I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 305 ตระกูลเยี่ย แห่งสำนักอัคคี

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 2537 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

‘เยี่ยเชียน’ก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่หัวใจของเขาในตอนนี้ ไม่อาจที่จะหยุดเต้นตึกตักเมื่อเขาได้เห็นรอยยิ้มของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’

จากที่เห็นไกล ๆ ดวงตาของ’เนี่ยลี่’นั้น ก็มองเห็น’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ และ ‘เซี่ยวซุ่ย’แล้วเช่นกัน ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ ดูเหมือนว่าจะเติบโตและงดงามยิ่งกว่าเดิม

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’เดินเข้าไปหา’เนี่ยลี่’ นางรีบก้าวขาสองสามก้าวเพื่อที่จะไปยืนอยู่ตรงหน้าเขา

 “หนิงเอ๋อ!”

‘เนี่ยลี่’เผลอยิ้มออกมา มันเป็นเวลาหลายเดือนแล้วที่พวกเขาแยกจากกัน และ’เนี่ยลี่’เองก็คิดถึงพวกนางไม่น้อย

ดวงตาของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’น้ำมีประกายของหยดน้ำตา ทันใดนั้นนางก็ก้าวขาไปสวมกอด’เนี่ยลี่’อย่างแนบแน่น กลิ่นอายหลังจากการอาบน้ำของเขาทำให้นางนั้นรู้สึกเงียบสงบและผ่อนคลาย

‘เนี่ยลี่’ถึงกับประหลาดใจไม่น้อย แต่ก็ได้สติอย่างรวดเร็วเขาตบไหล่ของนางเบาๆ เขาถามด้วยความเป็นห่วงว่า

“มีใครที่สำนักบัญญัติสวรรค์รังแกเจ้าหรือไม่? ถ้าหากมีใครที่กล้ารังแกเจ้า ข้าจะจัดการพวกนั้นเพื่อเจ้าเอง”

“ไม่”

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’  เช็ดน้ำตาบนใบหน้าของนาง จากนั้นก็เงยหน้ามอง’เนี่ยลี่’ ตลอดเวลาที่นางอยู่ที่สำนักบัญญัติสวรรค์ นางคิดว่ามี’เนี่ยลี่’อยู่ใกล้ๆ และในตอนนี้เขาก็ได้มาอยู่ตรงหน้าของนาง ใจของนางในตอนนี้นั้นมีความสุขเป็นอย่างมาก

“พวกเจ้าอยู่ที่นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างไรบ้าง?”

“ก็ไม่เลวนัก”

‘เนี่ยลี่’ตอบพร้อมกับเผลอยิ้ม  เขาเองก็ไม่รู้ว่ามันดีหรือแย่เหมือนกัน  สำหรับตัวเขาแล้วที่มีประสบการณ์ทั้งการมีชีวิตและความตายในชีวิตก่อนหน้านี้แล้ว เรื่องราวที่เกิดขึ้นในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์นี้ก็นับว่าเล็กน้อยนัก

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ มองดูแล้วช่างมีเสน่ห์และน่ารักในชุดสีขาวของนาง เหล่าคนที่เฝ้ามองดูพวกเขาอยู่ที่ห้องโถงด้านข้างนี้ ต่างจ้องมองด้วยความอิจฉา ‘เนี่ยลี่’และ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ พูดคุยกันว่าเป็นอย่างไรบ้าง พวกเขาไม่ได้สนใจเหล่าคนที่จ้องมองดูอยู่แม้แต่น้อย

“เจ้าหนุ่มนั่นเป็นใครกัน?”

“เจ้าไม่รู้งั้นรึ? เขาคืออัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่มของผู้ที่เข้ามาใหม่ เขาทำการสั่งสอนจนหลงยู่อินต้องเชื่อฟังที่เขาสั่งเลยทีเดียว”

“นั่นคือเขางั้นรึ!”

ตั้งแต่แรกเริ่ม ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ ดึงดูดสายตาผู้คนเป็นจำนวนมาก นางเปรียบดังเทพธิดาที่ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะเข้ามกล้ แต่ในตอนนี้ ทุกคนต่างตระหนักดีว่านางนั้นมีผู้ที่ครอบครองแล้ว! นางนั้นถูก’เนี่ยลี่’ครอบครองอย่างแท้จริง!

ทุกคนในห้องโถงถึงแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมากันเลยทีเดียว

‘หลงยู่อิน’ยืนมองอยู่ไกลๆ นางจ้องมอง’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ นางยอมรับเลยว่า’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’นั้นสง่างามยิ่งนัก นางยอมรับเลยว่าตัวเองนั้นด้อยกว่า นางเป็นอะไรกับ’เนี่ยลี่’ ‘หลงยู่อิน’ไม่รู้ว่าทำไม แต่ช่วยไม่ได้ที่นางจะรู้สึกเช่นนั้น นางรู้สึกผิดหวังจึงยกแก้วไวน์แล้วดื่มไปหมดแก้วในคราวเดียว

‘หลี่ชิงอวิ๋น’ มองเห็นภาพตรงหน้าก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ‘เนี่ยลี่’กับเขาได้ตกลงทำธุรกิจลับหลายเรื่อง ซึ่งเรื่องทำให้ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับพวกของเขา เขาเริ่มเห็นว่าความร่วมมือที่มีให้กันกับ’เนี่ยลี่’นั้นมีความสำคัญมากขึ้น  ตั้งแต่ที่ได้เห็นความสามารถของ’เนี่ยลี่’ แน่นอนว่ามันไม่แปลกเลยที่เขาจะมีหญิงสาวที่งดงามยืนอยู่เคียงข้างกาย

เมื่อ ‘มู่หลงหยี่’ เห็นว่าคน คนนั้นคือ’เนี่ยลี่’แน่นอน เขาหรี่ตาลงพร้อมกับปล่อยจิตสังหารอันเย็นยะเยือกออกมา เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะพบกับ’เนี่ยลี่’ที่นี่

‘ศัตรูมักจะเดินอยู่บนหนทางที่คับแคบ’

สำนวนจีนหมายถึง คนที่เป็นศัตรูกันไปทางไหนก็มักจะเจอกันราวกับว่า หนทางมันคับแคบ ช่างตรงกับคำพูดนี้เสียจริง

เขาไม่สามารถที่จะไปหาเรื่อง’เนี่ยลี่’ได้ แม้ว่าเขาจะต้องการทำเช่นนั้นมากแค่ไหนก็ตาม ตอนที่เขาได้ยินมาว่า’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’นั้นมาจากโลกใบเล็ก เขาก็พอจะคาดเดาได้แล้ว แต่เขาก็คาดไม่ถึงเลยว่า ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’นั้นแท้จริงแล้วเป็นผู้หญิงของ’เนี่ยลี่’

‘เยี่ยเชียน’ อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น เมื่อเขาเห็น’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ อยู่ในอ้อมกอดของ’เนี่ยลี่’ เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไม’เซี่ยวหนิงเอ่อ’ไม่เคยที่จะชายตามองมาที่เค้าเลย

ตลอดการเดินทางมาที่นี่ มันเป็นเพราะว่าหัวใจของนางตกเป็นของผู้อื่นไปแล้วนี่เอง

‘มู่หลงหยี่’ ยิ้มให้ ‘เยี่ยเชียน’พร้อมกับพูดว่า

“ท่านพี่เยี่ยเชียน ดูเหมือนว่าเซี่ยวหนิงเอ๋อจะถูกชายอื่นครอบครองไปแล้วนะ”

‘เยี่ยเชียน’ถอนหายใจแล้วตอบกลับไปว่า

“เมื่อเรื่องราวมันเป็นเช่นนี้ ข้าก็คงจะต้องลืมไปมันเสีย”

แม้ว่าเขาจะชอบ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ไม่น้อย แต่เขาก็ไม่ได้ลุ่มหลงขนาดที่ว่าจะต้องครอบครองนางให้ได้ ในเมื่อใจของนางมีคนอื่นอยู่แล้ว สิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือถอนตัวออกมา

‘มู่หลงหยี่’ ยิ้มแล้วพูดออกไปว่า

“ท่านพี่เยี่ย ดูเหมือนว่าท่านจะมองโลกในแง่ดีเกินไปแล้ว เจ้าเนี่ยลี่นั้นยังไม่บรรลุขอบเขตชะตาสวรรค์เลยเสียด้วยซ้ำ และที่สำคัญเขาไม่ได้มีภูมิหลังของตระกูลอะไรเลยแม้แต่น้อย วิ่งเดียวที่เขามีก็คือใช้คารมหลอกล่อหญิงสาวไร้เดียงสาก็เพียงเท่านั้น ท่านพี่เยี่ย จะถอนตัวตอนนี้จริงเหรอ? ”

หลังคำพูดของ ‘มู่หลงหยี่’ ช่วยกระตุ้นความสนใจของเยี่ยเชียนไม่น้อย

“อะไรนะ? เขายังไม่บรรลุระดับ ขอบเขตชะตาสวรรค์เลยอย่างนั้นเหรอ? ”

ถ้าเช่นนั้นเขาล่อหลอกด้วยวิธีไหนกันเซี่ยวหนิงเอ๋อถึงได้ตอบรักรับเขาได้? เจ้าหนุ่มผู้นี้ไม่คู่ควรกับนาง!

‘เนี่ยลี่’สัมผัสได้ถึงการจ้องมองอย่างแปลกประหลาดจากคนรอบๆตัวเขา แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจกับคนพวกนั้น ในสายตาของเขา คนพวกนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่เดินผ่านไปมา

‘เนี่ยลี่’ชำเรืองมองที่ด้านข้าง เขาเห็น’เซี่ยวซุ่ย’กำลังต่อว่า’ลู่เพียว’อยู่ เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า เมื่อคนรักทั้งสองได้มาพบกัน ‘เนี่ยลี่’แนะนำเพื่อนของเขา

“นึคือเพื่อนของข้า กู้เบ่ย!”

“ยินดีที่ได้รู้จัก น้อง-สะ-ใภ้”

‘กู้เบ่ย’ พูดพร้อมกับหัวเราะ

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ถึงกับหน้าแดง เมื่อได้ยินคำพูดของ’กู้เบ่ย’ นางรีบเงยหน้าขึ้นแล้วชำเรืองมอง’เนี่ยลี่’ ขณะที่แก้มของนางร้อนฉ่า แต่ถึงกระนั้นนางก็ไม่ได้พูดแก้ตัวและตอบกลับไปว่า

“ยินดีที่ได้รู้จักท่านเช่นกัน”

ทันใดนั้น นางก็คิดว่าอยากให้เป็นเช่นดังคำพูดของ’กู้เบ่ย’จริงๆ  หรือว่าจะควรเป็นมากหรือน้อยกว่านั้นกันแน่นะ

กลุ่มของพวกเขาเกินไปทางโต๊ะที่ว่างอยู่ตรงมุมห้อง และนั่งลงคุยกัน ‘เนี่ยลี่’มองไปยัง’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ที่นั่งเงียบอยู่
และถามว่า

“จื้ออวิ้นไม่ได้มากับเจ้างั้นเหรอ?”

“นางนั้นกำลังทำการบ่มเพาะพลังอยู่ที่พื้นที่ฝึกฝนแห่งความลับของสำนักบัญญัติสวรรค์ ข้าไม่อาจที่จะติดต่อนางได้ก่อนที่เราจะเดินทางมาที่นี่”

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’อธิบายให้ฟัง

“งั้นเหรอ”

‘เนี่ยลี่’พยักหน้า ขณะที่เขามองไปยังที่ไกลๆ เขาสงสัยว่ามันเป็นเช่นใดกัน พื้นที่ฝึกฝนแห่งความลับ มันอย่ที่ไหนและ’จื้ออวิ้น’กำลังทำอะไร

ทันใดนั้น ‘หลี่ชิงอวิ๋น’ ก็เดินมาตรงหน้าพวกเขา เขามองที่เนี่ยลี่และเอ่ยถามว่า

“ข้าสามารถร่วมนั่งตรงนี้ได้หรือไม่?”

“แน่นอน”

‘เนี่ยลี่’ตอบพร้อมกับยิ้ม

‘กู้เบ่ย’และ’หลี่ชิงอวิ๋น’ ทักทายกันเล็กน้อย แม้ว่า’กู้เบ่ย’กับ’หลี่ชิงอวิ๋น’ จะเคยได้ยินเรื่องของอีกฝ่ายมาก่อน แต่พวกเขาก็ไม่เคยติดต่อกัน นี่เป็นการพูดขุยของพวกเขาครั้งแรกผ่านการสังสรรค์ของ’เนี่ยลี่’

“พวกเราสามารถนั่งตรงนี้ด้วย ได้หรือไม่?”

‘เยี่ยเชียน’ และ ‘มู่หลงหยี่’ เดินมาหาพวกเขาพร้อมกับชี้ไปยังเก้าอี้ที่ว่างอยู่ถัดจาก’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ถึงกับขมวดคิ้วเล็กน้อย และจ้องไปยัง’เยี่ยเชียน’ ในการเดินทางมาที่นี่ ‘เยี่ยเชียน’ ได้พยายามที่จะพูดคุยกับนาง แต่นางก็ไม่ได้ให้ความสนใจเขาแม้แต่น้อย แต่’เยี่ยเชียน’ผู้นี้ก็เป็นคนมีมารยาท ดูสุภาพไม่น้อย ดังนั้น’หนิงเอ๋อ’จึงไม่ได้ปฏิเสธและทำอะไรที่ไม่เหมาะสมแก่เขา

แต่หลังจากที่’เยี่ยเชียน’ พยายามที่จะเข้ามานั่งถัดจากนาง นางจึงกังวลว่า’เนี่ยลี่’อาจจะเข้าใจผิดได้

“ตรงนี้เป็นที่นั่งของข้า”

‘เซี่ยวซุ่ย’ นั่งลงทันทีตรงที่นั่งข้างๆ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ อดไม่ได้ที่จะขอบคุณ’เซี่ยวซุ่ย’ผ่านทางสายตา ‘เซี่ยวซุ่ย’ยิ้มตอบกลับมา ตลอดการเดินทางมาในครั้งนี้ นางเป็นคนที่เข้าใจ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’มากที่สุด

 “ถ้าเช่นนั้น ข้านั่งตรงนี้แทนก็ได้”

‘เยี่ยเชียน’ หยุดชะงักเล็กน้อย เขาจึงไปนั่งอยู่กับ’มู่หลงหยี่’ ตรงด้านตรงข้ามของโต๊ะแทน

ในขณะที่’กู้เบ่ย’กำลังจะนั่งลงข้าง ๆ ‘เนี่ยลี่’ ‘หลงยู่อิน’ก็นั่งลงก่อน ‘กู้เบ่ย’ถึงกับนิ่งไปพักหนึ่ง แล้วก็ยิ้มอย่างขมขื่น ดูเหมือนว่าเขาจะต้องหาที่นั่งใหม่สินะ ‘หลงยู่อิน’นั้นเป็นนางเสือร้าย ดังนั้นแน่นอนว่าเขาคงไม่กล้าที่จะยั่วยุนางด้วยเรื่องเล็กน้อยแค่นี้

ที่ห้องโถงด้านข้างเหล่าลูกศิษย์ของทั้งสามสำนักพูดคุยกันอย่างคึกคัก และแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับหนทางของการต่อสู้ โดยปกติแล้วการพูดคุยก็จะมีเสียงดังไม่น้อย หลังจากที่พวก’เนี่ยลี่’นั่งลงแล้ว  เหล่าผู้คนก็หยุดและหันมาให้ความสนใจกับพวกเขา

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’มอง’หลงยู่อิน’ที่นั่งถัดจาก’เนี่ยลี่’ด้วยความสงสัยว่านางเป็นใครกัน

‘เยี่ยเชียน’ ยกแก้วไวน์ขึ้นด้วยท่าทีที่สง่างาม ด้วยท่าทางที่มีมารยาทพร้อมกับกล่าวว่า

“ในงานเลี้ยงวันนี้ เหล่าชนชั้สูงของทั้งสามสำนักได้อนุญาติให้พวกเรานั้นได้มาทำความรู้จักซึ่งกันและกัน เพื่อที่พวกเราจะได้ดูแลกันในอนาคต ข้า เยี่ยเชียน ขอดื่มอวยพรให้กับทุกท่าน ตอนนี้พวกเราทุกคนก็นับว่าเป็นสหายกันแล้ว! ”

แต่ทว่า ทุกคนกลับแค่ชำเลืองมอง’เยี่ยเชียน’แบบผ่าน ๆ จากนั้นก็พูดคุยกันต่อ ไม่มีผู้ใดสักคนที่สนใจเขา และปล่อยให้เขาอยู่ในสถานการที่น่าอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง

และที่โต๊ะนี้ ไม่มีสนใจ’เยี่ยเชียน’เลยสักนิด  ไม่ว่าจะเป็น ‘หลี่ชิงอวิ๋น’ ‘หลงยู่อิน’ หรือแม้แต่’กู้เบ่ย’ ‘เนี่ยลี่’ก็ยังคงพูดคุยอยู่กับ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ ไม่ยอมเสียเวลากระทั่งทักทายความรู้จักกับ’เยี่ยเชียน’เลยแม้แต่น้อย ใครพอจะบอกได้บ้างว่า นี่มันนรกอะไรกันแน่?

ส่วน’เซี่ยวซุ่ย’กับ’ลู่เพียว’ พวกเขาพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ราวกับเป็นคู่แต่งงานใหม่

ที่มุมปากของ’มู่หลงหยี่’ ขดเล็กน้อยคล้ายกับว่ากำลังยิ้มอยู่ ที่เขาต้องการเห็นคือความขัดแย้งระหว่าง’เยี่ยเชียน’กับ’เนี่ยลี่’

‘มู่หลงหยี่’ ถือแก้วไวน์ของเขาไปหา’เนี่ยลี่’

“ก่อนหน้านี้ ที่โบราณสถานแห่งความสะพรึง ข้าไม่ทราบว่าท่านท่านคือใคร ศิษย์น้องเนี่ยลี่ ในวันนี้ ข้าขออภัยกับสิ่งที่ข้าได้ทำผิดพลาดไป ที่อาจทำให้ศิษย์น้องเนี่ยลี่ไม่สบายใจ!”

‘เนี่ยลี่’ขมวดคิ้วและจ้องหน้ามอง ‘มู่หลงหยี่’ หลังจากที่เขาพูดจบ ‘เนี่ยลี่’ไม่ได้พูดถึงการเผชิญหน้าของพวกเขาใน โบราณสถานแห่งความสะพรึง แม้แต่น้อย และเขาก็ไม่คิดเลยว่า ‘มู่หลงหยี่’จะเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน ‘เนี่ยลี่’มองเห็นรอยยิ้มของ’มู่หลงหยี่’ อย่างนี้นะหรือที่เรียกว่าการขอโทษ? นี่เป็นการพยายามที่จะยั่วยุเขาอย่างเห็นได้ชัด

‘ลู่เพีย’วกับ’กู้เบ่ย’ ก็พยายามที่จะจับตามองอยู่ เพราะพวกเขารู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นที่โบราณสถานแห่งความสะพรึง

แต่ถึงอย่างไร ‘เนี่ยลี่’ก็ยังสามารถที่จะสงบสติ อดกลั้นเอาไว้ได้  แน่นอนว่าเขานั้นจะไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกความโกรธแค้นครอบงำได้โดยง่าย

“ศิษย์พี่มู่หลงคงพูดล้อเล่นเป็นแน่ ศิษย์พี่อยู่ในระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่ 5 ท่านคงแค่อยากจะชี้แนะข้าเท่านั้น ข้าหวังว่าจะได้พบกับท่านอีกครั้ง สักคราหนึ่งในโบราณสถานแห่งความสะพรึง ”

ครั้งต่อไปที่’เนี่ยลี่’นั้นเข้าไปยังโบราณสถานแห่งความสะพรึง เขาจึงได้ทำการท้าทาย’มู่หลงหยี่’

‘มู่หลงหยี่’ หันหลังกลับไปและยิ้มอย่างเย็นชา

“แน่นอน ข้าพร้อมที่จะต้อนรับเจ้าเสมอ ในทุกเวลา”

ดูเหมือนว่า’เนี่ยลี่’ต้องการที่จะเจ็บตัวอีกครั้งสินะ?

ตรงจุดนี้ ‘หลี่ชิงอวิ๋น’ ได้พูดแทรกขึ้นมาจากด้านข้าง

“มู่หลงหยี่ เจ้าได้ลองดี ท้าทายกับข้าก็หลายครั้งแล้ว แต่ข้าก็จัดการเจ้าได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นใครกันที่บอกว่าพร้อมทุกเวลา ตอนนี้ข้านั้นก็พร้อมอยู่แล้ว เจ้ายังจำที่เจอกันครั้งสุดท้ายได้หรือไม่ ที่ข้าบอกไว้ว่าให้เจ้าไปให้ไกลจากข้า ดูเหมือนว่าความจำของเจ้าจะไม่ค่อยดีสินะ ข้าคิดว่า ข้าคงต้องทำให้เจ้าสำนึกอีกรอบสินะ ”

‘มู่หลงหยี่’เสียงแผ่วลงเล็กน้อย ‘เนี่ยลี่’นั้นแข็งแกร่งที่สุดในปีนี้  ‘มู่หลงหยี่’เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในปีที่แล้ว และ’หลี่ชิงอวิ๋น’ ก็เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในปีก่อนหน้านั้น

‘มู่หลงหยี่’ได้ประมือกับ’หลี่ชิงอวิ๋น’มาหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยชนะแม้แต่ครั้งเดียว ‘มู่หลงหยี่’ สามารถพูดจาเยอะเย้ย’เนี่ยลี่’ได้ แต่เมื่ออยู่ตรงหน้าของ’หลี่ชิงอวิ๋น’แล้ว เขาไม่อาจที่จะ แม้แต่เงยหน้าขึ้นมาได้

‘เยี่ยเชียน’ยิ้มแล้วพูดขึ้นมาว่า

“นี่คงจะเป็นน้องชายหลี่ชิงอวิ๋น ข้าเคยได้ยินท่านพ่อของข้ามักจะเอ่ยถึงท่านอยู่เสมอ ตระกูลเยี่ย จากสำนักอัคคี และตระกูลเถ้าอัคคีของท่าน ที่อยู่ในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ ต่างก็เป็นสหายกันมาอย่างยาวนาน”

‘หลี่ชิงอวิ๋น’ถึงกับใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อได้ยินคำพูดของ’เยี่ยเชียน’ ถ้านี่เป็นคนแซ่เยี่ย จากสำนักอัคคีแล้วหล่ะก็ ในสำนักอัคคีนั้น ตระกูลเยี่ย นั้นถือครองกำลังอยู่ถึง หกสิบเปอร์เซนต์

‘หลี่ชิงอวิ๋น’ เคาะโต๊ะด้วยนิ้วของเขา และเอ่ยถามว่า

“ข้าขอถามได้ไหม ท่านคือผู้ใดกัน?”

“ข้าคือ เยี่ยเชียน”

‘เยี่ยเชียน’ประกาสอย่างภาคภูมิใจ

ในตอนนี้ ‘หลี่ชิงอวิ๋น’ เข้าใจสถานการณ์อย่างชัดเจนแล้ว เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับตระกูลเยี่ยมาหนึ่งถึงสองเรื่อง ‘เยี่ยเชียน’ นั้นเป็นผู้สืบทอดสายตรงลำดับที่หนึ่ง และสถานะของ’หลี่ชิงหยุน’นั้นก็ไม่อาจที่จะเทียบได้ และในปัจจุบันนั้นพวกเขาอยู่ในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ แน่นอนว่า’หลี่ชิงอวิ๋น’ เองก็ไม่ได้เกรงกลัว ‘เยี่ยเชียน’ แต่ถึงอย่างไร ในตอนนี้เขาก็ไม่อาจที่จะทำอะไรได้

แปลโดย นายมะพร้าว

คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments