ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘กู้เบ่ย’ชื่นเชยเนี้ยหลี่และยกนิ้วให้พร้อมกระซิบข้างหูว่า
“สุดยอด เนี้ยหลี่! ฮาๆ! เมื่อคิดว่าเจ้าสามารถก้าวข้าม หลงยู่อินได้! ตลอดเวลาที่ผ่านมาข้าต้องการที่จะเหนือกว่านาง แต่ทว่าสิ่งนั้นแทบเป็นไม่ได้เลยตั้งแต่นางมีพลังแข็งแกร่ง แต่ทว่าเหมือนว่าเจ้าจะมีพลังเหนือยิ่งกว่านั้นมาก”
“นั่นเป็นเพียงการแข่งขันบนศิลาอันดับจิตวิญญาณแห่งแสง”
‘เนี้ยหลี่’พยักหน้าและมอง’กู้เบ่ย’และพูดอย่างมี นัยยะว่า “เจ้าก็สามารถทำได้มิใช่หรือ?”
ด้วยคำพูดของ’เนี้ยหลี่’ ‘กู้เบ่ย’ยิ้มและพยักหน้า
“ข้ามั่นใจว่า ข้ามิพ่ายต่อนาง แต่การทำให้นางละอายนั้นยังคงยากเกินไปสำหรับข้านัก เจ้าเป็นผู้เดียวที่ประทับตราตรึงใจของข้านัก!”
“การแข่งขันศิลาอันดับจิตวิญญาณแห่งแสง ไม่ได้เคร่งอะไรมากนัก”
‘เนี้ยหลี่’มิได้กังวลเรื่องราวที่เกิดมากนัก ภายในใจเขา หลงยู่อินเป็นเพียงผู้คนที่เขาก้าวผ่านเท่านั้น ศัตรูแท้จริงของเขาคือ จักรพรรดิปราชญ์
‘กู้เบ่ย’หัวเราะเบาๆ
“ถึงเพียงนั้นก็น่าประทับใจยิ่งนัก ศิลาอันดับจิตวิญญาณแห่งแสง เป็นสัญลักษณ์ของความแกร่ง! น่าเกรงขามนักที่จะชนะความเยือกเย็นและความเย็นชาของหลงยู่อิน ข้าเคยต้องการนางมาเป็นภรรยา แต่ถ้าเจ้าสนใจข้ายกให้เจ้า!”
‘เนี้ยหลี่’ไม่รู้จะพูดอย่างไรกับความไร้แก่นสารของ’กู้เบ่ย’ ถึงแม้ว่าไม่ได้เป็นอย่างที่คาด เมื่อกู้เบ่ยพยายามปกปิดสถานะและบุคลิก
แม้เขาจะอายุเพียง 14-15 ปี ข่าวลือก็แพร่กระจายว่าเขามีภรรยากว่ายี่สิบซ่อนภายในบ้าน อย่างไรก็ตาม’เนี้ยหลี่’ไม่รู้ว่ามันเป็นเพียงการตีหน้าหรือเป็นเพราะบุคลิกของเขากันแน่“ข้ามิได้สนใจนาง”,
‘เนี้ยหลี่’พูด
‘กู้เบ่ย’รู้สึกมึนงงชั่วขณะ และแอบดูง่ามขา’เนี้ยหลี่’
“เจ้าไม่ได้มีปัญหาพวกนั้นใช่หรือไม่? นางนั้นสวยอย่างเลอค่า แต่เจ้าไม่ริจะสนใจ?”
‘เนี้ยหลี่’ใบ้ไปชั่วขณะ เมื่อเขานึกถึง’เอียจือหวิน’และ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ ถ้าเขาจะมีภรรยาอย่างน้อยก็ต้องมีหลักเกณฑ์ขั้นต่ำเป็น’เอียจือหวิน’หรือ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ สตรีอย่าง’หลงยู่อิน’ ‘เนี้ยหลี่’ไม่คิดจะสนใจ
‘เนี้ยหลี่’พบว่าการวาทะครั้งคงมิสิ้นสุดเป็นแน่ถ้าเขาปล่อยบทสนทนาดำเนินไป ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนหัวบทสนทนา
“มีคนจากตระกูลกู้ นาม กู้เฮง มาสอดแนมพวกข้า”
หลังจากคำพูดของ’เนี้ยหลี่’ ‘กู้เบ่ย’เปลี่ยนสีหน้าอย่างทันทีและคิดเกี่ยวกับที่’เนี้ยหลี่’พูด
“เนี้ยหลี่ไม่ว่าเจ้ากับหลู่เพียวจะตัดสินใดอันใด เจ้ายังคงเป็นมิตรแห่งข้า กู้เฮงมิใช่คนดี จะเป็นการดีที่สุดถ้าเจ้าออกห่างจากเขา แม้ว่าเจ้าจะกลายเป็นผู้อยู่ภายใต้บัญชาของเขา ข้าคิดว่าเจ้ายังคงเป็นคนที่ข้ารู้จักเช่นเดิม”
“ข้าปฏิเสธเขา”
‘เนี้ยหลี่’พูดอย่างสงบ
“ไม่เพียงแต่เขา พวกเราปฏิเสธทุกราย”
‘กู้เบ่ย’เชิดหน้าขึ้นและมอง’เนี้ยหลี่’ด้วยความประหลาดใจ
ในเวลาต่อมาเพียงไม่นานนัก เขาจึงตื่นตัวและตอบกลับไปว่า
“ กู้เฮงใจแคบนัก ตั้งแต่พวกเจ้าปฏิเสธเขา เจ้าจักต้องระวังกลยุทธ์ของเขาอย่างยิ่ง!”
‘เนี้ยหลี่’พูดอย่างเคยชินว่า
“พวกข้ามิได้รู้สึกกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้นอย่างใด แม้นว่าจะมีกองทัพมา พวกข้าจักสกัดกั้นโดยปกติ หากเขาส่งอุทกภัยมา พวกข้าจักสกัดกั้นด้วยพสุธานี้!”
‘กู้เบ่ย’คิดติตรองการแสดงออกของ’เนี้ยหลี่’เมื่อครู่ก่อนจะพูดว่า
“เนี้ยหลี่ สุดหล้าฟ้าเขียว ข้าชื่นชมเจ้าอย่างแท้จริง แต่นี้เป็นต้นไป หากเจ้าต้องการสิ่งใดเพียงบอกแก่ข้า ข้าจักไม่เกี่ยงงอนอย่างแน่นอน!”
‘เนี้ยหลี่’โบกมือ
“พวกเราค่อยพูดเรื่องนี้ภายหลัง!”
‘กู้เบ่ย’เป็นคนดี ดังนั้น ‘เนี้ยหลี่’ไม่ต้องการที่จะสานสัมพันธ์ด้วยเพียงผลประโยชน์
ไม่ไกลนัก ‘หานจิง หวังหยาง’พร้อมกลุ่มของเขาได้สังเกตการณ์’เนี้ยหลี่’ ‘หลู่เพียว’และ’กู้เบ่ย’อย่างริษยา อย่างไรก็ตามไม่มีใครกล้าทำอะไรกับ’เนี้ยหลี่’ ทักษะความสามารถของพวกเขาอยู่ต่างชั้นกัน ความสามารถของ’เนี้ยหลี่’ทำให้พวกเขากลัวเกรงอย่างสุดซึ้ง การหาเรื่องนั่นหมายถึงรนหาที่ตาย!
‘เนี้ยหลี่’ผู้สามารถจัดการกับ’หลงยู่อิน’ได้
‘อาจารย์ชิหลิง’ ก้าวเข้าไปในสนามกวาดสายตาไปยังศิษย์
เมื่อนัยยะสายตาตกไปอยู่กับ’เนี้ยหลี่’เขาหยุดในเวลาระยะอันสั้นก่อนจะยิ้ม
“ข้าทราบว่าพวกเจ้าบางคนได้เข้าไปยังลานฝึกแล้ว มีนักเรียนมากมายนักที่สำเร็จในระดับค่อนข้างดีและแสดงความสามารถก้าวข้ามความคาดการณ์ของข้า ยอดเยี่ยม! ทุกคนจักต้องเพียรพยายามให้มาก เพราะเขตแดนด้านตะวันออกมีสิทธิให้ได้ร่วมเพียงห้าที่ ถ้าพวกเจ้าไม่สามารถได้ตำแหน่งในปีนี้ต้องรอจนถึงปีหน้า จักมีนักเรียนมากมายเข้าร่วมกับพวกเราซึ่งมาจากเขตแดนทางใต้และเหนือ ใครจะรู้? ครั้งนี้อาจเป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเจ้า!”
‘หานจิง หวังหยาง’และคนอื่นกำหมัดแน่น มีที่ว่างสำหรับห้าที่เท่านั้นและความยากของการแข่งขันนั้นสูงเกินไป แม้แต่คำพูดของ’อาจารย์ชิหลิง’ก็ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดหวั่น ถ้าพวกเขาจะไม่สามารถไปยังเขตแดนตะวันออกในปีนี้ นั่นหมายความพวกเขาจะพลาดโอกาสไปตลอดกาล? ใจพวกเขากระสับกระส่าย พวกเขาล้วนเป็นอัจฉริยะผู้มีความสามารถระดับรากวิญญาณฟ้าพวกเขาจะยอมก้มหัวและปล่อยให้ผู้อื่นก้าวข้ามได้อย่างไร?
“บทเรียนในเมื่อสามวันที่ผ่านมา พวกเราได้ฝึกในการจุดชนวนเปลวไฟแห่งจิตวิญญาณ ข้าคาดหวังว่าพวกเจ้าจะฝึกฝนขณะอยู่บ้าน? ถ้าเจ้าสามารถจุดชนวนเปลวไฟแห่งจิตวิญญาณได้แล้ว แจ้งชื่อของเจ้าให้ข้า การจุดชนวนเปลวไฟแห่งจิตวิญญาณเป็นหนทางหนึ่งที่พวกเจ้าสามารถใช้เข้าเขตแดนตะวันออก บทเรียนสำหรับวันนี้ พวกเราจะพูดเกี่ยวกับการเพิ่มพลังวิทยายุทธทางกายภาพ การจะพัฒนาจิตอันทรงพลังควรจะมีพลังกายอันแกร่ง หลังจากนั้นจึงบรรจุจิตวิญญาณอันทรงพลังได้ อย่างไรก็ตามการจะเพิ่มขีดความสามารถของกายไม่ใช่ปัญหาที่ธรรมดา!”
‘อาจารย์ชิหลิง’กล่าวต่อ
“ ตอนนี้ ข้าจะสอนพวกเจ้าว่าเพิ่มพลังให้แก่ร่างกายอย่างไร”
หลังจากพูดเสร็จ ‘อาจารย์ชิหลิง’ก็เรียกสนับแขนออกมาจากแหวนมิติของเขา
“นี่คือของสนับแขน หนักอย่างถ่องแท้ ตามชื่อของมัน มันถูกเติมลงไปด้วยน้ำหนักที่ล้นเหลือสนับแขนถูกแบ่งเป็น 5 แบบ: 250,500,750,1000 และ1250 . กิโลกรัม พวกเจ้าแต่ละคนสามารถเลือกมาคู่หนึ่งเพื่อสวมใส่ซะ!”
เมื่อ’อาจารย์ชิหลิง’กล่าวเสร็จสิ้น นักเรียนหลายคนก็เดินตรงไปด้านหน้าเพื่อนำสนับแขน 500 .ทันทีทันใดนั้นหน้าของพวกเขาก็แดงและพวกเขาก็เปลี่ยนคู่สนับแขนเพื่อให้เหมาะสมกับมือพวกเขา สนับแขนข้างหนึ่งน้ำหนัก 500 . ;คู่หนึ่งจึงเป็น 1000 .นักเรียนเหล่านี้ไม่สามารถทนน้ำหนักอันมากมายเหล่านี้ได้อย่างสิ้นเชิง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกสนับแขนที่มีน้ำหนัก 250 . พอ
ในตอนนี้ หลังจากห้ามการใช้พลังวิเศษ พวกเขาจึงตระหนักถึงความอ่อนด้อยด้านกายภาพเช่นนี้
ในตอนแรก ผู้เรียนเดินไปมิหวังที่จะนำสนับแขนที่เบาสุดมา แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาจึงตระหนักว่าด้วยพลังกายภาพพวกเขานั้นอ่อนด้อยเกินไป หลังจากนั้นพวกเขาจึงหยิบอันที่เบาที่สุด มีเพียงไม่กี่คนนักที่สามารถยกสนับแขน 500 .
‘หลงยู่อิน’เดินเข้าไปในกองสนับแขน แทบทุกคนต่างจับจ้องไปที่นางด้วยความสนใจ ทุกคนรู้ว่าหล่อนมีเชื้อสายเลือดมังกร ดังนั้นต้องมีวิทยายุทธทางกายภาพอันทรงพลังเป็นแน่ อย่างไรก็ตามนั้น ไม่มีใครทราบได้เลยว่านางนั้นแข็งแกร่งถึงเพียงใด
‘หลงยู่อิน’ก้มหยิบสนับแขน 750 . และสวมใส่อย่างง่ายดาย
นางเคยชินกับสนับแขนมาก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายนักที่จะหาคู่สนับแขนที่เหมาะสมกับนาง ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้ว่านางจะสวมสนับแขน 750 . บางคนก็ยังคงพูดว่านางได้ออมพลังบางส่วนของนางไว้ เมื่อนางฝึกพลังพร้อมด้วยทรัพยากรของตระกูลของนาง นางนั้นฝึกฝนด้วยสนับแขน 1000 .
พลังด้านกายภาพของหล่อนนั้นเป็นเกียรติภาคภูมิของหล่อนยิ่งนัก
‘จินหยาน’เดินไปแล้วเลือกสนับแขน 500 . เขามอง’หลงยู่อิน’อย่างกดดัน เพียงสวมสนับแขน 500 .ก็ตึงมากแล้ว ลืมน้ำหนัก 750 . ไปได้เลย เขาตามหลัง’หลงยู่อิน’ 1 ขั้นเสมอ
“ตาพวกเราแล้ว!”
‘หลู่เพียว’พูดและเดินไปหยิบยกสนับแขน 500 กิโลกรัมและยกขึ้นมาบนมือ ถึงแม้ว่ามันจะยากเกินไปสำหรับเขาไปหน่อย เขาก็ยังสามารถสวมใส่ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
‘กู้เบ่ย’ยกสนับแขน 500 . และสวมใส่อย่างไร้ความมุ่งมั่น เขาเลือกพรรคพวกแทนที่จะเปลี่ยนเป็นคู่ที่หนักกว่า
‘เนี้ยหลี่’ก็เลือกสนับแขน 500 . มาสวมใส่ เขารู้ว่าถึงแม้จะปราศจากพลังวิเศษ เขาสามารถที่จะสวมสนับแขน 750 . ได้ ถึงแม้มันอาจมากไปเพียงเล็กน้อย แต่จะดีกว่าถ้าหากรู้ขีดจำกัดของตนเอง
แม้กระนั้นหากเกี่ยวกับพลังกายภาพเพียงอย่างเดียวที่’เนี้ยหลี่’ด้อยกว่า’หลงยู่อิน’ ผู้สืบสายเลือดมังกร ด้วยเชื้อสายเพียงอย่างเดียว
นางมีความแข็งแกร่งเพียงผู้เชี่ยวชาญชะตาสวรรค์ระดับ 2“หลังจากพวกเจ้าฝึกปราศจากโดยพลังวิเศษ พวกเจ้าจะรู้ถึงความอ่อนแอของร่างกาย!”
‘อาจารย์ชิหลิง’สาดสายตาไปรอบด้านขณะยิ้ม
“พวกเจ้าจะต้องฝึกฝนในห้องฝึกพลังขณะนั้นข้าจักชี้ทางในการเพิ่มพลังกายให้พวกเจ้าด้วย!”
‘กู้เบ่ย’ ,’ลู่เพียว’และ’เนี้ยหลี่’เริ่มตารางการฝึกฝนซึ่งรวมถึงการออกกำลัง , ตีลังกาและอื่นๆมากมาย ถึงแม้ท่าทางพวกเขาจะดูพื้นเพธรรมดามาก การทดสอบก็ยิ่งเพิ่มการไต่ระดับความยาก เมื่อห้ามใช้พลังและพึ่งพลังกาย ไม่มีใครสามารถทำมันโดยง่าย
เพียงไม่กี่นาที กายพวกเขาทั้งหมดก็เริ่มหลั่งเหงื่อ
‘อาจารย์ชิหลิง’กล่าวขณะเดินไปรอบๆว่า
“เมื่อเจ้าฝึกกาย ปราณหายใจนั้นสำคัญที่สุด หายใจเข้าให้มากและผ่อนลมหายใจออกอย่างแผ่วเบา ความแข็งแรงถึกทานของร่างกายนั้นเป็นสิ่งเชื่อมโยงถึงพลังวิเศษได้ ดังนั้นเมื่อกายได้รับการหล่อเลี้ยงโดยพลังวิเศษ จะทำให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น!”
‘เนี้ยหลี่’อยู่ในท่าวิดพื้นนิ้วเดียวเหมือนพระที่เข้าฌานสมาธิ เขาไม่ริที่จะเคลื่อนไหวโดยเปล่าประโยชน์แต่อย่างใด
ตั้งแต่พวกเขาฝึกพละกำลังกาย ‘เนี้ยหลี่’ตัดสินใจว่าเขาจะไม่เสียโอกาสอันดีที่จะใช้วิธีของตัวเขาเพิ่มพลัง เขายังคงอยู่ในท่าทางที่ไม่ปรากฎการเคลื่อนไหวใดๆ อย่างไรก็ตาม กล้ามเนื้อทุกส่วนภายในกายเขาล้วนสั่นเทา
เทคนิคการเพิ่มพลังกายนี้เป็นเทคนิคเฉพาะของวิชา เทพวิถีฟ้า
ใช้หัวใจกลั่นลมหายใจ ใช้ลมหายใจขัดเกลาร่างกาย
ขณะที่กล้ามเนื้อสั่นเทา ‘เนี้ยหลี่’สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งที่มากกว่าเดิม การฝึกพลังเคล็ดวิชาเทพวิถีฟ้าในการขัดเกลากายให้ผลได้อย่างรวดเร็ว
‘อาจารย์ชิหลิง’หยุดขณะเดินผ่าน’เนี้ยหลี่’ เขาสัมผัสได้ว่า’เนี้ยหลี่’ใช้วิธีของเขาเพียงเท่านั้นในการฝึกกาย เป็นวิธีที่ไร้ซึ่งใครรู้ แม้แต่เขาซึ่งสัมผัสได้ว่ารัศมีบรรยากาศรอบกาย’เนี้ยหลี่’นั่นเบาบางอย่างมากจนเกือบจะไม่สามารถตรวจสอบได้เลย
‘อาจารย์ชิหลิง’นั้นรู้สึกประหลาดใจยิ่ง เป็นเคล็ดวิชาแบบใดในการขัดเกลาพลังกายกัน? อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ถาม ทุกคนมีเคล็ดวิชาเป็นของตน ดังนั้นพวกเขาเท่านั้นจึงจะเข้าใจอันลึกซึ้งเกี่ยวกับการฝึกพลังโดยเฉพาะของพวกเขาเอง
ในการเป็นอาจารย์ได้เพียงแต่นั่งอยู่ด้านข้าง ให้ทางลัดและไม่แทรกแซง ยิ่งไปกว่านั้น ในการไต่ถามเคล็ดวิชาจากศิษย์นั้นผิดจรรยาอาจารย์อย่างยิ่ง
แปลครั้งแรกเลยตื่นเต้นมากๆ
เป็นผู้อ่านมา 200 กว่าตอนแล้วจึงอยากช่วยแปลบ้าง
รู้สึกเป็นเกียรติมากที่จะได้ส่งต่อความสุขในฐานะผู้แปลให้ผู้อ่านทุกคน
หวังว่าผมจะแปลได้สนุกเหมือนกับที่ผมเคยได้อ่านมา หากมีข้อติใดๆ ก็บอกกันได้นะครับแปล
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: