ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปภายในด่านทดสอบจิตวิญญาณแห่งแสง
สถานที่แห่งนี้อยู่ท่ามกลางเทือกเขาที่รายล้อมอยู่รอบข้าง เสียงร้องอันไพเราะของหมู่นกและกลิ่นหอมจากพืชไม้นานาพันธุ์ก่อเกิดเป็นภูมิทัศน์ที่งดงามยิ่ง
ที่จุดศูนย์กลางเป็นแท่นบูชาที่ตั้งตระหง่านอยู่ มีบันไดทางขึ้นสู่แท่นบูชาทั้งสี่ทิศในแต่ละขั้นก็มีผู้ทำการฝึกฝนบ่มเพาะพลังอยู่มากมายแต่ทว่าไม่มีผู้ใดสามารถไปอยู่บนจุสูงสุดของแท่นบูชาได้เลย นั่นไงสถานการณ์โชว์อ๊อฟมาให้ถึงที่
‘เซี่ยวหยู่’อธิบายขณะก้าวเดินไปยังแท่นบูชา
“ภายในที่แห่งนี้ สามารถทำการบ่มเพาะพลังฟ้าและดินได้ทั้งหมด 199 ขั้นตอน ความสามารถในการเชื่อมต่อพลังฟ้าและดินจะเป็นตัวกำหนดลำดับขั้นตอนเหล่านั้น ยิ่งสามารถเข้าใจมันได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งสามารถอยู่ในลำดับขั้นที่สูงมากขึ้น แต่ถ้าความสามารถในการเข้าใจพลังฟ้าและดินมีไม่มากพอก็จะไม่สามารถก้าวข้ามไปฝึกระหว่างขั้นตอนได้แม้กระทั่งขั้นตอนเดียว หากพยายามฝืนแล้วละก็จะต้องทนทุกข์ทรมานแสนสาหัส”
ทุกขั้นตอนมีระยะห่างราวกับการเดินทางไปสู่สรวงสวรรค์และหมู่ดาว แค่เพียงการก้าวข้ามหนึ่งขั้นตอนก็นับว่าเป็นการกระทำที่ยากลำบากมากแล้ว
ทันใดนั้นเองพวกนักเรียนที่อยู่ในสถานที่นั้นก็มองมาทาง’เซี่ยวหยู่’
“เซี่ยวหยู่ผู้มีรากวิญญาณฟ้าขั้นที่ 7 ไม่ใช่หรือนั่น?”
“ข้าได้ยินมาว่าเขาไม่สามารถแม้แต่จะอยู่ทำการบ่มเพาะพลังในขั้นที่ 5 เรื่องจริงสินะ?”
“ใช่แล้วมันคือเรื่องจริงที่สุด ที่เขาไม่สามารถฝึกแม้กระทั่งขั้นที่ 5 !”
นักเรียนหลายคนส่งเสียงหัวเราะเยาะกันเบาๆ
แต่ถึงอย่างนั้น’เซี่ยวหยู่’ไม่ได้ให้ความใส่ใจกับเสียงหัวเราะเยาะเหล่านั้นไม่ เขาเคยชินกับการที่ถูกหัวเราะเยาะแบบนี้เสียแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปกังวลกับสายตาผู้อื่น
‘เซี่ยวหยู่’มองไปยังพวก’เนี่ยหลี่’และกล่าวว่า
“เนี่ยหลี่ หลู่เปียว ข้าจะขึ้นไปก่อนเป็นคนแรกเพื่อทำการบ่มเพาะพลัง”
‘เซี่ยวหยู่’ เดินก้าวไปยังแท่นบูชา ขั้นที่หนึ่ง , ขั้นที่สอง
ในขณะนี้ร่องรอยความแปลกประหลาดใจปรากฏขึ้นในแววตาของ’เซี่ยวหยู่’ ในอดีตที่ผ่านมาเมื่อก้าวถึงขั้นที่ห้า ร่างกายจะรู้สึกกดดันอย่างหนักหน่วงทำให้ไม่สามารถจะก้าวต่อได้แม้แต่ก้าวเดียว แต่เทียบกับครั้งนี้เมื่อมาถึงในขั้นตอนที่ห้า’เซี่ยวหยู่’รู้สึกเหมือนกับแค่การยกของเบาๆเท่านั้นเอง
เขาก้าวต่อไป ขั้นที่หก , ขั้นที่เจ็ด
“นี่มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?เซี่ยวหยู่ก้าวไปอยู่ในขั้นที่หก?”
นักเรียนคนอื่นๆต่างมองมาที่’เซี่ยวหยู่’ด้วยความประหลาดใจ ในอดีตนั้นเซี่ยวหยู่หยุดอยู่ที่ขั้นที่ห้าเท่านั้น แต่วันนี้เขาสามารถก้าวไปยังขั้นที่หกได้เรื่องนี้ทำให้พวกเขาตกใจเล็กน้อย
พวกเขามองดูเซี่ยวหยู่ที่ก้าวสูงขึ้นไปทีละขั้น ทีละขั้น ระดับขั้นที่สูงที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ในอดีตที่ผ่านมาเป็นระดับขั้นที่ง่ายดายมากสำหรับตอนนี้
นักเรียนที่ทำการบ่มเพาะอยู่ในระดับขั้นที่ สามสิบ เมื่อเห็น’เซี่ยวหยู่’กำลังก้าวขึ้นมาเรื่อยๆก็เกิดความไม่พอใจขึ้น ทำไมความสามารถเข้าใจในพลังฟ้าและดินของ’เซี่ยวหยู่’ทำไมอยู่ดีๆถึงได้เพิ่มสูงขึ้นได้? การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้พวกเขาตกอกตกใจเป็นอย่างมาก
‘เซี่ยวหยู่’เหลือบมองนักเรียนเหล่านั้นแค่ผ่านๆจากนั้นก็ก้าวขึ้นสู่ระดับขั้นต่อไปเรื่อยๆ
เหล่านักเรียนที่ถูก’เซี่ยวหยู่’ก้าวข้ามขั้นไปไกล ขณะกำลังจะเปิดปากเยาะเย้ย’เซี่ยวหยู่’นั่น หน้าของเหล่านักเรียนก็แดงฉานขึ้นเพราะความอับอาย ผู้คนจะมองพวกเขาเป็นเพียงตัวตลก! ‘เซี่ยวหยู่’ไม่ได้แม้แต่จะเหลียวกลับมามองเลยแม้แต่นิด!
‘เนี่ยหลี่’และ’หลู่เปียว’ยืนอยู่ในที่เชิงขั้นบันได
ทันทีที่เท้าของ’เนี่ยหลี่’ก้าวแตะขึ้นบนขั้นที่หนึ่ง พลังงานได้ไหลเวียนโคจรเข้าสู่จุดตันเทียนของ’เนี่ยหลี่’ แต่ทว่าในขณะโคจรพลังงานนั้นเองเท้าซ้ายของ’เนี่ยหลี่’ที่เหยียบลงบันไดขั้นที่หนึ่งก็เกิดลื่นเพราะเหงื่อของเหล่าผู้ที่ทำการบ่มเพาะพลังอยู่ก่อนหน้านี้
ส่งผลให้’เนี่ยหลี่’ตีลังกากลับหลังสามตลบและแล้วทันใดนั้นเองพลังที่โคจรยังไม่ครบหนึ่งรอบนั้นก็ระเบิดขึ้นเป็นเสียที่ดังกึกก้องไปทั่วด่านทดสอบจิตวิญญาณแห่งแสง
ปรู๊ดดดดดดดดดด!!!
ทำให้เหล่าผู้ทำกำลังทำการบ่มเพาะพลังนั้นตกใจกับเสียงตามมาด้วยกลิ่นอบอวลราวกับอยู่ในทุ่งดอกลาเวนเดอร์ พร้อมปรากฏภาพของบุรุษผู้หนึ่งที่ชูขาทั้งสองข้างขึ้นฟ้าทั้งที่ส่วนหัวนั้นจมอยู่ที่พื้นดิน โดยที่ไม่สามารถทราบได้ว่าบุคคลที่อยู่เบื้องหน้านี้เป็นผู้ใดกันแน่ แต่แล้วปริศนาของชายผู้นี้ก็กระจ่างขึ้นแล้วเนื่องจากเสียงตะโกนที่ตามมาซึ่งดังพอจะสามารถให้ทุกคนที่อยู่ในด่านจิตวิญญาณแห่งแสงได้รับรู้ทั่วกัน!
‘หลู่เปียว’ตะโกนอย่างสุดใจ
“เนี่ยหลี่!!!!”
.
.
.
สาบานด้วยเกียติรของลูกแมวว่าไม่ได้เกลียดหลี่เลย จริ๊งจริ๊ง!!
อ้ะไม่เล่นละไม่เล่นละ
ของจริงเลยละกันเน่าะ!
ทันทีที่เท้าของ’เนี่ยหลี่’ก้าวแตะขึ้นบนขั้นที่หนึ่ง พลังงานของจิตอสูรที่อยู่ในร่างก็เพิ่มระดับพุ่งทะยานขึ้น รวมไปถึงขอบเขตวิญญาณที่พุ่งสูงขึ้นด้วย สถานที่นี้เป็นแหล่งรวมจิตวิญญาณที่วิเศษยิ่งนัก
‘เนี่ยหลี่’เดินก้าวขึ้นไปในขณะที่เริ่มทำความเข้าใจกับพลังฟ้าและดินนี้ทีละน้อย ในขณะที่ก้าวขึ้นมานั้นทำให้’เนี่ยหลี่’ตระหนักได้ว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นเปรียบได้เพียงหยดน้ำจากทะเลแห่งจิตวิญญาณแห่งนี้
ทั้งคู่ก้าวขึ้นไปทีละขั้นอย่างช้าๆ
ภายนอกด่านจิตวิญญาณแห่งแสง
เกิดการเปลี่ยนแปลงอันดับจิตวิญญาณแห่งแสงบนแท่นศิลา
“เซี่ยวหยู่ เซี่ยวหยู่ขึ้นไปอยู่ในสองร้อยอันดับแรก!”
เมื่อกลุ่มต่างๆ ได้ทราบถึงข่าวนี้ก็ต้องประหลาดใจเป็นอย่างมาก
นี่นับเป็นครั้งแรกที่เซี่ยวหยู่สามารถขึ้นมาอยู่ในสองร้อยอันดับแรก ที่ผ่านมาไม่ว่า’เซี่ยวหยู่’จะพยายามกี่ครั้งชื่อของเขาก็ไม่เคยแสดงอยู่ในสองร้อยอับดับแรกบนแท่นศิลาอันดับจิตวิญญาณแห่งแสง
“นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?”
ใบหน้าของฮัวหลิงมืดดำลงขณะที่จ้องไปยังรายชื่อเซี่ยวหยู่บนแท่นศิลา แววตาของ’ฮัวหลิง’เปล่งรังสีสังหารออกมา ด้วยความจริงที่ว่ารายชื่อของ’เซี่ยวหยู่’ได้มาอยู่ในสองร้อยอันดับแรกทำให้’ฮัวหลิง’กดดันเป็นอย่างมาก
‘ฮัวหลิง’และคนของเขาจ้องตาไม่กระพริบที่อันดับจิตวิญญาณแห่งแสง
‘เอี๋ยวห่าว’ ที่มาถึงช้ากว่า’ฮัวหลิง’เพียงเล็กน้อยพยายามที่จะมองหา ‘หวงอิ้ง’ในบรรดาเหล่านักเรียนมากมายที่นั่นแต่ก็ต้องมาสะดุดเมื่อเห็นรายชื่อของ’เซี่ยวหยู่’ปรากฏอยู่ในศิลาอันดับจิตวิญญาณแห่งแสง
“เซี่ยวหยู่ไอ้ขยะไร้ค่านั่นมีรายชื่ออยู่บนศิลาอันดับจิตวิญญาณแห่งแสง? นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน?”
คิ้วของ’เอี๋ยวห่าว’ขมวดกันเป็นปม ในอดีตที่ผ่านมา’เซี่ยวหยู่’ไม่แม้แต่จะมีรายชื่ออยู่ในอันดับแต่ปัจจุบันนี้สามารถก้าวสู่ขั้นที่ห้าสิบได้ ความแตกต่างระหว่างอดีตกับตอนนี้มีมากเกินไป
นี่หรือว่า…?
หรือว่า’เซี่ยวหยู่’จะทะลวงเข้าสู่ระดับชะตาสวรรค์ได้แล้ว?
เช่นเดียวกับทุกคนที่ยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ รายชื่อของ’เซี่ยวหยู่’ที่ยังเลื่อนอันดับขึ้นไปอย่างต่อเนี่ย จาก 200เป็น 199 และยังเลื่อนขึ้นไปได้เรื่อยๆความสนใจของทุกคนใจจดใจจ่ออยู่กับรายชื่อของ’เซี่ยวหยู่’ที่เลื่อนอันดับขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง
“บ้าน่าเป็นไปได้ไงกัน?ตอนนี้เซี่ยวหยู่เลื่อนอันดับมาที่ 160!”
“เป็นไปไม่ได้!นี่มันก้าวข้ามข้าไปงั้นรึ?!”
‘เอี๋ยวห่าว’โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้เขามอง’เซี่ยวหยู่’เป็นเพียงแค่เศษขยะที่ไร้ค่า แต่แล้วความจริงในวันนี้พิสูจน์ได้ว่า’เซี่ยวหยู่’ไม่ได้เป็นขยะอีกต่อไปแล้ว
ขณะเดียวกันภายในด่านจิตวิญญาณแห่งแสง ‘เซี่ยวหยู่’ค่อยๆก้าวไปยังขั้นต่อไปอย่างช้าๆอย่างมั่นใจ แม้จะยังประหลาดใจอยู่กับความสามารเข้าใจของพลังฟ้าและดินที่จู่ๆก็เพิ่มมากขึ้น เขาอยู่ขั้นที่เก้าสิบเข้าแล้ว แต่ยังไม่รู้สึกถึงความกดดันใดๆเลย
‘เซี่ยวหยู่’ที่ทำการบ่มเพาะพลังด้วย เทคนิคมังกรคำรามคณานับ เมื่อครั้งยังอยู่ที่ระดับชะตาดินเหมือนกับเขาถูกยับยั้งการทะลวงขั้นตอนเข้าสู่ชะตาฟ้าเป็นอย่างมาก
แต่บัดนี้เมื่อทะลวงเข้าสู่ระดับชะตาฟ้าแล้ว เทคนิคมังกรคำรามคณานับก็พุ่งทะยานขึ้นอย่างไร้ขอบเขต การเพิ่มขึ้นระดับนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะได้จากการบ่มเพาะพลังแบบธรรมดาทั่วไป!
‘เนี่ยหลี่’และ’หลู่เปียว’ที่ตามอยู่ด้านหลังเงยหน้าขึ้นก็พบว่า’เซี่ยวหยู่’นั้นก้าวไปยังขั้นที่เก้าสิบแล้วในขณะที่พวกเขายังอยู่ขั้นที่สามสิบ
ทันใดนั้น’เนี่ยหลี่’ก็สังเกตเห็นหญิงสาววัยประมาณ 16-17 นั่งฝึกฝนบ่มเพาะพลังของนางอยู่ที่ชั้น 130กว่า นางช่างงดงามยิ่งนักนางสวมชุดผ้าไหมสีฟ้าคลุมไหล่ด้วยผ้าคลุมสีขาวแสงที่ประกายออกมาราวกับแสงของพระจันทร์
ภายใต้เสื้อคลุมนี้เผยให้เห็นช่วงคองามระหงส์ลงไปถึงกระดูกไหปลาร้าที่สลักงดงามดั่งหยกที่สมบูรณ์แบบของนาง
ผมของนางถูกมัดไว้ด้วยริบบิ้นสีชมพูประดับกับที่หนีบผมรูปผีเสือ นางแต่งหน้าเล็กน้อย แก้มขาวนุ่มนั้นสวยและงดงามราวกลีบดอกไม้ ภายใต้แสงแห่งจิตวิญญาณที่รายล้อมอยู่รอบกายนั้นส่งผลให้นางส่องแสงประกายขาวใส ความงามของนางนั้นราวกับถูกสรรค์สร้างโดยเทพเจ้า แม้กระทั่งฟ้าและดินยังต้องหม่นหมอง
ความงามนี้ สามารถสยบได้แม้เหล่าหงสาและสัตว์ป่าอย่างแท้จริง
ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้เห็นนาง คงช่วยไม่ได้หากจะเกิดความรู้สึกละอายเมื่อต้องเทียบกับนาง
ในขั้นที่ไม่ห่างไกลจากนางมากนัก มีนักเรียนหลายต่อหลายคนที่จ้องมองนางอยู่แต่ไม่กล้าที่จะเข้าใกล้นางหรือบางทีอาจจะไม่มีใครที่คิดว่าเหมาะสมกับนาง
“ช่างงดงามอะไรปานนั้น???”
‘หลู่เปียว’ตะลึงขณะที่จ้องมองไปยังที่นาง ในบรรดาหญิงสาวที่พอจะสามารถเทียบนางได้คงมีแต่’เอี้ยจืออวิ้น’และ’เสี่ยวหนิงเอ๋อ’
อย่างไรก็ตามแสงที่เปล่งประกายออกมาจากนางราวกับนางฟ้านางสวรรค์ที่เสด็จลงมายังโลก แม้’เสี่ยวหนิงเอ๋อ’และ’เอี้ยจืออวิ้น’ยังด้อยกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับนาง
‘เนี่ยหลี่’จ้องมองนางด้วยอารมณ์ที่หลากหลายปนกันอยู่พร้อมกับความทรงจำที่เกิดขึ้นนับไม่ถ้วน
ในการพบกันในชีวิตก่อนหน้านี้ของ’เนี่ยหลี่’ ยามนั้น’เนี่ยหลี่’ได้รับบาดเจ็บสาหัสและหมดสติอยู่ที่แม่น้ำ นางเป็นคนที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้ แม้ว่านางจะไม่เต็มใจบอกชื่อจริงของนาง นางบอกไว้ว่าจะเป็นการดีกว่าที่จะทำให้ลืมนางได้ง่ายมากขึ้น ถึงแม้สภาพปัจจุบันนางจะปรากฏว่าเป็นสาววัยรุ่นแต่’เนี่ยหลี่’ก็ตระหนักดีว่านางนั้นมีชีวิตอยู่มานานแล้ว
“ข้าไม่ทราบหรอกว่าผู้ใดที่ต้องการทำร้ายเจ้า?แต่ตอนนี้เจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำไมเจ้าไม่ยอมรับข้าเป็นอาจารย์เจ้าแล้วตามข้ากลับไปยังสำนักเล่า? ที่นั่นข้าสามารถสอนเทคนิคการบ่มเพาะพลังให้เจ้าได้”
รอยยิ้มอ่อนโยนของหญิงสาวราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ
“ศิษย์ข้า เจ้าไม่ควรทำการบ่มเพาะพลังเช่นนี้ หากเจ้าอยากสื่อสารเข้าใจกับฟ้าและดิน อย่างแรกเจ้าต้องวางความเกลียดชังในใจของเจ้าลงให้หมดเสียก่อน! เจ้าต้องทำตัวใจให้ใสบริสุทธิ์ดุจดั่งสายน้ำ หัวใจของเจ้าต้องรับได้ทุกอย่างเฉกเช่นฟ้าและดิน เมื่อนั้นเจ้าจักประสบความสำเร็จในวิถีแห่งเต๋า”
‘เนี่ยหลี่’ไม่เคยไปถึงความหมายของดินแดนว่า ‘ใสบริสุทธิ์ดุจน้ำ’ อย่างที่อาจารย์เขาได้กล่าวมา
เขาเป็นเพียงปุถุชนคนธรรมดาที่อาศัยอยู่ในโลกที่มากการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น โลกแห่งการโป้ปดหลอกลวงเต็มไปด้วยเล่ห์กลต่างๆ และเขาก็ไม่สามารถที่จะละเว้นศัตรูของเขาให้หลุดรอดไปได้
–
“ศิษย์ข้าเจ้าต่อสู้เพื่อสิ่งใด?”
“แต่ว่า อาจารย์ พวกมันเรียกท่านว่าปีศาจ!นั่นก็เพียงพอแล้ว!พวกมันเรียกสายเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในตัวท่านว่าสายเลือดปีศาจ!”
“แล้วในใจของเจ้าอาจารย์เจ้าคือปีศาจไหม?”
“ไม่..”
“ถ้างั้นคำพูดของผู้อื่นจะทำอันใดได้เล่า?”
–
“ได้โปรดท่านอาจารย์ อย่าทิ้งข้าไว้คนเดียว ท่านเป็นคนที่ข้ารัก…”
กลิ่นอายของนางอ่อนแอลงอย่างยิ่ง
“เนี่ยหลี่ ข้าได้บอกเจ้าเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าข้าทำการทำนายเคราะห์กรรมของข้าเอาไว้ เจ้าคือภัยพิบัติของข้า ดังนั้นการตายข้าไม่เกี่ยวกับพวกเขา เนี่ยหลี่สัญญากับข้า อย่าได้แก้แค้นพวกเขา ปล่อยความเกลียดชังในตัวของเจ้าลงซะ อย่างไรเสียผู้ที่จากไม่มีวันหวนกลับคืนมา หากเจ้ายังถือยึดกับความแค้นของเจ้า เจ้าจะยิ่งสูญเสีย เจ้าต้องไปให้ถึงดินแดน ‘ใสบริสุทธิ์ดุจสายน้ำ’ !”
“ไม่..!!”
‘เนี่ยหลี่’โหยหวนด้วยความเจ็บปวด ในขณะที่มองนางค่อยๆปิดตาลงและจากไปภายในอ้อมแขนของเขา
อาจารย์เคยเป็นหนึ่งในผู้ปูทางให้เขาในอาณาจักรซากมังกร แต่ตอนนี้นางกลับอยู่เงียบไม่แยแสต่อโลกและกลายเป็นสายลมที่ไร้ตัวตน
‘เนี่ยหลี่’ทำตามสัญญาสุดท้ายที่ได้ให้ไว้กับอาจารย์ เขาไม่ได้แก้แค้นผู้คนเหล่านั้น และในท้ายที่สุดเขาก็ได้รับความคุ้มครองจากนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ แต่อย่างไรก็ตามการจากไปของนางยังฝังรากลึกของความเสียใจลงไปยังจิตใจของเขา
และหลังจากนั้นเนี่ยหลี่ก็ไม่สามารถที่จะไปถึงดินแดน ‘ใสบริสุทธิ์ดุจสายน้ำ’ ไม่สามารถที่เป็นเหมือนอาจารย์ที่ตัดขาดละทิ้งจากทางโลกในตอนนี้ดวงตาของ’เนี่ยหลี่’เต็มไปด้วยน้ำตาเมื่อได้พบกับนางอีกครั้ง
“เนี่ยหลี่ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า??”
‘หลู่เปียว’ถาม’เนี่ยหลี่’ด้วยอาการที่ตกตะลึงสุดขีด มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับเขา? เหตุใดจึงร้องไห้?
‘เนี่ยหลี่’ส่ายหัว
“ไม่มีอะไร”
ความทรงจำเหล่านั้นถามโถมสาดซัดมาราวกับคลื่นยักที่มาบดบังทัศวิสัยในดวงตา…
แปลโดย…สินธุ์นวล
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: