I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Tales of Demons & Gods (妖神记) ตอนที่ 325 น้องชายและพี่สาว

| Tales of Demons & Gods (妖神记) | 2537 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

มีคนอยู่ประมาณห้าสิบถึงหกสิบคน บนสนามประลองยุทธ์ ทุกสนามนั้นต่างล้อมรอบไปด้วยผู้สังเกตการณ์ของตระกูลตัวเอง
มันเรียกว่าการชุมนุมของผู้ที่”โดดเด่นเป็นพิเศษ”

ตระกูลเถ้าอัคคี ตระกูลกู้  ตระกูลผนึกมังกร  ล้วนแต่เป็นตระกูลใหญ่พวกเขาได้ครองสนามบางประลองบางแห่งเป็นของพวกเขา สามารถกล่าวได้เลยว่าเป็นการชุมนุมของพวกเขาที่เอาไว้ทดสอบชนรุ่นใหม่ในความแข็งแกร่งของการศิลปะการต่อสู้

“เราไปรีบไปที่นั่นกันเถอะ!”

‘กู้หลาน’ชำเลืองมองไปที่กู้เบ่ยและเผยยิ้มเล็กน้อย

“ตกลง”

‘กู้เป่ย’พยักหน้า แม้ว่าอากัปกริยาท่าทางของเขาจะแลดูสงบ แต่อารมณ์ของเขานั้นหวั่นไหวเหมือนดั่งเช่นภายในใจของเขา

กลุ่มพวกเขาหันมองตรงไปยังทิศทางที่’กู้เหิง’   ‘กู้เบ่ย’ปล่อยพลังออกมาเล็กน้อยจากนั้นก็ยก’กู้หลาน’ออกจากเก้าอี้เบาๆ

เมื่อพวกเขามองเห็น’กู้หลาน’และ’กู้เบ่ย’ตรงมา เหล่าตระกูลกู้ทั้งหมดก็ถอยห่างออกไปและต่างสนทนากันด้วยเสียงเบาๆ

“น้องชายและพี่สาว กู้หลานและกู้เบ่ย ก็อยู่ที่นี่เช่นกัน!”

“แม้ว่าตั้งแต่เส้นชีพจรลมปราณของกู้หลานนั้นจะมีการอุดตัน นางก็อาศัยอยู่อย่างสันโดษในที่สุดนางก็ออกมา”

เหล่าผู้คนจากตระกูลกู้ได้แต่ทอดถอนหายใจด้วยความโศกเศร้า มีหลายเรื่องราวภายในตระกูลกู้และในหมู่ชนรุ่นใหม่นั้นหลายคนเคยได้รับการสนับสนุนจากกู้หลาน

ก่อนที่’กู้หลาน’นั้นจะต้องกลายเป็นคนพิการ นางเป็นคนที่ได้รับความเคารพนับถืออย่างมาก ภายในตระกูลกู้ มากยิ่งกว่า’กู้เหิง’ นัก
แม้ว่าเส้นชีพจรลมปราณของนางนั้นจะอุดตันและการบ่มเพาะพลังของนางจะต้องพิการ แต่หลายคนก็ยังให้ความเคารพ’กู้หลาน’เป็นอย่างมาก

“เจ้าได้ยินข่าวหรือไม่?ว่ากู้เบ่ยนั้นได้ใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนมหาศาลที่ลานประมูลเมื่อวานนี้หลังจากคำนวณแล้ว ดูเหมือนว่าเขานั้นจะใช้เกินกว่า สี่แสน ศิลาจิตวิญญาณเลยทีเดียว นับว่าเป็นเรื่องที่สร้างความตกใจยิ่งนัก! ข้าสงสัยว่าเงินทั้งหมดมาจากที่ไหนกัน?”

“กู้เบ่ยนั้นยังไม่ได้เดินทางออกไปโลกภายนอกและยังไม่ได้มีการจัดตั้งกองกำลังของตัวเองเลย
นอกจากนี้เขายังไม่ได้ร่วมแข่งขันในการครอบครองทะเลสาปเทพ เลย ทำไมเขานั้นจึงสามารถที่จะมีศิลาจิตวิญญาณจำนวนมหาศาลได้เช่นนั้น?”

“ข้าเองก็ไม่แน่ใจ แต่ด้วยการใช้จ่ายเงินจำนวนมากเพียงลำพังด้วยตัวคนเดียว คงเป็นไปไม่ได้! มันสามารถเป็นไปได้ว่ามันคือเงินจากกู้หลาน”

บรรดาเหล่าผู้คนของตระกูลกู้ต่างสนทนาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา หลังจากที่เส้นชีพจรลมปราณของ’กู้หลาน’นั้นเกิดการอุดตัน พวกเขาต่างก็ได้ตั้งความหวังบางอย่างไว้กับ’กู้เบ่ย’

แต่อย่างไรก็ตาม ‘กู้เบ่ย’นั้นเป็นบุคคลสร้างความน่าผิดหวัง  เขานั้นเป็นคนที่ไม่เอาถ่านโดยสมบูรณ์ ตั้งแต่อายุเขายังน้อย อยู่ก็มีภรรยาเกินกว่ายี่สิบคน

แม้ในด้านพรสวรรค์ของเขาจะสร้างความน่าตกใจ   เพราะเป็นถึง  รากวิญญาณฟ้า ขั้นที่เจ็ดแต่ในด้านการบ่มเพาะพลังของเขากลับไม่ได้เพิ่มขึ้นตามความคาดหวัง

‘กู้เบ่ย’นั้นจึง ได้ถูกปฏิบัติเหมือดั่งเช่นเป็นขยะนักแม้แต่คนที่มีระดับชะตาดินก็ตาม

แต่อย่างไรก็ตาม จากการกระทำในเรื่องวานนี้ ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ทั้งตกใจในความร่ำรวย ที่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาสามารถใช้จ่ายออกไปได้   พวกเขาจึงเริ่มที่จะต้องทำการประเมิน’กู้เบ่ย’ใหม่อีกครั้ง

ในวันนี้นั้น’กู้เบ่ย’และ’กู้หลาน’ ได้ปรากฏตัวออกมา ใครจะรู้ล่ะว่าพวกเขาอาจจะมีแผนการบางอย่างอยู่ก็ได้?

‘กู้เหิง’จ้องชำเลืองมองไปยัง’กู้เบ่ย’และ’กู้หลาน’ เขานั้นไม่อาจอดที่จะหัวเราะได้

“กู้หลาน กู้เบ่ย เจ้าทั้งสองคนก็มาร่วมการชุมนุมเหมือนกันรึ?”

หลังจากเขาพูดจบ ประกายตาที่มีร่องรอยแห่งความเย็นเยือกก็ผ่านออกมา เขาก็ทราบ ถึงเรื่องที่ของ’กู้เบ่ย’ได้กระทำในเมื่อวาน

‘กู้เบ่ย’นั้นได้แสดงกิริยาท่าทางเล็กเพื่อเตือน’กู้เหิง’ที่นั่งอยู่ จากที่ทั้งสองพี่น้อง คนหนึ่งพิการอีกคนไม่เอาถ่าน  หาได้มีความสำคัญที่จะโยกคลอนตำแหน่งของเขาได้!

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเรื่องอะไรที่พวกเจ้าทั้งสองได้คิดเอาไว้ ข้าจะทำให้เจ้า ต้องประสบกับความล้มเหลวโดยไร้ปราณี

‘กู้เบ่ย’หัวเราะแสดงออกถึงความไร้มารยาท

“เป็นวันที่ดีสำหรับทุกท่าน  ท่านผู้อาวุโส ท่านพี่กู้เหิง พวกเราแค่มาเดินเล่นรอบๆบริเวณนี้ ดูเหมือนว่าคืนนี้จะมีอากาศที่ดีนะ “

ผู้อาวุโสบางคนต่างจับจ้องมองไปยังกู้หลาน

“กู้หลาน เจ้าเป็นอย่างไรบ้างหละ?”

หนึ่งในผู้อาวุโสสวมชุมคลุมสีทองยิ้มออกมาด้วยความมีเมตตา เขานั้นเป็นผู้อาวุโสลำดับหนึ่งของตระกูลกู้’กู้หยา’

“ขอบคุณผู้อาวุโสหนึ่งที่เมตตา ข้ารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว”

‘กู้หลาน’พยักหน้า ตอนนี้นางปกปิดความแข็งแกร่งด้วยวิธีพิเศษ แม้แต่’กู้หยา’ก็ไม่สามารถที่จะสัมผัสรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของนาง

“เอาล่ะ”

‘กู้หยา’พยักหน้าขณะที่เขาถอดถอนหายใจ ‘กู้หลาน’นั้นเส้นชีพจรลมปราณอุดตัน ทำให้ต้องกลายมาเป็นคนพิการ สวรรค์ช่างไม่เป็นใจให้ตระกูลกู้จริงๆ  ด้วยพรสวรรค์ของนางนั้นสูงส่งเป็นอย่างมากในรอบ 100 ปีที่เลยทีเดียว ผู้สืบทอดลำดับหนึ่ง คนปัจจุบันอย่าง’กู้เหิง’นั้นยังนับว่าห่างไกลมากเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับนาง

‘กู้เหิง’ได้แต่ถอนหายใจ

“กู้หลานช่างน่าสงสาร ดูเหมือนว่าดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน มันช่างเลวร้ายที่เส้นชีพจรลมปราณอุดตันไม่สามารถที่จะรักษาได้”

แม้ว่า’กู้เหิง’จะแสดงท่าทางเห็นใจแต่กู้หลานกลับยินคำพูดที่ฟังดูเยาะเย้ยแฝงยู่ในคำพูดของเขา ได้ยินคำพูดเหล่านั้นก่อนหน้านี้ นางต้อถึงกับต้องจุกหน้าอกเป็นแน่

ตอนนี้นางสามารถที่จะสงบจิตใจได้  ถ้ากู้เหิงนั้นได้รู้ว่าการบ่มเพาะพลังของนางได้กลับฟื้นฟูไปยังจุดสุดยอดอีกครั้งแล้ว ใครจะรู้ว่าเขาจะแสดงสีหน้าเป็นเช่นไร?

‘กู้เบ่ย’เปลี่ยนเรื่องสนทนา

“วันนี้ดูมีชีวิตชีวานัก ข้าได้ยินว่าเหล่าชนรุ่นใหม่ของตระกูลกู้ ได้มีการฝึกซ้อมการต่อสู้ขึ้นที่นี้  ข้าจึงอยากมาร่วมสนุกด้วย “

แม้ว่าเขานั้นจะไม่ค่อยถูกกับ ‘กู้เหิง’เท่าไหร่แต่เขาก็ยังอดทนรอเวลา ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไรที่รุนแรงเกี่ยวออกมา

ตอนนี้นั้น’กู้เหิง’ เป็นผู้สืบทอดอันดับหนึ่งของตระกูลกู้ แม้ว่า’กู้เบ่ย’ต้องการที่จะดึงกู้เหิงลงมาแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อาวุโส เขายังคงวางท่าทางอย่างระมัดระวัง

‘เนี้ยหลี่’และกลุ่มของเขายืนอยู่ด้านข้าง ‘เนี้ยหลี่’สังเกตเห็นว่าทุกคนต่างแสดงท่าทางและจับจ้องความสัมพันธ์ภายในของตระกูลกู้
มันดูเหมือนว่าทุกคนค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับกู้หลานและกู้เบ่ย

“โอ้? ญาติผุ้น้องกู้เบ่ย ก็มีความสนใจเหมือนกันหรือนี้? พวกชนรุ่นใหม่ของตระกูลกู้ของพวกเขากำลังฝึกซ้อมการต่อสู้กันอยู่ตอนนี้เป็นเหมือนกับต้นกล้าที่สดใหม่ ทำใมญาติผู้น้องกู้เบ่ยไม่พยายามขึ้นไปทดสอบดูหละ?”

‘กู้เหิง’กล่าวพร้อมเผยออกมายิ้มเล็กน้อย

‘กู้หยา’และคนอื่นๆล้วนมองไปยัง’กู้เบ่ย’ที่มีชื่อเสียงไปไนทางไม่ดีของตระกูลกู้ เขามักจะไม่ใส่ใจกลับการบ่มเพาะพลังของเขา อย่างไรก็ตาม ในเมื่อวานนี้มีเรื่องที่ทำให้พวกเขานั้นสับสนได้เหมือนกัน

ในเรื่องของการใช้เงินสี่แสนศิลาจิตวิญญาณ ไม่ใช่ว่าใครจะสามารถหามันได้ แม้ว่าผู้อาวุโสเช่นพวกเขายังไม่กล้าที่จะใช้ เงินสี่แสน ศิลาจิตวิญยาณ ในการใช้จ่ายเพียงครั้งเดียว! มันเป็นเหตุการณ์ที่น่าจดจำของชนรุ่นใหม่ และอีกอย่างหนึ่งเขายังเป็นน้องชายของ’กู้หลาน’!

พรสวรรค์ของ’กู้เบ่ย’นั้นค่อนข้างดีเลยทีเดียว ถ้าเขาสามารถฝึกฝนการบ่มเพาของเขาพลังอย่างหนักล่ะ อาจสามารถประสบความสำเร็จมากกว่านี้และอาจจะกลายมาเป็นเสาหลักของตระกูลกู้ได้

‘กู้หยา’และพรรคพวกต้องการที่จะเห็นความแข็งแกร่งของ’กู้เบ่ย’ แต่อย่างไรกู้เบ่ยดูเหมือนว่าจะยังไปไม่ถึงระดับสูงของชะตาดินเสียด้วยซ้ำและยังไปไม่ถึงระดับหนึ่งชะตาสวรรค์เลย

พวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย  ‘หลงยู่อิน’ที่อยู่ในรุ่นเดียวกันกับ’กู้เบ่ย’นั้นดู จะก้าวขึ้นไปถึงระดับ ชะตาสวรรค์เรียบร้อยแล้ว

‘กู้เหิง’เห็นการแสดงออกของ’กู้หยา’และพรรคพวก ซึ่งมีร่อยรอยแห่งความผิดหวังผ่านออกมาจากแววตาของพวกเขา ในที่สุดเจ้าเด็กกู้เบ่ยก็แสดงตัวออกมาแล้วรึ? มันดูเหมือนว่าเขาจะต้องส่งใครไปสั่งสอนบทเรียน’กู้เบ่ย’สักเล็กน้อยแล้ว!

“เมื่อญาติผู้น้องกู้เบ่ย สนใจ ทำไมไม่ลองเล่นกับ กู้ควนสักเล็กน้อยล่ะ?”

‘กู้เหิง’  มองไปที่กู้เบ่ยขณะพร้อมหัวเราะหึๆออกมา

“อย่างไรก็ตาม กู้ควนไปถึงจุดสูงสุดของชะตาระดับดิน แล้ว! ระดับเซียน”

‘กู้เบ่ย’ทำท่าลังเลซักพักหนึ่ง จากนั้นก็พูดด้วยท่าทางลำบากเล็กน้อย

” อ่านั่นดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่?”

‘กู้เหิง’คิดว่า’กู้เบ่ย’นั้นกลัว ดังนั้นเขาจึงเผยยิ้มออกมา

“มันเป็นแค่เพียงการซ้อมต่อสู้ระหว่างชนรุ่นใหม่ ญาติผู้น้องกู้เบ่ยไม่เห็นต้องกังวลเกี่ยวกับมัน ข้าจะให้กู้ควน ออมมือให้!”

‘กู้เบ่ย’ทำท่าครุ่นคิดหนักชั่วขณะหนึ่ง ราวกับว่าต้องตัดสินใจอย่างยากลำบากมาก ก่อนที่เขาจะพูดออกไปว่า

“ถ้าเช่นนั้นก็ตกลง”

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ไม่สามารถอดที่จะยิ้มออกมาได้เห็นได้จากบริเวณใบหน้าของนาง แม้ว่านางนั้นจะไม่รู้ความแข็งแกร่งของสหายของ’เนี่ยหลี่’  นางก็สามารถบอกได้เลยว่าคนที่มีระดับสูงสุดแค่ชะตาดินนั้นไม่อาจจะสร้างปัญหาให้แก่เขาเลย

อย่างไรก็ตาม ‘กู้เบ่ย’กลับทำท่าว่ามันเป็นเรื่องยากมาก ซึ่งดูคล้ายกับ’เนี้ยหลี่’มาก  ทำท่าว่าตัวเองจะตกเป็นเหยื่อขณะที่เหยื่อกลับกลายเป็นนักล่า ดังเช่นความจริงที่ว่า

“พวกนกที่ขนเหมือนกันมักรวมกลุ่มอยู่ด้วยกัน”

เมื่อพวกเขาได้ยินว่า’กู้เบ่ย’ กำลังจะเข้าร่วมการประลอง ก็กลายมาเป็นที่สนใจของคนทั่วทั้งตระกูลกู้ในทันที

“เจ้าได้ยินมาจริงรึ เจ้าคนไม่เอาไหน มีภรรยากว่ายี่สิบคน จะร่วมประลองยุทธ์”

“ข้าได้ยินมาว่าการบ่มเพาะพลังของเขานั้นอยู่ในระดับต่ำของชะตาดิน!เพราะว่าเขานั้นไม่ได้ฝึกฝนทักษะการต่อสู้อะไรเลย เขาจะต้องพ่ายแพ้ในการต่อสู้นี้แน่ เหมือนกับเขตแดนวิญญาณของเขานั้นล่ะเขาเป็นได้แค่ขยะเท่านั้น!”

“แต่เขามีรากวิญญาณฟ้าระดับ 7 เชียวนะ”

“มีรากวิญญาณฟ้าระดับ 7 แล้วใช้ไม่เป็นจะมีประโยชน์อันใดเล่า?”

“แต่ข้ายังไม่การให้กู้เบ่ยป็นขยะนะ ก็เขานั้นเป็นน้องชายของกู้หลาน!”

“ความแตกต่างระหว่างพี่สาวและน้องชายห่างกันมากนัก! พวกเขาเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันจริงหรือ?”

บรรดาเหล่าคนจากตระกูลกู้ต่างวิพากษ์วิจารณ์กัน พวกเขาล้วนให้ความสนใจในการต่อสู้ครั้งนี้

เมื่อได้ยินเสียงพวกเขาวิจารณ์กัน ‘กู้เหิง’ก็ส่งเสียงของเขาไปยัง’กู้ควน’ และมีน้ำเสียงที่เย็นเยือกว่า

“กู้ควน จัดการมันอย่างได้ปราณีจนกระทั่งมันไม่สามารถที่จะบ่มเพาะพลังได้อีกเลย!”

ในขณะนั้น’กู้เบ่ย’ก็มีความคิดหลายอย่างโผล่ขึ้นมา เขารู้ว่าจะโดนจัดการอย่างไร้ปราณี!

‘กู้ควน’ชำเลืองมองไปที่’กู้เบ่ย’ด้วยแววตาที่มีร่องรอยแห่งการดูถูก สั่งสอนบทเรียนให้ขยะอย่าง’กู้เบ่ย’นั้นนับว่าเป็นเรื่องที่ง่ายนัก เขากระโดดลอยขึ้นไปบนสนามประลอง

‘กู้เป่ย’ก็กระโดดขึ้นไปบนเวทีเหมือนกันด้วยการก้าวเบาๆเหมือนดั่งขนนก ราวกับว่าเขานั้นไม่ได้มีความแข็งแกร่งใดๆ

เหล่าศิษย์ทั้งหลายที่อยู่รอบๆต่างอดไม่ได้ส่ายหน้า เมื่อเห็นภาพเหล่านั้น’กู้เบ่ย’นั้นอาจจะยุ่งกับผู้หญิงหนัก จึงทำให้เขามีท่าทางไม่ค่อยมีแรงเช่นนี้ เขาจะต่อสู้ได้อย่างไร? มันคงเป็นปัญหา ‘กู้เบ่ย’คงมีความรู้ใดๆในการต่อสู้บ้างนะ

‘เนี่ยหลี่’เผยรอยยิ้มออกมา ‘กู้เบ่ย’ แสดงท่าทางได้ดีจริงๆเลยนะ เขาไม่กลัวโดนว่าจะโดนฟ้าผ่ารึอย่างไร? ตามความเชื่อของจีนได่กล่าวไว้ว่า

“ถ้าคุณทำสิ่งที่ไม่ดีคุณจะโดนฟ้าผ่า”

‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ยิ้มขณะที่นางส่งเสียงไปยัง’เนี้ยหลี่’

“เนี่ยหลี่ กู้เบ่ยคงจะเรียนมาจากเจ้าถูกต้องไหม?”

‘เนี้ยหลี่’ถูจมูกของตัวเองแล้วเขาก็หัวเราะออกมา,

“เขาเรียนมาจากข้ากระนั้นรึ?ข้าเป็นเช่นนั้นเหรอ?”

‘เซี่ยวหยู่’ไม่สามารถอดยิ้มได้ ขณะที่เขาเม้มริมฝีปาก เขานั้นทราบดีถึงความแข็งแกร่งของ’กู้เป่ย’ ด้วยจิตสูรสายเลือดมังกรอัตราการเจริญเติบโตระดับพระเจ้าอย่างเดียว เขาสามารถมีระดับที่ก้าวกระโดดและสามารถสู้กับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าได้  สิ่งที่ทำอยู่เป็นเพียงแค่การแสดงท่าทางว่าเขากำลังกลัวอยู่ก็เท่านั้นเองหละ

เหล่าผู้คนจากตระกูลกู้ต่างส่งเสียงให้กำลังใจจากบริเวณด้านล่าง

“กู้ ควน,จัดการล้มเจ้าคนไม่เอาถ่านนั้นซะ!”

“กู้เบ่ย เก็บมันเลย!”

เสียงให้กำลังใจดังขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง

“กู้เบ่ย ข้าดูแล้วเจ้าไม่เอาไหนนัก คงเป็นได้เพียงขยะ เจ้าไม่มีคุณสมบัติใดๆที่จะมาอยู่ในตระกูลกู้ของพวกเราเลย  รากวิญญาณฟ้าขั้นที่เจ็ดของเจ้าช่างเสียเปล่าจริงๆ วันนี้ข้าจะเป็นตัวแทนของตระกูลสอนบทเรียนให้เจ้า!”

‘กู้ควน’ พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยือกขณะที่เขาก้าวเท้าไปหา’กู้เบ่ย’พลังวิญาณที่น่าหวาดหวั่นแผ่พุ่งไปสู่ฟ้า

เหมือนดั่งเช่นเสือที่ดุร้ายเพิ่งก้าวออกมาจากขุนเขา ‘กู้ควน’คำรามและกระโจนไปหากู้เป่ย,เมื่อเขาลอยอยู่บนอากาศ ร่างกายของเขาได้เปลี่ยนร่างรวมเข้ากับ เหยี่ยวเหล็กทมิฬพร้อมกับมีกงเล็บที่เป็นเหล็กออกมา

แม้ว่าในความคิดกู้ควนจะดูถูกดูแคลน’กู้เบ่ย’มากนัก แต่เขาก็กลับไม่ได้ออมมือแม้เพียงนิดในการโจมตีของเขา

‘กู้ควน’พยายามใช้ความแข็งแกร่งของเขาทั้งหมด ‘กู้เป่ย’อาจจะเจอช่วงเวลาที่ยากลำบากเป็นแน่ เขาจะทานทนได้ซักเท่าไหร่
เหล่าผู้อาวุโส ถอนหายใจและไม่สามารถจะไม่ส่ายหน้าของพวกเขาได้

พวกเขาล้วนรู้ดีถึงระดับความแข็งแกร่งของกู้เบ่ย เนื่องเพราะเขานั้นเป็นคนไม่เอาไหน เจ้าเด็กนั้นไม่ได้ใช้ความพยายามที่จะบ่มเพาะพลังเลย

‘กู้ควน’เล็งกรงเล็บเหล็กไปที่บริเวณศีรษะของ’กู้เบ่ย’ ด้วยท่าทางที่น่าหวาดกลัว

แปลโดย ผู้ไม่ประสงค์นาม

คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments