ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปตระกูลผนึกมังกร
‘หลงยู่อิน’ ได้ทราบข่าวว่า’เนี่ยหลี่’และ’เซี่ยวหยู่’ มีอันดับจิตวิญญาณแห่งแสง 16 และ 11 ตามลำดับ
นางไม่ได้มีความสนใจเกี่ยวกับ’เซี่ยวหยู่’แม้แต่นิด แต่นางค่อนข้างสนใจเนี่ยหลี่ที่มาจากโลกใบเล็กที่ไม่มีพื้นฐานใดๆ ไม่ต้องพูดถึงทรัพยากรที่ใช้บ่มเพาะพลังมีอยู่อย่างจำกัด แต่ความจริงที่ว่าเขาก้าวขึ้นมาอยู่อันดับสูงในอันดับจิตวิญญาณแห่งแสง’หลงยู่อิน’สัมผัสได้ถึงการท้าทายอย่างรุนแรง
นับตั้งแต่นางยังเด็กนางเป็นผู้ที่มีความโดดเด่นเหนือผู้อื่นในวัยเดียวกัน นางไม่เคยได้รับความรู้สึกท้าทายเช่นนี้มาก่อน
นางลุกขึ้นและเดินออกไป ณ ตอนนั้นนางไม่ได้ตีค่า’เนี่ยหลี่’ไว้สูงมากนัก แต่ตอนนี้นางได้ประเมิน’เนี่ยหลี่’เอาไว้สูงเพิ่มขึ้นแล้ว
ตอนนี้นางสวมเสื้อผ้ากระชับเข้ารูป เผยสัดส่วนที่น่าประทับใจของนาง ดาบยาวประดับอยู่ที่เอวเพรียวบางของนาง เรียวขาที่เต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง สร้างบรรยากาศกดดันให้แก่ผู้พบเห็น
แม้ว่าใบหน้าของนางจะสมบูรณ์แบบมากก็ตามที แต่แค่ชื่อของนางก็ทำให้บุรุษวัยเดียวกับนางหวาดกลัวจนอึแทบราด ชายหนุ่มรูปงามที่อายุราวๆ16-17 เดินเข้าไปถามนาง
“น้องอิ้น เจ้ากำลังจะไปไหน?”
“ฮูหยง เจ้าต้องการโดนข้าจัดการเจ้าอีกครั้งงั้นสิ?”
‘หลงยู่อิน’ พ่นลมหายใจของนางสร้างแรงกดดันให้กับชายหนุ่มที่เพิ่งถามนางเมื่อครู่ ชายหนุ่มที่ได้ยินคำพูดของนาง ก็เกิดความหวาดกลัวขึ้นมา ขาของเขาไม่สามารถหยุดสั่นได้เลย
ด้วยการจ้องมองนั้น ‘หลงยู่อิน’พูดอย่างเย็นชาว่า
“เศษสวะอย่างเจ้าเนี่ยนะคิดจะแต่งงานกับข้า? หากเจ้าต้องการแต่งกับข้า ก่อนอื่นก็จงเอาชนะข้าสิ!”
พูดจบ’หลงยู่อิน’ก็เดินจากไปร่างของนางหายออกไปทางประตูทางเข้า
ชายหนุ่มได้แต่ยืนมองนางจากไป เอาชนะนางงั้นรึ? มันจะเป็นไปได้อย่างไร? ไม่มีบุคคลในวัยเดียวกันที่สามารถประสบความสำเร็จได้เทียบเท่านางเลย! ทางเข้าด่านจิตวิญญาณแห่งแสงเต็มไปด้วยหัวข้อการสนทนามากมายต่างๆนานา
ประเด็นที่ได้รับความนิยมสูงสุดคงหนีไม่พ้น ‘เนี่ยหลี่’และ’เซี่ยวหยู่’ที่ได้เลื่อนอันดับจิตวิญญาณแห่งแสงเข้าไปสู่อันดับสูงเมื่อไม่นานนี้ จริงๆแล้ว’หลู่เปียว’ก็ได้รับการพิจารณาไม่แพ้กันแต่เขาก็ต้องถูกบดบังรัศมี เนื่องจาก’เนี่ยหลี่’และ’เซี่ยวหยู่’
“อันดับที่ 11 จิตวิญญาณแห่งแสง ไม่ใช่ว่าเซี่ยวหยู่เป็นขยะไร้ค่าหรอกรึ? นี่มันเป็นไม่น่าเป็นไปได้!”
“หรือว่าเขาจะทะลวงเข้าสู่ระดับชะตาสวรรค์ได้แล้ว?”
“เนี่ยหลี่ผู้นี้มาจากไหน?ทำไมพวกเราถึงไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน?!”
“นั่นสิพวกนั้นมากจากที่ใดกันนะ?”
ในระหว่างที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่นั่นเอง ใครคนหนึ่งก็ได้ตะโกนขึ้น
“หลงยู่อินมาที่นี่!”
เหล่าฝูงคนที่กำลังพูดคุยอยู่กันนั้นก็แหวกทางมองมายังที่ที่เดียว ทุกคนต่างมองด้วยความกลัว แม้ว่า’หลงยู่อิน’จะเป็นผู้ที่งดงาม พวกเขาก็ทำได้เพียงแค่แอบๆมองเท่านั้น ก่อนจะรีบเปลี่ยนมุมมองสายตาอย่างรวดเร็ว
นี่เป็นเรื่องตลกงั้นหรือ? ไม่มีใครอยากกระตุ้นนาง นางเป็นหญิงงามที่น่ากลัว นางทำให้คู่หมั้นของนางถึงกับพิการด้วยมือนางเอง
นอกเหนือความแข็งแกร่งจากการบ่มเพาะพลังของนางแล้ว นางยังมีร่างกายที่แกร่งไม่แพ้กัน นางเป็นผู้มีสายเลือดมังกรและความจริงที่ว่านางมาจากตระกูลที่ไม่สามารถแตะต้องได้ ผู้คนทำได้เพียงชื่นชม’หลงยู่อิน’ จากเบื้องล่างของนางเท่านั้น
ในขณะเดียวกันนางก็เป็นผู้มาใหม่ที่ได้อันดับ 10 ไปครองเป็นคนแรก
สายตาของนางจ้องมองไปยังอันดับจิตวิญญาณแห่งแสงก่อนจะก้าวเดินเข้าไปในด่านจิตวิญญาณแห่งแสง
“หลงยู่อิน ได้เข้าสู่ด่านจิตวิญญาณแห่งแสง!”
“นอกจากนี้ข้ายังได้ยินมาว่า นายน้อยจินหยานเองก็ได้เข้าไปแล้วเช่นกัน!”
“นี่เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากทีเดียว!”
เมื่อ ‘หานจิง’ ‘หวังหยาง’ และพรรคพวกได้ยินข่าวนี้ ก็รีบมายังด่านจิตวิญญาณแห่งแสง และเนื่องจากพวกเขาไม่เคยเข้าด่านจิตวิญญาณแห่งแสงมาก่อน พวกเขาจึงตามคนอื่นๆเข้าไป
ภายในด่านจิตวิญญาณแห่งแสง ‘เนี่ยหลี่’นั่งอยู่ในขั้นที่ 121 ขณะที่กำลังเชื่อมโยงเส้นทางแห่งสวรรค์ และได้รับรู้ถึงความลึกลับของฟ้าและดิน
ขั้นที่เหนือกว่าขั้นที่ 121 เขารู้สึกถึงแรงกดดันที่ไม่ให้เขาฝ่าเข้าไป หากเขายังคงฝืนขึ้นไปขอบเขตวิญญาณของเขาต้องเกิดการระเบิดขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้น’เนี่ยหลี่’จึงไม่กล้าจะก้าวขึ้นไปต่อ
ขอบเขตวิญญาณภายในร่างของเขากำลังดูดซึมพลังงานฟ้าและดิน
‘เนี่ยหลี่’ปล่อยให้พลังฟ้าและดินเหล่านั้นเข้ามายังขอบเขตวิญญาณของเขาจากนั้นจึงทำการปรับแต่งมันทีละนิดให้มันกลายเป็นพลังของเขาเอง
ขอบเขตวิญญาณของ’เนี่ยหลี่’ตอนนี้เปรียบได้กับน้ำวนที่ดูดกลืนพลังฟ้าและดินเข้ามา ในเวลาเดียวกัน ที่แห่งหนึ่งภายในสถาบันวิญญาณฟ้า ผู้เยี่ยมยุทธหลายคนนั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะหิน
หนึ่งในผู้เยี่ยมยุทธ สวมชุดคลุมสีเทา กล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“มีคนไม่มากนักที่มากพรสวรรค์ในปีนี้ ยกตัวอย่างเช่นหลงยู่อินจากตระกูลผนึกมังกร นางมีสายเลือดมังกรแถมยังมีรากวิญญาณฟ้าขั้นที่ 7 และถูกจัดให้อยู่ในอันดับ 10 ในด่านทดสอบ”
ชายคนนี้มีนามว่า ‘หน่านเหมียน เทียนไห่’ เป็นผู้อาวุโสสถาบันวิญญาณฟ้าคอยดูแลเรื่องกิจกรรมต่างๆ
ผู้เยี่ยมยุทธที่ใส่ชุดคลุมสีขาว กล่าวว่า
“หลงยู่อินจากตระกูลผนึกมังกรเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งอย่างแน่นอน”
ชายผู้นี่คือ ‘หวงอี้’ เขาเป็นหนึ่งในผู้อาวุโส
“เด็กใหม่ที่ชื่อเนี่ยหลี่ก็ไม่เลวเลยทีเดียว เขาสามารถก้าวไปยังอันดับที่ 16 จิตวิญญาณแห่งแสง!”
‘หน่านเหมียน เทียนไห่’ ยิ้มแบบสบายๆ
“มันเป็นจริง เด็กใหม่สองคนที่มาจากโลกใบเล็กนั้นความสามารถไม่เลว แม้กระทั่งเซี่ยวหยู่ก็ดูเหมือนจะสามารถประสบความสำเร็จได้”
‘หวงอี้’ยิ้ม
“สิ่งที่น่าประทับใจก็คือเด็กที่ชื่อเนี่ยหลี่นั่น ที่สามารถเพิ่มความสามารถของตนเองโดยไม่มีผู้หนุนหลังให้ทรัพยากรในการบ่มเพาะพลังเหมือนตระกูลผนึกมังกร ดูเหมือนว่าภาคตะวันออกจะได้รับเหล่าอัจฉริยะเพิ่มขึ้นหลายคนในปีนี้!”
พวกเหล่าอาวุโสกำลังให้ความสนใจสถานการณ์ภายในสถาบันวิญญาณฟ้า พวกเขาจับตาดูการกระทำของเหล่าอัจฉริยะทั้งหมด
‘เนี่ยหลี่’และ’หลู่เปียว’ก็เข้าไปอยู่ในกลุ่มนี้เรียบร้อยในสายตาของพวกเขาทั้งสองจะกลายเป็นคนที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษเพื่อทำการฝึกสอน ประมาณว่า ไม่มีพื้นเพยังเก่งขนาดนี้ ถ้าได้รับการอบรมสั่งสอนอีกจะขนาดไหน แข่งขันกันระหว่างอาจารย์
ภายในด่านจิตวิญญาณแห่งแสง
‘เซี่ยวหยู่’ ‘เนี่ยหลี่’และ’หลู่เปียว’ กำลังใจจดใจจ่ออยู่กับการฝึกฝนของพวกเขา จิตวิญญาณในที่แห่งนี้เป็นประโยชน์มากสำหรับพวกเขา นอกจากนี้พวกเขาตั้งใจจะฝึกฝนอยู่ที่นี่จนกว่าจะถึงขีดสุดของเวลาที่จำกัดไว้
ดังนั้นนี่จึงเป็นสาเหตุให้พวกเขาฝึกอย่างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีอยู่ใน ยี่สิบอันดับแรกสามารถอยู่ฝึกฝนที่นี่ได้ถึงสามวันต่อเดือน
เบื้องล่าง ที่บันไดขั้นที่ 55 ‘หวงอิ้ง’ มองไปยัง’เซี่ยวหยู่’ด้วยแววตาที่เป็นประกาย
“จริงๆด้วย! การตัดสินใจของข้าไม่ได้ผิดพลาดพี่เซี่ยวหยู่แข็งแกร่งจริงด้วย!”
หน้าของนางแดงเป็นมะเขือเทศ แทนที่จะจดจ่อกับการฝึกฝนนางจ้องมองไปที่’เซี่ยวหยู่’แทน
เมื่อเห็นสายตาของ’ฮวงอิ้ง’ที่มอง’เซี่ยวหยู่’แล้ว ‘เอี๋ยนห่าว’เริ่มก้าวขึ้นบันไดมาอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อมาถึงขั้นที่56เขาก็ไม่สามารถจะก้าวขึ้นต่อไปได้
“นี่ข้ากำลังจะแพ้ไอ้ขยะนั่น?!”
‘เอี๋ยนห่าว’ โกรธมากจึงพยายามจะก้าวขึ้นขั้นที่ 57 แต่ทันใดนั้นก็มีพลังบางอย่างได้กระแทกตัวเขาออกไปอย่างรุนแรง
*บูม*
เขารู้สึกถึงพลังที่แข็งแกร่งเข้าปะทะกับแดนวิญญาณ ‘เอี๋ยนห่าว’ได้กระอักเลือดออกมาคำหนึ่งก่อนจะกระเด็นลอยไปตกอยู่ที่พื้นดินด้านหลังนี่คือชะตากรรมของผู้ที่มีความแข็งแกร่งไม่เพียงพอ แต่ยังคงต้องการต่อต้านสวรรค์แห่งเต๋า
‘เอี๋ยนห่าว’กำหมัดแน่นทุบกระแทกไปที่พื้นดิน แม้ว่าเขาไม่อยากยอมแพ้ แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้
เมื่อเหล่านักเรียนที่ยืนดูอยู่นั้น เห็น’เอี๋ยนห่าว’ถูกผลักกระเด็นออกมาพร้อมกับกระอักเลือด สายตาอันเวทนาก็จ้องมองไปที่’เอี๋ยนห่าว’ นี่เป็นผลมาจากการดันทุรัง ถ้าหากความแข็งแกร่งของเจ้าไม่เพียงพอเจ้าก็แค่หยุดแล้วทำการบ่มเพาะพลังต่อไป ทำไมต้องฝืนทำเช่นนั้นด้วย?
“นั่น นั่นคือจินหยาน”
“อะไรกัน? แม้กระทั่งหลงยู่อินที่อยู่ในอันดับสิบ ก็เข้ามายังที่นี่!”
ความสนใจของผู้ที่อยู่บริเวณด่านจิตวิญญาณแห่งแสงถูกดึงดูดจาก’หลงยู่อิน’ แต่ก็เป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆพวกเขาหลับตาลงและทำการบ่มเพาะพลังต่อไป เพราะกลัวว่าจะถูกสังเกตเห็นจาก’หลงยู่อิน’
‘หลงยู่อิน’ไม่ใส่ใจสายตาที่มองมาเมื่อครู่ นางก้าวไปยังแท่นบูชา ดวงตานางจับจ้องไปยัง’เซี่ยวหยู่’และ’เนี่ยหลี่’ที่กำลังทำการฝึกฝนบ่มเพาะพลังอยู่ เนื่องจากทั้งคู่อยากท้าทายตำแหน่งมากนัก นางจะไม่ให้พวกเขาได้มีโอกาสทำเช่นนั้น!
นางต้องการบอกว่าผู้ใดกันแน่ที่เป็นอัจฉริยะของแท้ของที่นี่!
‘จินหยาน’ที่ยืนอยู่ด้านข้างกวาดสายตาไปมองหลงยู่อิน เขาไม่คาดคิดเลยว่า’หลงยู่อิน’จะมาที่นี่
หลังจากที่รู้ถึงความสามารถอันน่าสะพรึงกลัวของนาง ทำให้’จินหยาน’ทำตัวไม่ถูก เขามั่นใจว่าสามารถเอาชนะ’เนี่ยหลี่’ได้ แต่กับ’หลงยู่อิน’เขาไม่มีโอกาสแม้แต่น้อย
‘เนี่ยหลี่’ทำการบ่มเพาะพลังอยู่อย่างเงียบๆ ความเข้าใจฟ้าและดินของเขาเพิ่มมากขึ้น และเสถียรมากยิ่งขึ้น เถาวิญญาณในตัวเขายังทำหน้าที่เป็นวังน้ำวนที่ดูดกลืนพลังฟ้าและดินอย่างต่อเนื่อง
ในขณะเดียวกันนักเรียนสองคนที่ทำการบ่มเพาะพลังอยู่ไม่ไกลจาก’เนี่ยหลี่’ สัมผัสได้ถึงพลังฟ้าและดินที่เบาบางลง พวกเขามองมาที่’เนี่ยหลี่’ด้วยความประหลาดใจ
ชายคนนี้บ่มเพาะพลังแบบใด?นี้มันแปลกประหลาดเกินไป ! พลังฟ้าและดินที่อยู่โดยรอบถูกดูดกลืนจนเกือบเหือดแห้งโดย’เนี่ยหลี่’!
หากพวกเขายังทำการบ่มเพาะอยู่ที่นี่ต่อ ความเร็วในการบ่มเพาะของพวกเขาจะได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก
นักเรียนสองคนนั้นจึงลุกขึ้นยืนและเดินจากไปให้ไกลเพื่อที่จะไม่ได้รับผลกระทบจาก’เนี่ยหลี่’
‘เนี่ยหลี่’รู้สึกว่าระดับพลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเขาอยู่ที่ระดับตำนาน 5 ดาวแล้ว หลังจากมาถึงอาณาจักรซากมังกรความเร็วในการบ่มเพาะพลังของเขาเพิ่มขึ้นกว่าสิบเท่าเมื่อเทียบกับตอนที่อยู่โลกใบเล็ก!
หากเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆภายในหนึ่งเดือนเขาอาจจะก่อรูปชะตาวิญญาณและทะลวงเข้าสู่ระดับชะตาสวรรค์!
ในขณะที่แดนวิญญาณยังคงหมุนดูดซับพลังอยู่นั้น จู่ๆ’เนี่ยหลี่’ก็รู้สึกถึงกลิ่นอายที่กดดันมา เขาจึงเงยหน้าขึ้นมาพบว่า’หลงยู่อิน’กำลังเดินมาในทิศทางที่เขาอยู่ ใบหน้าสวยงามราวปติมากรรมน้ำแข็งที่แม้จะผ่านไปหมื่นปีก็ไม่ละลาย ดวงตาคู่นั้นที่ทำให้รู้สึกถึงแรงกดดันอย่างหนาแน่น
เหตุใดนางจึงมาที่นี่ ?
ในขณะที่’เนี่ยหลี่’คิดว่าทำไม อาจารย์ของเขาถึงต้องถูกฆ่าโดย’หลงยู่อิน’และพรรคพวกของนาง อารมณ์ของ’เนี่ยหลี่’ก่อเกิดเป็นปฏิปักษ์ อาฆาตแค้นไปทั่วดวงตา ในชีวิตนี้เขาจะไม่ปล่อยให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นอีกครั้งอย่างแน่นอน
ในฐานะที่ผู้หญิงคนนี้คือ ‘หลงยู่อิน’ เขาต้องหลีกเลี่ยงนางไปให้ไกลและลืมนางเสีย เพื่อจะได้ไม่ส่งผลกระทบเป็นระลอกคลื่นให้กับชีวิตใหม่ของเขา
‘เนี่ยหลี่’ทำตามคำสัญญาก่อนหน้านี้ที่เขาให้ไว้กับอาจารย์ ไม่แสวงหาการแก้แค้น’หลงยู่อิน’ แต่เขาจะไม่ให้’หลงยู่อิน’มีโอกาสอีกครั้ง ‘เนี่ยหลี่’จะต้องบ่มเพาะพลังให้ไปในระดับที่สูงกว่านาง จนนางไม่อาจเทียบได้
หลังจากนั้นเพื่อความมั่นใจ เขาจะนำ’หลงยู่อิน’ไปให้ไกลให้พ้นจากที่นี่ให้มากที่สุด
สินธุ์นวล : ความหมายของหลี่คือการเอาไปเป็นเมียน้อยยยย
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: