I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 314 กระบี่

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 2537 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

ถ้าหากมีผู้ใดขึ้นไปบนเวที ในตอนนี้ พวกเขาจักต้องไร้รับเสียงเย้ยหยันจากผู้ชมเป็นแน่

เมื่อดูเหมือนว่าจะไม่มีผู้ใดที่กล้าที่จะอาสาออกมา ‘ฉินเยี่ย’ คงต้องจบงานเพียงเท่านี้

แต่ทันใดนั้นเอง’เนี่ยลี่’ก็ได้ลุกขึ้น เขายิ้มแบบไม่ตั้งใจ พร้อมกับพูดว่า

“ข้าขอลองดูจะได้หรือไม่?”

ทั่วทั้งห้องโถงสงบเงียบในทันที ทุกคนต่างจับจ้องมาที่’เนี่ยลี่’

เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

เด็กคนนี้คือใครกัน?

ยังมีคนที่กล้าออกไปแสดงฝีมือหลังจากที่ได้เห็น ‘เหยียนหยาง’ ‘หมิงเยี่ย วู่ซวง’ กับ’หลงเทียนหมิง’ แสดงฝีมืออีกงั้นหรือ

“เจ้าเด็กผู้นี้คือใครกัน? เขาคงเป็นคนโง่ที่ไม่รู้ว่า ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ เป็นเช่นใด”

“ข้ารู้ เขาก็คืออัจฉริยะอันดับหนึ่ง ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์”

ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่ง ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ แต่เขาก็อวดดีเกินไปที่จะท้าทายกับคนทั้งสามนั่น

‘เหยียนหยาง’ ‘หมิงเยี่ย วู่ซวง’ กับ’หลงเทียนหมิง’ พวกเขาต่างจ้องมองไปที่’เนี่ยลี่’ นี่คือสิ่งที่พวกเขาไม่ได้คาดคิดมาก่อน อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังคงสังเกตุอย่างใจเย็น โดยการพยายามดูว่า’เนี่ยลี่’นั้นมีแผนการณ์เช่นใดอยู่

‘เยี่ยเชียน’มองไปยัง’เนี่ยลี่’ ด้วยความเหยียดหยาม

‘เขาก็แค่เพียงจะแสดงความน่าสมเพชต่อหน้ายอดฝีมือ ถ้าหากว่าเนี่ยลี่นั้นจะพอมีฝีมืออยู่บ้าง เขาควรจะแสดงมันออกมาก่อนหน้าคนทั้งสาม ก็จะไม่มีใครที่จะเยาะเย้ยเขา แต่เขากลับจะแสดงฝีมือหลังจากพวกเขา  เขาประเมินตัวเองสูงส่งเกินไปแล้ว ไม่สำคัญว่าสิ่งที่เขาจะแสดงออกมานั้นดีแค่ไหน แต่เหล่าผู้ชมก็ต้องนำไปเปรียบเทียบกับทั้งสามคนแน่นอน ’

ความคิดบางอย่างเข้ามาในหัวของ’เยี่ยเชียน’ ‘เนี่ยลี่’นั้นอาจจะต้องการแสดงฝีมือต่อหน้า’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่เขาไม่อาจจะถอยหลังกลับได้

‘เยี่ยเชียน’มองไปยัง’เซี่ยวหยิงเอ๋อ’ นางนั้นอาจจะสายตาไม่ค่อยดีนัก ถึงได้มาคบกับคนโง่เง่าเช่นนี้ แม้ว่า’เนี่ยลี่’นั้นพยายามที่จะแข่งขันกับเขา อย่างน้อยเขาก็น่าจะหาเวลาที่เหมาะสมกว่านี้

‘มู่หลงหยี่’ หัวเราะด้วยความเหยียดหยาม เจ้า’เนี่ยลี่’คิดจะท้าทายคนระดับ’เหยียนหยาง’งั้นเหรอ? เขาช่างไม่ประเมินความสามารถตัวเองเลยแม้แต่น้อย

‘หลี่ชิงอวิ๋น’ ที่นั่งอยู่ด้านข้าง จ้องมอง’เนี่ยลี่’ด้วยความประหลาดใจ

เหตุใด’เนี่ยลี่’ถึงได้จะแสดงฝีมือในเวลาเช่นนี้? ‘หลี่ชิงอวิ๋น’ รู้ดีว่า’เนี่ยลี่’นั้นทำอะไร จะต้องมีเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังในการกระทำของเขา  เขาจะต้องไม่ทำอะไรที่เป็นแค่การฉีกหน้าตัวเองเป็นแน่ เขาวางแผนอะไรอยู่กันแน่? ‘หลี่ชิงอวิ๋น’ไม่อาจที่จะละสายตาจาก’เนี่ยลี่’ได้เลยในตอนนี้

‘กู้เบ่ย’ถึงกับตกตะลึงไปชั่วครู่ แน่นอนว่าเขาไม่เชื่อเลยว่าวิถีแห่งเจตจำนงค์ของ’เนี่ยลี่’นั้น จะเหนือกว่าคนทั้งสาม แล้วเขาต้องการจะทำสิ่งใดกันแน่?

แต่ถึงอย่างไร’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ ‘ลู่เพียว’ และ’เซี่ยวซุ่ย’นั้นไม่ได้ตกใจเลยแม้แต่น้อย พวกเขาอยู่กับ’เนี่ยลี่’มาเนิ่นนาน พวกเขาตระหนักดีว่า เขาจะไม่ทำอะไรโดยที่ไม่มีจุดมุ่งหมาย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กังวลเลยว่า’เนี่ยลี่’จะทำอะไรที่น่าขายหน้า

ในอีกด้านหนึ่ง ‘หลงยู่อิน’ เป็นคนหนึ่งที่จ้องมอง’เนี่ยลี่’ด้วยความประหลาดใจ

นับตั้งแต่ที่’เนี่ยลี่’ได้ชี้แนะนาง นางรับรู้ได้ว่าการบ่มเพาะพลังของเขา รวมไปถึงวิถีแห่งเจตจำนงค์ของเขาไม่อาจที่จะประเมินค่าได้
แม้ว่านางเองจะคิดว่า’เนี่ยลี่’ไม่อาจที่จะเอาชนะคนทั้งสามได้

แต่จากที่ผ่านมา นางก็ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในความแข็งแกร่งของเขา และวิถีในเจตจำนงค์ของเขาก็เช่นกัน แต่ทำไม’เนี่ยลี่’ถึงได้เลือกช่วงเวลาเช่นนี้ มันได้สร้างความอยากรู้อยากเห็นแก่’หลงยู่อิน’เป็นอย่างมาก

‘เนี่ยลี่’เดินไปตบไหล่’กู้เบ่ย’พร้อมกับพูดว่า

“จงมองดูอย่างรอบคอบ ด้วยความตั้งใจทั้งหมดของเจ้า และสัมผสให้ได้ถึงเจตจำนงค์ที่ซ่อนอยู่ภายใน มันจะช่วยในการบ่มเพาะพลังของเจ้าเป็นอย่างมาก”

“ได้”

‘กู้เบ่ย’พยักหน้าตอบรับ แม้ว่าเขาจะแสดงออกมาอย่างเรียบเฉย

ในใจของ’หลงยู่อิน’นั้นตกใจเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำพูดของ’เนี่ยลี่’ นางยังคงนิ่งและแสดงออกอย่างจริงจัง นางต้องการจับจ้องดูว่า’เนี่ยลี่’จะทำสิ่งใดกันแน่ ถ้าหากมันเป็นสิ่งที่’กู้เบ่ย’สามารถเข้าใจได้ เหตุใดนางจะทำไม่ได้หล่ะ?

‘เยี่ยเชียน’ กับ ‘มู่หลงหยี่’ พ่นลมหายใจด้วยความเหยียดหยัน ‘เนี่ยลี่’นั้นไม่ได้พิจารณาถึงความโง่เงาของตัวเองเลยแม้แต่น้อย

‘หลี่ชิงอวิ๋น’จ้องมอง’เนี่ยลี่’ ด้วยความแปลกใจ และความคาดหวังของเขาก็สูงมากขึ้น ‘เนี่ยลี่’หันหลังกลับและเดินไปหา’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ และความสนใจของคนอื่นก็มุ่งไปที่เขา

สายตาทุกคู่ที่อยู่ในห้องโถงด้านข้างนี้ต่างจับจ้องมายัง’เนี่ยลี่’ รวมไปถึงสายตาของทั้งสามคนก่อนหน้านี้ พวกเขาอดที่จะกลั้นหัวเราะไม่ได้ เมื่อพวกเขาต่างตระหนักดีว่า’เนี่ยลี่’นั้นยังไม่บรรลุแม้แต่ระดับชะตาสวรรค์ แล้วความเข้าใจที่เขามี จะเป็นวิถีแห่งเจตจำนงค์ใดกันแน่?

‘ฉินเยี่ย’มองดู’เนี่ยลี่’พร้อมกับยิ้มหวาน

“ศิษย์น้องผู้นี้ยังคงเด็กนัก แต่เมื่อเจ้าต้องการที่จะแสดงทักษะของเจ้าให้เราได้เห็น ความกล้าหาญของเจ้านี้น่ายกย่องนัก แต่เราก็ไม่อยากที่จะให้เจ้าฝืนทำอะไรมากเกินไปเช่นกัน”

มีเสียงหัวเราะระเบิดที่ด้านล่างเวที เห็นได้ชัดว่า’ฉินเยี่ย’นั้นได้หาหนทางถอยให้กับ’เนี่ยลี่’

‘เนี่ยลี่’นั้นไม่ได้แสดงออกถึงความตื่นตระหนกต่อเวทีเลยแม้แต่น้อย เขาตอบกลับอย่างใจเย็นว่า

“ก่อนหน้านี้มีคนเขียนคำว่า情 ชิง : รัก ข้านั้นหาได้มีทักษะที่พิเศษใด แต่ข้าก็อยากที่จะแสดงความโง่เขลาของตัวเองด้วยการเขียนอักษรเช่นกัน”

การแสดงออกบนใบหน้าของ’เยี่ยเชียน’นั้นสามารถเข้าใจได้ในทันที ‘เนี่ยลี่’ตั้งใจที่จะมุ่งเป้ามาที่เขา โง่เง่ายิ่งนัก ถ้าหาก’เนี่ยลี่’ต้องการที่จะแข่งขันกับเขา เขาก็ควรที่จะทำมันก่อนที่ ‘เหยียนหยาง’และอีกสองคนที่เหลือจะแสดงฝีมือ ไม่ใช่เรื่องที่ดีที่เขาทำเช่นนี้

ด้วยความจริงที่ว่าการแสดงหลังจากคนพวกนั้นแล้ว มั่นใจเลยว่าอย่างไรเสียเขาก็ต้องถูกเย้ยหยันเป็นแน่

ถึงแม้ว่า’เนี่ยลี่’ต้องการที่จะแข่งขันกับ’เยี่ยเชียน’ แทนที่จะเป็นพวกเขาทั้งสาม มันก็เป็นเหตุผลที่รับได้เช่นกัน

‘เนี่ยลี่’กวาดสายตามองเหล่าคนที่อยู่รอบ ๆ พร้อมกับยิ้มแล้วพูดว่า

“ตัวอักษรนี้ข้าขอมอบให้เป็นของขวัญสำหรับผู้ที่มีชะตาต้องกันกับมัน”

ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงนี้ต่างจ้องหน้ากัน เขาไม่รู้ว่า’เนี่ยลี่’คิดจะทำสิ่งใดกันแน่ ในหมู่คนที่รวมกันอยู่ในห้องโถงนี้ ล้วนเป็นอัจฉริยะที่เก่งกาจของสำนักใหญ่ทั้งสาม ผู้ใดกันที่จะต้องการคำชี้แนะจากเขา? เหล่าฝูงชนเพียงแต่รอที่จะหัวเราะเยาะกับเรื่องตลกที่’เนี่ยลี่’กำลังทำเสียมากกว่า

‘เนี่ยลี่’เดินไปที่โต๊ะ หยิบพู่กัน จากนั้นก็เริ่มลงมือเขียน

ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยววิถีแห่งเจตจำนงค์ที่แผ่กระจายออกมาจากร่างกายของ’เนี่ยลี่’แม้แต่น้อย เขาเป็นเฉกเช่นคนธรรมดาทั่วๆไป
แต่อย่างน้อยทุกคนก็จับจ้องจังหวะการสะบัดพู่กันของเขา ทุกคนต่างตกตะลึงและจ้องหน้ากัน

จุดประสงค์ของการจัดแสดงนี้มิใช่การแสดงทักษะการเขียนอักษรธรรมดา แต่เป็นการแสดงความเข้าถึงวิถีแห่งเจตจำนงค์ ‘เนี่ยลี่’นั้นแทบจะไม่มีกลิ่นอายใด ๆ แผ่ออกมาในขณะที่เขาตั้งใจเขียนตัวอักษรเลย เรียกได้ว่าข้อความที่เขาเขียนนั้นไม่ได้มี วิถีแห่งเจตจำนงค์เลยแม้แต่น้อย

“เจ้าหนุ่มนี่โง่เง่ายิ่งนัก?”

“ข้าพูดตามจริงเลยนะ เจ้าคนโง่เง่าผู้นี้มาจากที่ใดกัน?”

เหล่าฝูงชนต่างพูดคุยกันเอง ในตอนแรกพวกเขาก็มีความกังวลว่าเขาอาจจะมอง’เนี่ยลี่’ผิดไป แต่ในตอนนี้ที่พวกเขาได้จับจ้อง’เนี่ยลี่’ เขายังคงยืนอยู่ที่นั่นด้วยความสงบ เขียนตัวอักษรที่ไร้ซึ่งวิถีแห่งเจตจำนงค์ใดๆ จากตัวของเขา  ไม่มีการสั่นไหวใดๆแม้แต่น้อย

เขาคิดจริงๆหรือว่านี่เป็นแค่เพียงการแสดงทักษะการเขียนอักษรทั่วๆไป หรือว่าเขากำลังเล่นตลกอันใดอยู่?

ใบหน้าของ’มู่หลงหยี่’เป็นสีแดงพร้อมกับเสียงหัวเราะของเขา

“สมองของเจ้านี่คงจะต้องเละเทะเป็นแน่ การประลองนี้เป็นเรื่องของการเข้าถึงวิถีแห่งเจตจำนงค์ แล้วนี่เขาบรรลุถึงสิ่งใดกันถึงทำได้แค่เพียงเขียนตัวอักษร?”

‘เยี่ยเชียน’เผยรอยยิ้มเล็กน้อยโดยที่มิได้หัวเราะออกมา ‘เนี่ยลี่’นั้นก็แค่จะแสดงเรื่องตลกเท่านั้น ช่างกระจอกยิ่งนักเมื่อเทียบกับตัวของเยี่ยเชียน

คนอื่น ๆที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกันต่างหันไปมอง’มู่หลงหยี่’ ก่อนที่จะหันกลับไปที่เวที แทบไม่มีใครกระพริบตา หรือละสายตาไปจากเวทีได้เลย ทุกคนต่างก็ต้องการที่จะรู้ว่า’เนี่ยลี่’เขียนถ้อยคำใดลงไป และสิ่งที่เขาพูดไว้หมายถึงสิ่งใดกัน

‘ถ้อยคำนี้จะมีความหมายกับคนที่มีชะตาต้องกันกับมัน’

แม้แต่’หลงยู่อิน’นางเองก็รู้สึกหงุดหงิดอยู่เล็กน้อย นางไม่อาจที่จะทำให้ใจตัวเองสงบไปได้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น กระตุ้นให้นางเฝ้าดูอย่างไม่ละสายตา หรือว่าเขาจะคิดจริง ๆว่านี่เป็นเพียงการแสดงทักษะการเขียนอักษรของเขาเท่านั้น?

นางรู้ดีว่า’เนี่ยลี่’จะต้องเข้าใจว่าทำสิ่งใดอยู่ จักต้องเป็นสิ่งที่เขาต้องการแสดงออกมา

ส่วน’กู้เบ่ย’นั้นตาของเขาจับจ้องไปที่’เนี่ยลี่’ที่อยู่บนเวที ขอบคุณสำหรับคำพูดของ’เนี่ยลี่’ก่อนหน้านี้ มันทำให้เขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง

‘ฉินเยี่ย’ไม่อาจที่จะทนเห็น’เนี่ยลี่’แสดงความโง่เขลาไปมากกว่านี้ นางจึงได้เตือนเขาอีกครั้ง

“ศิษย์น้อง การแสดงนี้ พวกเราแข่งขันกันด้วยการบรรจุวิถีแห่งเจตจำนงค์ไปยังตัวอักษรที่เขียนขึ้นมา หาใช่การแสดงทักษะการเขียนอักษรเท่านั้นนะ ”

แต่ถึงอย่างไร’เนี่ยลี่’ ก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา การแสดงออกของเขายังคงสงบนิ่งและไร้กลิ่นอายใด ๆ แม้แต่ในขณะที่ข้อมือของเขากำลังสะบัดพู่กันเขียนตัวอักษรอย่างแม่นยำ ลากไปทีละเส้น ทีละเส้น เป็นตัวอักษรโบราณที่ซับซ้อนปรากฏอยู่บนหน้ากระดาษ จากนั้นก็ตวัดพู่กันเป็นครั้งสุดท้าย

“ตัวอักษรของข้านั้นเสร็จสมบูรณ์แล้ว”

‘ฮินเยี่ย’มองไปที่กระดาษนั้น และเห็นตัวอักษรโบราณที่ซับซ้อนยิ่งนัก แม้ว่านางจะไม่เคยเห็นมาก่อน แต่นางก็อ่านได้จากรูปร่างของมัน “剑” เจี้ยน : กระบี่ ในแง่ของการเขียนอักษร ก็นับว่าสวยงามนัก ประกอบไปด้วยลายเส้นที่แข็งแรงและจังหวะการลากเส้นที่เป็นจังหวะ ช่างเที่ยงตรงและแข็งแกร่งยิ่ง แต่อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงแค่ตัวอักษรธรรมดา “กระบี่”  แต่มันมิได้มีวิถีแห่งเจตจำนงค์อยู่เลยแม้แต่น้อย

‘ฉินเยี่ย’อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าและถอนหายใจ นางคิดว่า’เนี่ยลี่’อาจจะทำให้นางประหลาดใจก็เป็นได้ แต่มิได้เป็นเช่นนั้นเลย

สมองของ’เนี่ยลี่’คงจะไม่ได้เละเทะจริงๆนะ ปกติในสำนวนจีนมักจะ เรียกคนไม่ฉลาดว่า สมองเต้าหู้ สมองเละเทะ คือเต้าหู้ที่เละเป็นน้ำ คือโง่กว่าคนสมองเต้าหู้อีกขั้นหนึ่ง นี่เขาคิดจะแสดงความโง่ของตนเองออกมาจริง ๆเหรอ? โดยปกติเวลาจะแสดงอะไร คนจีนมักจะบอกว่า ขอแสดงความโง่เขลา เป็นการแสดงออกถึงความถ่อมตน มิได้หมายถึงเช่นนั้นจริง ๆ

แต่ถึงอย่างไร ‘ฉินเยี่ย’ก็ยังคงมีมารยาทอยู่ ดังนั้นจากจึงยกตัวอักษรที่’เนี่ยลี่’เขียนให้ฝูงชนดู ‘ฉินเยี่ย’รู้ดีว่าสถานการณ์นี้มันน่าขบขัน นี่มันคือการแสดงอะไรกัน? แค่การเขียนอักษรธรรมดาเช่นนั้นเหรอ?

แม้ว่า’เนี่ยลี่’จะเขียนตัวอักษรของเขาเสร็จแล้ว แต่มันมิได้มีวิถีแห่งเจตจำนงค์อยู่เลย ผู้อื่นจะประเมินมันเช่นใดกัน?

เหล่าลูกศิษย์ที่อยู่ด้านล่างต่างก็จ้องหน้ากัน พูดคุยกันเล็ก ๆน้อย ๆ นี่เป็นการเขียนอักษรธรรมดาเท่านั้น ถ้าหากพวกเขาไม่ข่มใจเอาไว้ พวกเขาคงจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาแล้ว

เมื่อ’หลงเทียนหมิง’มองตัวอักษรนั้น มุมปากของเขาขดขึ้นเล็กน้อย เดิมทีเขาคิดว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่ง ในกลุ่มคนรุ่นใหม่
แต่ตอนนี้เขาคิดว่าคนเช่นนี้มิใช่ อัจฉริยะ จริง ๆควรจะเรียกว่าคนงี่เง่าเสียมากกว่า และการกระทำเช่นนี้ เป็นการทำให้นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ขายหน้ายิ่งนัก

‘หลงเทียนหมิง’มองไปดูเพียงครู่เดียว  จากนั้นก็ไม่หันกลับไปดูครั้งที่สองอีกเลย

‘เยี่ยเชียน’หัวเราะ

“ข้าคิดว่าศิษย์น้องเนี่ยลี่คงจะต้องสับสนอยู่เป็นแน่! ข้านั้นคงต้องยอมรับว่าทักษะการเขียนอักษรของข้านั้นไม่อาจเทียบเขาได้
แต่นี่เป็นเพียงแค่ตัวอักษรธรรมดาเท่านั้นมิใช่เหรอ? ”

คำพูดของ’เยี่ยเชียน’นั้นเต็มไปด้วยคำเยาะเย้ย

“แม้แต่ศิษย์พี่เยี่ยเชียนยังต้องยอมรับความพ่ายแพ้ ศิษย์น้องเนี่ยลี่ ความสามารถในการเขียนอักษรของเจ้าอยู่ในระดับสูงยิ่งนัก! ”

‘มู่หลงหยี่’ หัวเราะกึกก้อง ในใจของเขา นั้นดูถูกว่า’เนี่ยลี่’นี่ช่างงี่เง่าเหลือเกิน

‘หลงยู่อิน’ ตั้งใจพินิจดูตัวอักษรในมือของ’ฉินเยี่ย’อย่างตั้งใจ แต่ไม่ว่านางจะพยายามจ้องมองดูสักเท่าใด มันก็เป็นเหมือนถ้อยคำธรรมดาสำหรับนางเท่านั้น นางอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเลยทีเดียว ถ้อยคำของ’เนี่ยลี่’มิได้มีวิถีแห่งเจตจำนงค์ใด ๆเลยแม้แต่น้อย

ดวงตาของ’กู้เบ่ย’ก็จับจ้องไปที่อักษร คิ้วของเขาก็แทบจะไม่ขยับเช่นกัน  เหล่าศิษย์ส่วนใหญ่ต่างก็พูดคุยกันเอง ต่างก็เยาะเย้ยกับ’เนี่ยลี่’ที่ทำอะไรไร้สาระเช่นนี้

‘เนี่ยลี่’กวาดสายตามองฝูงชนอย่างใจเย็น ด้วยการแสดงออกของทุกคนนั้น ต่างก็จับจ้องมาที่เขาด้วยความดูถูก ‘เนี่ยลี่’นั้นสนใจการแสดงออกของ ‘เหยียนหยาง’กับ’หมิงเยี่ย วู่ซวง’เป็นพิเศษ

‘หมิงเยี่ย วู่ซวง’ นั้นมิได้สงบเสงี่ยมเช่นเคยในขณะที่จ้องมองดู คิ้วของนางแทบไม่กระดิกเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่านางกำลังขบคิดปัญหาที่ยากมากอยู่

ดวงตาของ’เยียนหยาง’นั้นเป็นประกายและมีร่องรอยของความประหลาดใจ  ชื่นชม และ สับสน คิ้วของเขาถึงกับขมวดไม่ขยับอยู่ชั่วครู่  จากนั้นก็คลายออก และจากนั้นก็ขมวดอีกครั้ง

แปลโดย นายมะพร้าว

คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments