ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘กู้เหิง’คิดมาตลอดว่าเรื่องที่เขาวางยาพิษ’กู้หลาน’จนเป็นเหตุให้เส้นชีพจรของนางนั้นพิการจะยังคงเป็นความลับ แต่ดูเหมือนว่า’กู้เทียนหลง’และคนของเขาได้ทำการตรวจสอบเรื่องนี้จนความจริงปรากฏในที่สุด
แต่ทว่าพวกเขาต้องพบเจอกับปัญหาอีกข้อ เนื่องจาก’กู้หลาน’ถูกตัดสิทธิ์ไปเพราะไม่อาจกลับมาเป็นดังเดิมได้
เหลือเพียง’กู้เหิง’คนเดียวเท่านั้นในหมู่คนรุ่นใหม่ ที่ได้ผสานร่างรวมกับจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้า เขาจึงเป็นเพียงคนเดียวที่มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้สืบทอด
ถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดเผยแล้ว อำนาจและชื่อเสียงของกู้เหิงในตระกูลกู้จะต้องเสื่อมเสียไปอย่างแน่นอน ถ้าตระกูลกู้ไม่สามารถหาผู้ที่มาแทนกู้เหิงได้ พวกเขาคงต้องจำยอมอย่างเลี่ยงไม่ได้
อย่างที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า จิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้านั้นการได้มันมาไม่ใช่เรื่องง่าย
‘กู้เทียนหลง’และคนอื่นๆต่างรู้สึกปลาบปลื้มใจ เมื่อท้ายที่สุดแล้ว’กู้เบ่ย’เผยตัวออกมา ว่าเขาได้ทำการฝึกฝนเจตจำนงค์แห่งกระบี่ แถมยังครอบครองจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้า
ความกังวลก่อนหน้านี้ของพวกเขาล้วนถูกแก้ไข ก่อนอื่นพวกเขาต้องทำการถอนตำแหน่ง’กู้เหิง’ออกจากผู้สืบทอดลำดับที่
หนึ่ง เพื่อที่จะลดความกำแหงของเขาลงสักเล็กน้อย มิเช่นนั้น’กู้เหิง’อาจจะทำการก่อเรื่องขึ้นมาอีกครั้ง !การประชุมสิ้นสุดลง ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อมา การตัดสินใจของเหล่าผู้อาวุโส ก็เป็นที่รับทราบกันโดยทั่วกันในตระกูลกู้
เหล่าผู้ที่อยู่ในตระกูลกู้ทั้งหมดต่างตกใจกับผลที่ออกมาเป็นอย่างมาก เดิมทีพวกเขาคิดเพียงแค่ว่ากู้เบ่ยจะได้รับตำแหน่งผู้สืบทอดลำดับที่สอง พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่า’กู้เบ่ย’จะได้เลื่อนเป็นผู้สืบทอดลำดับที่หนึ่ง หลายคนในตระกูลกู้ไม่สามารถเข้าใจกับข่าวที่ได้ยินมานี้เลย
พวกเขาทั้งหมดต่างรู้สึกสังหรณ์ใจว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยอันใดออกมา เนื่องจากเรื่องนี้อาจจะเกี่ยวพันถึงเรื่องเสื่อมเสียภายในตระกูล
ใครจะคิดเล่าว่าท่านผู้นำตระกูลจะตัดสินใจรวดเร็วเพียงนี้ ข่าวนี้มีขึ้นหลังจากที่พวกผู้อาวุโสกลับจากลานประลองแค่ไม่นาน
‘กู้เหิง’รู้สึกหมดหวัง เมื่อ’กู้หยา’และผู้อาวุโสคนอื่นๆ ได้จากไปสักพักหนึ่ง แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกแย่เท่าไหร่นัก เขาคิดเพียงว่า’กู้เบ่ย’คงได้เป็นแค่ผู้สืบทอดลำดับที่สอง เท่านั้น ตำแหน่งของเขายังมั่นคงอยู่มาก แต่เมื่อเขาได้ทราบข่าว ทำให้เขาไม่อาจสงบใจได้เลย
เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า ตระกูลกู้จะปลดเขาออกจากการเป็นผู้สืบทอดลำดับที่หนึ่งเช่นนี้ แต่ถึงอย่างไร ‘กู้เบ่ย’ ยังมิได้ก่อตั้งกองกำลังใดๆที่โลกภายนอกเลย
แล้ว’กู้เบ่ย’จะมีคุณสมบัติเช่นนั้นได้อย่างไร?
‘กู้เหิง’รู้สึกโกรธจนปอดแทบจะระเบิด เส้นเลือดของเขาปูดออกมาอย่างเห็นได้ชัด เขาต้องการที่จะไปหาท่านผู้นำตระกูลและสอบถามถึงเหตุผล แต่ทว่า เมื่อเขากลับมาคิดดูให้ดีแล้ว ดูเหมือนว่าท่านผู้นำตระกูลจะรู้อะไรบางอย่าง ดังนั้นเขาจึงทำให้’กู้เหิง’นั้นได้ถูกลดตำแหน่งลงเช่นนี้
‘กู้เหิง’ยิ่งรู้สึกปวดใจยิ่งขึ้นเมืองมองดูกู้เบ่ยที่อยู่ห่างออกไป เจ้าเด็กคนนั้นจักต้องรู้สึกกำแหงอยู่ในใจเป็นแน่ในตอนนี้
‘กู้เหิง’กลายเป็นผู้สืบทอดลำดับที่สองงั้นรึ แล้วมันจะเป็นอย่างไรหล่ะ?
‘กู้เหิง’หรี่ตาของเขา คนที่ได้ช่วยดึง’กู้หลาน’ลงมาจากตำแหน่งเมื่อก่อนหน้านี้ เขาจักต้องช่วยเหลือเขาอีกครั้งเป็นแน่ มันเป็นไปไม่ได้แน่ ที่’กู้เบ่ย’จะยืนหยัดอยู่ได้
‘เนี่ยลี่’และพวกของเขา ต่างก็พูดคุยกันในเรื่องดังกล่าว
“ข้าเองก็ไม่คิดเลยว่า ท่านผู้นำตระกูลจะให้ข้าขึ้นเป็นผู้สืบทอดลำดับที่หนึ่งเช่นนี้!”
‘กู้เบ่ย’ก็รู้สึกแปลกใจอยู่เช่นกัน เขาเผยรอยยิ้มพร้อมกับแสดงออกด้วยความหลงตัวเองว่า
“หรือว่าท่านผู้นำตระกูลอาจจะเห็นว่าข้านั้นเป็นอัจฉริยะที่จะเกิดขึ้นได้แค่หนึ่งในหมื่นก็เป็นได้? บางทีข้าอาจจะเป็นเพียงผู้เดียวที่ปกป้องตระกูลกู้ได้สินะ?”
‘เนี่ยลี่’อดไม่ได้ที่จะกรอกตาไปทาง’กู้เบ่ย’
“เจ้าก็คิดอะไรมากไปนะ นั่นเป็นเพียงแค่เรื่องรองลงมา ที่ท่านผู้นำตระกูลต้องการที่จะสนับสนุนเจ้า อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับฝีมือที่เจ้ามี ก็เป็นได้ เพราะจริงๆแล้วไม่จำเป็นที่จะให้เจ้าขึ้นเป็นผู้สืบทอดลำดับที่หนึ่งก็ได้ เขาก็แค่ต้องการที่จะปลดกู้เหิงลงมาก็เท่านั้น ท่านผู้นำตระกูลอาจจะรู้เรื่องบางอย่างระหว่างกู้เหิงกับพี่สาวของเจ้าก็เป็นได้ แต่ทว่าเขาก็ไม่อาจที่จะทำอะไรได้ เนื่องจากว่ากู้เบ่ยนั้นเป็นเพียงผู้เดียวที่ได้ผสานกับจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้า แต่ในตอนนี้มีเจ้าอีกคนแล้ว พวกเขาคงเกรงว่ากู้เหิงจะทำผิดเช่นเดิมอีกครั้ง นั่นคือเหตุผลที่เขาปลดกู้เหิงลง เพื่อที่จะยับยั้งเขาเอาไว้นั่นเอง”
‘กู้เบ่ย’ยิ้ม
“กู้เหิงสมควรที่จะได้รับมัน ในตอนนี้ จะไม่มีที่นั่งผู้สืบทอดลำดับที่หนึ่งให้แก่เขาอีก เขาจักต้องรู้สึกสำนึกและเสียใจบ้าง”
‘กู้หลาน’มองไปยัง’กู้เบ่ย’พร้อมกับพูดว่า
“ถึงแม้ว่ากู้เหิง ไม่อาจที่จะรักษาตำแหน่งผู้สืบทอดลำดับที่หนึ่งของเขาเอาไว้ได้ แต่เขาก็ได้จัดตั้งกองกำลังของตนเองไว้ที่โลกภายนอก แต่เจ้านั้นหาได้มีไม่ เมื่อถึงเวลาตัดสินเลือกตำแหน่งผู้นำตระกูล กู้เหิงก็จะได้รับเลือกก่อน เพราะว่า เก้าอี้ผู้นำตระกูลนั้นไม่อาจที่จะส่งมอบให้แก่ผู้ที่ไม่มีรากฐานอะไรได้!”
คำพูดของ’กู้หลาน’นั้น ต้องการเตือนที่จะมิให้’กู้เบ่ย’รู้สึกพึงพอใจเพียงแค่ได้เป็นผู้สืบทอดลำดับที่หนึ่ง
‘กู้เบ่ย’พยักหน้า
“ข้าเข้าใจ ท่านพี่”
แม้ว่าเขานั้นจะมีเงินทุนบางส่วนสำหรับใช้ในการรับมือ’กู้เหิง’ แต่มันก็ยังเป็นแค่เรื่องผิวเผินเท่านั้น วิธีเดียวที่จะเป็นการสร้างหลักฐานที่มั่นคง ก็คือการวสร้างกองกำลังที่โลกภายนอกเท่านั้น
ในตอนนี้ ในใจของ’กู้เบ่ย’นั้นรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
จากนั้น เนี่ยลี่ เซี่ยวหนิงเอ๋อ เซี่ยวหยู่ พร้อมกับ กู้เบ่ย และ กู้หลาน ก็ได้ดูการแข่งขันในคู่อื่นๆต่อ
‘กู้เหิง’จ้องมองที่เนี่ยลี่กับกลุ่มของเขาก่อนที่จะออกไป เมื่อเขามองเห็น’เนี่ยลี่’ เขาก็แสดงออกด้วยท่าทางที่บูดบึ้ง เจ้าเด็กคนนี้ กล้าที่จะปฏิเสธข้อเสนอในการเข้าร่วมกองกำลังของเขา และยิ่งไปกว่านั้น
เขายังอยู่กับ’กู้เบ่ย’และ’กู้หลาน’ในตอนนี้ แม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ที่จะทำอะไรกับ’กู้เบ่ย’และ’กู้หลาน’ในตอนนี้ แต่การจัดการกับ’เนี่ยลี่’นั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากอะไร
‘กู้เหิง’พ่นลมหายใจอย่างเย็นชาพร้อมกับพูดว่า
“ไปกันเถอะ!”
เขาเดินนำกลุ่มของเขาออกไป
“เนี่ยลี่ หลังจากที่ดวงตะวันขึ้นแล้ว ข้าคงต้องกลับไปยังสำนักเสียงสวรรค์พร้อมกับเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องของข้า”
‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’เงยหน้ามองเนี่ยลี่ หยดน้ำตาเป็นประกายอยู่ในดวงตาของนาง นางไม่อาจที่จะทนแบกความคิดที่ว่าจะต้องจากเขาไปได้เลย
“อืม อย่าลืมดูแลตัวเองให้ดีตอนที่อยู่ที่สำนักเสียงสวรรค์ด้วยนะ!”
‘เนี่ยลี่’ตบเบาที่ไหล่ของนาง พร้อมกับยิ้ม แม้ว่าเขาจะเศร้าใจที่ต้องจากลา แต่หลังจากที่ต้องประสบกับมันมาหลายครั้งหลายคราในชีวิตที่แล้วของเขา เขาก็ได้เรียนรู้ถึงความอ่อนโยนของการจากลามากขึ้น
‘เซี่ยงหนิงเอ๋อ’มองไปที่’เนี่ยลี่’ พร้อมกับเขย่งเท้า และจูบลงตรงที่แก้มจองเขา ใบหน้าของนางนั้นร้อนผ่าว จากนั้นนางก็หันหลังกลับพร้อมกับจะวิ่งออกไป ‘เนี่ยลี่’ ดึงนางกลับมาพร้อมกับมอบแหวนห้วงมิติให้
“ข้างในนี้มีศิลาจิตวิญญาณ และก็มี จิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับมหัศจรรย์ นำติดตัวไปและแบ่งให้กับพรรคพวกของเจ้า”
‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ที่เพิ่งจะจูบกับเนี่ยลี่เมื่อก่อนหน้านี้ ยังรู้สึกอายจนแทบตาย ทว่ากลับถูก’เนี่ยลี่’ดึงกลับมา
“อีกเรื่องหนึ่ง ข้าได้เขียนอักษรบางคำใส่ลงไปในนั้นด้วย ถ้าหากว่ายังมีอะไรที่ขาดเหลืออีก ก็รีบบอกข้ามาในตอนนี้”
‘เนี่ยลี่’จับมือของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ไว้ ซึ่งเขาต้องยอมรับเลยว่ามือของนางนั้นช่างเรียบเนียนและอ่อนนุ่ม เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อได้เห็นท่าทางเขินอายของนาง
ใบหน้าของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ร้อนผ่าว และ นางก็อดไม่ได้ที่จะย่ำเท้าของนาง
“ถ้าไม่มีอะไรอีก ข้าขอตัวก่อนนะ!”
‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ นั้นอับอายเสียจนแทบอยากตาย นางไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าสบตากับเขา
‘เนี่ยลี่’อดไม่ได้ที่จะยิ้มขณะที่มองนางจากไป ใจของสตรีนั้นราวกับชิ้นหยกที่มิได้เจียรไน บริสุทธิ์และงดงามยิ่งนัก ทั้ง’จื้ออวิ้น’ และ’หนิงเอ๋อ’ เป็นคนที่เขาจะต้องทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อที่จะปกป้อง
เหล่าศิษย์ของสำนักอัคคี และ สำนักเสียงสวรรค์ทั้งหมดมารวมตัวกัน’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’โบกมือให้กับ’เนี่ยลี่’ที่อยู่ไกลออกไป
‘หมิงเยี่ย วู่ซวง’อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองดู’เนี่ยลี่’ ก่อนที่จะหันมามองที่’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’พร้อมกับรอยยิ้มที่สงบ ดูเหมือนว่า’เนี่ยลี่’กับ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’นั้นจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
‘เหยียนหยาง’เดินมาทาง’เนี่ยลี่’เขายิ้มพร้อมกับพูดว่า
“ศิษย์น้องเนี่ยลี่ น่าเสียดายยิ่งนักที่เวลานั้นมีอย่างจำกัด และข้าคงไม่อาจที่จะได้พูดคุยกับเจ้ามากนัก ข้าจึงอยากที่จะกล่าวลากับเจ้าในวันนี้ ถ้าหากเราได้พบกันอีกครั้งในภายภาคหน้า หรือว่าเจ้าจักมาที่สำนักอัคคี โปรดมาหาข้าได้ทุกเมื่อ เรายินดีที่จะพูดคุยกับเจ้าอย่างจริงใจ”
“ขอบคุณศิษย์พี่เหยียนหยางยิ่งนัก เมื่อโอกาสนั้นมาถึง ข้าจักต้องไปเยี่ยมเยือนท่านแน่นอน ”
‘เนี่ยลี่’พูดพร้อมกับประสานมือคารวะ โดยไม่ต้องคำนึงถึงสิ่งใด การสร้างความสัมพันธ์อันดีกับว่าที่ผู้นำของสำนักอัคคี ก็นับว่าถูกต้องแล้ว
‘เหยียนหยาง’นั้นมิใช่คนที่จะเข้าหาได้ยาก ดั่งที่ผู้คนเล่าลือเลยแม้แต่น้อย
สิ่งที่’เนี่ยลี่’นั้นไม่รู้ก็คือ’เหยียนหยาง’ นั้นหาได้ใส่ใจกับคนธรรมดาทั่วๆไป หรือคนอย่าง ‘หลงเทียนหมิง’ เลยไม่ แต่ทว่า ‘เหยียนหยาง’ นั้นมองดูเนี่ยลี่ราวกับว่าเป็นดั่ง ประทีบดวงใหม่
เหล่าศิษย์ของสำนักอัคคี ต่างเฝ้ามองดูการแสดงออกอย่างสุภาพที่’เหยียนหยาง’แสดงต่อ’เนี่ยลี่’ พวกเขาจักต้องจดจำ’เนี่ยลี่’ไว้ให้ขึ้นใจ ถ้าหากพวกเขาได้พบเจอกับ’เนี่ยลี่’ในวันข้างหน้า พวกเขาจักต้องไม่หาเรื่องขัดแย้งกับเขาเป็นแน่
มันคงจะดีกว่าหากพวกเขานั้นช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่’เนี่ยลี่’เพราะพวกเขานั้นรู้ดีแล้วว่า เขาเป็นคนที่ โอรสศักดิ์สิทธิ์นั้นได้ให้ความสำคัญ
แม้แต่โอรสศักดิ์สิทธิ์ ยังให้การยอมรับ’เนี่ยลี่’ ถ้าหากคนธรรมดาอย่างพวกเขาไปยั่วยุ’เนี่ยลี่’ คงจักต้องได้รับบทเรียนอันเจ็บปวดจากโอรสศักดิ์สิทธิ์เป็นแน่
ในสำนักอัคคีนั้น ‘เหยียนหยาง’ นั้นดำรงอยู่ในตำแหน่งที่พิเศษมาก
“ถ้าเช่นนั้นข้าคงต้องขอลา!”
‘เหยียนหยาง’พยักหน้าก่อนที่จะนำเหล่าลูกศิษย์ของสำนักอัคคีจากไป
ขณะที่’เยี่ยเชียน’จากไปพร้อมกับ’เหยียนหยาง’ เขาชำเลืองมอง’เนี่ยลี่’ด้วยสายตาที่เย็นชา ด้วยความจริงที่ว่า’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’กับ’เนี่ยลี่’นั้น ได้ใช้เวลาร่วมกันตลอดคืนได้สร้างปมในใจของเขาขึ้นมา ‘เยี่ยเชียน’ นั้นโกรธมากยิ่งขึ้น ด้วยความจริงที่ว่าเขานั้นไม่อาจจะทำอะไรกับ’เนี่ยลี่’ได้
เขาทำได้เพียงแค่แอบหวังว่า’มู่หลงหยี่’ จะช่วยจัดการมันให้เขา ‘ลู่เพียว’กัย’เซี่ยวซุ่ย’นั้น ก็กำลังร่ำลากันอยู่เช่นกัน เหล่าศิษย์ของทั้งสองสำนัก ได้เดินทางจากไป ‘เนี่ยลี่’มองดู’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ โบกมือเล็กๆของนาง และค่อย ๆลับหายไปอย่างช้า ๆ
‘เซี่ยวหยู่’นั้นอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ขณะที่เขามองดู’เนี่ยลี่’และ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ กำลังร่ำลากัน จริง ๆแล้ว ทั้งสองก็เป็นคู่ที่เหมาะสมกันดี เขาจ้องมองไปยังที่แสนไกล ไม่มีผู้ใดรู้เลยว่าเขานั้นคิดสิ่งใดอยู่
หลังจากที่ส่ง’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’กลับไปแล้ว ‘เนี่ยลี่’ก็ละสายตากลับมา
ด้วยเห็นแก่ประโยชน์ของ จื้ออวิ้น หนิงเอ๋อ ครอบครัวของเขา และเพื่อน ๆพี่น้องของเขา ‘เนี่ยลี่’ รู้ดีว่าจักต้องรีบเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาจะต้องบรรลุระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่สอง
เพื่อที่จะมุ่งหน้าสู่โลกภายนอก จากนั้นก็สร้างกองกำลังของตัวเอง และเข้าร่วมชิงตำแหน่งผู้นำนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นเขากับ’เซี่ยวหยู่’และ’ลู่เพียว’ก็กลับไปยังที่พัก
‘เนี่ยลี่’เข้าไปยังจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ เพื่อบ่มเพาะพลัง หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง กลิ่นอายพลังของเขาก็ระเบิดออก จากนั้นชะตาวิญญาณของเขาก็ค่อยๆก่อรูปขึ้นมา ในขอบเขตวิญญาณของเขา
เกินกว่าที่เขาได้คาดหวังเอาไว้ ชะตาวิญญาณดวงที่สองของเขานั้นมีสีฟ้า สีแดงหนึ่งดวง และ สีฟ้าหนึ่งดวง เขารู้สึกตกใจ เพราะเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน
โดยปกติแล้วชะตาวิญญาณของคนทั่วไปจะไร้สี!
‘เนี่ยลี่’ลืมตาขึ้นมาจากการบ่มเพาะพลัง ทุกอย่างนั้นเป็นไปตามที่เขาได้หวังไว้ การใช้งานจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำเป็นตัวกระตุ้นอย่างดี เขาใช้เวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็สามารถบรรลุระดับถัดไปได้ แต่ทว่า
เขาก็ยังสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขานับตั้งแต่ที่ได้เห็นสิ่งนั้น เขาก็ไม่อาจที่จะขบคิดได้ออก ‘เนี่ยลี่’จึงตัดสินใจที่จะไม่คิดเรื่องนี้อีก
‘เนี่ยลี่’นั้นได้บ่มเพาะพลังเสร็จแล้ว จากนั้นก็หันมองยู่หยานและจินตาน ที่ทำการบ่มเพาะพลังอยู่ การบ่มเพาะพลังของพวกเขานั้นเพิ่มสูงขึ้นมากหลังจากทีได้เข้ามาในจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ
หลังจากที่เขาได้ทำการบ่มเพาะพลังเสร็จแล้ว เขาก็ได้เดินทางไปยังห้องโถงวิญญาณ และวางชะตาวิญญาณของเขาไว้ข้างในนั้น
ในตอนนี้เขาก็ได้บรรลุถึงระดับสองชะตาแล้ว ในที่สุดเขานั้นก็สามารถที่จะไปยังโลกภายนอกได้ นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี ที่จะได้แสดงความสามารถของเขา
แปลโดย สินธ์นวล & นายมะพร้าว
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: