ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘หลี่ชิงอวิ๋น’ไม่รู้ถึงวิธีการที่’เนี่ยหลี่’สามารถหา จิตอสูรระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นจิตอสูรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้า
หรือแม้กระทั่งจิตอสูรสายเลือดมังกรที่ระดับการเติบโตในระดับระดับยอดเยี่ยม เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหาของพวกนี้!นับจากที่’หลี่ชิงอวิ๋น’ได้รับจิตอสูรระดับสูงพวกนี้จาก’เนี่ยหลี่’กองกำลังของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นมาก
สำหรับ’เนี่ยหลี่’แล้ว ‘หลี่ชิงอวิ๋น’ไม่ได้คิดว่าตัวเขาอยู่สูงกว่า’เนี่ยหลี่’ แต่เขาปฏิบัติกับ’เนี่ยหลี่’อย่างเสมอภาค ไม่ช้าก็เร็ว ‘มู่หลงหยี่’จะต้องได้รับบทเรียนที่ดูถูก’เนี่ยหลี่’เอาไว้ บางครั้งคนเรา ‘ไม่สามารถตัดสินหนังสือได้จากปกของมัน’
‘เยี่ยเชียน’ยิ้มจากตรงจุดที่เขานั่งอยู่
“ในการประมูลครั้งนี้พวกเขาได้นำสมบัติล้ำค่าบางอย่างที่สามารถช่วยในการฝึกบ่มเพาะพลังได้ ยกตัวอย่างเช่น น้ำค้างเสียงสวรรค์จากนิกาย เสียงสวรรค์ต้องมีผู้คนจำนวนมากที่ไม่ต้องการพลาดเป็นเจ้าของสิ่งนั้นเป็นแน่!”
‘เยี่ยเชียน’ค่อนข้างภูมิใจในความมั่งคั่งของเขาเล็กน้อย บนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะพลัง ทรัพยากรเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ด้วยฐานะที่เป็นทายาทสายตรงจากตระกูลเยี่ย ปริมาณทรพยากรที่เขาได้รับเพื่อใช้มันในการบ่มเพาะพลังเป็นสิ่งที่สามัญชนคนธรรมดาไม่อาจจะจินตนาการได้
‘กู้เบ่ย’ทำเสมือนว่าไม่ได้ยินคำพูดของ’เยี่ยเชียน’ที่เอ่ยออกมาเมื่อครู่และกล่าวว่า
“แม้ว่าน้ำค้างเสียงสวรรค์จะเป็นสิ่งของล้ำค่า แต่ว่ายังคงไม่ใช่ที่สุด ข้าสงสัยว่าสมบัติที่มีมูลค่าสูงสุดในงานประมูลนี้คือของสิ่งใดกันแน่?”
‘เยี่ยเชียน’ ถึงกับพูดไม่ออกในคำพูดของ ‘กู้เบ่ย’ ปีที่ผ่านมาตัวเอกของงานประมูล คือ จิตอสูรระดับ 3 ซึ่งได้ปิดประมูลไปที่ ศิลาจิตวิญญาณหกหมื่นก้อน ‘หลงเทียนหมิง’น่าจะเป็นผู้เดียวที่ที่จะสามารถเสนอราคาการประมูลของที่เป็นตัวเอกเหล่านี้ได้
ภายในหกนิกายทายาทแต่ละตระกูลมีการติดต่อกันเองภายใน และเหล่าทายาทชั้นสูงเหล่านั้นเช่นหลงเทียนหมิง เป็นผู้สืบทอดลำดับที่ 1 ของตระกูล และยังมีสิทธิได้ขึ้นเป็นผู้นำนิกาย และถึงแม้ว่าตัวเขาจะล้มเหลวเขาก็ยังได้รับตำแหน่งใหญ่สำคัญภายในนิกายอยู่ดี ในบรรดาผู้คนเหล่านี้ ‘หลงเทียนหมิง’ได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของทุกด้าน
รองลงมาเช่นบุคคลเยี่ยง ‘เยี่ยเชียน’ ‘หลงยู่อิน’ และ’หลี่ชิงอวิ๋น’ พวกเขาเป็นทายาทคนสำคัญของตระกูล และยังมีความสามารถอยู่ในระดับอัจฉริยะ พวกเขาเหล่านี้ยามเติบใหญ่ไปจะต้องเป็นยอดฝีมือและเป็นกองกำลังหลักให้แก่ตระกูล และในบางทีพวกเขาอาจจะได้รับโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่จะสามารถก้าวไปในระดับเดียวกับ’หลงเทียนหมิง’ได้
หลังจากที่พวกเขาเหล่านี้ได้ก้าวขึ้นมาเป็นอัจฉริยะแล้ว พวกเขาแต่ละคนยังถูกแบ่งชนชั้น และยังยากมากที่จะหาอิสระทำตามใจตนภายในนิกายแห่งนี้อีกด้วย
‘เยี่ยเชียน’ ‘หลงยู่อิน’และ’หลี่ชิงอวิ๋น’ ต่างอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า’หลงเทียนหมิง’ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่’หลงเทียนหมิง’จะปฏิบัติกับพวกเขาอย่างเสมอภาค
สำหรับ’เนี่ยหลี่’ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’และ’หลู่เปียว’ถือว่าโชคดีมากทีเดียว ถึงแม้จะอยู่ในกลุ่มเดียวกัน แต่หากพวกเขาต้องการได้รับความเคารพยำเกรงจากผู้อื่นก็ต้องขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของพวกเขาแล้ว
แน่นอนแล้วโดยธรรมชาติของ’เนี่ยหลี่’เขาไม่ได้สนใจในคำกล่าวของ’เยี่ยเชียน’
งานเลี้ยงยังคงครึกครื้นโดยการชนแก้วไวน์ไปมา
หลังจากการมาของหลงเทียนหมิง จำนวนสมาชิกของคนในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ นิกายบัญญัติสวรรค์ต่างก็กรูกันเข้ามาเพื่อมองดูผู้ที่แข็งแกร่ง พวกเขาเหล่านั้นต่างรวมตัวกันอยู่ด้านข้างและระมัดระวังท่าทีของตนอย่างรอบคอบ
‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ ดึงเสื้อของ’เนี่ยหลี่’
“นั่นคือ ธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งนิกายเสียงสวรรค์ของพวกข้า หมิงเยี่ย วู่ซวง!”
‘เนี่ยหลี่’
มองตามสายตาของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ไป และก็พบกับ หญิงสาวนางหนึ่งที่งดงามดุจจันทร์ฉาย วัยของนางราว ยี่สิบหก-ยี่สิบเจ็ด ทุกการเคลื่อนไหวท่าทีการแสดงออกของนางบ่งบอกได้ถึงความเหนือชั้นยากหาผู้ใดเปรียบแสดงได้ออกมาอย่างสง่างาม ผิวกายเรียบเนียนบริสุจธิ์ที่ถูกปกปิดด้วยผ้ามัสลินที่นางสวมใส่นางเดินด้วยเท้าเปล่า ที่ข้อเท้าประดับด้วยระฆังสีเงิน เมื่อยามนางก้าวเดินส่งผลให้เกิดเสียงระฆังดังกึกก้อง
ธิดาศักดิ์สิทธิ์ กระบี่สรวงสวรรค์ ‘หมิงเยี่ยวู่ซวง’?
เป็นนางนั่นเอง !
‘เนี่ยหลี่’ไม่ได้รู้จักนางเป็นการส่วนตัว แต่เขารู้เรื่องราวของนาง ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา ‘หมิงเยี่ย วู่ซวง’ เป็นหนึ่งในสิบอันดับแรก ของยอดฝีมือในอาณาจักรซากมังกร การดำรงอยู่ของนางถือเป็นจุดสูงสุดของทั้งหกนิกาย!
ภายในหกนิกายสำคัญมักมีการปรากฏตัวของเหล่าอัจฉริยะมากมาย แต่ภายในหนึ่งร้อยปีจะมีอัจฉริยะที่แข็งแกร่งปรากฏตัวออกมา และในหมู่คนเหล่านั้น ‘หมิงเยี่ย วู่ซวง’เป็นหนึ่งในนั้น
นางเป็นอัจฉริยะที่เจิดจรัสมากที่สุด ‘เนี่ยหลี่’เคยได้ยินเรื่องราวที่ได้กลายเป็นตำนานของนางมาก่อน มันได้กล่าวว่านางได้เข้าไปภายในนิกายเทพอสูรเพียงลำพังและจัดการสังหารทั้งหมดด้วยตัวนางเองเพียงลำพัง
แม้ว่านางจะได้รับบาดเจ็บกลับมาจากการปะทะ กับสองสุดยอดยอดฝีมือ แต่อย่างไรเล่านางก็ได้สังหารยอดฝีมือนั้นสำเร็จ มันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อว่ายอดฝีมือที่มีความแข็งแกร่งและมีชื่อเสียงน่ากลัวมากมาย แท้จริงแล้วเป็นหญิงงามที่งดงามเพียงใด
“นั่นคือ เหยียนหยาง จากสำนักอัคคี !”
‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’กล่าวพลางชี้ไปยังบุคคลผู้นั้น
เขาเป็นคนหนุ่มผู้มีผมสีแดงเพลิง ดูเหมือนว่ามันจะสามารถเผาไหม้ได้ แต่ผิวของเขากลับมีสีขาวและเปล่งกลิ่นอายที่ครอบงำจิตใจผู้คนได้
จักรพรรดิเพลิงอเวจี ?
‘เนี่ยหลี่’ไม่ได้คาดหวังว่าในเวลานี้เขาจะมีโอกาสได้พบปะกับเหล่าอัจฉริยะ ที่เขาได้ยินชื่อเข้าหูบ่อยครั้งในชีวิตก่อนหน้านี้ ในหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา จักรพรรดิเพลิงอเวจี ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำสำนักอัคคี และได้นำพาสำนักก้าวไปสู่ยุคที่เจริญรุ่งเรื่องมากเป็นที่สุด สำนักอัคคีได้เหยียบย่ำนิกายเทพอสูรลงให้จมพสุธา ทำให้นิกายเทพอสูรไม่กล้าแม้แต่จะยกหัวของพวกเขา
แต่ไม่ว่าความแข็งแกร่งของหกนิกายนี้จะแข็งแกร่งเพียงใด มันก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะทำการต่อต้านสวรรค์ และเหล่าสัตว์อสูรบุพกาล ไม่ต้องพูดถึงจักรพรรดิปราชญ์
ในขณะที่เขาคิดเกี่ยวกับความแข็งแกร่งเหล่านั้น ‘เนี่ยหลี่’กำหมัดของเขาแน่น ตั้งแต่ได้กลับมาเกิดใหม่ในชีวิตที่สองนี้ เขาก็ได้รับสิ่งที่เขาต้องการมากกว่าชีวิตก่อนหน้านี้ แต่อย่างไรก็ตาม’เนี่ยหลี่’ยังไม่ประสบความสำเร็จเพียงพอที่จะหันหน้าไปเผชิญหน้ากับจักรพรรดิปราชญ์โดยตรง
แม้ว่าการบ่มเพาะพลังของ’เนี่ยหลี่’จะก้าวหน้าล้ำจักรพรรดิปราชญ์ไปก็ตาม ในเมื่อศัตรูของเขาสามารถควบคุมห้วงกาลเวลาได้นับล้านปี ลำพังแค่ตัว’เนี่ยหลี่’มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่จะโค่นล้มจักรพรรดิปราชญ์ให้สูญสิ้นลง
ในชีวิตนี้เขาได้ใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่สามารถใช้ได้ และไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกแล้ว
อย่างไรก็ตามเหล่าอัจฉริยะที่รวมตัวกันอยู่ด้านในนี้มีความหยิ่งทะนงตนเป็นอย่างมาก ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเข้าถึงตัวพวกเขา ไม่ต้องพูดถึงว่าความแข็งแกร่งของเนี่ยหลี่ในตอนนี้ยังไม่เพียงพอที่จะเป็นจุดสนใจได้
ในบรรดาสมาชิกของสามนิกาย ‘หมิงเยี่ย วู่ซวง’ ‘เหยียนหยาง’ และ ‘หลงเทียนหมิง’ เป็นจุดเด่นมากที่สุด
แม้ว่า’หลงเทียนหมิง’จะมีตำแหน่งที่พิเศษกว่าใครแต่เมื่อเทียบกันแล้วก็ยังด้อยกว่า ธิดาศักดิ์สิทธิ์ ‘หมิงเยี่ย วู่ซวง’จากนิกายเสียงสวรรค์และ’ เหยียนหยาง’ จากสำนักอัคคี หลงจาก’เหยียนหยาง’ได้รับการยืนยันจากสำนักอัคคีให้เขาเป็นผู้นำสำนักรุ่นต่อไป
และแม้ว่า ธิดาศักดิ์สิทธิ์จะไม่ได้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำแต่ตำแหน่งภายในนิกายเสียงสวรรค์ของนางก็ยังคงสูงส่งมาก‘หลงเทียนหมิง’เหลือบมองไปที่ ‘หมิงเยี่ย วู่ซวง’ และ ‘เหยียนหยาง’ จึงประสานมือคาราวะทักทาย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มแย้มที่สง่างาม ‘หมิงเยี่ย วู่ซวง’ พยักหน้ารับรู้ ในขณะที่’เหยียนหยาง’ ไม่มีปฏิกิริยาใดๆตอบรับ
ส่งผลให้’หลงเทียนหมิง’บังเกิดความรู้สึกอับอายเล็กน้อย แต่เขาก็กลับเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว และหัวเราะเสียงดังให้กับผู้คนที่อยู่รอบข้าง เสมือนว่าตนเองไม่ได้ใส่ใจกับมันสักเท่าไหร่
‘เนี่ยหลี่’ขบคิดกับตัวเองว่าการเดินทางมายัง โถงบ่มเพาะพลังครานี้ช่างคุ้มค่ายิ่งนัก
‘เนี่ยหลี่’เริ่มหาแผนการติดต่อกับ’หมิงเยี่ย วู่ซวง’และ’เหยียนหยาง’ภายในเวลา สองวันนี้ หลังจากที่ตัวตนของทั้งสองคนนี้มีอิทธิพลเป็นอย่างมากภายในนิกายของตน! การติดต่อกับพวกเขาจะเป็นประโยชน์ต่อแผนการในอนาคตของเขาอย่างแน่นอน
‘เนี่ยหลี่’ส่งเสียงถาม ‘กู้เบ่ย’
“กู้เบ่ยเจ้าว่าต้องทำเช่นไรถึงจะเข้าใกล้ หมิงเยี่ย วู่ซวงและเหยียนหยางได้?”
‘กู้เบ่ย’ตะลึงชั่วครู่ และยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
“นี่เป็นคำถามที่ยากมากสำหรับตัวข้า หนึ่งในนั้นคือธิดาศักดิ์สิทธิ์ของนิกายเสียงสวรรค์และอีกหนึ่งเปรียบได้เป็นโอรสศักดิ์สิทธิ์ของสำนักอัคคี ตัวข้าหรือจะมีคุณสมบัติใดเพียงพอที่จะไปพบกับพวกเขา? มากที่สุดข้าคงได้แต่ตามหาว่าพวกเขาพักอยู่ที่แห่งใดเท่านั้น!”
“โอ้ะ?”
ใจ’เนี่ยหลี่’เต้นด้วยความดีใจ สามารถรู้ที่พวกเขาจะพักอยู่ที่แห่งใด! ว่าจะไม่คิดละนะ ตื่นเต้นที่รู้ว่าเขาพักที่ไหน
อืมผู้หญิงอะให้อภัย แต่อย่าเต้นเพราะตัวผู้นะ
เนื่องด้วยสภาพของ’เนี่ยหลี่’และพรรคพวกในตอนนี้ ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมในการพูดคุยกับพวกเขา แต่ถ้า’เนี่ยหลี่’รู้ว่าพวกเขาพักอยู่ที่แห่งใด ‘เนี่ยหลี่’ก็มีวิธีการที่จะเข้าถึงพวกเขาเช่นกัน!
“เนี่ยหลี่ อย่าหุนหัน…พวกเขาเป็นแขกอันทรงเกียติรของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์!”
‘กู้เบ่ย’รู้สึกไม่แน่ใจเกี่ยวกับ’เนี่ยหลี่’
‘เนี่ยหลี่’ยิ้มแฉ่ง
“ข้ารู้ว่าข้าทำได้แค่ไหน!”
‘กู้เบ่ย’รู้สึกเสียวสันหลังวาบ หลังจากที่ตัวตนของสองคนนั้นยิ่งใหญ่เกินไป ถ้าพวกเขาต้องการจะฝ่าฝืนกฎข้อห้ามใดๆ จะมีใครเล่าสามารถปกป้องเขาได้! เขาทำได้แค่หวังว่า’เนี่ยหลี่’จะไม่กระทำการใดบ้าบิ่นเกินไป
‘เยี่ยเชียน’และ’มู่หลงหยี่’ พูดคุยกันต่อไปเพียงไม่ถึงหนึ่งนาที หลังจากนั้นก็ต่างฝ่ายต่างเงียบกันไปหาได้มีการพูดคุยใดเกิดขึ้นอีก
พวกเขามองตากันแล้วก็มองไปยัง’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ แต่ว่าราวกับ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ไม่ได้สังเกตุเห็นพวกเขา แต่’เนี่ยหลี่’ก็สัมผัสได้ว่า’เยี่ยเชียน’สนใจในตัว’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’แม้ว่า’เยี่ยเชียน’จะดูเหมือนเป็นคนที่สง่างามและสุภาพเพียงใด แต่ในช่วงชีวิตที่แล้ว’เนี่ยหลี่’ก็ได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของ’เยี่ยเชียน’ว่าหน้าซื่อใจคดเพียงใด
‘เยี่ยเชียน’ก็เป็นดั่งเช่นคนอื่นๆ ที่ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างมากจากตระกูล และมีความภาคภูมิใจในตนเองสูง แต่สิ่งที่น่าภูมิใจจริงๆแล้วน่าจะเป็นการที่ได้เกิดมาอยู่ในตระกูลใหญ่เหล่านั้นเสียมากกว่า ในแง่ความสามารถแล้วเยี่ยเชียนนั้นไม่มีอะไรที่พิเศษ
ในขณะเดียวกัน รูปร่างงดงามนางหนึ่งของนิกายเสียงสวรรค์ก็ลุกยืนขึ้นก้าวไปที่ด้านหน้าห้องนางยิ้มและกล่าวว่า
“การที่ได้มาเยือนนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ในวันนี้ช่างเป็นเกียติรอย่างยิ่ง ข้าเป็นศิษย์ของนิกายเสียงสวรรค์นามว่า ฉินเยี่ย ช่างน่ายินดีอย่างยิ่งในการที่มาพบปะกับพวกท่านทุกคน การประมูลถือเป็นงานที่จัดต่อต่อกันมาในทุกทุกปี และในวันนี้เหล่าสมบัติล้ำค่าจากสามนิกายเหล่านั้นจะถูกนำมาให้ทุกท่านในที่นี้ได้ยลโฉมเพื่อให้ทุกท่านสามารถเสนอราคาประมูลมันได้ เชิญรับชมได้เลย!”
ทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนั้นต่างหยุดการสนทนากันไป และย้ายความสนใจทั้งหมดไปยังด้านหน้า ในการประมูลแต่ละปี สมบัติหายากจะปรากฏขึ้น บางอย่างอาจจะถูกมาจากศิษย์ของสามนิกาย และอาจจะมีบางชิ้นที่ได้รับการส่งมาจากระดับที่สูงกว่า และรายการเหล่านั้นย่อมมีมูลค่าสูงมาก ดังนั้นศิษย์ทั้งหลายจึงให้ความสนใจการประมูลนี้
“สมบัติชิ้นแรก ที่จะทำการประมูล เป็นจิตอสูรสายเลือดมังกรที่ระดับการเติบโตในระดับระดับมหัศจรรย์ สายเลือดมังกรปฐพีกระหายเลือด”
‘ฉินเยี่ย’กล่าวพร้อมยิ้มเบาๆ
‘เนี่ยหลี่’และ’กู้เบ่ย’ ต่างมีท่าทีเรียบเฉยแน่นอนจิตอสูรดวงนี้เป็นพวกเขานั่นเองที่ส่งเข้าประมูล
จิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้าเป็นสิ่งล้ำค่ามากภายในสามนิกายหลัก มากจนไม่สามารถที่จะนำออกมาประมูลได้ และระดับต่ำกว่านั้นคือระดับมหัศจรรย์
ด้วยที่มันระดับการเติบโตในระดับระดับมหัศจรรย์มันจึงมีค่าเป็นอย่างมาก มีบางจำพวกอย่างเช่น ‘หลี่ชิงอวิ๋น’ และ ‘เยี่ยเชียน’เท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ได้ครอบครอง เนื่องจากตระกูลของพวกเขาเท่านั้นที่จะมีความแข็งแกร่งพอที่จะมีจิตอสูรหายากเหล่านี้ไว้ครอบครอง และสืบเนื่องจากที่พวกมันหายากจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีคนนำมันมาขาย
หลายคนที่มาจากตระกูลต่างๆ การได้พบจิตอสูรสายเลือดมังกรที่ระดับการเติบโตในระดับระดับมหัศจรรย์ เป็นความโชคดีเลยไม่น้อย
การแข่งขันการประมูลราคาจึงเข้มข้นพอตัว
“หนึ่งหมื่นก้อนศิลาจิตวิญญาณ!”
“หนึ่งหมื่นหนึ่งพันก้อนศิลาจิตวิญญาณ!”
“หนึ่งหมื่นหนึ่งพันห้าร้อยก้อนศิลาจิตวิญญาณ!”
“หนึ่งหมื่นสองพันก้อนศิลาจิตวิญญาณ!”
ทุกคนต่างทำการประมูลกันอย่างไม่ยอมใคร แต่’หลงเทียนหมิง’และ’เหยียนหยาง’ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่นัก แน่นอนนี่เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่ต้องการ พวก’เยี่ยเชียน’และ’หลีชิงอวิ๋น’ก็ได้รับจิตอสูรที่มีการเจริญเติบโตระดับมหัศจรรย์นี้นานแล้ว
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ร่วมการประมูล เนื่องจากมีอยู่แล้วจึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีเพิ่ม
แต่ก็ยังมีผู้เข้าร่วมประมูลอีกเป็นจำนวนมาก ทำให้ราคาของมันขยับเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งสะท้อนให้เห็นการแข่งขันที่รุนแรงอย่างแท้จริง
แปลโดย…คนรักของมูมู่
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: