I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 391 – เงื่อนไข

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

” ไร้สาระที่สุด!!! ภายในขวานอสูรฟ้ามันไม่มีสมบัติอะไรหรอก!!! “

‘ชูเฟิง’ กัดฟันด้วยความโกรธ

” ข้ารู้ดีว่า รองประมุขเกา และ เจี่ย หยาน ก็รู้ พวกเราทุกคนรู้ดีว่าภายในยุทธภัณฑ์ชั้นยอดนี้ ไม่ได้มีสมบัติซ่อนอยู่ “

” แต่ผู้คนจากมหาอำนาจหลายฝ่าย ถูก เจี่ย หยาน เป่าหู และพวกเขาก็เชื่อในคำพูดนั้นโดยไม่ต้องสงสัย “

” เป้าหมายของ เจี่ย หยาน จริงๆ คือต้องการปุกปั่นหกมหาอำนาจโดยใช้เจ้าเป็นเหตุ หากนิกายโลกวิญญาณกล้าเข้ามายุ่ง เจี่ย หยานก็จะยืมมือ 6 มหาอำนาจร่วมกันทำลายนิกายโลกวิญญาณ “

” เนื่องจากตระกูลเจี่ยและนิกายโลกวิญญาณต่างมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ ราชวงศ์เจียง หากตระกูลเจี่ยได้หกมหาอำนาจมาอยู่ฝ่ายมัน ต่อให้พวกเขาโจมตีนิกายโลกวิญญาณ ราชวงศ์เจียงก็ทำอะไรไม่ได้ “

‘กู๋ โบ่’ กล่าวอย่างมีน้ำโห น้ำเสียงและสีหน้าต่างกระวนกระวาย เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธและกังวลไปพร้อมๆกันในตอนนั้นเอง ‘ชูเฟิง’ ก็ถึงกับขมวดคิ้วลง พร้อมกับปล่อยกลิ่นอายที่เย็นยะเยือกออกมาจากดวงตาของเขา จากนั้นก็กล่าวอย่างเย็นชา

” ไอ้ชาตหมา เจี่ย หยาน วันหนึ่งข้าจะให้มันได้ชดใช้!!! “

*** ตูมมม ***

ในตอนนั้น ประตูตำหนักก็เปิดออกด้วยแรงระเบิดที่รุนแรง จนทำให้อากาศพัดผ่านเข้ามา อีกทั้งรูปแบบที่’กู๋ โบ่’วางไว้ยังถูกทำลาย

” ระวัง!!! “

เห็นแบบนั้น ‘ชูเฟิง’รีบคว้าไหล่ของ ‘กู๋ โบ่’ พร้อมกับโดดถอยออกไป เพื่อทำการหลบกระแสลมที่พัดเข้ามา เขาเกรงว่าด้วยพลังวิญญาณของเขาและ’กู๋ โบ่’ในตอนนี้ หากโดนมันเข้าไปจังๆ พวกเขาคงได้รับบาดเจ็บสาหัส

* พรึบ พรึบ พรึบ พรึบ พรึบ พรึบ พรึบ พรึบ . . . . . . *

หลังจากนั้น ก็มีบุคคลทั้ง 7 ปรากฏขึ้นมา อยู่ใจกลางของตำหนักรองผู้นำ ตระกูล เจี่ยเจ้าสำนัก หยวนกังเจ้าสำนัก เทพอัคคีประมุขนิกายไป๋ผู้นำที่ราบหุบเขาไร้ใจเจ้าหุบเขาเทพกระบี่และเจ้านครอันทรงเกียรติหลังจากที่พวกเขาก้าวเข้าประตูตำหนักมา พวกเขาก็ปิดทางหนีของ ‘ชูเฟิง’ ไว้ทั้งหมด

” เจ้าหนูสกปรก รีบมาที่นี่เพื่อแจ้งข่าวสินะ ? “

‘เจี่ย หยาน’ หลี่ตาลงอย่างเย็นชา ขณะที่จ้องมอง ‘กู๋ โบ่’

” บ้าจริง!!! รองประมุขนิกายโลกวิญญาณ เกา ฉีซือ ช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี คิดอยู่แล้วว่าเขาต้องเปิดเผยเรื่องที่เราคุยกัน พวกเราไม่น่าให้เขาได้ยินเรื่องนี้เลย!!! “

เจ้าสำนัก’หยวนกัง’ กัดฟันกล่าวด้วยความโกรธ

” อ่า ทำไมท่านต้องกังวล ในเมื่อคนที่เราต้องการยังอยู่ที่นี่ “

เจ้าสำนักเทพอัคคี หันมองหน้า ‘ชูเฟิง’ พร้อมกับยิ้มอย่างชั่วร้าย

” ท่านจะทำอะไร ? ! ! ! “

‘กู๋ โบ่’ ที่ยืนอยู่ด้านหลัง ‘ชูเฟิง’ ตะโกนถามเจ้าสำนักเทพอัคคี ขณะที่จ้องหน้าเขาเขม็ง

” สหาย ชูเฟิง อย่าได้กลัว ไม่ว่าสิ่งที่เด็กนั้นพูดจะเป็นความจริง แต่เราไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆ “

” ข้าก็แค่สงสัยว่าขวานอสูรฟ้าที่ผนึกไว้ในหุบเขาพันปีศาจ เคยมีผู้เชี่ยวชาญระดับจักรพรรดิแห่งทักษะได้นำสมบัตินานาชนิดทิ้งไว้ภายในขวานอสูรฟ้า ก็แค่นั้น “

” ดังนั้น พวกเราจึงอยากจะขอยืมขวานอสูรฟ้าของเจ้าไปตรวจดูสักหน่อย “

‘เจี่ย หยาน’ ยิ้มและกล่าว

” ไร้สาระ มันจะเป็นไปได้ยังไงที่จะนำสมบัติมาทิ้งไว้ภายในยุทธภัณฑ์นี้ได้ ตอนนี้มันก็ยอมรับข้าเป็นผู้ใช้ของมันแล้ว เมื่อมันมาอยู่ในฝ่ามือข้า ข้าก็เข้าใจเรื่องของมันเป็นอย่างดี นี่เป็นเพียงอาวธทำลายล้าง ไม่ใช่ที่เก็บสมบัติ “

‘ชูเฟิง’กล่าวอย่างโมโห

” สหาย ชูเฟิง คำพูดนั้นก็แค่ลมปาก แม้ว่าขวานอสูรฟ้าจะยอมรับเจ้าเป็นนายของมัน แต่นั้นก็ไม่ได้แปลว่ามันเป็นของเจ้า เรื่องนี้พวกเราทุกคนได้ตกลงกันแล้ว และทุกคนต่างเห็นพ้องกัน “

” เจ้าสามารถพูดได้ว่ามันยอมรับเจ้าในฐานะเจ้านายของมัน ดังนั้นมันจึงเป็นของเจ้างั้นหรอ? แต่พวกเรานั้นไม่ควรได้อะไร กับที่เราต้องเสียผู้เชี่ยวชาญอาณาจักรสวรรค์ไปหลายคน ? “

‘เจี่ย หยาน’ กล่าว

***** บูม *****

ในเวลานั้น ประตูที่ปิดตาย ก็เปิดออกอีกครั้ง จากนั้นก็มีคนหลายคนพุ่งเข้ามา เขาคือรองประมุขของนิกายโลกวิญญาณ ‘เกา ฉีซือ’ และคนอื่นๆของนิกายโลกวิญญาณ ที่อยู่ภายในนครอันทรงเกียรติ แม้แต่ ‘สู่จงหยู’ ก็มาด้วย

” พวกเจ้าคิดจะทำอะไร ? หรือพวกเขาคิดจะปล้นคนของนิกายโลกวิญญาณ กลางวันแสกๆ!!!”

‘เกา ฉีซือ’ ตะหวาดใส่พวกเขาหลังจากที่เข้ามา สำหรับคนอื่นๆของนิกายโลกวิญญาณ อย่าง ‘สู่ จงหยู’ ต่างมีทาทีที่หยาบกระด้างอีกทั้งยังตั้งท่าเตรียมโจมตี

” รองประมุข เกา หรือว่าท่านต้องการสมบัตินั้น ถึงได้ปกป้องชูเฟิงเช่นนี้ ? “

” ใช่แล้วๆ แม้แต่รองผู้นำเจี่ยยังรู้ว่ามีสมบัติอยู่ภายในขวานอสูรฟ้า แล้วท่านที่เป็นผู้เชื่อมต่อฯชุดฟ้า มีหรือจะไม่รู้ “

” หืม ท่านที่เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญอาวุโส แต่ข้าไม่นึกเลยว่าท่านจะหน้าด้านถึงเพียงนี้!!! “

ก่อนที่ ‘เจี่ย หยาน’ ก็พูด ผู้นำทั้งหลายหรือแม้แต่เจ้าสำนักชั้นแนวหน้าก็เริ่มโวยวายอย่างเย็นชา ดูจากท่าทีของพวกเขาดูไม่สนใจเลยที่กำลังโดน’เจีย หยาน’ หลอกพวกเขานั้นเอาแต่จดจ่อที่จะได้ครอบครอง ขวานอสูรฟ้า ของ’ชูเฟิง’

เพื่อสมบัติภายในขวานอสูรฟ้านั้น พวกเขานั้นไม่สนว่าใครหน้าไหนจะเป็นศัตรู ต่อให้เป็นขุมอำนาจอย่าง นิกายโลกวิญญาณ

” ไร้สาระ!!! มันจะมีสมบัติอยู่ในยุทธภัณฑ์ชั้นยอดได้ยังไง พวกเจ้ายังมีสมองอยู่หรือเปล่า ? “

‘เกา ฉีซือ’ หน้ากลายเป็นสีฟ้าด้วยความโกรธ เขาจึงได้แต่สาปแช่งคนพวกนั้นที่เง่าเขลาเมื่อเห็นว่าผู้เชี่ยวชาญหลายคนยืนเถียงกันต่อหน้าเขาอย่างไม่จบไม่สิ้น ‘ชูเฟิง’ได้แต่หลี่ตาลงพร้อมกับขบคิดบางอย่างภายในใจ จากนั้นเขาก็กล่าวขึ้นมา

” ดูเหมือนว่าทุกคนอยากจะได้ขวานอสูรฟ้าของข้ามากสินะ แต่ข้าชูเฟิงนั้นไม่ใช่คนไร้เหตุผล และข้าเองก็ไม่อยากทำเรื่องยากให้กับพวกท่าน “

” เมื่อท่านบอกว่ามันมีสมบัติอยู่ภายในขวานอสูรฟ้าและท่านก็ต้องการจะนำมันไปเพื่อจะหาทางเอาสมบัติออกมา ไม่เป็นไรข้าชูเฟิงจะสนองต่อความอยากของพวกท่าน แต่พวกท่านต้องยอมรับเงื่อนไขของข้า “

” เงื่อนไขอะไร ? “

ได้ยินคำพูดนั้น สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันที พวกเขาไม่สามารถหยุดยั้งความอยากรู้นั้นได้เลย จึงได้แต่เข้าไปถาม’ชูเฟิง’อย่างใกล้ชิดพวกเขาทั้งหมดล้วนมุ่งหมายไปที่ ขวานอสูรฟ้าของ’ชูเฟิง’

หลังจากที่ ‘ชูเฟิง’ เคยช่วยชีวิตพวกเขา ดังนั้นไม่ว่าอารมณ์อยากพวกเขาจะอยู่เหนือเหตุผลแต่พวกเขาก็ไม่สามารถไปขู่เข็ญหรือปล้นเอาจากคนอื่นได้ นอกจากนี้ยังมีนิกายโลกวิญญาณเป็นโล่ป้องกันเขา

ดังนั้นพวกเขาก็จำเป็นที่จะต้องรู้จักประมาณสถานการณ์จริงๆแล้ว มีหลายคนไม่ต้องการให้เรื่องนี้เลยเถิด แม้ว่ามันจะมีสมบัติดึงดูด แต่พวกเขาก็ต้องแลกด้วยการทำสงคราม และหากมันพอมีหนทางอืนในการหาทางออกเรื่องนี้ ทุกคนก็พร้อมที่จะรับฟังข้อเสนอนั้นของ’ชูเฟิง’

” หากมีใครที่ยอมให้ ลูกแก้วแก่นแท้วิญญาณล้านเม็ด ข้าจะมอบขวานอสูรฟ้าให้ ไม่ว่าท่านอยากจะตรวจสอบมันยังไง ข้าก็จะไม่ขอไปเกี่ยวข้อง “

‘ชูเฟิง’กล่าว

” อะไรนะ ? ล้านลูกแก้วแก่นแท้ เจ้าไม่โลภไปหน่อยหรอ!!! “

ได้ยินคำของ’ชูเฟิง’ หลายคนทำหน้าตกตะลึงไม่ว่าพวกเขาจะยิ่งใหญ่มาจากไหน แต่ล้านลูกแก้วแก่นแท้นั้นไม่ใช้จำนวนน้อยๆ แม้ต่อให้ 7 มหาอำนาจรวบรวมมาอย่างน้อยๆพวกเขาจะต้องควักลูกแก้วแก่นแท้ออกมาเป็นหลักแสน นั้นก็นับว่ามากโขทีเดียว

” ทุกคน เคยพูดไม่ใช่หรอ ว่าภายในขวานอสูรฟ้าของข้า มีสมบัติที่เป็นของผู้เชี่ยวชาญระดับจักรพรรดิแห่งทักษะทิ้งไว้ สมบัตินั้นแน่นอนว่า ลูกแก้วแก่นแท้ล้านเม็ดก็ไม่อาจเทียบได้ จริงหรือไม่ ? “

” ตราบใดที่ท่านมอบลูกแก้วแก่นแท้ล้านเม็ดให้แก่ข้า ขวานอสูรฟ้านี่ก็จะเป็นของพวกท่าน ไม่ว่าสมบัติที่พวกท่านเจอจะเป็นอะไร ข้าก็ไม่ต้องการมันแม้แต่ชิ้นเดียว “

‘ชูเฟิง’กล่าว

” นี่เจ้า . . . . “

ในเวลานั้นผู้คนก็เริ่มลังเล แน่นอนว่าหากเป็นดั่งที่ ‘เจี่ย หยาน’ กล่าว ว่ามันมีทักษะเร้นลับและสมบัติที่ไม่มีที่สิ้นสุดอยู่ภายในขวานอสูรฟ้า ลูกแก้วแก่นแท้วิญญาณล้านเม็ดก็นับว่าไม่มากเกินไป

” ก็ได้ ข้าตกลง!!! “

ทันใดนั้น ‘เจี่ย หยาน’ ยอมตกลง อย่างไรก็ตามเขายังพูดต่อไปอีกว่า

” แต่เพื่อให้ได้สมบัติในขวานอสูรฟ้ามา ข้าต้องการให้มันตัดขาดกับนายของมัน ดังนั้น ข้าจึงต้องการแขนขวาของเจ้าด้วย!!! “

” เจ้ากล้าเหรอ!!!!!! “

หลังจากได้ยินคำพูดของ ‘เจี่ย หยาน’ ‘ชูเฟิง’ยังไม่ตอบอะไร ‘เกา ฉีซือ’ ‘สู่ จงหยู’ ‘กู๋ โบ่’ และคนอื่นๆจากนิกายโลกวิญญาณ ก็เลือดขึ้นหน้า การตัดแขนอัจฉริยะอย่าง’ชูเฟิง’นั้นเท่ากับทำลายอนาคตของเขา

อย่างไรก็ตาม ตอนนั้น ‘ชูเฟิง’ได้แต่หัวเราะออกมา พร้อมกับตอบสนองความต้องการของ ‘เจี่ย หยาน’ แต่สายตาที่เขาจ้องมอง ‘เจี่ย หยาน’ นั้นแสนจะเย็นชาขณะที่กล่าว

” วางลูกแก้วแก่นแท้ล้านเม็ดต่อหน้าข้า แล้วแขนขวานี้จะเป็นของท่าน “

ชูเฟิง : ข้าตัดแขนของข้าให้ท่านก็ได้ แต่ยังมีข้อแม้อื่นอีก

เจี่ย หยาน : ยังจะมีข้อแม้อะไรอีก

ชูเฟิง : ท่านต้องตัดไอจู๋ของท่าน . . . . .

เจี่ย หยาน : เจ้า . . . . . .

6 มหาอำนาจ : เพื่อสมบัติในขวานอสูรฟ้า ท่านก็ยอมเสียสละหน่อยก็แล้วกัน . . . .

เจี่ย หยาน : พวกมึงงงง . . . . . .

ชูเฟิง : หากท่านไม่ยอมก็ไม่เป็นไร ถือซะว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น

6 มหาอำนาจ : ท่าน เจี่ย หยาน กระเจี้ยวเด๋วก็งอกใหม่ได้ . . . . .

เจี่ย หยาน : เจี้ยวนะเว้ย!!! ไม่ใช่เล็บ ทำไมพวกเอ็ง คนใดคนหนึ่่ง ไม่ตัดมันแทนข้า

6 มหาอำนาจ : ก็ท่าน เป็นคนเสนอให้เขาตัดแขน เป็นท่านนะดีที่สุดแล้ว ในการเสียสละข้างนี้ของท่านพวกเราจะไม่มีวันลืม

เจี่ย หยาน : พวกมืงงงง . . . . . . เลวมากกกก

ชูเฟิง : เป็นอันตกลงนะ งั้นท่าน เจี่ย หยาน ยื่นไอจู๋ท่านออกมา

‘ ตัดจู๋แม่งเสร็จ กูฉิ่งแม่งเลย ‘

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments