ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปเมื่อทุกคนได้เห็นคำว่า “กระบี่” ของ’เนี่ยลี่’ ทุกคนไม่อาจที่จะสัมผัสความลึกซึ้งใด ๆ ที่แฝงอยู่ภายในได้ พวกเขาไม่รับรู้ถึงร่องรอยวิถีแห่งเจตจำนงค์แม้แต่น้อย
แม้ว่าจะมีบางส่วนที่ข่มใจฝืนมิให้หัวเราะ แต่ก็มีบางคนที่หัวเราะออกมาบ้าง ด้วยความจริงที่ว่า’เนี่ยลี่’นั้นได้ออกมาทำเรื่องตลกให้ตนเองขายหน้าเท่านั้น
ทันใดนั้น’กู้เบ่ย’ รู้สึกอะไรบางอย่างทำให้ดวงตาของเขานั้นเป็นประกาย
“เนี่ยลี่เป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง เขาสามารถเข้าถึงวิถีแห่งเจตจำนงค์เหนือกว่าเหยียนหยางไปมากนัก! ”
ในขณะที่’กู้เบ่ย’มุ่งเน้นความสนใจของเขาไปยังคำว่า “กระบี่” เขาสัมผัสได้ถึงเจตจำนงค์แห่งกระบี่ที่พลุ้งพล่านออกมากดทับตัวของเขาไว้ ถ้อยคำนี้มิได้บรรจุวิถีแห่งเจตจำนงค์ใด ๆลงไป แต่ทว่า วิถีแห่งเจตจำนงค์ที่ไร้ขอบเขตกลับสัมผัสได้จากมัน
นั่นเป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างที่สุด!
คำว่า “กระบี่” ที่’เนี่ยลี่’เขียนออกมามีความหมายกับ’กู้เบ่ย’มาก ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ความเข้าถึงวิถีแห่งกระบี่ของ’กู้เบ่ย’นั้น เหนือกว่าผู้อื่นยิ่งนัก ในชีวิตก่อนหน้าของ’เนี่ยลี่’นั้น ‘กู้เบ่ย’ได้เป็นยอดฝีมือในระดับเทพสงครามด้วยวิถีเจตจำนงค์แห่งกระกระบี่
ในถ้อยคำนี้ถูกบรรจุไปด้วย วิถีแห่งเจตจำนงค์ที่ไร้ขอบเขต และ แก่นแท้เจตจำนงค์แห่งกระบี่ เมื่อใดที่’กู้เบ่ย’สามารถเข้าใจคำนี้ได้ มันจะมีประโยชน์ในการบ่มเพาะพลังของเขาเป็นอย่างมาก
หลังจากได้ยินคำพูดของ’กู้เบ่ย’ ‘มู่หลงหยี่’ นั้นไม่พอใจเป็นอย่างมากและรู้สึกเย้ยหยัน
“เหนือกว่าเหยียนหยางมากนักงั้นหรือ? จะไม่เป็นการอวดดีมากไปหรือไง ไม่สำคัญหรอกว่าพวกเจ้าจะยกยอกันแค่ไหน แต่คงไม่มีใครที่เชื่อพวกเจ้า หรือว่าเหล่าอัจฉริยะของทั้งสามสำนักใหญ่ที่อยู่ในห้องโถงด้านข้างแห่งนี้ จะมีเพียงเจ้าเท่านั้นที่สามารถเข้าใจถึง วิถีแห่งเจตจำนงค์ที่ซ่อนเร้นอยู่ในข้อความนี้กัน?”
‘หลี่ชิงอวิ๋น’ พยายามตั้งใจที่จะพิจารณาคำว่า “กระบี่” ที่’เนี่ยลี่’เขียนขึ้นมา แต่ทว่าเขาไม่อาจที่จะสัมผัสได้ถึงสิ่งใด และ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ก็เช่นกัน สิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือเงียบเนื่องจากไม่มีถ้อยคำใดจะโต้แย้งคำพูดของ’มู่หลงหยี่’
มีเพียง’กู้เบ่ย’เท่านั้น แต่พวกเขารู้ดีว่าเขาไม่ใช่คนที่พูดอะไรโดยไม่คิด ดังนั้นพวกเขาจึงมุ่งเน้นความสนใจไปที่คำว่า “กระบี่” พยายามที่จะเรียนรู้อะไรบางอย่างจากมัน
‘กู้เบ่ย’หัวเราะเยาะอย่างดูถูก
“พวกเจ้าอยากพูดสิ่งใดก็ตามที่พวกเจ้าต้องการ ข้าไม่สนใจสักนิด ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ถ้าหากพวกเจ้าไม่อาจที่จะเข้าถึง เจตจำนงค์แห่งกระบี่ขั้นสูงสุด ที่แฝงอยู่ในถ้อยคำนี้ ก็เท่ากับว่าพวกเจ้านั้นได้พ่ายแพ้ไปแล้ว!”
‘หลงยู่อิน’ถึงกับขมวดคิ้วของนางเล็กน้อย คำว่า “กระบี่”ที่’เนี่ยลี่’เขียนขึ้นมามีเจตจำนงค์แห่งกระบี่ขั้นสูงสุด อยู่จริงเหรอ? ถ้าเช่นนั้นทำไม นางถึงไม่อาจที่จะสัมผัสได้ถึงวิถีแห่งเจตจำนงค์เลยแม้แต่น้อยนางจะต้องมองด้วยวิธีใดกัน หรือว่านางโง่เขลาเกินไป เหตุใด’กู้เบ่ย’ถึงได้สัมผัสถึงอะไรบางอย่าง แต่ทำไมนางไม่อาจที่จะสัมผัสได้?
มีเจตจำนงค์แห่งกระบี่ ซ่อนเร้นอยู่ในตัวอักษร “กระบี่” นี้เช่นนั้นเหรอ เมล็ดแห่งความอยากรู้อยากเห็นถูกปลูกฝังขึ้นมาในใจของ’หลงยู่อิน’ และนางคงจะอัดอั้นจนตายหากไม่ได้ไขความใคร่รู้นั้น
‘เยี่ยเชียน’นั้นพยายามที่จะศึกษาตัวอักษรนั้นโดยใช้เวลาอยู่ไม่น้อย แต่เขาก็มิได้สัมผัสถึงเจตจำนงค์ใด ๆ แม้แต่น้อย นี่มันเรื่องพิลึกบ้าบออะไรกัน หรือว่า’กู้เบ่ย’นั้นเชื่อไปเอง มียอดฝีมือมากมายที่รวมอยู่ในห้องโถงด้านข้างนี้
แต่มีเพียงแค่คนที่ไม่ได้เรื่องอย่าง’กู้เบ่ย’ที่สัมผัสถึงมันได้ หรือว่าแม้แต่เหยียนหยางและพวกของเขาก็ไม่อาจจะสัมผัสถึงมันได้เลย?
มีบทสนทนาที่หลากหลายและต่อเนื่องในห้องโถงแห่งนี้ แต่บางคนก็มีเพียงแค่คำเยาะเย้ยถากถากเท่านั้น
สายตาของทุกคนนั้นต่างจับจ้องไปที่ ‘เหยียนหยาง’ ‘หมิงเยี่ย วู่ซวง’ และ’หลงเทียนหมิง’ สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับการประเมินค่าตัวอักษร จากทั้งสามคนนี้ ถ้าหากว่าพวกเขาไม่อาจที่จะสัมผัสถึงวิถีแห่งเจตจำนงค์ใด ๆจากมันได้ ‘เนี่ยลี่’คงจะได้รับเพียงแค่เสียงหัวเราะจริง ๆแล้ว
‘หลงเทียนหมิง’ยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับกล่าวว่า
“ศิษย์น้องเนี่ยลี่ ตัวอักษรที่เจ้าเขียนนี้ แน่นอนว่ามันงดงามมาก ในแง่ของการเขียนอักษรเท่านั้นซึ่งนับว่าสูงส่งไม่น้อย แต่ถึงอย่างไร ข้าไม่อาจที่จะสัมผัสได้ถึงวิถีแห่งเจตจำนงค์ ใด ๆจากมันเลย ถ้าพิจารณาดูแล้ว จากเรื่องที่ว่ามา คำว่า “รัก” ที่เขียนมาก่อนหน้านี้ยังนับว่าเหนือกว่านี้เสียอีก”
หลังคำพูดของ’หลงเทียนหมิง’ เหล่าฝูงชนก็อดคิดไม่ได้ว่า’เนี่ยลี่’ นั้นจงใจที่จะทำให้เป็นเรื่องลึกลับ ที่แม้แต่’หลงเทียนหมิง’ยังไม่อาจสัมผัสได้ถึงวิถีแห่งเจตจำนงค์ใด ๆ นั่นก็พิศุจน์ได้แล้วว่า มันเป็นเพียงแค่ตัวอักษรธรรมดาเท่านั้น
‘เนี่ยลี่’นั้นไม่ต้องการที่จะให้’หลงเทียนหมิง’นั้น เข้าใจถึงเจตจำนงค์แห่งกระบี่ขั้นสูงสุดจากตัวอักษรของเขาอยู่แล้ว เมื่อเขาได้ยินคำพูดของ’หลงเทียนหมิง’แล้ว เขาถอนใจด้วยความโลงอกจากนั้นเขาก็ยิ้ม พร้อมกับพูดออกไปว่า
“อันที่จริงนี่ก็เป็นเพียงแค่การเขียนตัวอักษรธรรมดาเท่านั้น ในเมื่อศิษย์พี่หลงและคนอื่น ๆไม่อาจสัมผัสได้ถึงสิ่งใดจากมัน จงลืมมันไปเสีย แล้วข้าจะนำตัวอักษรของข้าไปจากที่นี่”
‘เนี่ยลี่’นำตัวอักษรที่เขียนมาจาก’ฉินเยี่ย’ เขาเป็นกังวลว่าถ้าหากให้โอกาส’หลงเทียนหมิง’ได้มองนานกว่านี้ ‘หลงเทียนหมิง’อาจจะเริ่มทำความเข้าใจในบางสิ่งจากมันได้
เหตุผลเดียวที่’กู้เบ่ย’สามารถเข้าใจมันได้ อาจจะเป็นเพราะเขาได้ติดต่อคบหากันเช่นสหายกับ’เนี่ยลี่’ในช่วงนี้ เขาจึงได้รับอิทธิพลจากกลิ่นอายของเนี่ยผ่านจิตใต้สำนึก นอกจากนี้ ‘กู้เบ่ย’นั้นมีเจตจำนงค์แห่งกระบี่เกินกว่า’หลงเทียนหมิง’เสียอีก
ไม่ว่าผู้ใดก็ตามต้องมีสิ่งที่เขาเชี่ยวชาญ แต่คงไม่อาจมีผู้ใดที่จะก้าวล้ำ’กู้เบ่ย’ในวิถีแห่งกระบี่ได้
เมื่อ’เนี่ยลี่’นำตัวอักษรที่เขียนมาจาก’ฉินเยี่ย’เสียงของ’เหยียนหยาง’ก็ดังขึ้นมาเพื่อหยุดเขาทันที
“ช้าก่อน”
ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงด้านข้างนี้ มองไปที่’เหยียนหยาง’ด้วยความงุนงง เขามองดูสับสนเล็กน้อย เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่?
‘เหยียนหยาง’นั้นแทบจะไม่ได้พูดคุยอะไรหลังจากที่เข้ามาในห้องโถงด้านข้างนี้ เขาเอ่ยปากพูดเพียงแค่ไม่กี่คำ จู่ ๆ เขาก็พูดกับ’เนี่ยลี่’ จึงทำให้ทุกคนรู้สึกไม่คาดคิดมาก่อน คิ้วของเขาขมวดแน่นเมื่อ’เหยียนหยาง’มองดู คำว่า “กระบี่” ในตอนแรกนั้น เขามีความรู้สึกแปลกๆ เมื่อเขามีสมาธิจดจ่ออยู่กับมัน เขารับรู้ได้ว่า ถ้อยคำนี้มีความลึกซึ้งอย่างไร้ที่สิ้นสุด หลังจากที่เขาขมวดคิ้วขบคิดอยู่นั้น เขาก็สัมผัสได้ถึงวิถีแห่งเจตจำนงค์ที่บ้าคลั่งพุ่งเข้าหาเขา และพยายามที่จะกลืนกินเขา
ยิ่ง’เหยียนหยาง’พยายามที่จะพินิจตัวอักษรนี้มากขึ้นเท่าใด เขาก็ยิ่งประหลาดใจมากขึ้นไปเท่านั้น ยิ่งคิดว่าเด็กคนนี้สามารถเข้าถึง เจตจำนงค์แห่งกระบี่ได้ลึกซึ้งถึงเพียงนี้ เมื่อเทียบกับวิถีเจตจำนงค์แห่งกระบี่ขั้นสูงสุดแล้ว การเล่นหมากล้อมที่เขาได้แสดงไปนั้นนับว่าด้อยกว่ายิ่งนัก
‘เหยียนหยาง’นั้นจมอยู่กับเจตจำนงค์แห่งกระบี่ที่ไร้ที่สิ้นสุด มันเกินกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก มีความเป็นไปได้มากมาย ที่แฝงอยู่ในเจตจำนงค์แห่งกระบี่นี้ เปรียบกับตัวเขาก็แค่หยดน้ำเล็ก ๆ ที่ร่วงหล่นลงในมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ ที่อยู่ในเอกภพนี้
ภายใต้สายตาที่งุนงงของเหล่าฝูงชน ‘เหยียนหยาง’สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วจ้องมอง’เนี่ยลี่’ เดิมทีนั้นเขาคิดว่า วิถีแห่งเจตจำนงค์
ที่เขามีนั้นเพียงพอที่จะกำหราบเหล่ายอดฝีมือในรุ่นของเขาได้แต่ในตอนนี้ที่เขาได้จับจ้องตัวอักษรดังกล่าว ทำให้เขานั้นได้ตระหนักว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า ย่อมจะมีผู้ที่แข็งแกร่งกว่าอยู่เสมอ
‘เนี่ยลี่’นั้นถึงแม้จะเป็นแค่เด็ก แต่กลับสามารถเข้าใจอย่าลึกซึ้งในเจตจำนงค์แห่งกระบี่ภายหลังที่’เหยียนหยาง’ได้เรียก’เนี่ยลี่’ เขาก็ยังจ้องมองอยู่ที่ตัวอักษรนั้น
‘หลงเทียนหมิง’อดที่จะทำหน้ามุ่ยไม่ได้ต่อการแสดงออกของ’เหยียนหยาง’ ตัวอักษรของเนี่ยลี่นั้นมีอะไรที่ลึกซึ้งแฝงอยู่เช่นนั้นหรือ? ‘หลงเทียนหมิง’หันกลับไปที่เวลาทีพร้อมกับ คิ้วขมวด พยายามที่จะเพ่งมองหาอะไรบางอย่างจากมัน
ดวงตาของ’หมิงเยี่ย วู่ซวง’ยังคงจับจ้องไปยังตัวอักษรในมือของ’เนี่ยลี่’ นางไม่อาจที่จะเข้าใจได้มากเท่ากับที่’เหยียนหยาง’สัมผัสได้ แต่นางก็ตระหนักได้ว่าตัวอักษรนี้แฝงอะไรที่ลึกซึ้งบางอย่าง นางรับรู้ได้ว่าตัวอักษรนี้มีเจตจำนงค์แห่งกระบี่ที่ลึกล้ำยิ่งกว่าห้วงทะเล แต่เมื่อนางพยายามที่จะเพ่งมองจับจ้องเข้าไปใกล้ ๆ นางก็ไม่อาจที่จะก้าวย่างไปได้มากกว่านั้น
เหล่าอัจฉริยะ ที่อยู่ในห้องโถงด้านข้างแห่งนี้เฝ้าสังเกตุทั้งสามคน และก็ต่างประหลาดใจยิ่งนัก จากนั้นพวกเขาก็หันไปมองตัวอักษรที่อยู่ในมือของ’เนี่ยลี่’ อาจจะเป็นไปได้ว่ามีอะไรที่ล้ำลึกแฝงอยู่ภายในมันงั้นหรือ? ถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้น ทั้งสามคนคงไม่มีท่าทีเช่นนี้เป็นแน่
‘เหยียนหยาง’จ้องมองตัวอักษรที่ถูกเขียนขึ้นอย่างเงียบๆด้วยความรู้สึกที่ว่างเปล่า
ในตอนนี้ ‘เนี่ยลี่’นั้นได้เข้าใจดีเลยว่า ‘เหยียนหยาง’นั้น จมอยู่กับตัวอักษรที่แฝงเจตจำนงค์แห่งกระบี่อย่างล้ำลึกอยู่เป็นแน่
ตัวอักษรที่’เนี่ยลี่’เขียนขึ้นมานั้น มาจากอักษรโบราณ โดยผู้ที่มีความเชี่ยวชาญอย่างสูงสุด จากตำราหมื่นสวรรค์เจตจำนงค์ที่เที่ยงแท้ โครงสร้างของมันมาจากเจตจำนงค์ที่ไร้ที่สิ้นสุดของผู้เชี่ยวชาญนั้น คำว่า “กระบี่” ที่’เนี่ยลี่’นั้นเขียนขึ้นมาเป็นตัวแทนที่นับได้ว่า เป็นแค่พื้นฐานของพื้นฐานเท่านั้น แต่ก็เพียงพอแล้วสำหรับยอดฝีมืออย่าง’เหยียนหยาง’ เขาอาจจะเข้าใจมันได้ในแค่ไม่กี่วันกี่คืนเท่านั้น
ด้วยตัวอักษรเพียงหนึ่งตัวนี้ แต่ละคนอาจจะเข้าถึงเจตจำนงค์ที่ต่างกัน และบางคนอาจจะเข้าใจเคล็ดวิชาลับแห่งกระบี่อันลึกซึ้งจากมันก็เป็นได้
ถ้าหากว่า’เหยียนหยาง’ต้องการที่จะทำความเข้าใจจากมัน อาจจะต้องใช้เวลาอีกหลายวันเป็นอย่างน้อย
อย่างไรก็ตาม’เนี่ยลี่’ไม่ต้องการที่จะให้’หลงเทียนหมิง’ เข้าใจในทุกสิ่งที่เกี่ยวกับมัน
“ตัวอักษรนี้มีเจตจำนงค์ที่แท้จริงแฝงอยู่ โดยที่มิได้เขียนวิถีแห่งเจตจำนงค์ใด ๆ ลงไป มันเป็นเพียงแค่ตัวอักษร หลังจากที่ข้าได้เขียนมันขึ้นมาให้ทุกคนได้ดูในวันนี้ สำหรับคนที่สามารถเข้าใจบางสิ่งบางอย่างจากมันได้ ก็แปลว่าคนผู้นั้นมีชะตาต้องกันกับมัน ”
‘เนี่ยลี่’ยิ้มเล็กน้อยแล้วม้วนกระดาษเก็บ
“อย่างไรก็ตาม ขอให้มันจบลงเพียงเท่านั้น!”
‘เหยียนหยาง’รู้สึกผิดหวังในขณะที่มองดู’เนี่ยลี่’ม้วนเก็บตัวอักษร ถ้าหากมีเวลาที่ได้มองดูอีกไม่กี่วัน ก็นับว่าคุ้มกับเวลา เข้ามั่นใจว่าเขานั้นจะต้องเข้าถึงเจตจำนงค์ที่แท้จริงของมันได้ และแน่นอนว่ามันจะต้องเป็นประโยชน์ต่อการบ่มเพาะพลังของเขาเป็นแน่
โดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด ‘เหยียนหยาง’ ก็ยังรู้สึกตกใจกับสิ่งที่ได้ทำออกมา เขายืนตัวตรงพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเคารพว่า
“ขอบคุณสำหรับการชี้แนะ”
หลังจบคำพูดของ’เหยียนหยาง’ ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงนี้ต่างเงียบสนิท เหล่าคนที่หัวเราะเยาะ’เนี่ยลี่’ในก่อนหน้าอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง พวกเขายังไม่อาจอธิบายต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เพราะพวกเขาไม่อาจที่จะสัมผัสถึงสิ่งใดได้จากตัวอักษร
แต่ถึงอย่างไรคนอย่าง’เหยียนหยาง’คงไม่พูดโกหกเป็นแน่ ตัวอังษรนี้แฝงด้วยเจตจำนงค์อย่างแท้จริง แต่พวกเขาทั้งหมดไม่อาจที่จะเข้าใจได้งั้นเหรอ?
‘กู้เบ่ย’เหลือบตามอง ‘เยี่ยเชียน’กับ’มู่หลงหยี่’ ด้วยสายตาที่ดูถูก
“ข้าบอกพวกเจ้าแล้วไงว่า เจตจำนงค์ในตัวอักษรของเนี่ยลี่ มันสูงล้ำเกินกว่าสิ่งที่ทั้งสามคนได้แสดงออกมา!”
‘เยี่ยเชียน’กับ’มู่หลงหยี่’ ต่างก็ตกตะลึง ‘เยี่ยเชียน’นั้นยังคงสับสนอยู่ไม่น้อย นี่เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเกินไป ในมุมมองของเขานั้น
‘เนี่ยลี่’นั้นยังไม่แม้แต่จะบรรลุระดับชะตาสวรรค์ แล้วเหตุใดเขาถึงได้มีมีวิถีแห่งเจตจำนงค์ที่แข็งแกร่ง และในจุดนั้นยังเหนือยิ่งกว่า’เหยียนหยาง’เสียอีกไม่เพียงแค่นั้น เหตุใดเขาถึงไม่อาจสัมผัสได้ถึงเศษเสี้ยววิถีแห่งเจตจำนงค์ที่แผ่ออกมาจากตัวอักษรของ’เนี่ยลี่’ได้เลย
อย่างไรก็ตาม’เหยียนหยาง’ถึงกับยอมรับความพ่ายแพ้ คนระดับเขาแน่นอนว่าจะต้องไม่โกหกคนที่ไร้ชื่อเสียงเช่น’เนี่ยลี่’แน่ มันเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่?
คิ้วของ’มู่หลงหยี่’ถึงกับขมวดแน่น เขาก็เหมือนกับฝูงชนที่เหลือ เขาไม่รู้ว่าสิ่งใดคือหัว สิ่งใดคือหางสำหรับสถานการณ์เช่นนี้ สำนวนจีนหมายถึง ไม่รู้สิ่งใดจริง หรือ สิ่งใดเท็จ อย่างไรก็ตามเขาก็ยิ่งไม่พอใจเป็นอย่างมาก ที่ไม่อาจที่จะสัมผัสได้ถึงสิ่งที่ลึกเกินหยั่งถึงในตัวอักษรของ’เนี่ยลี่’ ด้วยความรู้สึกที่ว่าเขานั้นด้อยกว่า’เนี่ยลี่’ ทำให้เขาโกรธแค้นยิ่งนัก
อย่างไรก็ตาม ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ ทำได้เพียงเม้มริมฝีปากเผยรอยยิ้มเล็กน้อยเท่านั้น แม้ว่านางเองก็ไม่อาจที่จะสัมผัสถึงความล้ำลึกที่อยู่ในตัวอักษรของ’เนี่ยลี่’ นางก็อดที่จะภูมิใจในตัวเขามิได้ แม้แต่เหล่ายอดฝีมือในอาณาจักรซากมังกร ‘เนี่ยลี่’ก็ยังเป็นคนที่ไม่มีผู้ใดเปรียบได้ ไม่มีผู้ใดที่สามารถยืนอยู่ในระดับเดียวกับเขาได้เลย
‘หลงยู่อิน’ที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ นางกำมือของนางที่อยู่บนโต๊ะจนแน่น แม้แต่’กู้เบ่ย’ยังสามารถสัมผัสได้ถึงเจตจำนงค์ในตัวอักษรของ’เนี่ยลี่’ได้ แต่เหตุใดนางถึงไม่อาจทำได้ นี่มิได้หมายความว่านางนั้นอ่อนด้อยยิ่งกว่า’กู้เบ่ย’งั้นหรือ?
เจตจำนงค์แบบใดกันที่แฝงอยู่ในตัวอักษรของ’เนี่ยลี่’ สำหรับคนที่หมกมุ่นอยู่กับวิถีแห่งจอมยุทธ สิ่งเหล่านั้นก็เป็นสเน่ห์ที่ชวนให้หลงไหลอย่างที่ไม่มีที่สิ้นสุด นางปรารถนาที่จะรู้ว่าสิ่งที่ล้ำลึกที่แฝงอยู่ในตัวอักษรของ’เนี่ยลี่’นั้นคือสิ่งใดกันแน่!
นางไม่อาจที่จะระงับความอยากรู้อยากเห็นที่อยู่ในใจของนางได้ นางตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่าด้วยสิ่งใดก็ตาม ไม่ว่าจะต้องจ่ายไปในราคาสักเท่าไหร่ นางจักต้องเข้าใจถึงความล้ำลึกที่อยู่ในตัวอักษรของ’เนี่ยลี่’ให้จงได้
แปลโดย นายมะพร้าว
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: