ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปหมียักษ์เพลิงสีชาดตัวสั่นด้วยความกลัว มันถูกตรึงจากแรงกดดันที่ปล่อยมาจาก พยัคฆ์ปีกกระดูกมังกร
พยัคฆ์ปีกกระดูกมังกรกางกรงเล็บขนาดใหญ่ของมันตะปบไปที่หมียักษ์เพลิงสีชาดปลิวไปไกล
*บรึ้ม*
ร่างกายอันใหญ่โตของหมียักษ์พลิงสีชาดฝังลงไปในพื้นดิน เหลือเพียงสองขาอันใหญ่ของมันที่ยังกระตุกอย่างต่อเนื่อง
หมียักษ์เพลิงสีชาด นั้นเทียบเท่ากับจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีการเติบโตระดับมหัศจรรย์เลยทีเดียว นอกจากนี้’กู้ปิง’ยังอยู่ในระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่ 3
แต่หมียักษ์เพลิงสีชาดกับถูกทุบฝังลงในพื้นดินจากหนึ่งการโจมตีจากพยัคฆ์ปีกกระดูกมังกร
เมื่อเห็นดังนี้ ‘กู้หยา’ลุกขึ้นยืนในทันทีสายตาที่มีเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น เขาจะไม่รับรู้ได้อย่างไรว่ากลิ่นอายที่มันแผ่ออกมาจาก’กู้เบ่ย’เป็นจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้า?
เขาไม่สามารถระงับความประหลาดใจนี้ไว้ได้เลยนั่นเป็นเพราะเขาทราบดีว่า จิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้ามันมีความหมายเช่นไร
จิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้า หมายถึงความแข็งแกร่งอันเป็นสุดยอด เมื่อ’กู้เบ่ย’เติบโตขึ้น เขาจะกลายเป็นบุคคลสำคัญในนิกายขนศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน
ในตลอดระช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมีที่ตระกูลกู้ได้ออกไปล่าสัตว์อสูรยังโลกภายนอก กลับได้รับจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้ามาเพียงแค่ 2 ตน หนึ่งในนั้นพวกเขาได้มอบมันให้แก่ ‘กู้หลาน’
แต่เนื่องจากเส้นชีพจรนางพิการ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะโยกย้ายเปลี่ยนเจ้าของใหม่ สำหรับอีก 1 ตัวที่เหลือพวกเขาตั้งใจจะมอบมันให้’กู้เหิง’ อย่างไรเสียความสามารถของ’กู้เหิง’ก็ด้อยกว่า’กู้หลาน’ไปมาก
แต่ตอนนี้จิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้าปรากฏในตระกูลกู้ !
‘กู้เบ่ย’ได้รับมันมาจากที่แห่งใดกัน ?
ภายใต้สถานการณ์ปกติ จิตอสูรระดับนี้สามารพพบได้บางตระกูลใหญ่เท่านั้น จิตอสูรเหล่านี้นั้นหายากเกินไป อาจจะต้องสัรหารสัตว์อสูรนับพันหรือนับหมื่น เพื่อที่จะหา จิตอสูรสายเลือดมังกรการเจริญเติบโตระดับมหัศจรรย์ได้สักตน แต่สำหรับที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้าแล้ว ล้วนขึ้นอยู่กับโชคทั้งนั้น แม้จะทำการล่าอย่างต่อเนื่องแต่ตระกูลกู้ก็ต้องใช้เวลาอยู่หลายปีทีเดียว
อย่างไรก็ตาม’กู้เบ่ย’มีจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้า !
แม้แต่’กู้หยา’เองก็ยังไม่อาจรู้ได้ว่า’กู้เบ่ย’ไปหาจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้านี้มาจากไหน อาจจะได้รับมาจากของวิเศษบางอย่าง ด้วยความแข็งแกร่งของจิตอสูร ก็จะมีสิทธิ์ในการสืบทอดตระกูล และอาจจะได้รับการพิจาณาเป็นผู้สืบทอดลำดับที่ 1 อีกด้วย
จิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้าเป็นสิ่งหายากมาก แต่สำหรับคนที่มีโชคขั้นท้าทายอำนาจสวรรค์ อาจจะได้รับมันมาจากการสังหารสัตว์อสูรสายเลือดมังกรเพียง 1 ครั้ง และเนื่องจากการที่จะได้มันมาอย่างยากลำบาก มันไม่สำคัญแล้วว่า’กู้เบ่ย’จะได้รับมันมาจากไหน สำคัญกว่านั้นคือการมียอดฝีมือปรากฏขึ้นในตระกูลกู้ !
เรื่องนี้จะสั่นสะเทือนไปทั้งตระกูล !
‘กู้เหิง’ ที่มองดูจากด้านข้างเวทีประลองด้วยความตกตะลึงเป็นอย่างมาก ‘กู้เบ่ย’มีจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้า ! ทันใดนั้น’กู้เหิง’รู้สึกราวกับว่า ตำแหน่งผู้สืบทอดลำดับที่ 1 ของเขานั้นเริ่มที่จะไม่มั่นคง
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ‘กู้เหิง’ ไม่เคยตีค่าความสำคัญอันใดกับ’กู้เบ่ย’เลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้’กู้เบ่ย’กลับกลายเป็นขวากหนามชิ้นโตที่เข้ามาขวางเขา
พี่น้องคู่นี้ หนึ่งพิการและไม่ยอมรับความจริง อีกหนึ่งเลยแต่ยังต้องการจะต่อสู้อีกงั้นเหรอ ?
ดวงตาของ’กู้เหิง’ในขณะนี้เต็มไปด้วยความอาฆาตมาดร้าย นับตั้งแต่’กู้เบ่ย’ปรากฏตัวขึ้นและต้องการจะต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งกับเขา
‘กู้เหิง’มีความมั่นใจในตนเองมาก‘เมื่อเจ้าต้องการเช่นนี้ ได้ ข้าจะเล่นกับเจ้า!’
‘กู้เหิง’รู้ว่าหากจะวางยาพิษกับ’กู้เบ่ย’อีกครั้ง มันจะไม่ได้ผลเป็นแน่ ประการแรก’กู้เบ่ย’มีความฉลาดหลักแหลมมาก ประการที่สอง
หากทั้งพี่ทั้งน้องประสบอาการเดียวกันนั่นจะเป็นการจุดชนวนเริ่มต้นความน่าสงสัยเอาได้ ทุกคนในตระกูลจะต้องตรวจสองเรื่องนี้จนถึงที่สุด หากมันเกิดขึ้นเช่นนั้น ‘กู้เหิง’
จะต้องเสียหายเป็นอย่างมาก และส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงตระกูลกู้ในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์อีกด้วยเขาจะต้องคิดวิธีที่ดีกว่านี้ เพื่อป้องกันไม่ให้’กู้เบ่ย’แข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นไปกว่านี้!
หาก’กู้เบ่ย’ต้องการจะต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลแล้วหละก็ ‘กู้เบ่ย’จะต้องสร้างกองกำลังของตนเองที่โลกภายนอก เมื่อ’กู้เบ่ย’ออกไป ‘กู้เหิง’จะไม่ปล่อยให้กู้เบ่ยมีโอกาสรอดไปได้
‘กู้หลาน’นั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาของนางจับจ้องไปยัง’กู้เหิง’ การแสดงออกของนางสงบนิ่งไม่มีใครรู้ว่าภายในนางกำลังคิดสิ่งใดอยู่
‘กู้เหิง’ไม่คาดคิดว่า’กู้หลาน’จะสามารถรักษาได้จนหายดีแล้ว ศัตรูของเขาไม่ได้มีเพียง’กู้เบ่ย’เพียงผู้เดียว แต่เป็นทั้งสองพี่น้องด้วยกัน!‘กู้ปิง’ที่อยู่ชะตาสวรรค์ขั้นที่สามได้พ่ายแพ้ สายตาทุกคนต่างจับจ้องไปที่’กู้หยา’ เพื่อสังเกตว่า’กู้หยา’จะส่งผู้ใดมาทดสอบ’กู้เบ่ย’อีกหรือไม่
‘กู้หยา’ ปัดมือพร้อมหัวเราะและกล่าวออกมาว่า
“การทดสอบ กู้เบ่ย จบลงแล้ว ! ข้าขอเป็นตัวแทนของเหล่าผู้อาวุโสและขอประกาศให้กับผู้ที่อยู่ในตระกูลจงฟัง ! นับแต่นี้เป็นต้นไป กู้เบ่ยจะเป็นหนึ่งในผู้มีสิทธิ์ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลกู้ ส่วนลำดับสืบทอดทางเหล่าผู้อาวุโสจะทำการหารือกันในภายหลัง!”
‘กู้เหิง’ยืนขึ้นพร้อมกับหัวเราะ
“ขอแสดงความยินดีกับญาติผู้น้อง กู้เบ่ยด้วย สำหรับการได้รับจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้า และ ได้เป็นหนึ่งในผู้มีสิทธิ์รับตำแหน่งผู้นำตระกูล ข้าไม่เคยคาดคิดเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น ญาติผู้น้องได้นำความประหลาดใจมาให้แก่ข้าโดยแท้จริง!”
เมื่อได้ยินคำพูดของ’กู้เหิง’ก็เกิดเสียงเซ็งแซ่กันขึ้น
“พยัคฆ์ปีกกระดูกมังกร เป็นจิตอสูรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้า?”
“นี่เขาไปได้ จิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้านี้มาจากไหน?”
“ข้าไม่เคยคาดฝันเลยว่าตระกูลกู้จะมีอัจฉริยะที่ผสานร่างรวมกับจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้า! ถึงแม้ระดับการบ่มเพาะของเขายังไม่สามารถเทียบได้กับผู้สืบทอดคนอื่นๆ แต่ด้วยจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้านี้ อาจจะทำให้เขาขึ้นเป็นผู้สืบทอดลำดับที่ 2!”
“ผู้สืบทอดลำดับ 2”
นี่ทำให้ทุกคนอ้าปากค้าง หลังจากที่ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วว่าภายในตระกูลกู้นั้นมีเพียง สองคนเท่านั้นที่ผสานร่างรวมกับจิตอสูรระดับนี้ !
ข่าวที่ว่า’กู้เบ่ย’ได้ผสานร่างรวมกับจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้าและได้กลายเป็นหนึ่งในผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลได้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
การแพร่กระจายของข่าวนี้ไกลไปถึงตระกูลอื่นๆ บ้างก็มีความสุขที่ได้เห็นตระกูลกู้จะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ในขณะที่คนอื่นๆก็ยินดีที่นิกายขนศักดิ์สิทธิ์มีอัจฉริยะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน
‘กู้เบ่ย’ กับ ‘กู้เหิง’ จ้องตากันเป็นเวลานาน จิตวิญญาณที่ต้องการจะห้ำหั่นกันฉายปรากฏในแววตาของทั้งคู่ แน่นอนพวกเขาทั้งคู่ต้องสู้กันเพื่อตำแหน่งผู้นำตระกูล
ณ ตระกูลกู้
‘กู้หยา’และเหล่าผู้อาวุโสคนอื่นๆต่างรีบกลับมาที่ตระกูลเพื่อดำเนินการประชุม
เหล่าผู้อาวุโสหลายสิบคนนั่งรวมกันอยู่ในห้องโถงตระกูลกู้
โดยมีผู้นำตระกูลกู้ กู้เทียนหลง 顾天龙 นั่งอยู่ด้านหน้าองค์ประชุม กู้เทียนหลง กวาดสายตามองเหล่าผู้อาวุโสก่อนจะถามขึ้นว่า
“เกี่ยวกับเรื่องกู้เบ่ย พวกท่านมีความคิดเห็นว่าเช่นไร?”
“ทางเราได้มีการตรวจสอบอย่างละเอียดได้ทราบว่า กู้เบ่ยได้ผสานร่างรวมกับจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้าจริง”
ผู้อาวุโสสามพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขายังคงกล่าวต่อ
“ นอกจากนี้เขายังได้ละเมิดกฏของตระกูลโดยการผสานร่างรวมเข้ากับจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้า โดยไม่บอกแจ้งให้กับทางตระกูลได้รับทราบ เขาสมควรถูกลงโทษฐานละเมิดกฏ มิเช่นนั้นจะเป็นเยี่ยงอย่างให้แก่ผู้เยาว์ในตระกูลทำตาม ข้าเกรงว่ามันจะเป็นการทำลายกฎของตระกูล!”
แค่นี้เอ็งยังจะเอาน้อ บักหำ
‘กู้หยา’ยิ้มเบาๆ ประกายสดใสอยู่เต็มภายในดวงตา
“ผู้อาวุโสสาม ท่านมีกฎในการให้อัจฉริยะจะผสานร่างรวมกับจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้าด้วยรึ? เส้นชีพจรของ’กู้หลาน’เกิดพิการ ในฐานะน้องชายเขาก็ได้รับความเดือดร้อนอยู่ไม่น้อย นอกจากนี้เขายังได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเพียงน้อยนิด แต่ในท้ายที่สุดเขากลับสร้างความประหลาดใจให้กับพวกเราทั้งหมดด้วยการนำพามาซึ่งความสำเร็จอันยอดเยี่ยม มันจะไม่เป็นเรื่องที่น่าเศร้าละอายเกินไปที่จะลงโทษเขาหรือ?”
“แต่ มันเป็นความจริงที่กู้เบ่ยได้ทำการละเมิดกฎของตระกูล!”
“หึ ! มีหลายคนที่ได้ละเมิดกฎของตระกูล!”
‘กู้หยา’มอง’กู้อวี่’ 顾羽ด้วยสายตาเย็นชาดุจน้ำแข็ง
“กู้เหิง ก็เป็นหนึ่งในนั้น!”
‘กู้อวี่’ขมวดคิ้ว และถามว่า
“กฎใดที่กู้เหิงละเมิด?”
“ฮึ่ม ฮึ่ม! อย่าคิดว่าไม่มีใครรู้! ผู้อาวุโสสามท่านต้องการให้ข้าพูดต่อหรือไม่?”
‘กู้หยา’เหลือมอง’กู้อวี่’ด้วยหางตา
‘กู้อวี่’ ทำท่าเหมือนจะพูดแต่แล้วก็เงียบไป แต่ภายในใจเขารู้สึกหดหู่ เป็นไปได้หรือไม่ว่า’กู้หยา’ได้ทราบความจริง? ที่’กู้เหิง’ได้วางยาพิษ’กู้หลาน’?
เหล่าผู้อาวุโสเริ่มพูดคุยกันแต่ ‘กู้เทียนหลง’ยังคงนิ่งเงียบและครุ่นคิดบางอย่าง
ที่สุดแล้วหนึ่งในผู้อาวุโสได้หันไปกล่าวกับ’กู้เทียนหลง’ว่า
“เกี่ยวกับเรื่องนี้ท่านผู้นำตระกูลจะตัดสินเช่นไรกับเด็กคนนี้? กู้เบ่ยถูกมองว่าเป็นคนไม่ได้ความ แต่ในความจริงเบื้องหลังแล้วเขากลับฝึกฝนตัวเองอย่างหนัก มิหนำซ้ำด้วยความจริงที่ว่าเขาได้ผสานร่างรวมเข้ากับจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้า ด้วยคุณสมบัติของเขาตอนนี้สมควรจะได้เป็นผู้สืบทอดลำดับที่ 2”
“ข้าเห็นด้วย!”
“ข้าเห็นด้วย!”
โดยเวลาไม่นานนัก เหล่าผู้อาวุโสกว่าครึ่งได้ตกลงกันว่าจะให้กู้เบ่ยได้กลายเป็นผู้สืบทอดลำดับที่สอง ทุกสายตาจับจ้องไปยัง’กู้เทียนหลง’ซึ่งเป็นการตัดสินใจสุดท้าย
‘กู้เทียนหลง’ กล่าวอย่างใจเย็น ด้วยโทนเสียงสุขุมนุ่มลึก
“ข้าได้ตัดสินใจว่าจะให้กู้เบ่ยเป็นผู้สืบทอดลำดับที่ 1 พวกท่านมีความเห็นเช่นไร?”
เหล่าผู้อาวุโสกว่าครึ่งต่างตกตะลึงในทันที แค่ให้’กู้เบ่ย’เป็นผู้สืบทอดลำดับที่ 2 ก็น่าตกใจพอแล้ว แต่’กู้เทียนหลง’กับจะให้’กู้เบ่ย’เป็นผู้สืบทอดลำดับที่ 1 นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น?
“ท่านผู้นำ ระดับการบ่มเพาะของกู้เบ่ยยังน้อยนักไม่เพียงพอ อีกอย่างเขายังไม่ได้สร้างกองกำลังตนเองยังโลกภายนอก ถ้าเราจะแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้สืบทอดลำดับที่ 1 ของตระกูลกู้ จะดูเป็นการรีบร้อนเกินไปหรือไม่?”
ผู้อาวุโสสาม ‘กู้อวี่’ ลุกขึ้นยืนและกล่าวแย้งขึ้นในทันที
‘กู้เทียนหลง’ ชำเลืองมอง’กู้อวี่’ เสียงของเขายังคงชัดเจนขณะตอบไปว่า
“บุคคลเยี่ยงกู้เหิง มีแต่นำความเสื่อมเสียชื่อเสียงมาแก่วงศ์ตระกูล แม้ในแง่ความแข็งแกร่งความสามารถจะอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ แต่เขาก็ยังไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้สืบทอดลำดับที่ 1 สำหรับเวลาต่อไปนี้ เขาจะดำรงตำแหน่งผู้สืบทอดลำดับที่ 2 และเราจะจับตาดูเขา!”
หลังจากได้ยินคำพูดของ’กู้เทียนหลง’
‘กู้อวี่’ก็มิกล้าจะโต้แย้งใดๆอีก เขาทำได้แค่นั่งลงอย่างหดหู่ใจ
ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต่างพูดคุยกันอย่างเบาเสียง ถึงเหตุผลที่ว่าทำไมท่านผู้นำตระกูลถึงได้ตัดสินใจเช่นนี้ และยังบอกอีกว่า ‘กู้เหิง’ไม่มีความน่าเชื่อถือ เนื่องจากพวกเขาไม่สังเกตเห็นสิ่งเหล่านั้นยามปกติของ’กู้เหิง ‘
อย่างไรก็ตามเมื่อเชื่อมโยงเรื่องราวของเส้นชีพจรพิการของ’กู้หลาน’และ’กู้เบ่ย’ได้อำพรางความแข็งแกร่งของเขาเป็นเวลานานหลายปี มันใช้เวลาไม่นานที่จะทำให้ความจริงกระจ่างขึ้น
“ข้าเห็นด้วยกับการตัดสินใจของท่านผู้นำ!”
“ข้าเองก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจของท่านผู้นำเช่นกัน!”
ในเวลานี้ กว่า 9 ใน 10 ส่วนของเหล่าผู้อาวุโสได้ตกลงเห็นด้วย เนื่องจากความแข็งแกร่งปัจจุบันของ’กู้เบ่ย’ยังไม่เพียงพอ เขาจึงเป็นได้เพียงผู้สืบทอดลำดับแรกเพียงแต่ในนามเท่านั้น
แต่หากเพียงแค่ในนามก็สามารถทำให้’กู้เบ่ย’เป็นอันตรายได้ พวกเขาจะต้องทำการชดเชยสำหรับช่วงเวลาหลายปีที่ต้องทนทุกข์ของ’กู้เบ่ย’
แปลโดย สินธ์นวล
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: