ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปภายในจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำของ’เนี่ยหลี่’ ทะเลสาบแห่งเทพระดับต่ำ ส่งผลผลิตศิลาจิตวิญญาณมานับหมื่นก้อน ต่อหนึ่งเดือน แต่ทะเลสาบแห่งเทพระดับกลางกลับให้ผลที่น่าตื่นตาตื่นใจกว่ามันส่งผลผลิตราว 5-6 หมื่นก้อนต่อเดือนเลยทีเดียว และแก่นแท้วิญญาณอีกนับร้อย
เพียงแค่เศษเสี้ยวจากทั้งหมดของศิลาจิตวิญญาณที่ผลิตได้นี้ ก็เพียงพอจะสนับสนุนกองกำลังอสูรที่มีสมาชิกกว่า 3000 คนได้อย่างง่ายดาย
ดังนั้น’เนี่ยหลี่’จึงได้บอกให้กู้เบ่ยรับจำนวนสมาชิกให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพราะมันไม่ได้ยากอะไรเลยในการจะสนับสนุนคนที่มากกว่านี้
แม้ว่าในเรื่องความแข็งแกร่งของกองกำลังกว่า สามพันคนนั้นไม่มากเท่าที่ควร แต่ด้วยจากศิลาจิตวิญญาณจำนวนมากรวมกับเทคนิคบ่มเพาะพลังที่เนี่ยหลี่มี ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะเพิ่มเร็วกว่าศิษย์ทั่วไปของนิกาย
แต่ด้วยความจริงที่ว่ากองกำลังของ’กู้เบ่ย’ ได้เติบโตขนาดนี้ภายในเวลาเพียง หนึ่งเดือน เป็นสิ่งที่น่ากลัวทีเดียว ศิษย์หลายคนมาชุมนุมกันที่ลานกว้างของสถาบันวิญญาณฟ้า
ในกลุ่มนั้นมี ‘กู้เหิง’ ‘มู่หลงหยี่’ และ เหล่าผู้นำกองกำลังอีกหลายสิบคน รวมตัวกันอยู่
‘กู้เหิง’กวาดสายตามองเหล่าผู้ที่มาชุมนุมจำนวนมากก่อนจะกล่าวขึ้น
“โดยสภาวะในตอนนี้พวกเจ้าทุกคนคงจะพอคาดเดาได้แล้วว่าเหตุใดข้าถึงได้เรียกการชุมนุมขึ้นในวันนี้ กู้เบ่ยได้จัดตั้งกองกำลังขึ้นในขณะนี้กองกำลังนั้นมีกำลังมากกว่าสามพันคนแล้ว หากพวกเราไม่ทำการขัดขวางการเติบโตของกองกำลังนั้นแล้ว ในภายภาคหน้าเราอาจจะไม่มีอำนาจมากเพียงพอที่จะทำการใดๆได้อย่างอิสระอีกต่อไป”
“ท่านผู้นำกู้ ทางเราได้ทำการคำนวณค่าใช้จ่ายของกองกำลังฝ่ายนั้นแล้ว ในตอนนี้เจ้าเด็กนั่น ได้ทำการแจกจ่ายศิลาจิตวิญญาณเป็นร้อยเป็นพันก้อนในทุกทุกเดือน มันคงจะเป็นเรื่องยากที่จะทำการขยับขยายใดๆเพิ่มเติม! ถ้าพวกนั้นจักทำการขยายกองกำลังเพิ่มอีกพวกเขาไม่ต้องจ่ายเพิ่มมากขึ้นในแต่ละเดือนหรอกหรือ? ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆอีกไม่นานกองกำลังจักต้องล่มสลายเพราะขาดกำลังทรัพย์ถูกต้องหรือไม่?”
“นี่นับเป็นข่าวดีทีเดียวศิลาจิตวิญญาณจำนวนหลายร้อยหลายพันก้อนไม่ใช่จำนวนน้อยๆ ! เจ้าเด็กกู้เบ่ยนั่นจะรักษาสภาพเช่นนี้ไว้ได้อย่างไร?”
ผู้คนมายมายในกลุ่มนี้เข้าใจว่า หากกู้เบ่ยยังคงดำเนินการต่อไปแบบนี้เรื่อยๆ สักวันจะต้องมีวันที่เขามาถึงจุดสิ้นสุดหมดกำลังสนับสนุน เมื่อเวลานั้นมาถึงกองกำลังอสูรก็จะล่มสลายไปอย่างแน่นอนโดยที่พวกเขาไม่ต้องเปลืองแรงใดๆทั้งสิ้น
‘กู้เหิง’กวาดตามองอย่างเย็นชา และกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“พวกเจ้ากำลังคิดผิดอย่างใหญ่หลวง ข้าได้ยินมาว่า ไม่เพียงแต่กองกำลังอสูรยังรับสมัครคนเพิ่มเรื่อยๆ มิหนำซ้ำพวกนั้นยังทำให้สมาชิกทุกคนในกองกำลังมีระดับชาตาสวรรค์ขั้นที่ 2 อีกด้วย”
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?”
ผู้นำกองกำลังหลายคนขมวดคิ้ว
“ข้าได้ตรวจสอบเรื่องราวที่ว่านี่แล้วปรากฏว่ามันเป็นความจริง!”
‘มู่หลงหยี่’พูดตอบไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ข้าไม่รู้เลยว่าพวกมันไปหาศิลาจิตวิญญาณจำนวนมากมายนี้มาจากไหน แต่สิ่งที่พวกนั้นใช้ไม่ได้ดูเหมือนว่าเสียดายแม้แต่น้อย เจ้าเด็กนั้นได้ใช้ศิลาจิตวิญญาณไปสี่แสนก้อนในงานประมูล! ข้าคาดว่ามันคงได้รับสมบัติโบราณล้ำค่า นั่นเป็นสาเหตุของการที่พวกนั้นจะกล้าใช้จ่ายอย่าง สุรุ่ยสุร่ายเช่นนี้!”
สมบัติโบราณล้ำค่า ?
เมื่อได้ยินคำพูดของ’มู่หลงหยี่’สายตาของเหล่าผู้นำกองกำลังคนอื่นต่างเป็นประกายสว่างวาบ
อาจเป็นไปได้ที่กู้เบ่ยและกลุ่มของเขาได้รับสมบัติโบราณล้ำค่า ถ้าเป็นอย่างนั้นสมบัติชิ้นนั้นเขาคงไม่นำมันติดตัวไปยังโลกภายนอก
วิธีการที่พวกเขาจะชิงมันมาแทบเป็นไปไม่ได้‘มู่หลงหยี่’กวาดสายตามองไปยังเหล่าผู้นำกองกำลังทั้งหลาย เมื่อเห็นการแสดงออกเช่นนั้น มุมปากของเขาพลันยกยิ้มขึ้น และกล่าวว่า
“ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขามีศิลาจิตวิญญาณที่ไม่มีวันหมด? กับการสนับสนุนที่ดีเยี่ยมของกองกำลังอสูร พวกเหล่าสมาชิกกองกำลังของพวกเจ้าก็ต้องหวั่นไหวเช่นเดียวกัน พวกเขายังจะเต็มใจทำงานให้กับพวกเจ้างั้นหรือ? พวกเจ้าสามารถสนับสนุนพวกเขาได้เท่ากับกองกำลังอสูรเช่นนั้นหรือ?”
‘กู้เหิง’จึงพูดขึ้น
“ที่มู่หลงหยี่นั้นกล่าวนับว่ามิผิด กองกำลังอสูรทำลายสมดุล หากข้อสันนิษฐานเหล่านี้เป็นความจริง รวมกับความสามารถของกู้เบ่ย พวกเขาจะชิงตำแหน่งผู้นำในสักวันหนึ่ง หากมันเกิดขึ้นจริงพวกเราถือเป็นอันจบสิ้น!”
‘กู้เหิง’กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ดวงตาฉายแววสังหารออกมาอย่างดุร้าย
“แต่ข้าคิดว่ากองกำลังอสูรได้รับการสนับสนุนจากบุคคลลึกลับที่หลบตัวอยู่ด้านหลัง ไม่เช่นนั้นแล้ว กองกำลังอสูรคงมาไม่ได้ไกลถึงเพียงนี้ แต่ข้าต้องการจะขอความร่วมมือของทุกคนที่มารวมตัวกันในวันนี้!”
“ท่านผู้นำกู้ โปรดว่ามาเถิด!”
เหล่าผู้นำกองกำลังอื่นประสานมือคาราวะ
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ทราบว่ากู้เหิงกล่าวถึงใครที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง แต่ที่รู้แน่นอนคือบุคคลผู้นี้ไม่สามารถตอแยได้ง่าย หลังจากนั้นกู้เหิงตอบรับพวกเขาอย่างภาคภูมิเช่นกัน
“ถ้าหากพวกเรารวมกองกำลังของพวกเราทั้งหมดเข้าด้วยกัน ทางเราจะสามารถระดมกองกำลังได้มากถึง หนึ่งหมื่นห้าพันคนด้วยกัน แน่นอนว่าเราสามารถบดขยี้กองกำลังอสูรได้อย่างง่ายดาย ถ้าหากว่าทางกองกำลังอสูรเริ่มจะเป็นภัยคุกคามต่อเรา เราต้องทำลายมันตั้งแต่ยังไม่ทันเติบโตได้เต็มที่!”
‘กู้เหิง’ยิ้มขึ้นอย่างน่ากลัว
ผู้นำกองกำลังหลายคนมีความลังเลอยู่
“ผู้นำกู้เหิง ตอนนี้กู้เบ่ยเป็นผู้สืบทอดลำดับที่1 ของตระกูลกู้ พวกเราเข้าใจความคิดของท่าน แต่อย่างไรก็ตามพวกเราไม่เหมือนท่าน ใครจะไม่กังวลบ้าง พวกเราไม่ต้องการจะเป็นศัตรูกับผู้สืบทอดตระกูลกู้!”
ผู้คนที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่ต่างเป็นผู้นำกองกำลังที่ออกเผชิญโลกภายนอกกันมาแล้ว แน่นอนว่าพวกเขามิใช่คนโง่ พวกเขาเข้าใจดีว่า’กู้เหิง’ต้องการจะยืมกำลังของพวกเขาเพื่อจะจัดการกับ’กู้เบ่ย’ เพื่อมิให้’กู้เบ่ย’ได้เป็นผู้สืบทอดตระกูลกู้ อีกต่อไป
อีกอย่างสถานการณ์ในตอนนี้แน่ชัดอยู่แล้วว่าทางตระกูลกู้มิได้ให้ความสำคัญกับ’กู้เหิง’เช่นแต่ก่อน พวกเขาไม่อยากถูกลากเข้าไปในวังวนการต่อสู้นี้ร่องรอยความเย็นชาปรากฏในสายตา’กู้เหิง’ เขาเข้าใจว่าคนเหล่านี้จะไม่ทำการใดที่ไม่หวังผลตอบแทน
เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังต่อไปว่า
“เรื่องนี้ไม่ได้มีผลกระทบต่อข้าแต่เพียงผู้เดียว หากกองกำลังอสูรยังคงเติบโตขึ้นต่อไปเรื่อยๆ อย่าหวังเลยว่าพวกเจ้าจะมีอนาคตที่ดีได้ ในปัจจุบันพวกเจ้าต่างเป็นส่วนหนึ่งของข้า ตราบใดที่พวกเจ้าช่วยข้ากำจัดกองกำลังอสูร ข้าจะคัดลอกเทคนิคการบ่มเพาะ เทคนิค สัจจะเที่ยงแท้ 真言 ให้แก่พวกเจ้า!”
คำพูดของ’กู้เหิง’ได้ทำให้จิตใจของเหล่าผู้นำสั่นระรัว
“ท่านผู้นำกู้เหิง ท่านพูดจริงหรือ?”
“ถูกต้อง”
‘กู้เหิง’พยักหน้า
“ในเมื่อข้าได้กล่าวออกไปแล้วข้าจะไม่กลับคำพูดเด็ดขาด!”
“ตกลง พวกข้าจะทำ!”
เหล่าผู้นำกองกำลังต่างได้ตกลงกันเรียบร้อยเทคนิค สัจจะเที่ยงแท้ เป็นเทคนิคการบ่มเพาะของตระกูลกู้ ตามข่าวลือที่ได้กล่าวไว้ มีแต่ผู้ที่มีฝีมือโดดเด่นภายในตระกูลเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ได้เรียนรู้มัน
เมื่อเทคนิค สัจจะเที่ยงแท้ ได้ถูกทำให้รั่วไหลโดย’กู้เหิง’ เป็นที่แน่นอนว่าตระกูลกู้จะต้องตัด’กู้เหิง’ออกจากตระกูลเป็นแน่ เหล่าผู้นำกองกำลังเหล่านี้ไม่คิดเลยว่ากู้เหิงจะนำมันมาเป็นเบี้ยต่อรอง!
ดวงตา’กู้เหิง’เต็มไปด้วยความเย็นชา เพื่อจะทำให้คนเหล่านี้ เดินไปตามแผนที่เขาวางไว้ เขาต้องให้สิ่งแลกเปลี่ยนที่เหมาะสม สำหรับ เทคนิค สัจจะเที่ยงแท้ เป็นเรื่องเหลวไหล !
‘กู้เหิง’จะมอบเทคนิคของจริงให้ได้อย่างไร ? เมื่อพวกเขาถามถึงก็แค่มอบของปลอมให้เสียก็สิ้นเรื่อง พวกเขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันจริงหรือปลอม
การจะให้’กู้เหิง’ยอมจ่ายแม้แต่แดงเดียวมันเป็นไปไม่ได้ ด้วยวิธีการนี้เขาไม่จำเป็นที่จะต้องเสียแม้แต่ศิลาเพียงสักก้อน ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้บรรลุเป้าหมายใหญ่ของเขาอีกด้วย
“ผู้นำกู้เหิง ขอให้ท่านได้เขียนหนังสือสัญญาเพื่อให้พวกเรามีความมั่นใจในคำพูดของท่าน!”
มีคนผู้หนึ่งได้เอ่ยแนะนำมา
“ข้าจะเขียนใบสัญญา แต่ข้าจะปิดผนึกถ้อยคำในสัญญาด้วยรูปแบบลายจารึกเพื่อปิดมันให้สนิท และเมื่อถึงเวลานั้นพวกเราจะมาปลดผนึกมันออกด้วยกัน!”
‘กู้เหิง’กล่าวหลังจากขบคิดเล็กน้อย แน่นอนว่าเขามีแผนนี้อยู่ในใจแต่แรก
“ตกลง!”
เหล่าผู้นำคนอื่นๆต่างสบตากันแล้วพยักหน้า ตราบใดที่พวกเขามีสัญญาไว้ในมือพวกเขาสามารถใช้มันกับกู้เหิงได้ ไม่มีเหตุอันใดที่ต้องกังวลเกี่ยวกับมัน
ในความเป็นจริงพวกเขาเข้าใจดีว่ากองกำลังอสูรเป็นภัยต่อพวกเขา มิเช่นนั้นแล้วพวกเขาคงไม่มารวมตัวกันกับกู้เหิงในวันนี้ หลังจ’ากที่มู่หลงหยี่’ได้กล่าวมาทั้งหมด
พวกเขาเพียงแต่แกล้งไม่แยแสต่อคำพูดนั้น เพื่อให้พวกเขาสามารถเรียกร้องผลประโยชน์บางอย่างจาก’กู้เหิง’ได้
แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่’กู้เหิง’จะคิดไม่ซื่อกับพวกเขา หากกู้เหิงทำการเผาสะพานหลังจากข้ามแม่น้ำไปได้แล้ว แน่นอนว่ากลุ่มของพวกเขาจะต้องเกิดความโกลาหลขึ้นแน่นอน มีผู้คนจำนวนมากที่ได้มารวมตัวกันในที่แห่งนี้
ถ้าพวกเขารวมตัวแล้วใช้จำนวนที่มากกว่าเข้ากระทำการบางอย่าง ตำแหน่งผู้สืบทอดของกู้เหิงก็อาจจะสั่นคลอนได้เช่นกัน
‘กู้เหิง’จะจัดการกับเรื่องนี้ เมื่อเวลานั้นมาถึง แต่สำหรับในตอนนี้เขาต้องจัดการกับกู้เบ่ยเสียก่อน เขาจึงไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องอื่นมากนัก
ในเวลาอันน้อยนิด ‘กู้เหิง’ได้รวบรวมยอดฝีมือจากกลุ่มต่างๆ และวางแผนจัดการกับกองกำลังอสูร ด้วยจำนวนถึงหนึ่งหมื่นห้าพันคน
เพียงพอแล้วที่จะจัดการกับกองกำลังอสูรจากสถาบันวิญญาณฟ้ากลุ่มยอดฝีมือได้ออกจากสถาบันวิญญาณฟ้า มุ่งตรงไปยังโลกภายนอก
บริเวณทะเลสาบแห่งเทพ
ทะเลสาบแห่งนี้ก็เกือบจะเหือดแห้งแล้วเช่นกัน อย่างไรก็ตามเนี่ยหลี่ก็ยังหาโอกาสที่จะนำรากเทวะออกมาไม่ได้เสียที ดังนั้นที่แห่งนี้จึงได้กลายเป็นแหล่งชุมนุมของกองกำลังอสูรแทน มีหลายพันคนที่ถูกส่งตัวมาประจำการอยู่ที่แห่งนี้ ส่วนที่เหลือก็ไปล่าสัตว์อสูรแทน
‘กู้เบ่ย’และ’ลู่เปียว’ ได้ทำการฝึกอบรมเหล่าผู้มาใหม่ที่ต้องการเข้าร่วมกองกำลัง โดยได้กล่าวถึงสิ่งที่ทำได้หรือไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในกฎระเบียบและมาตรฐานเดียวกัน อย่างเข้มงวดและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ปกครองด้วยความแข็งแกร่งและคุณธรรม ‘หลี่ชิงอวิ๋น’ได้สอนพวกเขามากมาย
ทันใดนั้น’เหิงเอี๋ยน’ ได้ทะยานตัวเข้ามาพร้อมกับบาดแผลทั่วร่างกาย ดูเหมือนกับว่าเขาเพิ่งผ่านการต่อสู้ร้ายแรงมา
“ท่านผู้นำเบ่ย! พวกเราถูกซุ่มโจมตีมีหลายร้อยคนได้ตกตายไป!”
‘เหิงเอี๋ยน’ พูดออกมาอย่างเจ็บปวด ใบหน้าของเขาแสดงออกได้เป็นอย่างดี เลือดยังคงไม่หยุดไหลจากปากแผล
“นี่เป็นยาจิตวิญญาณสำหรับรักษาบาดแผล ใช้มันเร็วเข้า!”
‘กู้เบ่ย’โยนยาให้เขาก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
“พูดทุกอย่างให้ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น!”
‘เหิงเอี๋ยน’ได้รับยาจาก’กู้เบ่ย’และใช้มันทันที ลมหายใจของเขาปรับตัวได้ดีขึ้น พร้อมกล่าวรายงาน
“เราถูกซุ่มโจมตีจากยอดฝีมือคนอื่นๆ สำหรับระดับเดียวกันนั้นไม่มีปัญหา แต่ยอดฝีมือระดับดาราสวรรค์เราไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้ มีเพียงหนทางเดียวคือหลบหนี”
กลุ่มยอดฝีมือระดับดาราสวรรค์ ?
‘กู้เบ่ย’ขมวดคิ้วของเขาเป็นช่วงเวลาสั้นๆ บุคคลเดียวที่ไม่ลงรอยกับเขา มีเพียง’กู้เหิง’และ’มู่หลงหยี่’ และผู้ที่สามารถชักนำให้ผู้อื่นโจมตีกองกำลังอสูรได้ชัดเจนเลยต้องเป็น ‘กู้เหิง’!
ในที่สุด’กู้เหิง’ก็ไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไปและเริ่มลงมือ!
เพียงเมื่อ’กู้เบ่ย’จะทำการอพยพหนีก็ปรากฏเงาดำมากมายอยู่เต็มท้องฟ้า แรงกดดันรุนแรงมากมายถูกส่งมาจากพวกเขา
ผู้คนนับหมื่นได้รายล้อมกองกำลังอสูรอยู่
และผู้นำนั้นเป็น’กู้เหิง’“ไม่ได้เจอกันนานนะ ญาติผู้น้องกู้เบ่ย”
‘กูเหิง’ทะยานตัวเข้ามาหา’กู้เบ่ย’และหยุดอยู่ห่างจากกู้เบ่ยราวร้อยเมตร เขาจ้องมองไปที่’กู้เบ่ย’
‘กู้เบ่ย’กล่าวอย่างใจเย็นว่า
“ข้าดีใจจริงๆที่เราได้พบกัน หลังจากเวลานานญาติผู้พี่กู้เหิง ท่านได้นำคนมาจำนวนมากมาเพื่อเยี่ยมเยียนข้า แต่นี่คงไม่ได้เป็นการอวยพรที่สะดวกสบายใช่มั้ย?”
“ข้ามาเพื่อที่จะหารือเล็กน้อยกับญาติผู้น้องกู้เบ่ย”
ตาของกู้เหิงเต็มไปด้วยความเย็นชาและหยิ่งผยอง
“มีเรื่องอันใดหรือ? ข้าต้องการทราบรายละเอียด!”
‘กู้เบ่ย’ได้กวาดสายตามองไปยังบริเวณโดยรอบ จำนวนคนที่’กู้เหิง’นำมานั้นมีมากเกินไป ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะฝ่าออกไปได้ ไม่สิ
ในวันนี้กองกำลังอสูรไม่สามารถจะหลบหนีไปได้ดวงตา’กู้เหิง’หรี่ลงเล็กน้อยจ้องมองไปยัง’กู้เป่ย’
“ถ้าญาติผู้น้องกู้จะถอนตัวออกจากตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูล ข้าจะปล่อยวางเรื่องราวความแค้นระหว่างเราให้มันกลายเป็นอดีตไป ข้าจะให้ญาติผู้น้องกู้ได้เข้าร่วมควบคุมอำนาจในตระกูลกู้ร่วมกับข้า เจ้าจะว่าอย่างไร?”
แปลโดย สินธ์นวล
คลิกเพื่อไปหน้าโฆษณาสนับสนุนเพจ
ที่มา: