ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘กู้เบ่ย’ทำการบ่มเพาะพลังอย่างเชื่องช้า ทว่านั่นเป็นสิ่งที่เขาจงใจแสดงให้ผู้อื่นได้เห็น
ในความเป็นจริง ‘กู้เบ่ย’ได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกฝนเจตจำนงค์ค์แห่งกระบี่ ภายใต้การแนะนำของ’กู้หลาน’ เจตจำนงค์ค์แห่งกระบี่ของเขาได้อยู่ในระดับที่สั่นคลอนผู้คนได้แล้วในตอนนี้
ถ้าเขาไม่ได้ปิดบังระดับการบ่มเพาะพลังของเขาเอาไว้ ในตอนนี้เขาก็อยู่ในระดับชะตาสวรรค์จึงสามารถผสานร่วมกับจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้าได้
และเมื่อกรงเล็บแหลมของ’กู้ควน’ 顾宽 กำลังจะเจาะถึงหัวของ’กู้เบ่ย ‘
‘กู้เบ่ย’เพียงแค่ขยับตัวออกเล็กน้อยหลบการโจมตี และขณะเดียวกันเขาได้ใช้มือของเขาทั้งสองข้างจับไปที่กรงเล็บของ’กู้ควน’แล้วจับเหวี่ยงฟาดลงพื้นดินส่งเสียอึกทึกคึกโครมปานฟ้าร้อง
บรึ้มมมมม !!! ประมาณว่าอยู่กะกิ๊กละเมียโทรหา
หัวของ’กู้ควน’ถูกกระแทกลงพื้นอย่างรุนแรง และลวดลายจารึกที่อยู่บนพื้นเริ่มส่องแสงออกมา หากขาดลวดลายจารึกเรืองแสงเหล่านี้แล้วพื้นนี่ อาจจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ขณะที่’กู้ควน’ถูกกระแทกลงมา แต่เนื่องด้วยลวดลายจารึกเหล่านี้เองที่ทำให้พื้นดินมีความแข็งแรงมากเป็นพิเศษ ‘กู้ควน’จึงได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก
จิตอสูรที่กู้ควนผสานรวมร่างอยู่ๆค่อยๆสลายจางหายไป ปล่อยให้เหลือเพียงร่างไร้สติของ’กู้ควน’นอนอยู่บนพื้น
นี่เป็นความพ่ายแพ้ในแง่ความแข็งแกร่ง !
เมื่อได้เห็นเหตุการณ์อันปรากฏอยู่เบื้องหน้า ในตาของเหล่าผู้อาวุโสเป็นประกาย รวมไปถึง’กู้หยา’ 顾崖 ด้วยเช่นกัน
ความแข็งแกร่งของ’กู้เบ่ย’อยู่ในระดับชะตาสวรรค์! มิเช่นนั้นเขาคงไม่สามารถจัดการ’กู้ควน’ที่ผสานร่างรวมกับเหยี่ยวเหล็กทมิฬได้ภายในกระบวนท่าเดียวเป็นแน่!
เหล่าผู้คนในตระกูลทั้งหมดต่างตกตะลึง พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่า’กู้เบ่ย’จะสามารถจัดการกู้ควนได้ด้วยกระบวนท่าเดียว นี่เจ้าเด็กไม่เอาไหนนี่แข็งแกร่งขึ้นตอนไหนกัน?
ทุกพื้นที่ต่างเงียบสงัด พวกเขารู้สึกราวกับได้รู้จักและพบเจอกับ’กู้เบ่ย’เป็นคราแรก
“นี่ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กนี่ปิดบังความแข็งแกร่งเอาไว้!”
‘กู้หยา’ยิ้มเบาๆขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เขารู้สึกปลาบปลึ้มอยู่ในใจที่ได้รับรู้ว่า เด็กผู้ที่ทุกคนมองว่าไม่เอาไหน ไม่มีอะไรดีที่จริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น ‘กู้ควน’ไม่สามารถทำให้’กู้เบ่ย’แสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมาได้ ‘กู้หยา’เหลือบมองไปยัง’กู้เหิง’ และกล่าวว่า
“กู้เหิง ส่งผู้ที่อยู่ในระดับชะตาสวรรค์ขึ้นไปทดสอบเด็กนั่น”
‘กู้เหิง’แทบจะสูญเสียความเยือกเย็นไปเพราะความโกรธ เดิมทีเขาคิดว่าเพียงแค่การส่ง’กู้ควน’ไปก็นับว่าเพียงพอแล้วที่จะ ตบตี’กู้เบ่ย’ได้ แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่า’กู้เบ่ย’จะแสร้งทำเป็นเหยื่อที่แสนอ่อนแอแล้วพลิกกลับมาเป็นนักล่า พร้อมกับส่งมอบความพ่ายแพ้ให้กับ’กู้ควน’ด้วยกระบวนท่าเดียว เขาสัมผัสได้ถึงความชื่นชมจากน้ำเสียงของ’กู้หยา’
แม้ความแข็งแกร่งของ’กู้เบ่ย’จะไม่ได้โดดเด่นมากนัก แต่นั่นก็นับว่าเขายังเยาว์
เมื่อ’กู้เบ่ย’แสดงความสามารถออกมาเพียงพอทางตระกูลย่อมให้ความสำคัญและใกล้ชิดกับ’กู้เบ่ย’แน่นอน ในอีกสิบถึงยี่สิบปีข้างหน้า อาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง ‘กู้เบ่ย’อาจจะเหนือกว่า’กู้เหิง’ก็เป็นได้!
‘กู้เบ่ย’เป็นน้องชายของกู้หลาน ‘กู้เหิง’จึงไม่ประมาทเขาอีกครั้ง
และจากนี้เขาจะไม่อดกลั้นใดๆทั้งสิ้น
“กู้อวิ๋น เจ้าไป!”
‘กู้เหิง’เปล่งเสียงออกมาอย่างเย็นชา กู้อวิ๋น 顾云อยู่ในระดับสูงสุดของชะตาสวรรค์ขั้นที่ 1
“ขอรับ!”
‘กู้อวิ๋น’พยักหน้ารับ และกระโจนตัวขึ้นไปยังบนเวที
‘กู้ควน’ถูกใครบางคนนำตัวออกจากเวทีไปเรียบร้อย
‘กู้อวิ๋น’มอง’กู้เบ่ย’และเปล่งเสียงฮึ่มออกมาเบาๆ
“ข้าไม่คาดคิดเลยว่า ขยะอย่างเจ้ายังคงมีความสามารถบางอย่าง แต่เจ้าไม่มีแม้แต่โอกาสจะเอาชนะข้า!”
“เจ้าหมายถึงอะไรความสามารรถบางอย่าง ? สงสัยตาของเจ้าคงจะไม่เห็นว่าข้าแค่เหวี่ยงมันลงพื้นแค่ครั้งเดียว?”
‘กู้เบ่ย’ไม่ได้มีความกดดันแม้แต่น้อย
“อย่าบอกนะว่าเจ้าชื่นชมข้าเพียงแค่การกระทำเล็กน้อยนั่น?”
แค่จับเหวี่ยงลงพื้น โดนบอกมีความสามารถบางอย่าง 555+
ด้วยการแสดงของ’กู้เบ่ย’ที่ทำทีท่าเยี่ยงคนโง่ ‘กู้อวิ๋น’ ยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย และกล่าวว่า
“ข้าจะดูว่าเจ้าจะทำเก่งได้อีกแค่ไหน!”
‘กู้อวิ๋น’ทะยานตัวขึ้นเหวี่ยงหมัดทั้งสองข้างเข้าจู่โจม’กู้เบ่ย’ หมัดนั้นปล่อยแรงระเบิดออกมาอย่างเห็นได้ชัด แสงที่มันเปล่งออกมาบ่งบอกได้ถึงความรุนแรง
‘กู้อวิ๋น’ดูเหมือนยังไม่ได้ วางแผนที่จะผสานร่างรวมกับจิตอสูร เขาอยู่ห่างจากขั้นที่ 2 ระดับชะตาสวรรค์ เพียงแค่ครึ่งก้าวและสามารถบดขยี้’กู้เบ่ย’ได้อย่างง่ายดาย
เมื่อเห็น’กู้อวิ๋น’โจมตีเข้ามา ‘กู้เบ่ย’แปรเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นไม่มีแววขี้เล่นหลงเหลืออีกต่อไป เขายกมือขวาขึ้นมาอยู่ระดับหน้าอก กางสองนิ้วออกไปด้านนอก
ขณะนี้’กู้เบ่ย’ถูกห่อหุ้มด้วยเจตจำนงค์ค์แห่งกระบี่
นิ้วมือแปรเป็นกระบี่ นับตั้งแต่ที่เขาได้รับคำว่า ‘กระบี่’ จาก’เนี่ยหลี่’ความเข้าใจในเจตจำนงค์ค์แห่งกระบี่ของเขาก็ได้ก้าวข้ามไปอีกระดับหนึ่ง
ทันทีที่’กู้อวิ๋น’เข้ามาปะทะนั้น
วูช!
ร่างกายของ’กู้เบ่ย’กลายเป็นลำแสงฟาดฟันมายัง’กู้อวิ๋น’ เขาวิ่งปะทะฝ่ายตรงข้ามโดยตรงโดยมีเพียงเจตจำนงค์ค์แห่งกระบี่ที่อยู่บน
สองนิ้วมือของเขาเท่านั้นแต่เดิน’กู้อวิ๋น’คิดว่าสามารถจัดการ’กู้เบ่ย’ลงได้ หลังจากที่เขาอยู่จุดสูงสุดของขั้นที่ 1 ระดับชะตาสวรรค์ ดังนั้นเขาจึงเสียเวลาที่จะต้องผสานร่างรวมจิตอสูรกับการต่อสู้ระดับนี้ เขาไม่เคยคิดว่ายามเขาต่อสู้แล้วเขาจะถูกทำร้ายโดย’กู้เบ่ย’
‘กู้เบ่ย’ไม่ได้หันหน้าไปมอง’กู้อวิ๋น’อีกครั้ง ก่อนจะพูดด้วยเสียงนุ่มลึก
“ลงไปจากเวทีนี้ซะ หากนี่เป็นการต่อสู้จริงแล้วมีแต่ความตายเท่านั้นที่รอเจ้าอยู่!”
สายลมพัดผ่านเส้นผมของ’กู้เบ่ย’ปลิวไสวไปตามแรงลม การแสดงออกของเขาในตอนนี้นั้นสร้างบรรยากาศน่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง
เสียงร้องอุทานด้วยความตื่นเต้นดังมาจากเหล่าผู้ชมที่เป็นสตรีที่อยู่ด้านล่างเวที การแสดงออกของ’กู้เบ่ย’ในตอนนี้ ช่างน่าหลงใหลเป็นยิ่ง พวกเขาไม่สามารถบอกได้ว่า’กู้เบ่ย’นั้นทำได้อย่างไร
ดวงตาของ’กู้หยา’เบิกกว้างขึ้นเมื่อได้เห็นการโจมตีของ’กู้เบ่ย’ เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าเจตจำนงค์ค์แห่งกระบี่ของ’กู้เบ่ย’จะอยู่ระดับนี้แล้ว ด้วยเจตจำนงค์ค์แห่งกระบี่ระดับนี้ แม้แต่ยอดฝีมือขั้นที่ 2 ของระดับชะตาสวรรค์ก็มิอาจจะเป็นคู่มือ!
การบ่มเพาะพลังนั้นเป็นเรื่องง่าย แต่เจตจำนงค์ค์แห่งกระบี่นั้นคนละเรื่องกัน มันเป็นเรื่องที่ยากมากในการจะฝึกฝนมัน แต่เมื่อมันสำเร็จการบ่มเพาะของกู้เบ่ยจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดด!
พวกเขาทุกคนต้องประเมิน’กู้เบ่ย’เสียใหม่ พวกเขาคิดว่า’กู้เบ่ย’เป็นเพียงคนที่ไม่เอาไหนไม่มีอะไรดี แต่ความจริงแล้วในขณะที่พวกเขาไม่รู้ ‘กู้เบ่ย’ได้ฝึกฝนเจตจำนงค์ค์แห่งกระบี่จนมีประสิทธิภาพ!
อาศัยเพียงเจตจำนงค์ค์แห่งกระบี่ของ’กู้เบ่ย’นี้ก็นับว่าเพียงพอแล้วที่จะได้รับสิทธิ์เข้าร่วมเป็นผู้นำตระกูลรุ่นถัดไป
อย่างไรก็ตาม’กู้อวิ๋น’ยังไม่ยอกมเลิกรา เขายังไม่ตระหนักถึงว่าเหตุใดถึงได้ถูกกู้เบ่ยทำร้ายได้ เขาหันไปและยังจะทำการต่อสู้กับ’กู้เบ่ย’ต่อ
“กู้อวิ๋น กลับลงมา เจ้าไม่ใช่คู่มือเขา!”
‘กู้หยา’กล่าวน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความปีติ
เหล่าผู้อาวุโสต่างจ้องมองซึ่งกันและกัน ประกายความปลื้มปีติ สะท้อนอยู่เต็มแววตา พวกเขารู้สึกดีที่ได้พบกับอัจฉริยะเพิ่มอีกคนที่จะสามารถสร้างชื่อเสียงให้แก่ตระกูลได้ และเป็น’กู้เบ่ย’นั่นเอง บุคคลซึ่งไม่เคยได้รับการคาดหวังใดๆ
‘กู้เหิง’จับพนักแขนของเก้าอี้ไว้แน่น เผยให้เห็นเส้นเลือดที่ปูดโปนออกมา แต่ตอนนี้เขาได้ประเมิน’กู้เบ่ย’ใหม่แล้ว กลับกลายเป็นว่ากู้เบ่ยฝึกฝนเจตจำนงค์ค์แห่งกระบี่มาอย่างหนักในที่ผ่านมา เขาใช้เวลานานมากในการฝึกเจตจำนงค์ค์แห่งกระบี่ แต่เมื่อฝึกสำเร็จผลลัพธ์ที่มันแสดงออกมากับเป็นที่น่าตกใจเป็นอย่างมาก
เมื่อ’กู้เบ่ย’ ฝึกเจตจำนงค์ค์แห่งกระบี่สำเร็จ เขาจะสามารถท้าทายเหล่าผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะสูงกว่าเขาได้
แม้ว่าเจตจำนงค์ค์แห่งกระบี่ของ’กู้เบ่ย’จะยังไม่สูงพอ แต่มันก็น่าตกใจมากแล้วสำหรับอายุเพียงเท่านี้
‘กู้เหิง’รู้สึกถูกกดดันมากขึ้นไปทุกที หาก’กู้เบ่ย’ยังคงแสดงความสามารถเพิ่มมากขึ้น เขาก็จะกลายเป็นผู้มีสิทธิท้าชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลอย่างแน่นอน มันจะเป็นปัญหาแน่หากว่า’กู้เบ่ย’สามารถดึง’กู้เหิง’ลงจากตำแหน่งผู้สืบทอดลำดับที่ 1
‘เนี่ยหลี่’ยิ้มเบาๆ ทั้งหมดนี้อยู่ในการคาดการณ์ของเขา เจตจำนงค์ค์แห่งกระบี่ของ’กู้เบ่ย’เองก็ก้าวหน้าไปมากกว่าก่อนหน้านี้
ทางด้าน’หลงยู่อิน’เองก็เฝ้ามองอยู่เงียบๆ จากด้านของเหล่าฝูงชนที่ได้รับอนุญาต เมื่อ’หลงยู่อิน’เห็น’เนี่ยหลี่’อยู่ด้านข้างเวทีประลองและได้เห็น’กู้เบ่ย’เอาชนะ’กู้อวิ๋น’
นางสามารถยืนยันความแข็งแกร่งของ’กู้เบ่ย’ได้อย่างง่ายดายว่ามีความแข็งแกร่งมากกว่านาง แต่ก่อนหน้านี้เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของกู้เบ่ยยังห่างไกลจากนาง นี่คือเจตจำนงค์ที่เข้าใจคำว่า ‘กระบี่’ ที่เขียนจาก’เนี่ยหลี่’ ? มือทั้งสองข้างของนางกำแน่นนางอยากจะเข้าใจสิ่งที่ซ่อนอยู่จากคำว่า ‘กระบี่’ อย่างไรก็ตาม’เนี่ยหลี่’ได้ปฏิเสธนางทำให้นางหดหู่เป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม เจตจำนงค์ที่ถูกเขียนจากเนี่ยหลี่มีมูลค่า ถึง 150,000 ศิลาจิตวิญญาณ นางจะไปเอ่ยปากขอเขาได้อย่างไร?
ภายในใจนางรู้สึกรันทด เป็นอย่างมากนางอยากจะได้รับคำที่’เนี่ยหลี่’เขียนขึ้นสักคำใดคำหนึ่ง
‘กู้หยา’เผยให้เห็นรอยยิ้มเล็กน้อย ขณะที่เขาโบกมือ
“กู้ปิง ขึ้นไปและรับมือกับกู้เบ่ย!”
‘กู้หยา’ได้เรียกลูกสมุนของ’กู้เหิง’มาอีกหนึ่งคน ผู้นี้คือ กู้ปิง ระดับชะตาสวรรค์ ขั้นที่ 3
ความตั้งใจมุ่งมั่นแน่วแน่ ปรากฏในสายตาของ’กู้เบ่ย’ ขณะที่เขาเดินไปรอบๆเวทีประลอง ความเป็นจริงข้างในเขาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก นับตั้งแต่พี่สาวเขาเริ่มล้มป่วยเขาต้องทำตัวกลายเป็นคนอ่อนแอไม่เอาไหน ทุกครั้งที่มีการปะทะกันเขาจะเป็นฝ่ายยอมแพ้
แต่ในตอนนี้เขาไม่ต้องการจะปิดกั้นความรู้สึกที่มีอีกต่อไปแล้ว ปล่อยให้อารมณ์มากมายระเบิดออกมา เขาต้องการจะบดขยี้ลูกสมุนของ’กู้เหิง’อย่างไร้ปราณี ให้สยบแทบเท้าเขา!
‘กู้ปิง’กระโจนตัวขึ้นบนเวที แต่ที่แตกต่างจากสองคนก่อนหน้านี้คือเขาไม่ประมาท’กู้เบ่ย’
เจตจำนงค์ค์แห่งกระบี่ของ’กู้เบ่ย’ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
“ข้ายอมรับว่าได้ประเมินความแข็งแกร่งของเจ้าต่ำไป แต่ในเมื่อผู้อาวุโสกู้หยา ให้ข้าขึ้นมาประมือกับเจ้า อย่าหวังว่าทุกอย่างเรียบง่าย!”
‘กู้ปิง’พูดด้วยน้ำเสียงเอาจริงเอาจัง
“อย่างเจ้านะหรือ”
‘กู้เบ่ย’ยักไหล่ขึ้น ในขณะที่เขามองไปที่กู้ปิง
‘กู้ปิง’ไม่ทราบว่าทำไม แต่เขารู้สึกกังวลเล็กน้อยกับ’กู้เบ่ย’ แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ยังสงบเยือกเย็นไว้ได้อยู่ เขาทำการผสานร่างรวมกับจิตอสูรที่มีที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้า แต่ก็เป็นเพียงสายเลือดสามัญ ระดับชะตาขั้นที่ 3 หมียักษ์เพลิงสีชาด
เมื่อผสานร่างรวมแล้วส่งผลให้มันมีขนาดความสูงกว่า 3 เมตร และเปลวไฟลุกโชติช่วงอยู่ทั่วร่าง
คลื่นความร้อนและกลิ่นอายของ’กู้ปิง’เริ่มกดดัน’กู้เบ่ย’
‘กู้เบ่ย’รู้สึกกดดันจากผู้ที่มีระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่ 3 แต่ถึงอย่างนั้นจิตวิญญาณของเขาก็พุ่งทะยานขึ้น เขาไม่ได้ปิดบังความแข็งแกร่งของตนเองอีกต่อไป
ขณะนี้เขาอยู่ในระดับขอบเขตชะตาสวรรค์ขั้นที่ 1 แต่มันยังไม่หยุดแค่นั้นภายใต้แรกกดดันจากระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่ 3 แดนจิตวิญญาณของ’กู้เบ่ย’ราวกับจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
‘กู้เบ่ย’ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด พลังภายในร่างของเขาทันใดนั้นเองก็ก้าวข้ามเข้าสู่ขั้นที่ 2ระดับชะตาสวรรค์ และ หมียักษ์เพลิงสีชาด ก็อยู่ในระดับที่มากกว่าเขาแค่ขั้นเดียวแต่ด้วยชนิดจิตอสูรที่’กู้เบ่ย’มี แน่นอนว่าเขาเหนือกว่าเป็นอย่างมาก
*โฮก!!!*
พยัคฆ์ปีกกระดูกมังกร แผดเสียงคำรามทำเอา หมียักษ์เพลิงสีชาดดูเป็นเด็กน้อยไปเลย
ความแข็งแกร่งของมันทั้งคู่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
แปลโดย สินธ์นวล
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: