I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 318 มังกรปีกอินทรีทมิฬ

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 2537 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

黑翼龙鹰  อ่านว่า เห่ย หยี่ หลง ยิง  แปลตามตัวอักษรจะได้ว่า  ดำ ปีก มังกร อินทรี

นอกจาก’เหยียนหยาง’แล้ว เหล่าอัจฉริยะ ของทั้งสามสำนักใหญ่ต่างจ้องมองดู’เนี่ยลี่’เดินจากไป ไม่มีใครทราบว่าพวกเขาคิดสิ่งใดอยู่

ศิษย์ของสามสำนักใหญ่ต่างพูดคุยกันแลกเปลี่ยนกันก่อนที่จะแยกย้ายกันไป

‘เยี่ยเชียน’นั้นต้องการที่จะทักทาย’เซี่ยวหนิงเอ่อ’ แต่นางก็เดินไปกับ’เนี่ยลี่’อย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ได้ชำเลืองมองมาที่เขาแม้แต่น้อย
ใจของเขานั้นห่อเหี่ยวราวกับฤดูใบไม้ร่วง เดิมทีนั้นเขาก็ยังรู้สึกดีที่ได้เผชิญหน้ากับ’เนี่ยลี่’ เขาคิดว่า’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’จะได้ตระหนักความจริงที่ว่า ใครคือคนที่เหมาะสมกับนาง

ในตอนนี้’เยี่ยเชียน’ทำได้เพียงแค่ยิ้มอย่างขมขื่นเท่านั้น ยังเหลือสิ่งใดอีกที่เขาจะสามารถแข่งกับ’เนี่ยลี่’ได้

“ศิษย์พี่เยี่ยเชียนคงจะไม่ได้ยอมรับความพ่ายแพ้เพียงแค่นี้ ใช่หรือไม่? ”

‘มู่หลงหยี่’ พูดในขณะที่มองดู’เยี่ยเชียน’ยิ้มด้วยความขมขื่น

 “ข้ายังจะทำอะไรได้อีก”

‘เยี่ยเชียน’พูดหลังจากที่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง

“ท่านกำลังประเมินค่าเจ้าเด็กนั่นสูงเกินไป ลองคิดดูสิ การบ่มเพาะพลังของเขานั้นยังไม่บรรลุถึงระดับชะตาสวรรค์เลยด้วยซ้ำ ในตอนที่เขาเขียนอักษร เขาก็ไม่ได้ใช้วิถีแห่งเจตจำนงค์เลยแม้แต่น้อย  ข้าเดาว่า เจ้าเด็กนั่นอาจจะได้รับตำราโบราณมากจากที่ไหนสักแห่ง ในตำรานั้นจะต้องมีตัวอักษรที่เขียนโดยผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงสุด  เจ้าเด็กนั่นคัดลอกมันมา จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ตัวอักษรของเขา จึงได้บรรจุวิถีแห่งเจตจำนงค์ติดมาด้วย”

‘มู่หลงหยี่’ พูดหลังจากที่ได้ขบคิดชั่วครู่

ในใจ’เยี่ยเชียน’นั้นถึงกับสั่นไหว มันมีความเป็นไปได้เล็กน้อยที่จะเป็นอย่างคำพูดของ’มู่หลงหยี่’

“แล้วพวกเราควรทำเช่นใด? ตราบเท่าที่เขายังอยู่ในสถาบันวิญญาณฟ้า ไม่มีทางที่พวกเราจะทำอะไรเขาได้!”

‘เยี่ยเชียน’ พูด

“ก็จริงอยู่ที่ ภายในสถาบันวิญญาณฟ้า พวกเราไม่อาจที่จะทำอะไรเขาได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เชื่อข้าได้เลยว่าเขาจะต้องมุ่งหน้าออกไปสู่โลกภายนอกเป็นแน่ เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าคงต้องขอความช่วยเหลือจากศิษย์พี่เยี่ยเชียนแล้ว ”

‘มู่หลงหยี่’ พูด ในตอนที่อยู่ในโบราณสถานแห่งความสะพรึง ‘มู่หลงหยี่’ นั้นก็ได้ตั้งตนเป็นศัตรูระหว่างเขากับเนี่ยลี่แล้ว ด้วยเหตุนี้
เขาจึงไม่อาจที่จะถอนตัวได้แล้ว ไม่เช่นนั้นเขาคงต้องเผชิญกับการแก้แค้นจาก’เนี่ยลี่’

“และมันก็คงจะดียิ่งกว่านี้ ถ้าหากเราแย่งชิงตำราโบราณนั้นมาจากมือของเขาได้”

ถ้าหากเขาปล่อยให้’เนี่ยลี่’นั้นแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นจนประสบผลสำเร็จได้ คงจะไม่มีที่ยืนให้เขาอีกในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้

“ตราบเท่าที่เจ้าสามารถระบายความแค้นในใจของข้าได้  ข้าก็ยินดีที่จะสนับสนุนเจ้าในโลกภายนอก!”

‘เยี่ยเชียน’พูดหลังจากที่ขบคิดไปชั่วครู่ เขามีความสนใจไม่น้อยเกี่ยวกับตำราโบราณที่’มู่หลงหยี่’พูดถึง

“ถ้าเช่นนั้นข้าคงต้องขอขอบคุณศิษย์พี่เยี่ยเชียนแล้ว!”

‘มู่หลงหยี่’ พูดพร้อมกับประสานมือขอบคุณ ‘เยี่ยเชียน’นั้นสามารถที่จะระดมคนจากตระกูลเยี่ยได้ ด้วยความช่วยเหลือจากเขา การที่’เนี่ยลี่’จะเติบโตได้ในโลกภายนอกก็เป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น

ที่โลกภายนอกสำหรับ’เนี่ยลี่’แล้วมันจะเป็นดินแดนแห่งความสิ้นหวัง!

แม้ว่าการชุมนุมนั้นจะได้จบลงไปแล้ว ลูกศิษย์หลายคนก็ยังคงจับกลุ่มพูดคุยกันต่อ

‘เฉียนหลิง’ ได้เดินเข้ามาพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย และพูดว่า

“นายน้อยเยี่ยเชียน ดูเหมือนว่าหัวใจของศิษย์น้องหนิงเอ๋อนั้นจะถูกครอบครองไปแล้ว และข้าก็คงไม่อาจที่จะทำสิ่งใดได้ ”

‘เฉียนหลิง’เองนางก็มีเสน่ห์ที่น่าดึงดูดใจทุกที่ ที่นางเดินผ่านจะทิ้งกลิ่นหอมเย้ายวนไว้เสมอ

“แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น ข้าก็ต้องขอขอบคุณท่านพี่เฉียนหลิงที่ได้ช่วยเหลือ”

ก่อนหน้านี้’เยี่ยเชียน’ เคยได้พูดคุยกับนาง เพื่อที่จะบอกเรื่องราวของตัวเขาต่อหน้า’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ แต่ก็เหมือนว่าจะมิได้ประสพผลเช่นใดนัก แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ไม่ว่าผลที่ได้กลับมาจะเป็นเช่นใด แต่เขาก็ได้ทำไปทั้งหมดแล้ว

‘มู่หลงหยี่’อดไม่ได้ที่จะจ้องมองดู’เยี่ยเชียน’ เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ‘เยี่ยเชียน’จะรู้สึกดีกับ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’มากถึงเพียงนี้ ถ้าเช่นนั้นก็มีหนทางที่จะใช้งานเขาอยู่มากมาย ยิ่ง’เยี่ยเชียน’เป็นกังวลต่อ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’มากเท่าใด ‘มู่หลงหยี่’ก็หาวิธีที่จะใช้งานเขาได้มากเท่านั้น

ค่ำคืนนี้ค่อย ๆ มืดลง

หลังจากที่’กู้เบ่ย’เอ่ยคำลากับ’เนี่ยลี่’ เขาก็กลับไปที่ห้องพัก

‘ลู่เพียว’และ’เซี่ยวซุ่ย’ ก็เข้าไปในห้องของ’ลู่เพียว’

*ตึง* *ตัง*

ค่อยๆมีเสียงดังมาจากห้องนั้น บางครั้งก็คั่นด้วยเสียงคร่ำครวญ และเจ็บปวดใครจะรู้ว่า เกิดอะไรขึ้นในห้องนั้น

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’และ’เนี่ยลี่’อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันพร้อมกับยิ้ม เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน ทั้งสองคนก็เชื่อว่าเสียงดังอึกกระทึกครึกโคมจากการต่อสู้กัน แต่’ลู่เพียว’มักจะยินยอมที่จะยอมจำนนต่อ’เซี่ยวซุ่ย’อยู่ฝ่ายเดียว ไม่ได้มีกระจิตกระใจจะตอบโต้กลับเลยแม้แต่น้อย

เมื่อ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’เข้ามาในห้องพักของ’เนี่ยลี่’ นางมองไปรอบๆด้วยความงุนงงเล็กน้อย หลังจากที่เข้ามายังนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์
‘เนี่ยลี่’ก็ได้อาศัยอยู่ที่นี่ ในห้องนี้ ทั่วทั้งห้องล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นอายของเขาที่นางคุ้นเคย

“เซี่ยวหยู่ได้เช่าลานที่พักตรงนี้เอาไว้ ลู่เพียวกับข้า ก็แค่ได้รับอนุญาติจากเขา ข้าเองไม่รู้เหมือนกันว่าเซี่ยวหยู่นั้นอยู่ที่ไหนในตอนนี้ เขาออกไปตั้งแต่เช้าวันนี้และก็ยังมิได้กลับมาเลย”

‘เนี่ยลี่’ตอบพร้อมกับยิ้ม เมื่อเขานั้นได้อยู่กับ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ เขานั้นรู้สึกสบายใจยิ่งนัก

‘เนี่ยลี่’กำลังเตรียมที่จะทำการหลอมรวม จิตอสูรสายเลือดมังกร ที่มีระดับการเติบโต ในระดับพระเจ้าสำหรับ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’

มีฉากกั้นตั้งอยู่ตรงกลางห้องและด้านหลังฉากมีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่อยู่ นี่จักต้องเป็นที่ ที่’เนี่ยลี่’อาบน้ำอยู่ทุกทีเป็นแน่ หลังจากที่’หนิงเอ๋อ’คิดเช่นนั้นหน้าของนางก็เริ่มเป็นสีแดงทีละนิด

เมื่อเขาเห็น’เซี่ยวหนิงเอ่อ’มองไปที่อ่างอาบน้ำที่ทำจากไม้ ความคิดที่ต่างออกไปก็เข้ามาในหัวของ’เนี่ยลี่’ นางต้องเดินทางมาไกลกว่าที่จะมาถึงนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ อาจจะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง และอาจจะยังไม่ได้อาบน้ำ ‘เนี่ยลี่’จึงพูดขึ้นมาว่า

“ทำไมไม่ให้ข้าออกไปก่อน เพื่อที่เจ้าจะได้อาบน้ำหล่ะ”

“มะ..ไม่จำเป็นต้อง…”

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’โบกมือปฏิเสธ นางนั้นไม่ได้มีเวลามากมายในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นนางจึงต้องการที่จะอยู่กับ’เนี่ยลี่’ให้นานที่สุด เท่าที่เป็นไปได้ นางกลัวว่าเขาจะหายตัวไปอีก หลังจากที่ขบคิดอยู่ชั่วครู่ นางก็พูดขึ้นมาว่า

“เหตุใดจึงไม่ให้ข้าอาบน้ำตรงนี้ ในเมื่อมีฉากกั้นเอาไว้อยู่แล้ว มันก็คงจะไม่เป็นอะไรถ้าหากเจ้านั้นมิได้แอบมอง และเราก็ยังคุยกันไปพร้อมกันได้อีกด้วย”

หลังจากที่นางพูดจบ ใบหน้าของนางถึงกับร้อนผ่าว

แม้ว่าจะมีฉากกั้นพวกเขาเอาไว้ก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังอยู่ในห้องเดียวกัน ดังนั้นหัวใจของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’จึงอดไม่ได้ที่จะเต้นโครมคราม หลังจากที่นางได้จดจำคำที่’เซี่ยวซุ่ย’คอยกระซิบข้างหูนางว่า นางจักต้องรวบรวมความกล้าของนางให้มากกว่านี้

หลังจากที่คิดเรื่องนั้น’เนี่ยลี่’จำเป็นที่จะต้องใช้เวลาไม่น้อยในการหลอมรวมจิตอสูรสายเลือดมังกร ที่มีระดับการเติบโต ในระดับกระเจ้า การปรับแต่งมันที่สวนหน้าบ้านก็ดูเหมือนว่าจะเป็นการเสี่ยงมากเกินไป มันอาจจะเป็นการก่อปัญหาให้แก่เขาก็เป็นได้

‘เนี่ยลี่’จึงพยักหน้าแล้วพูดว่า

“ถ้าเช่นนั้น ก็ตกลง!”

‘เนี่ยลี่’หยิบเอาหม้อสูรฝันร้ายออกมาแล้วทำการเริ่มหลอมรวมจิตอสูร

‘เนี่ยลี่’นั้นเริ่มที่จะยุ่งแล้ว และดูเหมือว่าเขาจะมุ่งเน้นความสนใจไปที่สิ่งที่เขาทำ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ถึงกับกระทืบเท้าของนาง

ในที่สุดนางก็มาถึงนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ด้วยความยากลำบาก แต่’เนี่ยลี่’กลับยุ่งอยู่กับสิ่งที่เขาทำอยู่เท่านั้น

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’เองก็ยุ่งอยู่กับการตักน้ำใส่ลงไปในอ่างอาบน้ำที่ทำจากไม้  นางต้องการที่จะให้’เนี่ยลี่’แอบมองสักเล็กน้อย ในใจของนางเต้นโครมครามขณะที่เดินไปหลังฉากกั้น และค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าของนางออกอย่างช้า ๆ เผยให้เห็นไหล่ที่เรียบลื่นและรูปร่างที่น่าอัศจรรย์

ผิวของนางนั้นเป็นประกายราวกับหยก ร่างกายและสัดส่วนที่ดูกระชับ และเท้าที่ดูราวกับหยกนั้นก็ดูงดงามยิ่งนัก ราวกับว่าเป็นผลงานชิ้นเอกที่ถูกรังสรรค์มาโดยเทพเจ้าเลยทีเดียว

นางค่อย ๆ ก้าว ลงไปในอ่างอาบน้ำที่ทำจากไม้

“หนิงเอ๋อ…”

‘เนี่ยลี่’หันความสนใจกลับมาหลังจากที่ชำเลืองมองที่ฉากกั้น ที่ฉากกั้นนั้นสว่างไปด้วยแสงจากเทียน ถึงแม้ว่าจะกั้นอยู่แต่เขาก็มองเห็นรูปร่างอันยั่วยวนของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’อย่างลางๆ  ‘เนี่ยลี่’อดไม่ได้ที่จะถูจมูก ในห้องของเขานั้นเริ่มที่จะเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของหญิงสาว

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’นั้น นางไม่รู้เลยว่า’เนี่ยลี่’ นั้นกำลังมองมาที่นาง ขณะที่นางค่อย ๆ เดินไปยังอ่างอาบน้ำที่ทำจากไม้ หลังจากที่ได้พูดกับ’เนี่ยลี่’จึงเริ่มที่จะทำการชำระล้างร่างกาย

‘เนี่ยลี่’ละสายตาออกมา แต่ก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ เขากลับมามุ่งความสนใจของเขาไปที่หม้ออสูรฝันร้าย และทำการใส่จิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโต ระดับธรรมดาลงไป

“หนิงเอ๋อ การบ่มเพาะพลังของเจ้าด้วย เทคนิคการบ่มเพาะ มังกรอัสนี นั้นไปถึงไหนแล้ว”

“เทคนิคการบ่มเพาะมังกรอัสนีของข้านั้น  สามารถก่อรูป อัสนี ในขอบเขตวิญญาณข้าได้แล้ว”

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ตอบกลับด้วยเสียงที่ชัดเจนหลังฉากกั้นนั้น

“ทุกๆขั้นของการบ่มเพาะพลังด้วย เทคนิคการบ่มเพาะมังกรอัสนี ทำให้เกิดการบ่มเพาะเพิ่มขึ้นสามระดับ หลังจากที่ข้านั้นเข้ามาอยู่ในขอบเขตชะตาสวรรค์ ขั้นที่สอง  ข้าก็ได้ปลุกพลังอัสนี  หลังจากที่ได้ก่อรูปอัสนีแล้ว ข้าก็บรรลุถึงระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่ห้า”

‘เนี่ยลี่’อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจหลังจากที่ได้ยินคำพูดของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ เทคนิคการบ่มเพาะมังกรอัสนี นั้นมีประสิทธิภาพยิ่งนัก
และช่วยให้การบ่มเพาะพลังนั้นก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปอีก มันจึงทำให้ความเร็วในการบ่มเพาะพลังนั้นสูงจนน่ากลัว ‘เนี่ยลี่’เองนั้นจำเป็นที่จะต้องรีบยิ่งขึ้นและฝึกฝนอย่างหนักเพื่อการบ่มเพาะพลังของเขา

“เมื่อเจ้านั้นได้บรรลุถึงระดับ ห้าชะตา เจ้าได้ออกไปสำรวจโลกภายนอกบ้างหรือไม่? ”

‘เนี่ยลี่’สอบถาม การออกไปสู่โลกภายนอกนั้นการฝึกฝนนั้นก็จะยิ่งรวดเร็วขึ้นไปอีก นับเป็นหนทางหนึ่งในการบ่มเพาะพลัง ยิ่งไปกว่านั้นสมบัติที่น่าตื่นตาตื่นใจ ก็มักจะปรากฏอยู่ที่โลกภายนอกเช่นกัน

“ข้านั้นได้ออกไปยังโลกภายนอกแค่ครั้งเดียว ข้าสังหารอสูรวิญญาณที่มีสายเลือดมังกรไปสามตน นอกจากนี้ก็ไปเก็บรวบรวมสมุนไพร แต่ข้าก็ไม่กล้าที่จะออกไปที่ไกลๆด้วยตัวคนเดียว”

ด้วยนิสัยของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’นั้น นางอาจจะไม่ค่อยชอบในการออกล่ากันเป็นกลุ่ม การออกล่าเป็นกลุ่มนั้นมักจะมีความวุ่นวาย แต่ด้วยตัวคนเดียว นางก็ไม่อาจที่จะไปยังที่ไกลๆได้

ในโลกภายนอกที่ห่างไกลนั้นเป็นดินแดนลึกลับ แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพสงคราม ยังสำรวจได้แค่เพียงส่วนเดียว และถ้าหากไม่ได้เป็นเพราะความจริงที่ว่า เราสามารถที่จะมีชีวิตได้หลายครั้งถ้าหากบรรลุถึงระดับชะตาสวรรค์ คงไม่มีผู้ใดที่จะกล้าออกไปสำรวจในที่ห่างไกลเป็นแน่

สำนักต่างๆนั้นสามารถควบคุมได้เพียงแค่พื้นที่โดยรอบของสำนักเท่านั้น ในโลกภายนอกที่กว้างใหญ่ มีอสูรวิญญาณสายเลือดมังกรที่แข็งแกร่งอยู่นับไม่ถ้วน และยังมีสัตว์อสูรที่มีสายเลือดโบราณอันแข็งแกร่งอยู่ด้วยเช่นกัน แม้ว่าจะมีร่างทรงอสูรจำนวนมาก หรือแม้แต่ยอดฝีมือขั้นสูงสุดของสำนักต่าง ๆ ก็ยังไม่อาจที่จะแตะต้องมันได้

ถ้าหากสำนักใหญ่ทั้งหลาย มิได้วางกับดักค่ายกลสำหรับป้องกันเอาไว้ สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งจำนวนมาก ที่มีสายเลือดโบราณ ก็สามารถที่จะทำลายสำนักให้ย่อยยับได้อย่างง่ายดาย

แต่ถึงอย่างไร ผู้คนมากมายต่างก็มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกสักครั้ง หลังจากที่พวกเขาได้ฝึกฝนจนบรรลุระดับชะตาสวรรค์ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังสามารถที่จะสร้างกองกำลังของตนเองได้ในโลกภายนอก ตามกฏของสำนักต่าง ๆ

มีเพียงเฉพาะเหล่าคนหนุ่มรุ่นใหม่ที่สามารถสร้างกองกำลังที่มีขนาดใหญ่เพียงพอที่จะอยู่โลกภายนอก จึงจะได้รับสิทธิ์ในการต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งผู้สิบทอดของสำนักได้

เมื่อหลาย ๆตระกูลได้ทำการคัดเลือกผู้นำตระกูลของพวกเขา พวกเขาก็จักต้องคำนึงถึงความสามารถในการสร้างกองกำลังของตัวเองได้ ดั่งดอกไม้ในเรือนกระจกไม่อาจที่จะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลได้ ดอกไม้ในเรือนกระจก : สำนวนจีนหมายถึงคนอ่อนแอ และเปราะบาง

“ข้าเข้าใจ”

‘เนี่ยลี่’ ก็ตระหนักดีถึงนิสัยของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ นางชอบที่จะอยู่คนเดียว การที่จะให้นางเข้าร่วมกลุ่มนักล่านั้นเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก
ไม่ต้องพูดถึงการจัดตั้งกองกำลังของนางเอง

ดังนั้น’เนี่ยลี่’จึงไม่ได้บอกกับ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ถึงสิ่งที่เขาได้ตัดสินใจไป นางจำเป็นที่จะต้องบ่มเพาะพลังต่อไป ในฐานะที่เป็นหนึ่งในกองกำลัง เขาสามารถที่จะควบคุมทุกอย่างได้ตามลำพัง

หลังจากที่ได้ทำการหลอมจิตอสูรอย่างต่อเนื่อง และใช้จิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับธรรมดาไปจนหมด ‘เนี่ยลี่’ก็สามารถที่จะสร้าง จิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้าได้สำเร็จ

ต่ก็เป็นที่น่าเสียดายที่มันมิได้กลายพันธุ์ มันก็คือ มังกรปีกอินทรีทมิฬ ซึ่งน่าเสียดายยิ่งนัก มันไม่อาจที่จะเข้ากันได้อย่างมากกับการบ่มเพาะพลังที่’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ใช้อยู่

“ตอนนี้จิตอสูรที่เจ้าผสานร่างอยู่เป็นชนิดใดกัน? ยังคงเป็นนกกระจอกสายฟ้าสวรรค์อยู่ไหม? ”

‘เนี่ยลี่’เอ่ยถาม

“ข้านั้นได้ผสานกับ จิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับมหัศจรรย์ ส่วนนกกระจอกสายฟ้าสวรรค์ที่เจ้าได้มอบให้ข้านั้น ข้าได้นำไปหลอมรวมเข้ากับกระบี่วายุอัสนี ”

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ตอบพร้อมกับเม้มริมฝีปากเล้กน้อย นางจะทิ้งนกกระจอกสายฟ้าสวรรค์ที่’เนี่ยลี่’ได้มอบให้นางได้อย่างไร?

‘เนี่ยลี่’ไม่คาดหวังเลยว่า’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’จะได้รับจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตระดับมหัศจรรย์ รวมไปถึงกระบี่วายุอัสนีด้วยเช่นกัน ดูเหมือนว่าสำนักเสียงสวรรค์ จะดูแลศิษย์ของเขาเป็นอย่างดี

การต่อสู้ภายในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ นั้นนับว่ามีความรุนแรงมาก ซึ่งแตกต่างจากสำนักเสียงสวรรค์

นอกจากนั้นพวกเขายังครอบครองทรัพยากรมากกว่านิกายขนนกศักด์สิทธิ์ยิ่งนัก

แปลโดย นายมะพร้าว

คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments