ที่ศูนย์กลางเป็นหินก้อนมหึมา ที่มีความสูงมากกว่า12เมตร ด้านบนสุดของศิลานี้สลักคำว่า อันดับจิตวิญญาณแสง

“ที่เห็นนั่นคือ ศิลาอันดับจิตวิญญาณแสง เฉพาะนักเรียนที่มีรายชื่อสองร้อยอันดับแรกเท่านั้นจึงจะมีสิทธิที่จะเข้าสู่ด่านจิตวิญญาณแห่งแสง”

บนศิลาเหล่านั้นสลักชื่อเอาไว้มากมายเนี่ยหลี่กวาดตามองอย่างรวดเร็วก็พบเห็นชื่อที่คุ้ยเคยอยู่บ้าง ‘หลงยู่อิน’ จากตระกูลผนึกมังกรอยู่ในอันดับที่ 10 ในขณะที่จินหยาน จากตระกูลจิน อยู่ในอันดับที่ 23

‘ฮัวหลิง’คู่แข่งของ’เซี่ยวหยู่’ก็รวมอยู่ในนั้นด้วยโดยอยู่อันที่ 67 ไม่แค่นั้นยังมี’เอี๋ยนห่าว’ที่อยู่อันดับที่ 121 และ’หวงอิ้ง’ อยู่อันดับที่ 137

แต่’เนี่ยหลี่’ไม่เห็น’กู้เบ่ย’มีรายชื่อปรากฏอยู่บนศิลานี้เลย อย่างไรก็ตามหลังจากพิจารณาแล้วคาดว่า’กู้เบ่ย’น่าจะตั้งใจปกปิดความสามารถของตนไว้เพื่อเตรียมการบางอย่าง ดังนั้นเขาจึงไม่แสดงพลังที่แท้จริงออกมาให้เห็น

‘เนี่ยหลี่’ขมวดคิ้วก่อนถาม

“อันดับจิตวิญญาณแห่งแสงนี้ไม่ได้จัดอันดับจากความแข็งแกร่งหรอกรึ?”

หากมันถูกจัดขึ้นจากความแข็งแกร่งแล้วผลของมันคงไม่ออกมาเป็นเช่นนี้ อย่างน้อยที่สุดปัจจุบัน ‘ฮัวหลิง’แข็งแกร่งกว่า’หลงยู่อิน’และ’จินหยาน’เล็กน้อย แต่เขาก็ยังอยู่อันดับที่มากกว่าหลงยู่อินกับจินหยาน

“อันดับนี้ไม่ได้จัดขึ้นจากความแข็งแกร่งส่วนบุคคล แต่เป็นความสามารถของจิตวิญญาณ ที่ทำการเชื่อมต่อพลังงานจากฟ้าและดิน
เพื่อการบ่มเพาะพลังจากพลังสวรรค์ต้องสื่อสารและเข้าใจพลังงานฟ้าและดิน บุคคลที่มีการบ่มเพาะพลังที่สูงก็มิใช่ผู้ที่สามารถสื่อสารและเข้าใจพลังฟ้าและดินได้เสมอไป บางคนก็มีความสามารถพิเศษที่สามารถก้าวข้ามระหว่างเขตแดนได้ไวกว่าลองมาดูสิบอันดับแรกกัน เช่น หลงยู่อิน ที่สามารถบรรลุขอบเขตวิญญาณได้ในระยะเวลาอันสั้นขณะที่คนอื่นใช้เวลาที่นานกว่า”

‘เซี่ยวหยู่’อธิบาย ตอนนี้นี่เอามาอวยความสามารถไอ้หลี่ สำหรับการย้ายมาโลกใหม่ว่างั้น วันเดียวดูดซึม 150 ก้อน ดูดบุหรี่วันละซองยังอาย

‘เนี่ยหลี่’มองอันดับรายชื่ออย่างตั้งใจ

“การแข่งขันในแง่ความสามารถความเข้าใจในการสื่อสารพลังงานฟ้าและดิน?”

“ด่านจิตวิญญาณแห่งแสงเป็นสถานที่ลึกลับ สถานที่แห่งนี้อุดมไปด้วยพลังงานฟ้าและดิน นักเรียนปกติจะสามารถเข้าใช้ที่นี่เพื่อฝึกฝนได้ 2 ชั่วโมงต่อเดือน แต่นักเรียนที่อยู่200อันดับแรกจะสามารถเข้าใช้ที่นี่เพื่อฝึกฝนได้อย่างน้อยก็ 6 ชั่วโมงต่อเดือนยิ่งเจ้ามีอันดับสูงมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งสามารถใช้เวลาได้นานมากขึ้นเท่านั้น”

ด่านจิตวิญญาณแห่งแสง เปรียบได้กับบ่อน้ำที่เต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณ ผลที่ได้รับจากการฝึกฝนอยู่ที่นี้ไม่อาจจะประเมินได้ทีเดียว

‘เซี่ยวหยู่’ยังอธิบายต่อไป

“นอกจากนั้นผู้ที่มันดับอยู่ในระดับท็อปยังได้รับของรางวัลทุกสิ้นปีอีกด้วย รางวัลที่ว่านั่นก็มีตั้งแต่ศิลาจิตวิญญาณ ยาทิพย์และของวิเศษ ผู้ที่ได้อันดับ1นั้นจะของวิเศษระดับ5 ศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณ5ชิ้น จิตอสูรที่มีการเติบโตระดับมหัศจรรย์สายเลือดมังกร น้ำย แก่นแท้จิตวิญญาณอสูร! และผู้ที่อยู่ใน5อันดับแรกก็จะได้ ของวิเศษระดับ4 3แก่นแท้จิตวิญญาณ จิตอสูรที่มีการเติบโตระดับยอดเยี่ยมสายเลือดมังกร และศิลาจิตวิญญาณจำนวนหนึ่งพันก้อน…”

คำพูดของ’เซี่ยวหยู่’ทำให้’เนี่ยหลี่’ตาเป็นประกาย ภายในสถาบันวิญญาณฟ้าแห่งนี้ ของวิเศษระดับ5 มูลค่าอย่างต่ำก็อยู่ที่
ห้าถึงหกพันศิลาจิตวิญญาณเข้าไปแล้ว ประสิทธิภาพของแก่นแท้วิญญาณมีค่าเทียบเท่ากับศิลาจิตวิญญาณถึงห้าร้อยก้อน ไม่ต้องพูดถึงจิตอสูรที่มีการเติบโตระดับมหัศจรรย์สายเลือดมังกรมันเป็นสิ่งที่หายากมากที่สามารถนำมันมาใช้ปรับแต่งจิตอสูรได้

‘หลู่เปียว’ตาเบิกกว้างขึ้นและถามว่า

“ถ้าพวกเราสามารถเข้าไปมีรายชื่ออยู่ในอันดับพวกนี้มันไม่ได้หมายความว่าเราสามารถได้รับของรางวัลพวกนี้ทุกปีหรอกหรือ?”

“ถูกต้อง แต่อย่างไรก็ตามรางวัลของห้าอันดับแรกนั้นสามารถรับได้แค่ครั้งละคนเท่านั้นเมื่อได้รับรางวัลแล้วต้องถอนตัวเองจากการแข่งขันจิตวิญญาณแห่งแสง”

‘เซี่ยวหยู่’ยังพูดต่ออีกว่า

“ห้าอันดับแรกนั้นนอกจากจะได้ของรางวัลมูลค่ามากแล้วยังต้องไม่เห็นแก่ตัวอีกด้วย ทุกคนต่างปรารถนากันทั้งนั้น ยังมีเวลาอีกหนึ่งเดือนก่อนจะถึงจุดคัดเลือกของปีนี้”

‘ดังนั้นรางวัลของห้าอันดับแรกสามารถรับได้เพียงครั้งเดียว…’

‘หลู่เปียว’นึกเสียดายในใจ อย่างไรก็ตาม’หลู่เปียว’ก็คาดหวังไว้กับรางวัลของด่านจิตวิญญาณแห่งแสงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หลังจากที่ตัวเองเป็นผู้มีรากวิญญาณฟ้าขั้นที่5 ช่วยไม่ได้ที่’หลู่เปียว’จะหลงตัวเองเล็กน้อย

หลงไปเลยเปียว เอาใจช่วยคนที่โดนเมียทำวินาศกรรม

‘เนี่ยหลี่’มองไปที่อันดับจิตวิญญาณแห่งแสงอีกครั้ง มันเป็นทางลัดเพื่อการฝึกฝนพลังอย่างแท้จริง แม้ว่าจะได้ศิลาจิตวิญญาณจากการรักษาผู้คนโดยไม่เป็นที่สงสัย แต่ก็ใช่ว่านายจ้างทุกคนจะใจกว้างอย่างกู้เบ่ย

ตั้งแต่ที่เข้าสถาบันวิญญาณฟ้า ทำให้ทราบว่าตนเองมีระดับรากวิญญาณฟ้าขั้นที่8 ก็ไม่ได้รับการปฏิบัติที่พิเศษมากกว่าคนอื่นๆแต่อย่างใด

ก่อนหน้านี้ที่มีการเชิญชวนจากนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ก็เหมือนจะมีเรื่องขัดแย้งเกิดขึ้น แม้ในขณะนี้จะมีความขัดแย้งภายในค่อนข้างสูงแต่ก็ควบคุมได้เกือบทั้งหมด ยังมีกฎระเบียบอีกมากภายในสถาบันวิญญาณฟ้าที่นิกายอื่นไม่กล้าจะฝ่าฝืน

ดังนั้น’เนี่ยหลี่’จึงไม่ต้องกังวลกับความสามารถของตนเองแล้ว เมื่ออยู่ในสถาบันวิญญาณฟ้าแห่งนี้เขาจะปลอดภัย

หลังจากครุ่นคิดเสร็จแล้ว ‘เนี่ยหลี่’จึงเอ่ยขึ้น

“เข้าไปข้างใน แล้วลองทดสอบดูเถอะ!”

หึ หึ หึ และแล้วประโยคก่อนที่สกิลพระเอกจะทำงานก็มา

ถ้าเขาสามารถอยู่ในห้าอันดับแรกจะทำให้ก้าวไปยังระดับชะตาสวรรค์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

‘เนี่ยหลี่’ ‘เซี่ยวหยู่’และ’หลู่เปียว’เดินไปตามเส้นทางเพื่อที่จะไปยัง ด่านจิตวิญญาณแห่งแสง

เมื่อเหล่าผู้ที่สะกดรอบตามพวก’เนี่ยหลี่’มาเห็นพวกเขาเดินเข้าไปที่ ด่านจิตวิญญาณแห่งแสง พวกที่ติดตามมาได้แต่มองพวก’เนี่ยหลี่’เดินไปจบลับสายตา

“ข้าไม่คาดคิดเลยว่าพวกมันจะไปยังด่านจิตวิญญาณแห่งแสง!”

“ในบรรดาสามด่านทดสอบ ด่านจิตวิญญาณแห่งแสงถือว่ามีความปลอดภัยมากที่สุด เป็นได้หรือไม่ว่าพวกมันเกิดความกลัวขึ้นมาเลยไม่ไปยังด่านทดสอบแห่งอื่น!?”

“มากที่สุดพวกมันก็อยู่ที่นี่เพียงแค่สองชั่วโมงเท่านั้น หลังจากนั้นพวกมันต้องไปยังด่านทดสอบที่เหลืออีกสองแห่งแน่!”

‘เนี่ยหลี่’และ’หลู่เปียว’ได้เข้าไปยังด่านทดสอบจิตวิญญาณแห่งแสงอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างจับจ้องบุคคลซึ่งมาใหม่สองคน สำหรับ’เซี่ยวหยู่’แล้วเขาไม่ได้มีความคาดหวังมากมายเท่าใดนัก เนื่องจากหลายปีมานี้อันดับของเขาไม่ได้เข้าสู่สองร้อยอันดับแรกเลย ดังนั้นเขาจึงไม่พยายามมากเกินไป

สถาบันวิญญาณฟ้า ห้องพักของ’เอี๋ยนห่าว’

“นายน้อยเอี๋ยน เซี่ยวหยู่ได้เข้าไปยังด่านจิตวิญญาณแห่งแสง!”

‘เอี๋ยนห่าว’ที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ แสยะยิ้มที่มุมปากเมื่อได้รับรายงานจากสมุน

“เป็นเวลากว่าห้าปีมาแล้วที่เซี่ยวหยู่ไม่ได้อยู่ในสองร้อยอันดับแรกของด่านจิตวิญญาณแห่งแสง บัดนี้ผลลัพธ์ก็ไม่แตกต่างไปจากเดิมหรอก!”

“แต่ว่า… ท่านหญิงหวงอิ้ง ก็ดูเหมือนจะไปที่ด่านจิตวิญญาณแห่งแสงเช่นกัน!”

ใบหน้าของ’เอี๋ยนห่าว’แปรเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ เขาไม่มีอารมณ์ที่จะอ่านหนังสืออีกต่อไป เขายืนขึ้นพลางวางหนังสือลงบนโต๊ะและกล่าวว่า

“เราจะไปด่านจิตวิญญาณแห่งแสงกันเดียวนี้!”

ปล.อ่าวจบซะละ

แปลโดย…สินธุ์นวล

ขอขอบคุณปกสวยๆจากคุณ  ด้วยครับผม

คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments