ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘เนี่ยลี่’มองไปที่’กู้เบ่ย’ จากนั้นก็เอ่ยถามว่า
“เจ้าเข้าใจว่าอย่างไรบ้าง?”
ในชีวิตก่อนหน้าของ’เนี่ยลี่’ ‘กู้เบ่ย’นั้นได้ บ่มเพาะในเจตจำนงค์แห่งกระบี่ ความเข้าใจของเขาในวิถีแห่งกระบี่นั้นเรียกได้ว่าอยู่ในระดับที่สูงส่ง เหตุผลที่ว่าเหตุ’เนี่ยลี่’จึงได้ชี้แนะ ‘กู้เบ่ย’ให้ มองดูตัวอักษร “กระบี่”อย่างรอบคอบ ด้วยความตั้งใจ เพราะเขาหวังว่า’กู้เบ่ย’นั้น จะได้รับประโยชน์จากมัน
“ข้ารู้สึกได้ถึงเจตจำนงค์แห่งกระบี่อันยิ่งใหญ่ แต่ทว่า มันล้ำลึกมากเกินไป จนข้าไม่อาจที่จะทำความเข้าใจได้ทั้งหมดในคราเดียว”
ใบหน้าของ’กู้เบ่ย’เป็นสีแดงเล็กน้อยด้วยความอับอาย
มันเป็นธรรมดาที่’กู้เบ่ย’จะไม่สามารถเข้าใจมันได้อย่างถ่องแท้ เจตจำนงค์ที่แฝงอยู่ในอักษรนี้ ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถเข้าใจมันได้
ในเวลาแค่หนึ่งหรือสองวัน นอกจากนี้ความเข้าใจของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันในการรับรู้เกี่ยวกับมันดังนั้น’เนี่ยลี่’จึงไม่ได้ว่าอะไร’กู้เบ่ย’ ผู้ใดที่มีเจตจำนงค์แห่งกระบี่เหนือกว่า ก็ย่อมที่จะเข้าใจเกี่ยวกับมันได้
“ข้าจะเขียนให้กับเจ้าอีกใบหนึ่ง หลังจากที่เรากลับกันแล้ว”
‘เนี่ยลี่’พูดพร้อมกับยิ้ม
“เนี่ยลี่ ขอบใจเจ้ามาก”
‘กู้เบ่ย’กล่าวขอบคุณอย่างจริงจัง อักษรของเนี่ยลี่นั้นสามารถขายได้ถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นศิลาจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นราคาที่น่าอัศจรรย์มาก ‘กู้เบ่ย’รู้สึกว่าตนเองนั้นได้ประโยชน์จากเนี่ยไม่น้อย และเขาก็เป็นคนที่ตอบแทนผู้อื่นเสมอ สิ่งที่’เนี่ยลี่’มอบให้เขามานั้น เขาจดจำทุกอย่างเอาไว้ในใจเสมอ
“เราเป็นพี่น้องกัน เหตุใดจึงต้องเกรงใจด้วย?”
‘เนี่ยลี่’พูดพร้อมกับยิ้ม
‘หลงยู่อิน’มองดู’เนี่ยลี่’และ’กู้เบ่ย’พูดคุยกัน มีหลายจังหวะที่นางคิดจะพูดแทรกไป แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยที่นางอดกลั้นไม่เอ่ยคำพูดนั้นออกมา นางมีคุณสมบัติอันใดที่จะไปเอ่ยปากถามเรื่องตัวอักษรจาก’เนี่ยลี่’ได้
อักษรเพียงแค่ตัวเดียวของ’เนี่ยลี่’ สามารถขายได้ถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นศิลาจิตวิญญาณ นางสามารถจ่ายได้ถึงเพียงนั้นเชียวหรือ? ถ้าหากนางต้องการตัวอักษรจาก’เนี่ยลี่’ นางจะนำสิ่งใดมาแลกเปลี่ยนหล่ะ?
ความสัมพันธ์ของนางกับเขาก็ไม่อาจที่จะเรียกว่าใกล้ชิดได้เลย แตกต่างกับความสัมพันธ์ของเขากับ’กู้เบ่ย’
อย่างไรก็ตามความปราถนาในตัวอักษร ที่อยู่ในใจของนางนั้นมันมีมากขึ้น และรุนแรงยิ่งขึ้น ความอยากรู้อยากเห็นนั้นราวกับว่ามดกัดอยู่ในใจของนาง คนที่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องของการต่อสู้เช่นนาง มันยากเกินที่จะทานทน
ก่อนหน้านี้ที่’เนี่ยลี่’ได้แสดงตัวอักษรต่อหน้าทุกคน ‘กู้เบ่ย’สามารถที่จะเข้าใจอะไรบางอย่างได้ แต่นางกลับไม่อาจที่จะเข้าใจได้เลยแม้แต่น้อย
คนอย่าง’หลงยู่อิน’ ที่มีแต่ความกระหายในความแข็งแกร่งนั้น นั่นทำให้นางรู้สึกตกต่ำเป็นอย่างมาก ความสามารถของนางยังไม่ดีพองั้นเหรอ? แล้วมีอะไรที่แฝงอยู่ในตัวอักษรของ’เนี่ยลี่’กันแน่?
สุดท้ายแล้ว ‘หลงยู่อิน’ ได้รวบรวมความกล้าของนาง และเอ่ยกับ’เนี่ยลี่’ว่า
“เนี่ยลี่ เจ้าพอจะให้ข้าได้ดูตัวอักษรของเจ้าได้หรือไม่?”
‘เนี่ยลี่’อดไม่ได้ที่จะแอบยิ้มอยู่ในใจ สุดท้าย’หลงยู่อิน’ก็ต้องยอมพูดออกมา อันที่จริงด้วยอุปนิสัยของ’หลงยู่อิน’นั้น เป็นไปไม่เลยที่นางจะไม่อยากรู้เกี่ยวกับตัวอักษรนั่น แต่ในตอนนี้ ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่ให้’หลงยู่อิน’มองดูตัวอักษรแบบผ่านๆเท่านั้น เขายิ้มแล้วตอบไปว่า
“เราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันในภายหลัง”
หลังจากคำพูดของ’เนี่ยลี่’ ใบหน้าของ’หลงยู่อิน’นั้นเปลี่ยนเป็นสีแดง นอกจาก’เนี่ยลี่’แล้ว ไม่มีผู้ใดในรุ่นราวคราวเดียวกันที่กล้าพูดเช่นนี้กับนาง เพราะไม่เช่นนั้นนางจักต้องจัดการบดขยี้คนผู้นั้นเป็นแน่ แต่เมื่อ’เนี่ยลี่’บอกว่าเป็นไปไม่ได้ นางก็ทำได้เพียงแค่นิ่งฟัง โดยไม่แสดงออกใด ๆ แม้ว่าในใจของนางจะรู้สึกหดหู่ยิ่งนัก
นั่นเป็นเพราะ’เนี่ยลี่’มีคุณสมบัติที่จะพูดเช่นนั้นได้!
‘หลงยู่อิน’เบือนหน้าหนี พร้อมกับพ่นลมหายใจด้วยความโมโห แม้ว่านางไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่’เนี่ยลี่’บอกกับนาง แต่นางก็ไม่อาจที่จะทำอะไรได้
‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’เหลือบมองไปยัง’หลงยู่อิน’ และหันกลับมามองที่’เนี่ยลี่’พร้อมกับยิ้มเล็กน้อย ปกติแล้ว’เนี่ยลี่’จะแสดงออกอย่างไม่ค่อยแยแสผู้ใด แต่ถ้าหากเป็นสหายของเขาแล้วเขาจะช่วยเหลือเป็นอย่างดี จากสถานการณ์ที่เห็นอยู่นี้ มันก็เป็นเรื่องปกติ ที่หญิงสาวมักจะตกหลุมรักเขา
นางทำได้เพียงแค่ถอนหายใจเบา ๆ ในใจของนางนั้นก็รู้สึกสงสัยว่านางอยู่ในสถานะใดกันแน่ นางเคยอยู่ในใจของ’เนี่ยลี่’บ้างไหม?
หัวใจของหญิงสาวทั้งสองกำลังสับสนยุ่งเหยิงไม่ต่างกัน แต่ไม่มีผู้ใดที่รับรู้เลย ‘มู่หลงหยี่’กับ’เยี่ยเชียน’แกล้งทำเป็นไม่สนใจ’เนี่ยลี่’ในขณะที่พวกเขากำลังจ้องมองไปที่อื่น การนั่งร่วมโต๊ะกับ’เนี่ยลี่’เช่นนี่ นับว่าเป็นสิ่งที่น่าอับอายสำหรับพวกเขา
แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่อาจที่จะลุกขึ้นแล้วเดินจากไปได้ เพราหากเขาทำเช่นนั้น เขาจะต้องถูกจับจ้องจากผู้อื่นเป็นแน่ ดังนั้นไม่ว่าเขาจะหดหู่แค่ไหน พวกเขาก็จำเป็นต้องทนนั่งอยู่ตรงนี้ต่อไป
‘หลี่ชิงอวิ๋น’ยกนิ้วให้กับ’เนี่ยลี่’ พร้อมกับพูดว่า
“ทั่วทั้งนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์นี้ เจ้าเป็นเพียงผู้เดียวเท่านั้น ที่ข้ารู้สึกชื่นชม!”
‘เนี่ยลี่’ยิ้มพร้อมกับตอบกลับไปว่า
“ศิษย์พี่หลี่ ชื่นชมข้าเกินไปแล้ว”
เหล่าอัจฉริยะในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในห้องโถงด้านข้างแห่งนี้ ต่างมุ่งความสนใจไปที่’เนี่ยลี่’เพียงคนเดียว ความรู้สึกสนใจของพวกเขาค่อย ๆมากขึ้น ‘กู้เบ่ย’และ’หลี่ชิงอวิ๋น’ช่างเป็นคนที่สายตาแหลมคม และกว้างไกลยิ่งนัก เนื่องจากพวกเขามีความสัมพันธ์อันดีกับเนี่ยมาก่อนแล้ว ดังคำกล่าวที่ว่า
“ศาลาที่อยู่ริมน้ำนั้น ย่อมเพลิดเพลินไปกับแสงจันทร์ได้ก่อน”
สำนวนจีนหมายถึง ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดย่อมได้รับผลประโยชน์ก่อนผู้อื่น ต้องขอบคุณที่กู้เบ่ยและหลี่ชิงอวิ๋นมีความสัมพันธ์อันดีกับเนี่ยลี่ มันจึงเป็นเรื่องง่ายที่ทั้งสองจะได้รับตัวอักษรจาก’เนี่ยลี่’
ทุกคนต่างสงสัยเป็นอย่างยิ่ง ว่าจะต้องทำเช่นใดถึงจะได้ใกล้ชิดกับ’เนี่ยลี่’ แม้ว่าพวกเขาจะไม่อาจที่จะเป็นสหายกับ’เนี่ยลี่’ได้ แต่ถ้าหากพวกเขาได้รับตัวอักษรสักตัว ก็นับว่ากำไรยิ่งแล้ว
ถึงอย่างไร’เนี่ยลี่’นั้นก็เป็นศิษย์ของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ พวกเขานั้นมีเวลาอีกมากมาย
ไม่ใช่เพียงแค่เหล่าศิษย์ของนิกายขนนกศักดิ์สิทธ์เท่านั้น แม้แต่ศิษย์ของอีกทั้งสองสำนัก ต่างก็มีความคิดคล้าย ๆกัน
‘ฉินเยี่ย’มายืนอยู่ตรงหน้านางเม้มริมฝีปากเล็กน้อยพร้อมกับยิ้มแล้วพูดว่า
“ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าศิษย์น้องเนี่ยลี่จะเข้าถึงวิถีแห่งเจตจำนงค์ได้ถึงระดับเพียงนั้น ก่อนหน้านี้ข้าประเมินเจ้าผิดพลาดไป น่าสมเพชที่ข้าโง่เกินไป จึงไม่อาจที่จะเข้าใจความหมายที่ล้ำลึกใด ๆจากตัวอักษรของเจ้า”
‘ฉินเยี่ย’ระบายสิ่งที่อึดอัดอยู่ในใจ นางพูดต่ออีกว่า
“ถ้าหากไม่ได้เป็นเพราะความจริงที่ว่าศิษย์น้องเนี่ยลี่ได้ขายตัวอักษรไปในราคาหนึ่งแสนห้าหมื่นศิลาจิตวิญญาณ ข้าคงไม่อาจที่จะหักห้ามใจ ที่จะมาร้องขอจากเจ้าสักหนึ่งคำเป็นแน่ แต่ถึงอย่างไร ศิษย์น้องเนี่ยลี่ก็ได้บอกกล่าวไปก่อนหน้านั้นแล้วว่า สิ่งที่แฝงอยู่ภายในตัวอักษรนั้นจะมีความความหมายกับผู้ที่มีชะตาต้องกับมันเท่านั้น ดูเหมือนว่าข้าคงจะไม่มีชะตาต้องกันกับมัน!”
ด้วยเหตุนี้เอง ชื่อของ’เนี่ยลี่’ จึงเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งสามสำนักใหญ่
หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของ’ฉินเยี่ย’ ‘เนี่ยลี่’ได้บอกกับ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ว่า
“ก่อนที่เจ้าจะกลับไปที่สำนักเสียงสวรรค์ ข้าจะเขียนอะไรบางอย่างให้กับเจ้า เมื่อเจ้ากลับไปถึงสำนักเสียงสวรรค์ เจ้าสามารถขายมันได้หากเจ้าต้องการ หรืออีกทางหนึ่งเจ้าอาจจะให้มันเป็นของขวัญที่ล้ำค่าให้กับใครสักคนที่คู่ควร”
“ได้”
‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’พยักหน้า นางนั้นฉลาดจึงเข้าใจสิ่งที่’เนี่ยลี่’คิด จากสิ่งที่เขากระทำอยู่ สำหรับเรื่องดังกล่าว นางตัดสินใจที่จะช่วยเขาอีกแรง ถ้าหากนางจะทำสิ่งใดได้ในสำนักเสียงสวรรค์ แน่นอนว่านางจักต้องช่วย’เนี่ยลี่’อย่างแน่นอน
“ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าจะได้มาพบกับอัจฉริยะที่มากด้วยพรสวรรค์ที่นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ข้าสงสัยว่าข้าสามารถที่จะพบเจอกับศิษย์น้องเนี่ยลี่อีกครั้งในโลกภายนอกได้หรือไม่?”
‘ฉินเยี่ย’เผยรอยยิ้มให้กับ’เนี่ยลี่’และมองดูด้วยความสนใจ
จากคำพูดของ’ฉินเยี่ย’ ‘เนี่ยลี่’ถึงกับคิดไปไกล เป็นเรื่องปกติที่จะต้องก้าวออกไปยังโลกภายนอก และจะเป็นการแข่งขันกับคนที่อยู่นอกสำนัก ซึ่งหมายความว่าจะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นอีก ถ้าหากเขามีความสามารถอันโดดเด่น พวกเขาก็สามารถที่จะสร้างกองกำลังขึ้นมาได้เอง เสียด้วยซ้ำ
แต่ในตอนนี้ เขาต้องการเพียงกำลังที่จะได้สิทธิ์ในการครอบครองอำนาจ และตำแหน่งภายในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ก่อน
คำพูดของ’ฉินเยี่ย’นั้น เป็นการหยั่งเชิงว่าเขาจะออกไปยังโลกภายนอกหรือไม่ เหล่าศิษย์ของสามสำนักใหญ่ รวมทั้ง’หลงเทียนหมิง’ต่างจับตาเพื่อที่จะรอฟังคำตอบจากเขา
‘เนี่ยลี่’ยิ้มเล็กน้อยแล้วตอบกลับไปว่า
“ขอบคุณศิษย์พี่ฉินเยี่ยยิ่งนัก ในช่วงเวลานี้ ข้าไม่ได้มีแผนสำหรับการออกไปยังโลกภายนอกเลย”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของ’เนี่ยลี่’ ทุกคนต่างรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย ถ้าหาก’เนี่ยลี่’นั้นก้าวออกไปสู่โลกภายนอก เขาจะกลายเป็นศัตรูที่น่ากลัวของคนที่อยู่ในห้องโถงนี้เป็นแน่ แต่ก็มีบางคนที่สังเกตุถึงการตอบของ’เนี่ยลี่’
“ในช่วงเวลานี้ ไม่ได้มีแผนสำหรับการออกไปยังโลกภายนอก”
ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ออกไปในอนาคต ‘เนี่ยลี่’นั้นมักจะคิดอย่างระมัดระวังก่อนที่จะพูดเสมอ เขาไม่พูดอะไรที่ทำให้ตัวเองต้องพบจุดจบเป็นแน่
จากนั้นเสียงของ’เหยียนหยาง’ก็ดังขึ้นมา
“ถ้าหากศิษย์น้องเนี่ยลี่ได้ออกไปยังโลกภายนอกหล่ะก็ เหล่าศิษย์ของสำนักอัคคีของข้า จะไม่ทำสิ่งใดให้เจ้าต้องลำบาก ถ้าหากมีอะไรให้ข้าช่วย สามารถมาหาข้าได้ทุกเมื่อ!”
คำพูดของเขาสร้างความงุนงงแต่ทุกคน สำนักอัคคีจะไม่ทำให้’เนี่ยลี่’ต้องลำบากงั้นเหรอ? คำพูดนี้ของเขามีน้ำหนักยิ่งนัก นอกจากนี้’เหยียนหยาง’ยังบอกว่ายินดีที่จะช่วยเหลือ’เนี่ยลี่’ หรือว่า’เหยียนหยาง’จะใช้โอกาสนี้ในการเพิ่มขุมกำลังให้กับตนเองเช่นนั้นเหรอ?
ตาของ’หลงเทียนหมิง’ถึงกับหลี่ลงเล็กน้อย เขานั้นไม่รู้ ว่าเขาไปทำอะไรให้’เหยียนหยาง’ไม่พอใจ เขารับรู้ถึงความเป็นปฏิปักษ์จาก’เหยียนหยาง’ มันอาจจะเป็นไปได้ว่าคำพูดนี้ของ’เหยียนหยาง’มุ่งเป้ามาที่เขา อย่างนั้นเหรอ?
‘หลงเทียนหมิง’เหลือบตามองไปที่’เนี่ยลี่’ ถ้าหาก’เนี่ยลี่’นั้นมีความคิดที่จะต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจใด ๆ แน่นอนว่าเขาจะไม่มีทางให้’เนี่ยลี่’ได้เติบใหญ่เป็นแน่
‘เนี่ยลี่’เผยรอยยิ้มเล็กน้อย พร้อมกับพูดว่า
“ข้าคงต้องขอขอบคุณศิษย์พี่เหยียนหยาง เป็นอย่างมาก ข้านั้นได้พูดไปแล้วว่ายังไม่มีแผนอันใดที่จะออกไปยังโลกภายนอกในช่วงเวลานี้”
หลังจากคำพูดของ’เนี่ยลี่’ ‘หลงเทียนหมิง’ก็รู้สึกเบาใจขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่า’เนี่ยลี่’ก็นับว่าฉลาดไม่น้อย
ด้วยคำถามดังกล่าวเป็น หัวข้อที่ดูเลื่อนลอยมากเกินไป ทำให้คนที่อยู่ในห้องโถงด้านข้างแห่งนี้รู้สึกไม่ค่อยดีนัก ‘ฉินเยี่ย’ จึงกวาดสายตามองฝูงชนพร้อมกับหัวเราะและพูดว่า
“มีผู้ใดที่ต้องการแสดงทักษะให้พวกเราได้เห็นกันอีกหรือไม่?”
ด้วยคำพูดของ’ฉินเยี่ย ‘ทุกคนต่างยิ้มอย่างขมขื่น มีเพียงแค่คนที่ไม่ธรรมดาอย่าง’เนี่ยลี่’เท่านั้น ที่จะกล้าไปยืนแสดงความสามารถหลังจากที่’เหยียนหยาง’กับอีกทั้งสองคนได้แสดงไปแล้ว
พวกเขาที่เหลือเหล่านี้ย่อมไม่กล้าที่จะออกไปแสดงฝีมืออยู่แล้ว หลังจากที่’เนี่ยลี่’ได้แสดงให้ดูแล้ว จะมีผู้ใดกล้าออกไปที่นั่นอีกหล่ะ?
หลังจากที่หยุดรออยู่เป็นเวลานานพอสมควร ก็มิได้มีผู้ใดตอบรับ ‘ฉินเยี่ย’จึงยิ้มและพูดว่า
“ดูเหมือนว่าจะไม่มีผู้ใดอีกแล้ว ถ้าเช่นนั้นการแสดงเกี่ยวกับวิถีแห่งเจตจำนงค์ก็ขอจบลงเพียงเท่านี้! ขอบคุณทุกท่านที่เข้าร่วมชุมชุมในครั้งนี้ และข้าหวังว่าทุกท่านจะมีส่วนร่วมในงานเลี้ยง ในค่ำคืนนี้เช่นกัน!”
เมื่อการชุมนุมสิ้นสุดลง ทุกคนก็แยกย้ายกันไป.
‘เนี่ยลี่’ก้มหัวลงไปกระซิบบอก’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ว่า
“เดี๋ยวเราไปที่ห้องพักของข้าก่อนนะ!”
สำหรับงานเลี้ยงในตอนเย็นนั้น เขาไม่ได้มีความสนใจที่จะเข้าร่วม เพราะในช่วงที่เขาแสดงตัวออกไป คงไม่อาจที่จะเลี่ยงปฏิกิริยาของคนรอบข้างได้
“จ๊ะ”
ใบหน้าของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’แดงขึ้นเล็กน้อยในตอนที่นางพยักหน้า หลังจากที่นางได้เข้าใจผิดกับคำพูดก่อนหน้านี้ นางก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อยขึ้นมาอีกครั้ง
‘กู้เบ่ย’ ‘ลู่เพียว’และคนอื่น ๆ ต่างก็ลุกขึ้นยืน เตรียมที่จะออกไปพร้อมกับ’เนี่ยลี่’
“น้องชายเนี่ยลี่ ข้าขอตัวก่อนนะ!”
‘หลี่ชิงอวิ๋น’ ประสานมือบอกกับ’เนี่ยลี่’ และพูดต่ออีกว่า
“ถ้ามีข่าวใดๆจากน้องชายเนี่ยลี่ สามารถแจ้งข้าได้ทุกเวลา สำหรับศิลาจิตวิญญาณจำนวนหนึ่งแสนก้อนนั้น ข้าจะให้คนนำไปส่งกับเจ้าเอง”
“แน่นอน ถ้าหากว่าข้านั้นมีข่าวใด ๆ ข้าจะแจ้งให้ท่านทราบเป็นแน่”
‘เนี่ยลี่’พยักหน้าตอบ เขากับ’เนี่ยลี่’นั้นได้มีข้อตกลงพูดคุยกันเรื่องจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้า
อย่างไรก็ตาม จิตอสูรสำหรับ’หลี่ชิงอวิ๋น’นั้นเป็นเรื่องรอง เขาจักต้องทำจิตอสูรสำหรับ’หนิงเอ๋อก่อน’ในขณะที่ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงด้านข้างนี้ กำลังแยกย้ายกันออกไป พวกเขายังคงพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องทีเกิดขึ้นในวันนี้
การแสดงออกของ’เนี่ยลี่’ในวันนี้ นับว่าเป็นม้ามืดที่พุ่งทะยานออกมา ดึงดูดความสนใจอย่างไม่สิ้นสุด ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ชื่อของเนี่ยลี่ ได้เป็นที่รู้จักในสามสำนักใหญ่ไปแล้ว
มีเพียงแค่’เหยียนหยาง’กับ’หมิงเยี่ย วู่ซวง’เท่านั้น ที่สามารถสัมผัสได้ถึงวิถีแห่งเจตจำนงค์ที่แฝงอยู่ในตัวอักษร “กระบี่” ของเนี่ยลี่
แต่ทว่า’หลงเทียนหมิง’ กลับไม่อาจสัมผัสถึงมันได้อย่างนั้นเหรอ? เรื่องนี้ก็ทำให้ทุกคนอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน‘เหยียนหยาง’ชำเลืองมอง’เนี่ยลี่ ‘ที่อยู่ในฝูงชนที่ห่างออกไป เขาละสายตาของเขาพร้อมกับถอนหายใจ
“ช่างน่าเศร้ายิ่งนัก ที่คนผู้นี้มิได้อยู่ในสำนักอัคคีของเรา และคนที่มี ความสามารถเช่นเขา กลับถูกละเลยในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ ถ้าหากว่าเขานั้นอยู่ในสำนักอัคคี เขาจักต้องกลายมาเป็นหนึ่งในเสาหลักที่แข็งแกร่งเป็นแน่”
“ศิษย์พี่เหยียนหยางไม่กังวลเหรอว่า เขาจะมาฉกชิงตำแหน่งของท่านไป?”
ลูกศิษย์ของสำนักอัคคีเอ่ยถามเขา
“ข้านั้นจะเป็นอะไรไป คนอย่างข้าเหยียนหยาง ข้านั้นมิเคยเกรงกลัว ถ้าหากว่าใครบางคนที่มีความสามารถยิ่งกว่าข้าและนำความรุ่งเรืองมาสู่สำนักอัคคีได้ แม้ว่าข้าจะต้องยกตำแหน่ง โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักอัคคี ให้ไป เหตุใดข้าถึงจะไม่ยอมหล่ะ?”
‘เหยียนหยาง’ตอบกลับด้วยเสียงอันเบา ขณะที่สายตาของเขาจ้องไปออกไปไกลแสนไกล
แปลโดย นายมะพร้าว
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: