ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘เนี่ยหลี่’กลับไปยังส่วนที่พักของตนแล้วทำการหลอมจิตอสูรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้าต่อราวกับเสียสติ
หลังจากดูดซับพลังที่เหลือจากจิตอสูร อัตราความสำเร็จในการหลอมของหม้ออสูรฝันร้ายก็ดูจะเพิ่มขึ้นทีละน้อย จากจิตอสูรหกพันตัว ‘เนี่ยหลี่’หลอมจนได้จิตอสูรระดับพระเจ้าเกือบร้อยตัว
‘เนี่ยหลี่’ไปยังส่วนที่พักของกู้เบ่ยคนเดียวเพื่อส่งมอบจิตอสูรระดับพระเจ้าให้เขา เพื่อให้’กู้เบ่ย’ช่วยขายจิตอสูรเหล่านี้ให้ลูกพี่ลูกน้องของเขา ก่อนที่จะไปหาจิตอสูรสายมังกรมาให้’เนี่ยหลี่’
‘เนี่ยหลี่’ออกมาจากส่วนที่พักของ’กู้เบ่ย’ จากนั้นใช้จิตอสูรเงาพรายแปลงเป็นร่างไร้ลักษณ์เพื่อหลบสายตาผู้คน แล้วจึงมุ่งหน้าไปตามเส้นทางที่อยู่ในความทรงจำ
เขาเดินไปตามเส้นทางคดเคี้ยวที่ทอดยาวออกไป ผ่านดงไม้หนาแน่นไปจนถึงหุบเขาอันเงียบสงบแห่งหนึ่ง
ดอกท้อบานเต็มต้นท้อข้างเส้นทาง ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกราวกับตนอยู่บนสรวงสวรรค์
มันเป็นภาพเดียวกันกับที่ปรากฎอยู่ในความทรงจำของ’เนี่ยหลี่’
ที่นี่เป็นหุบเขาอันเงียบสงบมีลำธารเล็กๆ ไหลผ่าน ภาพที่เคยเกิดขึ้นในชาติก่อนของเขากำลังปรากฎที่ตรงหน้าอีกครั้ง
——-
“ท่านอาจารย์ ท่านบอกให้ข้าทำตัว ‘บริสุทธิ์ดั่งสายนที เพราะวารีนั้นไม่แข่งขัน’ แต่ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร? ข้าเกิดในสถานที่ที่เรียกว่าเมืองกลอรี่ และทั้งครอบครัวข้า มิตรสหายข้า และแม้แต่คนรักของข้าถูกฆ่า จะให้ข้าไปหาศัตรูของข้าแล้วบอกให้พวกมันบริสุทธิ์ดั่งสายนที งั้นเหรอ? ข้ามีแต่ต้อง ‘ตาต่อตา ฟันต่อฟัน’ ขอเพียงมีโอกาส ข้าจะฆ่าพวกมันให้หมด!!!”
อาจารย์ของเขาเพียงแค่มองแล้วยิ้มให้
“ศิษย์โง่เขลาไม่อาจขัดเกลาได้จริงๆ”
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่อาจขัดเกลาได้เสียหน่อย ทุกคนมองท่านอย่างเย้ยหยัน หากข้าแข็งแกร่งพอ ข้าให้พวกมันคุกเข่าต่อหน้าท่านเป็นการแก้แค้น มันผิดตรงไหน?”
อาจารย์ของเขาเลื่อนสายตาขึ้นมองท้องฟ้าไร้ที่สุด
“วัตถุเรื่องราวในโลกหล้า เป็นเพียงเมฆควันผ่านตา
แต่ธรรมชาติวัฎจักรของน้ำนั้นไม่มีที่สิ้นสุด หล่อเลี้ยงสิ่งมีชีวิตทั้งปวง”——–
แม้แต่ตอนนี้ ‘เนี่ยหลี่’ก็ยังไม่เข้าใจสิ่งที่อาจารย์ของเขาสอน แม้แต่ในชีวิตใหม่นี้ เขาก็ยังใช้กฎเดิม ตาต่อตา ฟันต่อฟัน เลือดต้องล้างด้วยเลือด แม้ว่าหลังจากที่เมืองกลอรี่พ้นภัยแล้ว เขายังมีความแค้นอื่นต้องสะสางอีก จอมมารและจักรพรรดิปราชญ์ยังไม่ตาย
ตราบใดที่ศัตรูของเขายังไม่ถูกกำจัด ‘เนี่ยหลี่’ก็ไม่อาจอยู่อย่างสงบได้ ไม่ว่าจะยามหลับหรือยามตื่น
เขาควรจะดึงให้จอมมารและจักรพรรดิปราชญ์กลับมาเดินถูกทางด้วยใจอันเมตตาหรือ? บ้าบอคอแตกทั้งนั้น
ทว่า อาจารย์ดีกับเขาอย่างแท้จริง
‘เนี่ยหลี่’เดินไปพลางเรียกความทรงจำจากอดีต ขณะเดียวกัน ดวงตาก็ปรากฎหยาดน้ำตาเอ่อคลอ อาจารย์ของเขาเป็นคนอ่อนโยน
เป็นคนที่’เนี่ยหลี่’เคารพอย่างที่สุด แต่ก็อย่างที่บอก “คนดีมักตายเร็ว” อาจารย์ของเขามีชีวิตอยู่ไม่นานนัก ในตอนนั้น เมื่ออาจารย์ของเขาตาย สิ่งเดียวที่เนี่ยหลี่ต้องการคือฆ่าทุกคนในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ทิ้งแต่เขาไม่อาจเพิกเฉยต่อคำสั่งเสียของอาจารย์ เขาจึงไม่ได้ฆ่าล้างนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ อยากมากเขาก็แค่สร้างความวุ่นวายไปทั่วและโค่นยอดฝีมือของสำนักทุกคนลงเท่านั้นเอง
แม้จะอย่างนั้น แต่อาจารย์ของเขาก็ไม่ฟื้น
แต่ตอนนี้ เขามีชีวิตใหม่ ทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าเขา มันช่างคุ้นเคย
เขาเร่งฝีเท้าเข้าไปหากระท่อมฟางที่ปลายทางแล้วเคาะประตู
น้ำเสียงร่าเริงและคุ้นเคยก็ดังตอบมาว่า
“เข้ามา”
เมื่อ’เนี่ยหลี่’ก้าวเข้าไปก็พบกับอาจารย์ของเขานั่งอยู่บนพื้น สีหน้าของนางเยือกเย็น ไม่มีร่องรอยของความหวั่นไหวแม้แต่นิด
ให้ความรู้สึกราวกับไร้ตัวตน ราวกับนางไม่ได้อยู่ตรงนั้นจริงๆ ‘เนี่ยหลี่’มองอาจารย์ของตน ความรู้สึกนั้นราวนี่เป็นเพียงความฝันประหนึ่งไม่ใช่ความจริง ราวกับว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอาจหายไปในวินาทีใดวินาทีหนึ่งข้างหน้า‘อิงเยว่ลู่’ลืมตาขึ้น รอยยิ้มค่อยๆ ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของนางจากนั้นจึงพูดว่า
“อ้อ เป็นเจ้า? นั่งก่อนสิ”
‘เนี่ยหลี่’รู้สึกได้ว่า’อิงเยว่ลู่’ที่อยู่ตรงหน้านี้ เป็นคนเดียวกันกับที่เขาเจอเมื่อชาติที่แล้ว ในใจเต็มไปด้วยความสับสนเมื่อเขาต้องมานั่งอยู่หน้านาง
ทั้งสองมองหน้ากันในขณะที่’เนี่ยหลี่’กำลังคิดว่าจะเริ่มพูดยังไงดี เขายังคงนั่งอยู่อย่างเงียบๆ พลางมองไปที่อาจารย์ของตนเขารู้สึกว่า เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
ดวงตาใสแจ๋วของ’อิงเยว่ลู่’มอง’เนี่ยหลี่’ ก่อนจะยิ้มบาง
“เอาล่ะ ข้ามีเรื่องจะบอกเจ้า แต่อย่าถามว่าทำไมหรืออย่างไร มันมีบางเรื่องที่เจ้าไม่สมควรรู้ ต่อให้เจ้าถาม ข้าก็จะไม่บอก หากเจ้าจำเป็นต้องรู้ ต่อให้เจ้าไม่ถาม ข้าก็จะบอกให้ฟัง”
‘เนี่ยหลี่’ยิ้มไม่ได้ยินที่’อิงเยว่ลู่’พูด
“เช่นนั้น พี่สาวใหญ่อิงต้องจะบอกอะไรข้าหรือ?”
‘เนี่ยหลี่’จำได้ว่าในชาติก่อน มีหลายครั้งที่เขาหยอกอาจารย์ด้วยการเรียกท่านว่า ‘พี่สาวใหญ่’ และทุกครั้งจะจบด้วยการที่เขาได้รับรอบปูดลูกใหญ่บนหัว
‘อิงเยว่ลู่’ยิ้มก่อนจะฟาดหัว’เนี่ยหลี่’ครั้งหนึ่ง
“ศิษย์เนรคุณ ยังกล้าเรียกข้าว่า ‘พี่สาวใหญ่อิง’ อีก ไม่มีความเคารพอาจารย์ของตัวเองเลยจริง”
ทว่า นางเองกลับอดยิ้มไม่ได้
‘เนี่ยหลี่’ถึงกับมึนงงพลางจ้อง’อิงเยว่ลู่’ด้วยความตกตะลึง คำ ‘ศิษย์เนรคุณ’ ส่งความคิดของเขากลับไปเมื่อชาติก่อน ความรู้สึกได้พบคนใกล้ชิดและคุ้นเคยพลุ่งขึ้นจนน้ำตาแทบเอ่อออกมา
ในชาติก่อน ‘เนี่ยหลี่’พบกับเรื่องน่าเศร้ามากมาย จนกระทั่งสุดท้ายเขาก็เหลือตัวคนเดียว หัวใจอันทุกข์ทรมานได้รับการเยียวยาขึ้นมาบ้างในยามที่ถูกอาจารย์ของตนมองเช่นนี้
‘อิงเยว่ลู่’ยิ้ม
“คงจะคิดว่าแปลกสินะที่ข้ารู้เรื่องนี้ นี่เป็นผลของวิชา พยากรณ์แดนสรวง ทำให้ข้าสามารถมองทะลุภาพมายาและคำนวณโชคชะตาได้ ทว่า การคำนวณพวกนี้จะดูดกลืนอายุขัยของข้าไปห้าสิบปี”
‘เนี่ยหลี่’เจ็บปวดใจเมื่อมองไปยัง’อิงเยว่ลู่’
“ทำไมท่านต้องยอมเสียสละอายุขัยถึงห้าสิบปีเพื่อคำนวณโชคชะตาแค่นี้ด้วย? ขอเพียงท่านถาม ข้าก็จะตอบให้ทั้งหมด”
‘อิงเยว่ลู่’เผยรอยยิ้มงดงาม
“นั่นไม่ชัดเจนเท่ากับที่ข้าคำนวณเอง เมื่อข้าคำนวณชะตา จะเห็นเหมือนกับเป็นคนอื่นมอง เจ้าเป็นคนอยู่ในเหตุการณ์ ผู้ยืนอยู่ด้านข้างย่อมเห็นชัดกว่า”
น้ำเสียงของนางราบเรียบและสงบก่อนจะพูดต่อว่า
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ตามที่ข้าคำนวณได้ เจ้ากำลังต้องการที่จะเข้าคัดเลือกขึ้นเป็นเจ้านิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์”
อาจารย์ของเขาราวกับเทพเจ้าจริงๆ มองทะลุความทะเยอทะทานที่มันเก็บไว้ในใจได้ด้วย เมื่อมาถึงนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ ‘เนี่ยหลี่’ก็เล็งตำแแหน่งเจ้าสำนักเอาไว้แล้ว นั่นเป็นเพราะมีเพียงตำแหน่งนี้ ที่จะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีใครกล้าทำอันตรายต่ออาจารย์ของเขา
นอกจากการค้นหาทรัพยากรสำหรับฝึกบ่มเพาะพลังแล้ว ‘เนี่ยหลี่’ยังมีความคิดที่จะแสดงพลังอันน่าตกตะลึงต่อสายตาชาวโลกด้วย เขาไม่มีเวลามานั่งรอให้คนอื่นตัดหน้าแล้ว เขาจำเป็นจะต้องวางแผนตั้งแต่ตอนนี้
‘อิงเยว่ลู่’ยิ้มให้’เนี่ยหลี่’
“หากเจ้าต้องการเป็นเจ้าสำนัก ข้าจะแนะนำคนคนนึงให้ นางสามารถเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของเจ้าได้”
ความจริงแล้ว จิตใจของ’อิงเยว่ลู่’ก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน นับตั้งแต่นางคำนวณโชคชะตา และพบว่าตัวเองอยู่กับศิษย์ที่มีความเกี่ยวพันกับชาติก่อนเป็นอย่างมาก ทว่า นางยังถือว่าเป็นคนในชาตินี้ และยังไม่มีความคิดที่จะรับศิษย์คนใด นางพบว่าประสบการณ์นี้สร้างความรู้สึกที่ยากจะบรรยายจริงๆ
“ผู้ใดกัน?”
‘อิงเยว่ลู่’มอง’เนี่ยหลี่’อย่างลึกล้ำกล่าวว่า
“ศิษย์น้องของข้า หลงยู่อิน”
‘เนี่ยหลี่’ปฏิเสธทันที
“จะใครก็ได้แต่ไม่ใช่นาง ทุกครั้งที่ข้าเห็นนาง ความคิดฆ่าฟันก็พลุ่งขึ้นจนแทบควบคุมไม่อยู่แล้ว”
“มันมีเหตุผลที่นางและตระกูลผนึกมังกรต้องการให้ข้าตายในชาติก่อน ในสายตาของนาง ข้าเป็นคนที่ฆ่าอาจารย์ของนาง และนั่นเป็นเรื่องจริง ข้าเป็นผู้ฆ่าอาจารย์ของพวกเขา”
‘อิงเยว่ลู่’มองไปยังความว่างเปล่าเบื้อหน้าแล้วถอนหายใจ
“เหตุและผลในโลกนี้ซับซ้อนนัก ข้าไม่อาจอธิบายทั้งหมดได้ในเวลาสั้นๆ เจ้าเกลียดชังนาง นางเกลียดชังข้า แล้วความเกลียดชั้งนี้ก็ขมวดเป็นเงื่อนปมแน่นจนไม่อาจแก้ได้ มีเพียงเจ้าที่จะสามารถช่วยให้นางคลี่คลายเงื่อนปมในใจและสลายความเกลียดชังที่นางมีต่อข้าได้”
พอได้ฟังคำพดของ’อิงเยว่ลู่’ ‘เนี่ยหลี่’ค่อยนึกขึ้นได้ว่าเหตุใด’หลงยู่อิน’จึงต้องการให้อาจารย์ของเขาตาย ทว่า อยู่ๆ ก็มาบอกให้เขาละวางความแค้นลงยังเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้
จะอย่างไร เขาเห็น’อิงเยว่ลู่’ตาย และการกระทำสุดจะทนของ’หลงยู่อิน’กับตาตัวเอง ด้วยจิตใจของ’เนี่ยหลี่’ ย่อมต้องเกิดความขุ่นแค้นทุกครั้งที่นึกภาพเหล่านั้นขึ้นมา ต่อให้เขามารู้เรื่องเอาตอนนี้ และเขาต้องการละความแค้น แต่บางอย่างนับเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่เขาจะอดกลั้นไหวจริงๆ
“หากเจ้าต้องการให้นางละวางความแค้นที่มีต่อข้า เจ้าต้องละวางความแค้นที่มีต่อนางก่อน”
‘อิงเยว่ลู่’พูดขณะที่มองมายัง’เนี่ยหลี่’
“นี่เป็น ‘บริสุทธิ์ดั่งสายนที’ ที่ข้าพูดถึง แม้ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังมาสองชาติเจ้าก็ยังไม่อาจปล่อยวางได้เลยเหรอ?”
‘เนี่ยหลี่’ยังอยากจะพูดต่อ
“แต่….”
แต่น้ำเสียงของ’อิงเยว่ลู่’ราวกับหยาดน้ำในฤดูใบไม้ผลอ นั่นช่วยให้เนี่ยหลี่สงบลงได้
“ข้าไม่หวังให้เจ้าเข้าสู่สภาวะ ‘บริสุทธิ์ดั่งสายนที’ ทว่า หลงยู่อินไม่อาจทำอันตรายข้าได้แล้ว เหตุใดเจ้าไม่ละวางความแค้นลงเล่า?”
“ข้า…”
‘เนี่ยหลี่’ใคร่ครวญเรื่องนั้นอยู่ครู่หนึ่งจนสุดท้าย เขาก็ผงกศีรษะ
“เข้าใจแล้ว”
กลายเป็นว่า’หลงยู่อิน’กับอาจารย์ของเขาเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน ‘เนี่ยหลี่’รวบรวมความคิดอีกครั้ง อาจารย์ของเขามีภูมิปัญญาสูงส่งและสามารถพยากรณ์โชคชะตาได้ ดังนั้น นางย่อมมีเหตุผลที่ขอให้’เนี่ยหลี่’ทำเช่นนี้ ทั้งในชาติก่อนและชาตินี้ ‘เนี่ยหลี่’ศรัทธาในอาจารย์ของเขาอย่างสุดหัวใจ
‘อิงเยว่ลู่’ยิ้มเล็กน้อย
“วิชา พยากรณ์แดนสรวง จะกลืนกินอายุขัยของข้าไปบางส่วนทุกครั้งที่ทำการพยากรณ์ หากเจ้าต้องการให้ข้ามีชีวิตอยู่นานๆ อย่าถามอะไรทั้งนั้น”
“ขอรับ”
ในหัว’เนี่ยหลี่’กลายเป็นว่างเปล่าเหม่อมองรอยยิ้มของนาง ใชาติก่อน ‘อิงเยว่ลู่’ไม่ค่อยยิ้มเท่าไหร่ แล้วเขาก็นึกขึ้นได้ว่า’อิงเยว่ลู่’ตอนนี้เป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบหกสิบเจ็ดปีเท่านั้น ไม่ว่านางจะกำความลับสวรรค์อะไรไว้ นางก็ยังเป็นเพียงเด็กหญิงคนหนึ่ง
‘อิงเยว่ลู่’จ้อง’เนี่ยหลี่’แล้วพูดว่า
“เมื่อเจ้ากลับออกไปแล้ว ห้ามมาที่นี่อีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง เวลาที่เจ้ามาที่นี่ เจ้าจะดึงดูดความสนใจมากเกินไป”
เมื่อนางได้ทำการพยากรณ์ นางก็ไม่รู้ว่าควรจะแสดงท่าทางอย่างไรต่อ’เนี่ยหลี่’ จะอย่างไร นางเป็นเพียงเด็กหญิงอายุสิบหกสิบเจ็ดปีเท่านั้น การที่อยู่ๆ ก็มีลูกศิษย์เช่น’เนี่ยหลี่’ขึ้นมาทำให้นางรู้สึกแปลกๆ
‘เนี่ยหลี่’พอจะเดาได้ว่าอาจารย์ของเขารู้มากกว่านั้น แต่ในเมื่อนางพูดออกมามากขนาดนี้แล้ว เขาก็ไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดอีก
ตอนนี้เขาสบายใจแล้ว เมื่อเห็นอาจารย์ของตนยังอยู่ดีมีสุข ในความคิดของเขา เขาเข้าใจดีว่ายิ่งเขามาที่นี่น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นการดีเท่านั้น จะอย่างไรตอนนี้มันยังติดอยู่ในวังวนการแก่งแย่งชิงดี ยิ่งรบกวนอาจารย์ของเขาน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี
สีหน้าที่บ่งบอกว่าตัดสินใจได้แล้วของ’เนี่ยหลี่’แว่บผ่านไปบนใบหน้า
“ถ้าเช่นนั้น โปรดรอจนกว่าข้าจะได้เป็นเจ้าสำนักนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ด้วย”
มีเพียงตำแหน่งเจ้าสำนักนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่จะสามารถปกป้องอาจารย์ของเขาได้
‘เนี่ยหลี่’งอหลังเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นก่อนจะออกไปจากกระท่อม
‘อิงเยว่ลู่’มองเงาหลังของ’เนี่ยหลี่’ก่อนจะทอดถอนใจเล็กน้อย นางคงจะไม่สามารถรอจนกว่า’เนี่ยหลี่’จะได้เป็นเจ้าสำนักหรอก นางมองส่ง’เนี่ยหลี่’จนกระทั่งเงาหลังของเขาลับไปจึงค่อยละสายตา
..จบตอน
แปลโดย
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: