ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปดูจากปฏิกิริยาของ ‘หลี่ชิงหยุน’แล้ว ‘เนี่ยหลี่’ก็รับรู้ได้เลยว่าตัวตนของ ‘เยี่ยเชียน’ นั้นมิอาจจะล่วงเกินได้ง่ายๆ
‘เนี่ยหลี่’รู้เกี่ยวกับแซ่ เยี่ย ของสำนักอัคคี เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เยี่ยเชียนเป็นทายาทสายตรงของตระกูล แต่ยังไงเสีย เขาก็ยังไม่ได้เป็นผู้สืบทอดตระกูล
แต่ดูเหมือนว่า ‘เยี่ยเชียน’ ผู้นี้ รู้ว่าเมื่อใดควรเมื่อใดไม่ควร รู้สิ่งใดคือขีดจำกัด ไม่เหมือน ‘มู่หลงหยี่’ ตราบใดที่’เยี่ยเชียน’ ไม่ได้ทำการจุดประกายชนวนขึ้น ‘เนี่ยหลี่’ก็จะรักษาไว้ซึ่งระยะห่างอันแน่นอนนี้
ในขณะนี้ ‘เนี่ยหลี่’ยังหลบซ่อนอยู่ภายใต้ปีกที่เรียกว่านิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ ภายใต้ที่แห่งนี้ไม่มีผู้ใดสามารถเป็นภัยที่คุกคามต่อเขาได้ ในภายภาคหน้าหลังจาก’เนี่ยหลี่’ได้บ่มเพาะพลังเต็มที่แล้ว แม้แต่ ‘เยี่ยเชียน’ก็ไม่สามารถมายืนเทียบกับเขาได้
หลังจากที่’เยี่ยเชียน’ ได้ประกาศชื่อตนออกไปแล้ว มีเพียง’หลี่ชิงหยุน’ เท่านั้นที่แสดงปฏิกิริยาออกมาเล็กน้อย คนอื่นๆที่ร่วมโต๊ะอยู่ยังคงยุ่งกับเรื่องส่วนตัว ‘เยี่ยเชียน’รู้สึกกระอักกระอ่วนเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อสังเกตว่า’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ไม่ได้สนใจตัวเขาเลยแม้แต่น้อย นางยังคงพูดคุยกับ’เนี่ยหลี่’ พร้อมด้วยใบหน้าที่แสดงรอยยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
‘เยี่ยเชียน’ต้องรู้สึกผิดหวังกับนางอย่างเสียไม่ได้ ด้วยจำนวน หกสำนักใหญ่ของอาณาจักรซากมังกรทั้งหมดต่างได้รับการขับเคลื่อนภายใต้ตระกูลใหญ่ต่างๆ เพียงแค่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลใหญ่เหล่านั้น ‘หนิงเอ๋อ’ก็จะสามารถทำการฝึกฝนได้เต็มประสิทธิภาพ
สิ่งใดที่นางจะได้รับหากยังคงติดตาม’เนี่ยหลี่’ ? หญิงสาวมักจะปล่อยตัวให้ลุ่มหลงไปกับความรัก อย่างไรก็ตาม’เยี่ยเชียน’ไม่สามารถใกล้ชิดกับนาง หรือทำให้นางเปลี่ยนใจ นั่นทำให้เขาหมดหนทางในเรื่องคราวนี้แน่นอน
“เจ้าจะอยู่ที่นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์นี้นานเท่าใด?”
‘เนี่ยหลี่’ถาม’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ที่นั่งอยู่ด้านข้าง กลิ่นหอมหวานของสตรีทำให้เนี่ยหลี่รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข
จะไปบอกว่าน่ารักก็อ้อมเกิน จะบอกว่าน่า…ก็ตรงไป
“สองวัน”
‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ขยับมาชิด’เนี่ยหลี่’มากขึ้น ความเขินอายและความเปี่ยมสุขแสดงผ่านสีหน้าของนางในเวลานี้
“ถ้าเป็นเช่นนั้น คืนนี้เจ้ามาหาข้าด้วย..”
‘เนี่ยหลี่’เอ่ยขึ้นก่อนจะขบคิดอยู่อีกสักครู่ เวลาสองวันนับว่าเพียงพอ
“อือ….”
ทั้งหน้าของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ลามไปถึงช่วงลำคอร้อนผ่าว และเสียงตอบรับของนางที่ตอบออกมาบางเบาเสียจนแทบไม่ได้ยิน แก้มแดงระเรื่อราวกับคนที่ร่ำสุราจนเมามาย
“ข้าจะมอบจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีการเติบโตระดับพระเจ้าให้เจ้าผสานรวมกับมัน”
‘เนี่ยหลี่’ยิ้มบางๆ แน่นอนว่าสองวันทำให้เขามีเวลาเพียงพอที่จะทำจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีการเติบโตระดับพระเจ้าได้ทันเวลา
เป็นแบบนี้เอง ‘เนี่ยหลี่’ไม่ได้…
เมื่อ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’รู้ตัวว่าเข้าใจผิดไป นางนั้นอายแทบอยากจะขุดหลุมฝังตัวเองเสียให้ได้ นั่นคือสิ่งที่’เนี่ยหลี่’ต้องการจะสื่อ แล้วทำไมต้องเว้นครึ่งประโยคให้เข้าใจผิดด้วยนะ
ผู้ที่มองอยู่โดยรอบเหมือนกับถูกตีที่หัวด้วยค้อนเมื่อเห็น’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’แสดงท่าทีขวยเขิน พวกเขาต้องยอมรับออกมาจากใจว่านางเป็นหญิงสาวที่งดงามจนทำให้ยากที่จะละสายตาจากนางได้
‘หลงยู่อิน’ไม่ทราบว่าทำไมนางจึงต้องรู้สึกผิดหวังอยู่เล็กๆเมื่อได้เห็น’เนี่ยหลี่’กับ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ใกล้ชิดกัน แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ไม่ใช่คนช่างพูดอะไร
นางจึงนั่งเงียบอยู่อย่างนั้น
ถึงแม้นางจะถูกตำหนิว่ากล่าวจาก’เนี่ยหลี่’ และเพิ่งได้รับการเฆี่ยนตีกลับทำให้นางรู้สึกค่อยๆชื่นชอบในตัว’เนี่ยหลี่’ขึ้นมา นี่ไม่ได้หมายความว่านางรักและต้องการให้เขาตำหนิว่ากล่าวหรือเฆี่ยนตีหรอกนะ แต่นางชอบที่มีคนคอยให้คำแนะนำเหมือนกับอาจารย์
มันทำให้นางไม่รู้สึกโดดเดี่ยวและตำแหน่ง . & ประจำปี 2016 ได้แก่…. คุณ หลงยู่อินจากตระกูลผนึกมังกรครับ!! ลั่นตลอดเลย
ดังนั้นนางจึงรู้สึกสนใจปนสับสนเมื่อนางเองได้ตระหนักแล้วว่าเป็นหญิงงามที่อยู่เคียงข้าง’เนี่ยหลี่’เช่นเดียวกัน และอยากจะมีความสันพันธ์ใกล้ชิดกับเขา แต่นางเป็นอันใดกับ’เนี่ยหลี่’เล่า?
บางทีอาจจะเป็นเพราะว่า ‘เนี่ยหลี่’ได้ให้คำแนะนำเล็กน้อยกับข้าเพียงแค่เขาอยากให้ข้าละทิ้งความเกลียดชังระหว่างเจ้ากับ ‘อิงเยว่หลู่’ ในที่สุดแล้ว อา ข้า ‘หลงยู่อิน’ก็ไม่ได้เป็นอะไรกับเขา
นี่เป็นครั้งแรกที่’หลงยู่อิน’ได้สัมผัสกับอารมณ์ที่ซับซ้อนเช่นนี้ นางรู้สึกขอบคุณ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’จากสำนักบัญญัติสวรรค์ อย่างยิ่ง ที่ในอีกสองวันจากนนี้นางก็จะกลับแล้ว
“หนิงเอ๋อ เจ้าฟังอยู่หรือเปล่า?”
‘เนี่ยหลี่’มอง’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ด้วยสายตาห่วงใย และเห็นว่านางเอาแต่ก้มหน้าลงจนหัวเกือบจะติดหน้าอกของนางอยู่แล้ว ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อย ในเมื่อเขาพูดอะไรไปตั้งมากมายทำไมนางถึงไม่ตอบกลับอะไรมาบ้างเลย?
“อื้อ..”
‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ส่งเสียงตอบเบาๆ ภายในหัวใจของนาง’เนี่ยหลี่’คือคนสำคัญที่สุด มันไม่มีสารสะคัญอันใดเลยที่เขาจะต้องถามนาง ไม่ว่าจะยังไงก็ตามนางจะไม่ปฏิเสธเขาเด็ดขาด แต่ทำไม’เนี่ยหลี่’ถึงไม่รู้ใจนางกัน? ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’รู้สึกเศร้าขึ้นมานิดๆ
ทันใดนั้นเกิดความวุ่นวายขึ้นในหมู่อัจฉริยะที่รวมตัวกันอยู่ โดยมีสาเหตุมาจาก ผู้เยาว์สวมชุดคลุมสีเงินขาวเดินเข้ามาข้างใน ด้วยใบหน้าหนุ่มที่จัดว่าหล่อเหลา และการก้าวเดินที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ แม้แต่เหล่าอัจฉริยะที่ยืนรวมกลุ่มกันอยู่ยังหลีกทางให้แหหวกออกเป็นเส้นทางให้เขาผู้นั้นเดิน
“ใครจะคาดคิดได้ว่าแม้แต่ หลงเทียนหมิง จะมา!”
ความอลหม่านเกิดขึ้นเป็นระลอกคลื่นตามมาทันที ด้วยเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเป็นพิเศษของ’หลงเทียนหมิง’ ปกติ’หลงเทียนหมิง’จะหมกมุ่นเก็บตัวเงียบกับการฝึกบ่มเพาะพลัง จึงไม่ค่อยปรากฏสู่สายตาเบื้องนอกมากนัก
ผู้คน ณ ที่แห่งนี้ต่างทราบโดยทั่วกันว่า’หลงเทียนหมิง’เป็นผู้สืบทอดลำดับที่หนึ่งของตระกูลผนึกมังกร และยังเป็นผู้ที่เข้าชิงตำแหน่งเจ้านิกายขนนักศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุด !
‘หลงเทียนหมิง’ก้าวเดินมาอย่างสง่าผ่าเผย ราวกับมีแสงเปล่งประกายอยู่รายรอบตัวของเขา กลิ่นอายของเขาสะกดและดึงดูดทุกผู้ทุกคน
ระดับการบ่มเพาะพลังของเขารวดเร็วและน่ากลัวเป็นอย่างมาก ปัจจุบันหลงเทียนหมิงอยู่ที่ ระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่ 9 ในขณะที่อายุได้ 16 เขาเป็นอัจฉริยะอันดับ 1 ของนิกายอย่างไม่ต้องสงสัย
สายตาของเขากวาดมองไปยังทุกคน ก่อนจะหยุดลงที่ ‘เยี่ยเชียน’ เขายิ้มบางๆก่อนจะก้าวเดินเข้าไปหา’เยี่ยเชียน’และกล่าวทักทาย
“ท่านพี่เยี่ยเชียนเองก็มาเช่นกันหรือ?”
‘เยี่ยเชียน’รู้สึกกดดันเล็กน้อยจากความจริงที่’หลงเทียนหมิง’เริ่มทักทายก่อน เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะป้องมือของเขา
“ท่านพี่หลง ท่านเป็นเช่นใดบ้าง?”
แม้ว่า’เยี่ยเชียน’ จะเป็นทายาทโดยตรงของ ตระกูลเยี่ย แต่อย่างไรเสียเขายังไม่ได้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำ ยังมีอีกหลายคนในตระกูลเยี่ยที่แข่งขันแย่งตำแหน่งกับเขาอยู่
ทว่า’หลงเทียนหมิง’ผู้นี้นั้นเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลผนึกมังกรเป็นที่แน่นอนแล้วมิหนำซ้ำ ยังมีความเป็นไปได้ที่สูงเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เป็นผู้นำนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ในอนาคต!
“นับตั้งแต่การกล่าวอำลาในครั้งนั้น นี่ก็เป็นเวลาสามปีมาแล้ว อ่า ช่างเป็นเวลาที่ยาวนาน การบ่มเพาะพลังของท่านพี่เยี่ยเชียนก้าวหน้าไปไม่น้อยเลย”
หลงเทียนหมิงกล่าวพร้อมยิ้มเล็กน้อย
‘เยี่ยเชียน’ยิ้มเจื่อน
“ท่านพี่หลง ท่านกล่าวเยินยอข้าเกินไปแล้ว ระดับการบ่มเพาะพลังของท่านสูงส่งยิ่ง จนทำให้ข้า เยี่ยเชียนผู้นี้ถึงกับต้องเรียนรู้การเจียมตน!”
เมื่อการพบปะกันครั้งแรกของพวกเขาทั้งคู่เมื่อสามปีก่อน ตอนนั้น’เยี่ยเชียน’ สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งที่น่าเกรงขามของ’หลงเทียนหมิง’ จนทำให้เขาได้แต่มองจากเบื้องล่าง นอกเหนือการบ่มเพาะพลังแล้ว จิตอสูรที่’หลงเทียนหมิง’ผสานด้วยยังคงเป็นปริศนา
จากข่าวลือที่กล่าวว่า’หลงเทียนหมิง’เป็นหนึ่งในจำนวนไม่กี่คนที่ได้ผสานรวมกับจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีการเติบโตระดับพระเจ้า
หลังจาก ‘หลงเทียนหมิง’มีความสามารถและเอกลักษณ์ที่โดดเด่นขึ้น ทางนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์คงต้องเตรียมจิตออสูรระดับนั้นไว้ให้เขาเป็นแน่
‘หลงเทียนหมิง’ยังคงยิ้มอย่างมีเสน่ห์มองไปเรื่อยๆ จนหยุดอยู่ที่’หลงยู่อิน’
“โห ญาติผู้น้องของข้าเอง ก็มาที่นี่เช่นเดียวกัน!”
‘หลงยู่อิน’พยักหน้าก่อนจะหันไปทางอื่นเมื่อได้เห็นเขา นางไม่ได้ต้องการเห็นหน้าเขาสักเท่าไหร่
อย่างไรก็ตาม’หลงเทียนหมิง’ยังยิ้มและไม่ใส่ใจกับท่าทางของ’หลงยู่อิน’ เขาเหลือบไปมองยังคนอื่นๆ รวมทั้ง’เนี่ยหลี่’ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ และคนอื่นที่เหลือ สำหรับ’เนี่ยหลี่’และ’หลู่เปียว’ เขาไม่รู้จัก แต่จากการสังเกตคร่าวๆ ก็พบว่ากลิ่นอายของพวกนั้นอ่อนแอเกินกว่าจะให้ความสนใจ เขาหันมาหา’เยี่ยเชียน’
“ดูเหมือนว่าขณะนี้ท่านพี่เยี่ยกำลังยุ่งอยู่กับเหล่ามิตรสหาย หากท่านมีเวลาว่าง ในเวลาอีกสองวันที่เหลือ โปรดมาดื่มชากับข้าที่จวนบ้าง ! เราจะได้พบปะพูดคุยกันตามประสาเพื่อนเก่ากัน !”
“ตกลง ข้าต้องไปแน่นอน! เชิญท่านไปจัดการกับธุระของท่านต่อเถิด”
‘หลงเทียนหมิง’หันหลังกลับและเดินจากไป
‘เนี่ยหลี่’จ้องหลงเทียนหมิงอยู่นานจนกว่าเงาของ’หลงเทียนหมิง’จะค่อยๆหายไป
ในชีวิตก่อนหน้านี้ เขาได้อยู่ในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์เป็นเวลานาน แน่นอนว่าเขารู้ว่าผู้ใดคือ’หลงเทียนหมิง’ นอกเหนือจากการที่’หลงยู่อิน’และจระกูลผนึกมังกรกดดันให้อาจารย์ถึงความตายยังมีเหตุการณ์อื่นๆเกิดขึ้นอีก
หลังจากได้เจอเหตุการณ์มากมายก็เริ่มปะติดปะต่อ เรื่องราวได้ ‘เนี่ยหลี่’ยังคงผวาอยู่เรื่อยมาเมื่อพบว่าเบื้องหลังเหตุกาณ์ทั้งหมดเกิดจาก ‘หลงเทียนหมิง’ เขาเคยดำรงเป็นผู้นำนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์อยู่ ช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะไปดินแดนเทพบรรพชน หลังจากที่เขาจากไป นิกายก็ถึงคราล่มสลาย
ในชีวิตก่อนหน้านี้ของ’เนี่ยหลี่’ เขาเป็นเพียงคนนอกนิกาย เขาจึงไม่ได้ร่วมต่อสู้ใดๆ และเร้นกายประดุจหมอกควันยากจับต้อง และสังเกตเห็นได้ชัดเจนว่า ‘หลงเทียนหมิง’เป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากเหตุการณ์ทั้งหมด ‘เนี่ยหลี่’ต้องยอมรับจากใจจริงว่า ‘หลงเทียนหมิง’ผู้นี้เป็นบุคคลฉลาดหลักแหลมมากด้วยเล่ห์เพทุบาย
‘หลงเทียนหมิน’จากไป เพื่อไปคุยกับเหล่ารุ่นเยาว์จากสำนัก เสียงสวรรค์และสำนักอัคคี พวกเขาได้ร่วมสนทนาและดื่มไวน์ให้แก่กันเล็กน้อย มันดูเหมือนว่าเขาค่อนข้างรับมือกับสถานการณ์เหล่านี้ได้ดีทีเดียว
ท่ามกลางผู้คนมากมาย ‘หลงเทียนหมิง’เป็นผู้ที่ได้รับความสนใจจากรอบข้างมากที่สุด หญิงงามหลายคนของสำนักบัญญัติสวรรค์
ยืนอยู่ข้างเขาด้วยรอยยิ้มเบิกบานพร้อมส่งสายตาใฝ่เสน่ห์หาไปให้เขาอย่างไรก็ตาม’หลงเทียนหมิง’ไม่ได้ใส่ใจกับมัน เขาเพียงแค่ยิ้มตอบกลับมาอย่างสุภาพ ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้หลงใหลความงามของพวกนางแม้แต่น้อย
‘เนี่ยหลี่’สังเกต’หลงเทียนหมิง’ เขาช่างสุขมเยือกเย็นเสียจริง หากต้องอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับหลงเทียนหมิงรับรองว่าจบไม่สวยแน่ ‘เนี่ยหลี่’หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเขาจะไม่ใช่ศัตรู ‘เนี่ยหลี่’ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ พลางมองออกไปข้างนอก ‘หลงเทียนหมิง’ไม่ได้ประเมิน’เนี่ยหลี่’เอาไว้สูงเท่าใดนัก
‘เยี่ยเชียน’ยังคงยิ้มและกลับไปนั่งที่ของเขา เขาค่อนข้างรู้สึกดีที่’หลงเทียนหมิง’ทำตัวสุภาพกับเขา บุคคลในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ต่างเกรงใจต่อเขา ไม่แม้แต่ ‘หลี่ชิงอวิ๋น’ก็เช่นกัน ‘หลี่ชิงอวิ๋น’ยกไวน์ขึ้นมาดื่มเข้าไปอึกใหญ่ แล้วเช็ดปากด้วยความรู้สึกเหยียดหยาม
ด้วยจุดยืนของเขา เป็นที่แน่ชัดว่า’หลี่ชิงอวิ๋น’เกลียดชัง’หลงเทียนหมิง’เข้าไส้เข้ากระดูก แต่ความแข็งแกร่ง’หลี่ชิงอวิ๋น’ก็ยังด้อยกว่า’หลงเทียนหมิง’ ต้องขอบคุณที่’หลี่ชิงอวิ๋น’มีกองกำลังที่มีสายสัมพันธ์แนบแน่น แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ยังด้อยกว่า’หลงเทียนหมิง’
‘เนี่ยหลี่’ยิ้มบางๆ
“ข้าได้ยินว่านิกายทั้งสามจะจัดประมูลสมบัติของแต่ละนิกาย ข้าอยากรู้นักว่าจะมีสิ่งใดน่าสนใจบ้าง!”
“ในทุกครั้งที่สามนิกายนี้จัดการประมูลสมบัติล้ำค่าขึ้น เหล่าอัจฉริยะจะสูญเสียความสนใจไป และไม่มีใครที่จะกล้าทำตัวโดดเด่นขึ้น!”
‘หลี่ชิงอวิ๋น’ อธิบาย แม้ว่าเขาจะหงุดหงิดเล็กน้อยเพราะ’หลงเทียนหมิง’แต่ก็กลับเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว
‘มู่หลงหยี่’ รีบขัดขึ้น
“ศิษย์น้องหลี่ สนใจการประมูลสมบัติล้ำค่าอย่างนั้นหรือ ? สมบัติแต่ละชิ้นประมูลอย่างราคาที่ถูกที่สุดแล้วยังต้องจ่าย ศิลาจิตวิญญาณหลายพันก้อน ของที่มีราคาบางชิ้นก็อาจจะมีค่าสูงถึงหลักหมื่น!”
‘เนี่ยหลี่’ทำท่าฉุกคิดเป็นเวลาสั้นๆ ก่อนจะกล่าวตอบ
“โอ้? หากเป็นเช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวเข้าไปดูก่อนเป็นอันดับแรก”
มุมปาก’มู่หลงหยี่’ กระตุกขึ้นเป็นยิ้มไม่เชิงยิ้ม ‘เนี่ยหลี่’เจ้ายาจก คิดหรือว่าเจ้าจะมีปัญญาซื้อ? นี่เป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดี
‘หลี่ชิงอวิ๋น’มองไปที่’เนี่ยหลี่’ ด้วยอารมณ์ขัน ‘เนี่ยหลี่’ตอบกลับคำพูดของ’มู่หลงหยี่’ ด้วยท่าทีเรียบเฉย แม้ว่า’หลี่ชิงอวิ๋น’จะไม่ทราบจำนวนศิลาจิตวิญญาณที่’เนี่ยหลี่’มีทั้งหมด แต่จากเท่าที่สังเกตดูเขาน่าจะมีมันอยู่หลายแสนก้อน ถูกต้องมั้ย?
แปลโดย…คนรักของมูมู่
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: