ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปชายหนุ่มผู้นี้นามว่า’มู่หลงหยี่’ ก่อนหน้านี้เขากำลังใช้การฆ่าผีร้ายฝึกกระบวนท่ากระบี่อยู่
ในโบราณสถานแห่งความสะพรึงนี้ ‘มู่หลงหยี่’ครองอันดับหนึ่งอย่างมั่นคงยาวนาน นี่ก็นับว่าเป้นเวลานานมากแล้วนับจากครั้งสุดท้ายที่มีคนกล้ามาท้าทายตำแหน่งของเขา
แต่ระหว่างที่เขากำลังฝึกอยู่ ก็ได้ยินสียงระเบิดดังมา ดังนั้น เขาจึงออกตามหาต้นเสียง
ทันทีที่มาถึงจุดหมาย เขาก็พบว่าต้นเสียงนั้นมาจาก’เนี่ยหลี่’ ที่กำลังล่าผีร้ายอยู่ ‘เนี่ยหลี่’อ้าปากพ่นลูกกลมสีดำขาวออกมา ซึ่งเขาจะระเบิดออกเมื่อแตะเข้ากับผีร้าย ลูกกลมแต่ละลูกระเบิดออกกลืนกินผีร้ายเข้าไปครั้งละหลายร้อยหลายพันตัว นับว่าเป็นความเร็วในการล่าที่น่าหวาดหวั่นยิ่ง
ความจริงแล้ว’เนี่ยหลี่’มีพลังน้อยกว่า’มู่หลงหยี่’หลายช่วง แต่ความเร็วในการล่าของ’เนี่ยหลี่’กลับสูงกว่าเขามาก
‘มู่หลงหยี่’อดขมวดคิ้วไม่ได้ เมื่อคิดว่าจะมีใครกล้าหลอมจิตตัวเองเข้ากับอสูรชั้นต่ำเช่นแพนด้าเขี้ยวอสูร แม้แต่ในอาณาจักรชั้นล่าง แพนด้าเขี้ยวอสูรก็ยังนับว่าเป็นอสูรที่ไม่มีใครต้องการ ทว่า ใครจะไปรู้ว่าแพนด้าเขี้ยวอสูรดาดๆ พวกนี้กลับมีความสามารถแปลกประหลาดเช่นการพ่นพลังระเบิดออกมาได้กัน?
ด้วยความเร็วขนาดนี้ เขาต้องถูก’เนี่ยหลี่’แซงหน้าไปอย่างรวดเร็วแน่
‘เนี่ยหลี่’มอง’มู่หลงหยี่’ เมื่อเขาสัมผัสพลังของ’มู่หลงหยี่’ได้ในยามที่เขาปรากฎตัวขึ้น
ทั้งสองสบสายตากัน คนหนึ่งเป็นยอดอัจฉริยะของปีก่อน ‘มู่หลงหยี่’ อีกคนคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของเด็กใหม่ ‘เนี่ยหลี่’ จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อทั้งสองมาพบกัน การเผชิญหน้าของทั้งสองเรียกความตื่นตัวของคนโดยรอบขึ้นมา นอกจากลูกน้องของ’หู่หยง’แล้ว ยังมีคนของ’ฮัวหลิง’อยู่ด้วย
ทว่า เมื่อไม่มีใครเข้าใจสถานการณ์อย่างถ่องแท้ จึงม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวโดยพละการอย่างเช่นเข้าใกล้ทั้งสอง จะอย่างไร ความแข็งแกร่งของ’มู่หลงหยี่’ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะต่อกรได้
“เจ้าคือเนี่ยหลี่งั้นรึ?”
‘มู่หลงหยี่’มองฝ่ายตรงข้ามอย่างพิจารณา ‘เนี่ยหลี่’ยังไม่ทะลวงขีดจำกัดมาถึงชั้นชะตาสวรรค์ แต่กับเด็กใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในปีนี้ ความแข็งแกร่งระดับนี้นับว่าหากได้ยาก
‘เนี่ยหลี่’มองไปที่’มู่หลงหยี่’
“ถูกแล้ว เจ้าคือใคร?”
แม้ว่า’เนี่ยหลี่’จะสัมผัสพลังอันล้นเหลือได้จากเขา แต่’เนี่ยหลี่’ยังไม่ยอมก้มหัว
“ข้าคือมู่หลงหยี่”
ชายหนุ่มประกาศอย่างภาคภูมิ ยอดฝีมือรุ่นเยาว์ส่วนใหญ่ย่อมรู้จักเขา
‘มู่หลงหยี่’? ‘เนี่ยหลี่’จำได้ทันที ก่อนหน้าที่จะเข้ามาในซากโบราณแห่งความสะพรึง ชื่อของเขาประดับอยู่ที่บรรทัดบนสุดของรายการจัดอันดับนักล่า
แต่ตอนนี้’มู่หลงหยี่’มาปรากฎตัวเบื้องหน้าของเขา เขาคิดจะทำอะไร?
ทันใดนั้น ก็มีคนของ’ฮัวหลิง’ตะโกนขึ้นแทรกกลางว่า
“ศิษย์พี่มู่หลง พวกเราต่างก็ตั้งตาคอยพบท่าน!! พวกเราทุกคนเคารพท่านยิ่ง!! ทว่า เด็กใหม่บางนกลับไม่รู้จักสัมมาคารวะ ไม่เคารพศิษย์พี่มู่หลง เจ้าเนี่ยหลี่นั่นกลับบอกว่าท่านเป็นขยะที่จะต้องถูกเขาชยี้ทิ้ง!! พวกเราไม่ยอมรับคำพูดเช่นนี้ จึงเกิดความบาดหมางกัน แต่ด้วยพลังของเรากลับไม่อาจทำอย่างไรเขาได้”
‘มู่หลงหยี่’หรี่ตาลงแววตาเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก คลื่นพลังอันหนักหน่วงโถมเข้าใส่’เนี่ยหลี่’ ‘มู่หลงหยี่’แค่นเสียงเย็นชาถามว่า
“จริงหรือเปล่า?”
ระดับพลังของเขาอย่างน้อยก็ชั้นชะตาสวรรค์ 5 ชะตา หรืออาจจะสูงกว่า คลื่นพลังที่โถมใส่เนี่ยหลี่กดลงราวกับภูเขากดทับ ราวกับจะฉีก’เนี่ยหลี่’เป็นชิ้นๆ จะอย่างไร ‘เนี่ยหลี่’ยังไม่ถึงชั้นชะตาสวรรค์ ช่องว่างนี้นับว่ากว้างเกินไป
‘เนี่ยหลี่’เข้าใจเจตนาของ’มู่หลงหยี่’ได้ทันที ด้วยความชาญฉลาดของ’มู่หลงหยี่’ ย่อมไม่เชื่อคำพูดของลูกน้อง’ฮัวหลิง’ง่ายๆ ที่’มู่หลงหยี่’ต้องการคือเหตุผลในการกด’เนี่ยหลี่’เอาไว้ และคนของ’ฮัวหลิง’ก็เพิ่งมอบเหตุผลอันสมบูรณ์แบบให้
อัจฉริยะในแต่ละปี มักจะกลัวการถูกท้าจากอัจฉริยะปีถัดมาเสมอ หากเขาชนะก็ดีไป แต่หากเขาแพ้ เขาจะกลายเป็นเพียงก้อนหินขวางเท้าที่จะโดนเตะออกไปให้พ้นทาง ด้วยเหตุนี้ มู่หลงหยี่จึงคอยท้าทาย’หลี่ซิงอวิ๋น’ที่เป็นอัจฉริยะจากปีก่อนหน้าเขา
‘เนี่ยหลี่’เป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดในชั้นปีนี้ ขณะที่’มู่หลงหยี่’เป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดในชั้นปีก่อน อีกไม่นาน’เนี่ยหลี่’จะต้องท้าทายเขา ดังนั้น’มู่หลงหยี่’จึงต้องจัดการกับ’เนี่ยหลี่’ก่อนที่เรื่องนั้นจะเกิดขึ้น
“ถ้าเจ้าคิดจะกล่าวโทษใคร ทำไมต้องให้คนอื่นพูดด้วยเล่า? ด้วยความฉลาดของเจ้า คงไม่ได้เชื่อเจ้าพวกนี้ไปหมดหรอกจริงมั้ย?”
‘เนี่ยหลี่’พูด เขารวบรวมพลังฟ้าต่อต้านพลังของ’มู่หลงหยี่’ ‘เนี่ยหลี่’ล่วงรู้จุดอ่อนของพลัง จึงเริ่มต่อต้านได้บ้าง
แต่น่าเสียดายที่เขาหยุดอยู่แค่จุดสูงสุดของชั้นชะตาดิน เพียงแค่ก้าวเดียวก่อนถึงชั้นชะตาฟ้า
แม้ว่าความเร็วในการบ่มเพาะพลังของ’เนี่ยหลี่’จะสูงมาก และก้าวมาถึงจุดสูงสุดของชั้นชะตาดินได้ในเวลาเพียงปีเดียว เขาก็ยังมีช่องว่างอันมโหฬารระหว่าง’เนี่ยหลี่’และ’มู่หลงหยี่’
คลื่นพลังของ’มู่หลงหยี่’บังคับข่มขี่’เนี่ยหลี่’ลง ไม่ต่างกับการใช้ความแข็งแกร่งของตัวเองขามเหงผู้อ่อนแอกว่า แต่ว่าตอนนี้’เนี่ยหลี่’ไม่อาจทำอย่างไรได้
ในอาณาจักรซากมังกร ไม่มีเกียรติยศใดสำหรับพวกไร้พลัง! ‘เนี่ยหลี่’แสดงให้เห็นว่ามีพรสวรรค์อันล้ำเลิศ ดังนั้นเขาจึงได้รับความสนใจจากพวกระดับสูงหลายคน ในเวลาเดียวกัน เขาย่อมกลายเป็นศัตรูกับคนรุ่นเดียวกัน พวกเขาย่อมหวังให้มีใครมาโค่น’เนี่ยหลี่’ลง
หนึ่งขุนพลสร้างจากหมื่นโครงกระดูก การจะก้าวเดินในวิถีแห่งการฝึกตน ย่อมต้องใช้ผู้อื่นเป็นแท่นเหยียบ!! ‘มู่หลงหยี่’ย่อมเข้าใจหลักเหตุผลนี้ดี ด้วยการใช้’เนี่ยหลี่’เป็นแท่นเหยียบ เขาจึงจะได้รับความสนใจและทรัพยากรสำหรับการฝึกตน
เกียรติยศมาพร้อมพลัง ไม่ว่าคนอ่อนแอจะกรีดร้องดังแค่ไหน ก็ไม่มีใครได้ยิน
‘มู่หลงหยี่’แค่นเสียงกล่าวว่า
“เจ้าจะบอกว่าเด็กพวกนี้ใส่ความเจ้างั้นเหรอ?”
ปัง
คลื่นพลังมหาศาลโถมใส่’เนี่ยหลี่’อีกครั้ง ราวกับถูกค้อนทุบหน้าอก ‘เนี่ยหลี่’แทบขาดใจตายภายใต้แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นโทสะด้วยคลื่นโทสะถาโถม ‘เนี่ยหลี่’กำหมัดแน่นแล้วรวมร่างกับแพนด้าเขี้ยวอสูร ขนของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงชาด
“ดูเจ้าค่อนข้างจะไม่มั่นใจนะ!”
‘มู่หลงหยี่’มอง’เนี่ยหลี่’อย่างเยือกเย็น
“วันนี้ ข้าจะสั่งสอนให้เจ้ารู้ว่า การจะอยู่ในสถานบันวิญญาณฟ้าได้ เจ้าต้องรู้จักเคารพรุ่นพี่ก่อน!!”
เมื่อ’มู่หลงหยี่’ตวาด เสียงของเขาก็กลายเป็นดาบคลื่นความถี่สูงพุ่งเข้าใส่’เนี่ยหลี่’
‘มู่หลงหยี่’ยังไม่ทันได้ชักกระบี่ แต่กลับมีเจตจำนงค์แห่งกระบี่แฝงอยู่ในน้ำเสียง ‘เนี่ยหลี่’สัมผัสความตายผ่านคลื่นดาบความถี่สูงได้
‘เนี่ยหลี่’ส่งเสียงร้องอย่างเกรี้ยวกราดแล้วพ่นระเบิดหยินหยางเข้าใส่คลื่นดาบความถี่สูง
ตูม!!
ระเบิดหยินหยางระเบิดกลางอากาศ ทำลายคลื่นดาบความถี่สูงไปหลายเล่ม ทว่า ยังมีเล่มหนึ่งที่ผ่านระเบิดมาได้แล้วพุ่งเข้าหา’เนี่ยหลี่’ด้วยความเร็วสูงราวกับสายฟ้าฟาด
‘เนี่ยหลี่’เห็นดาบคลื่นความถี่ใกล้เข้ามาก็รีบหลบ
“บ้าจริง!! ระดับพลังเขาต่างกันเกินไป ถ้าไม่ใช้วิชาลับ ข้าสู้เขาไม่ได้แน่”
วูบ
ดาบคลื่นความถี่วาดผ่านข้างตัว’เนี่ยหลี่’ไป ทิ้งแผนยาวสามถึงสีนิ้วที่กำลังมีเลือดออกเอาไว้
แรงช็อกส่ง’เนี่ยหลี่’ปลิวตีลังกาไปหลายรอบก่อนจะสามารถยั้งตัวให้มั่นได้ มือกุมบาดแผลพลางมองไปยัง’มู่หลงหยี่’อย่างกราดเกรี้ยว ความแตกต่างของพวกเขามากเกินไป เนี่ยหลี่ไม่อาจเอาชนะได้ ยิ่งเขาอยู่นานเท่าใด เขาก็ยิ่งสร้างความอับอายให้ตัวเองเท่านั้น
เป็นธรรมดาของโลกที่ผู้เข้มแข็งกลืนผู้อ่อนแอ เมื่อ’มู่หลงหยี่’มีโอกาส เขาย่อมไม่ปล่อย’เนี่ยหลี่’ไปง่ายๆ
‘มู่หลงหยี่’ก้มมอง’เนี่ยหลี่’จากจุดที่เขายืนอยู่บนฟ้า แล้วกดดัน’เนี่ยหลี่’ต่อไป ขณะที่เขาพยายามไล่บี้’เนี่ยหลี่’
‘มู่หลงหยี่’ก็ขยับมือขวาโบกคราหนึ่ง แล้วถุงผ้าที่เก็บเกล็ดวิญญาณของ’เนี่ยหลี่’ก็ลอยเข้ามือเขา
‘มู่หลงหยี่’จับถุงผ้าในมือหัวเราะอย่างเย็นชากล่าวว่า
“เจ้าก็เก่งเพียงแค่เรื่องกวาดล้าง ยังไม่ได้ก้าวเข้ามาถึงชั้นชะตาสวรรค์ แต่กลับใช้วิธีขี้โกงในการเก็บเกล็ดวิญญาณ นี่เป็นสิ่งที่ได้มาโดยมิชอบ ข้าจะริบเขาไว้”
‘เนี่ยหลี่’ใช้เวลาห้าชั่วโมงในการรวบรวมเกล็ดวิญญาณสองหมื่นชิ้น วิธีขี้โกงอะไรกัน? ในสถานโบราณแห่งความสะพรึงไม่มีกำหนดวิธีว่าจะเก็บรวบรวมอย่างไรสักหน่อย ว่าทำแบบนี้ได้แบบนั้นไม่ได้
การเก็บรวบรวมเกล็ดวิญญาณนั่นแหละที่เป็นสิ่งบ่งบอกความสามารถ ‘มู่หลงหยี่’ไม่ใช่ผู้คุมกฎของสถาบันวิญญาณฟ้า มีสิทธิ์อะไรมาริบเกล็ดวิญญาณของเขาไป
ทว่า นี่เป็นโลกที่ใช้กำลังเป็นใหญ่
ด้วยสภาพของเขาในตอนนี้ ‘เนี่ยหลี่’ไม่มีพลังพอ ย่อมไม่อาจต่อกรกับ’มู่หลงหยี่’ได้
พลัง!! พลัง!! ไร้พลังย่อมไม่อาจปกป้องตัวเองได้ นี่เป็นกฎของอาณาจักรซากมังกร ในชาติก่อน ‘เนี่ยหลี่’ได้บความอับอายมากกว่านี้เป็นร้อยเท่า
‘เนี่ยหลี่’หรี่ตาลง สักวัน เขาจะเอาคืนสิ่งที่’มู่หลงหยี่’ทำกับเขาในวันนี้แน่ เขาจะทำให้’มู่หลงหยี่’อับอายชนิดไม่ได้ผุดไมได้เกิด
‘มู่หลงหยี่’ยิ้มเย้ยหยัน ทำท่าโบกมือใส่’เนี่ยหลี่’
“ศิษย์น้อง ดูเจ้าจะไม่ค่อยพอใจนะ แต่…เจ้าไม่พอใจแล้วยังไง? ข้าแน่ใจว่าเจ้าได้เรียนรู้ที่จะเคารพศิษย์พี่แล้ว! ไม่เช่นนั้นบทเรียนคราวนี้นับว่าทำให้ศิษย์พี่ของเจ้าเสียความตั้งใจดี”
‘มู่หลงหยี่’ยังไม่ยอมจบ เขาตั้งใจจะทำให้’เนี่ยหลี่’อับอายยิ่งกว่านี้ จนกว่า’เนี่ยหลี่’จะไม่กล้าโงหัวขึ้นต่อต้านเขาอีกเลย เขาต้องการทิ้งเงามืดเอาไว้ในใจ’เนี่ยหลี่’ เพื่อถ่วงความก้าวหน้าของเขา จนกระทั่งเขาไม่อาจลืมตาอ้าปากได้!!
‘เนี่ยหลี่’สัมผัสพลังที่แฝงมากับท่าโบกมือนี้ได้ พริบตาที่’มู่หลงหยี่’ลดการป้องกันลง แสงเย็นเยือกก็พาดผ่านสายตา’เนี่ยหลี่’ เขารีบคลายการรวมร่างกับแพนด้าเขี้ยวอสูรแล้วรวมร่างกับปิศาจเงาแล้วรีบใช้ทักษะร่างไร้ลักษ์ทันที
ร่างของ’เนี่ยหลี่’หายไปกลางอากาศ ฝ่ามือของ’มู่หลงหยี่’ฟาดผ่านจุดที่เนี่ยหลี่เคยอยู่แล้วกระแทกพื้นจนกลายเป็นหลุมลึก
‘มู่หลงหยี่’ขวมดคิ้วเมื่อเห็นว่าฝ่ามือของเขาพลาดไป เขากวาดสายตาหารอบๆ เพื่อค้นหาร่องรอยของ’เนี่ยหลี่’ ทว่ากลับไม่พบว่า’เนี่ยหลี่’อยู่ที่ใดเลย นี่เขาเกิดอะไรขึ้น? เจ้านั่นเขาหายไปเฉยๆ ได้อย่างไร?
ในชั่วพริบตาก่อนที่’เนี่ยหลี่’จะหายไป ดูเหมือนเขาจะรวมร่างกับวิญญาณอสูรอื่น นี่เขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่? มีใครที่มีความสามารถในการหลอมรวมจิตอสูรมากกว่าหนึ่งตัวงั้นหรือ?
ใครจะไปคิดว่า’เนี่ยหลี่’ยังมีไพ่ตายซ่อนอยู่? ‘มู่หลงหยี่’ไม่คิดเลยว่าเขาจะเสียเป้าหมายไปดื้อๆ เช่นนี้ เขาเริ่มหงุดหงิดขณะที่ค้นหาร่องรอยของ’เนี่ยหลี่’
เมื่อระดับพลังของ’เนี่ยหลี่’เพิ่มขึ้น ระยะเวลาในการใช้ร่างไร้ลักษณ์ก็เพิ่มขึ้น ช่วยให้เขาสามารถคงร่างไร้ลักษ์เอาไว้ได้นานขึ้น ‘เนี่ยหลี่’ค่อยๆ เคลื่อนที่ผ่านพื้นที่ที่มีสิ่งก่อสร้างหลายแห่งเพื่อกำบังตัว
เพราะที่เวลาในการใช้ร่างไร้ลักษ์มากขึ้น ทำให้’เนี่ยหลี่’มีเวลาในการคงร่างแทบจะตลอดเวลา ดังนั้นเขาต้องหาวิธีซ่อนตัวจาก’มู่หลงหยี่’..
จบตอน
แปลโดย
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: